World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 84.1
หลังจากที่ติดสินบนผู้คุ้มห้องขังนักโทษไม่กี่คน อันเสี่ยวเอ้อร์ก็สามารถติดต่อฮวาจูอวี้ ได้ เมื่อคิดอย่างรอบคอบ นางรู้สึกว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำตัวพลีพลามและออกจากคุกไป มันมีความเสี่ยงมากเกินไป คุกหลวงอยู่ในบริเวณของพระราชวังและได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา การหลบหนีไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ถ้านางจะออกไปเสียอย่างนั้น ไม่เพียงแต่นางจะเปิดเผยทักษะการต่อสู้ที่สูงของนางแล้ว แต่นางก็จะทำให้หวงฝู่ อู๋ ซวน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากนางเป็นขันทีส่วนตัวของเขา ทุกการกระทำของนางจะมีผลต่อเขา ไม่ต้องพูดถึงการคดีของเขากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ
ฮวาจูอวี้จึงต้องอดทน
อาหารในคุกที่คับแคบ ความมืดทึบ แม้แต่กลิ่นเหม็นสาบที่นางจะต้องอดทนกับมัน
โชคดี ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นกับจ๋าวซื่อ ผู้คุมคนอื่น ๆ จึงระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาไม่กล้าที่จะจ้องมองนางอีกต่อไป
แม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่นางทนได้ แต่ก็มีบางอย่างที่นางไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น การมาถึงของช่วงเวลานั้นของเดือน
นางมีช่วงเวลานั้นครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นนางเป็นแม่ทัพนางมีกระโจมส่วนตัวของนางเอง มันทำให้นางมีความเป็นส่วนตัวเพื่อจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เข้ามาในวังและกลายเป็นขันที นางก็ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะนางมีอิสรภาพมาก แต่ตอนนี้นางถูกขังอยู่ในห้องขัง แล้วนางจะทำอย่างไร?
อันเสี่ยวเอ้อร์ไม่ได้ตระหนักถึงตัวตนที่เป็นผู้หญิงของนาง นางไม่มีทางที่จะขอให้เขาไปซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าถ้านางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ แต่นางก็ยังไม่อยากเปิดเผยตัวเอง นอกจากนั้นนางจะสามารถใช้สิ่งเหล่านั้นในห้องขังนี้ได้อย่างไร? ขันทีที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงก็จะเหมือนกับการประกาศไปทั่วโลกว่านางเป็นผู้หญิง
ฮวาจูอวี้ รู้สึกเป็นกังวลแทบตาย! เมื่อเทียบกับช่วงเวลานั้นของนางบาดแผลในปัจจุบันของนางถือเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เพราะในที่สุดเลือดก็จะหยุดไหลออกมา คืนนี้นางเสียใจและคิดถึงสิ่งที่นางควรทำ แต่แล้วจู่ๆ ประตูห้องขังก็เปิดออกทันที และตรงทางเข้าก็มีเงาของมนุษย์ยืนอยู่
นางหรี่ตาลงและเห็นว่าเป็นหลานปิง ที่เดินเข้ามา ภายในห้องขังที่มืดสนิท นางสามารถมองเห็นเสื้อคลุมสีฟ้าและตัวตนที่สง่างามของเขา ในขณะที่เขามองมาที่นางด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาวขึ้น
นางไม่ค่อยมีความประทับใจในตัวเขาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเขาเป็นหนึ่งในคนของจี่เฟิงหลี่ นอกจากนี้เขายังเคยมีรอยยิ้มที่มีความหมายอยู่บนใบหน้าของเขาทุกครั้งที่พบนาง มันเป็นตอนกลางดึกแล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่อีก?
“ท่านคุ้นเคยกับที่นี่แล้วหรือยังเป่ากงกง?” หลานปิงยิ้มและเดินเข้ามา
นางรู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขามีความตั้งใจดี ๆ มุมปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มในขณะที่นางพูดขึ้น “ข้าจะไม่คุ้นเคยได้อย่างไร ข้ารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างผ่อนคลาย เป็นสถานที่ที่ดีในการหลีกเลี่ยงความร้อนในช่วงฤดูร้อน ถ้าท่านหลานปิง รู้สึกว่ามันร้อนเกินไปที่นั่น ท่านก็สามารถมาพักที่นี่ได้! ”
นี่คือห้องขัง ใครที่ไหนจะสามารถคุ้นเคยกับมันได้? มีกลิ่นเหม็นอับและอาหารก็น่าสมเพช เห็นได้ชัดว่าหลานปิงมาเยาะเย้ยนาง แต่นางจะไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา
หลานปิง ยิ้มและกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง พร้อมกับลูบคางของเขาแล้วอุทานขึ้น “เจ้าพูดถูกแล้ว ที่นี่ไม่เลวจริงๆ! ข้าก็อยากจะอยู่ที่นี่นะ แต่โชคร้ายที่ข้าไม่มีโชคลาภ “เขายักไหล่ของเขาและพูดต่อขึ้น ” และข้าก็เกรงว่าเป่ากงกงจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว ”
นางตื่นตระหนกและสงสัยว่าหลานปิงจะมาเพื่อส่งนางไปสวรรค์หรือไม่ หัวคิ้วของนางขมวดขึ้นพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายที่เยือกเย็นออกไป นางรู้ดีว่าจี่เฟิงหลี่ ไม่ใช่คนที่จะทำการอันใดที่ไม่จำเป็น หรือว่าเขาจะส่งหลานปิง มาที่นี่เพื่อกำจัดนาง? ถ้าอย่างนั้นนางต้องหนีในคืนนี้
“ท่านหลานปิง ท่านคงไม่ได้วางแผนที่จะให้ข้ากลายเป็นผีที่หิวโหยหรอกนะ? เสนาจี่โหดร้ายถึงขนาดที่จะไม่อนุญาตให้ข้าได้กินอาหารเป็นครั้งสุดท้ายเชียวหรือ? “นางถามเขาอย่างสงบและใช้กำลังภายในของนางอย่างลวก ๆ เพื่อที่นางจะได้หลุดพ้นจากโซ่ของนางได้ในทุกเมื่อ
หลานปิงหรี่ตงลงและพูดขึ้น “เป่ากงกคงเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาคราวนี้ไม่ได้เพื่อมาส่งเจ้าไป แต่ต้องการไปพาเจ้าไปยังที่พักของเสนาจี่ ทหารเข้ามาปลดโซ่ให้เป่ากงกง ” ทหารคุ้มกันเข้ามาพร้อมกุญแจและถอดโซ่ที่ผูกมัดนางเอาไว้ออก
ฮวาจูอวี้ถึงกับตกใจ เขาต้องการพานางไปยังที่พักของเสนาจี่อย่างนั้นหรือ?อะไรคือแผนการของจี่เฟิงหลี่? เขามีอำนาจมากพอที่จะสามารถเคลื่อนย้ายนักโทษในคุกหลวงได้เชียวหรือ? ถ้าเป็นเช่นนี้หวงฝู่ อู๋ ซวน ก็คงไม่มีความหวังเหลืออยู่แล้ว
“ท่านหลานปิงช่างรู้วิธีที่จะล้อเล่นอย่างแท้จริง ข้าเป็นนักโทษ ข้าจะไปที่พักของท่านเสนาจี่ได้อย่างไร ถ้าฝ่าบาททรงทราบเข้ามันคงจะไม่ดีแน่ “นางตอบอย่างสงบขึ้น
“เป่ากงกงไม่จำเป็นต้องเป็นกังวงในเรื่องนั้น ถ้าท่านเสนาจี่มีความสามารถที่จะทำให้ท่านเป็นอิสระได้ เขาก็มีอำนาจที่จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ในอนาคตคเจ้าจะไม่ใช่เป่ากงกงอีกต่อไป แต่เป็นองครักษ์ในจวนของท่านเสนาแทน “หลานปิง ตอบขึ้นราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น ตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ออกจากสถานที่แห่งนี้ในคืนนี้ และไปที่จวนของท่านเสนาจี่เพื่อเป็นองครักษ์ในจวนของเขา นางไม่เข้าใจจริงๆว่าจี่เฟิงหลี่ กำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ถ้านางต้องอยู่ในคุก นางก็คงจะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้กับจี่เฟิงหลี่ ถ้านางเป็นองครักษ์ในจวนของเขา นางก็จะมีโอกาสแทงข้างหลังของเขาได้ตลอดเวลา ถ้าเจ้าไม่เข้าไปในถ้ำของเสือโคร่งแล้วจะจับตัวเสือโคร่งได้อย่างไร? นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
นางใช้กำแพงทำให้ตัวเองมั่นคงและค่อยๆลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็รู้สึกร้อนๆที่ส่วนล่างของนาง นางรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ นางเกือบจะลืมช่วงเวลานั้นของนางไปแล้ว ก่อนจะหนีบขาเข้าด้วยกันและก้มหน้าเดินออกไป
เมื่อเดินผ่านห้องขังของหวงฝู่ อู๋ ซวน นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะถอยหายใจออกมา ไม่กี่วันก่อนนางได้ยินจากอันเสี่ยวเอ้อร์ว่าจี่เฟิงหลี่ ไม่ได้ทรมานหวงฝู่ อู๋ ซวน และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้สารภาพอะไรเช่นกัน แต่หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เขาดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะคว่ำคดีนี้ได้ บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกหลวงแห่งนี้ก็ได้ แต่ปัจจุบันฮ่องเต้ชราไม่สบายและคังหวางก็กุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้ แล้วหวงฝู่ อู๋ ซวน จะอยู่ในห้องขังแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยได้อย่างไร?
“ข้าผู้น้อยไม่รู้ว่า คังหวางจะได้ขึ้นครองราชย์ในเร็วๆ นี้หรือไม่ แล้วข้าผู้น้อยก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหวงฝู่ อู๋ ซวน? “ฮวาจูอวี้ถามขึ้น
หลานปิงที่นำทางไปหันกลับมาด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้น “ข้าเคยบอกเป่ากงกงเป็นคนฉลาด เรื่องแรกคัวหวางจะได้ขึ้นครองราชย์และท่านเสนาจี่จะคอยช่วยเหลือเขา เป่ากงกง นกที่ฉลาดรู้ว่ากิ่งก้านไหนที่มันควรจะเกาะ! สำหรับเรื่องขององค์รัชทายาทหวงฝู่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการจัดการตามการตัดสินใจของฮ่องเต้ ”
“หลานปิง คิดว่าข้าผู้น้อยคนนี้คือนกที่ฉลาดหรือ?” นางถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“มันไม่เกี่ยวกับข้า ตราบเท่าที่ท่านเสนาจี่ คิดว่าเจ้าเป็น เจ้าก็เป็น อีกอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องแทนตัวเองว่าข้าผู้น้อยอีกต่อไป มันเป็นเรื่องยากที่จะฟัง “หลานปิงพูดขึ้นในขณะที่เขาเดินหน้าต่อไป
“หลานปิง รู้วิธีที่จะล้อเล่นจริงๆ แม้ว่าข้าจะไปจากองค์รัชทายาทและราชวังและกลายเป็นผู้คุ้มกันที่จวนของท่านเสนาจี่ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าข้าเป็นขันทีไปได้!”
หลานปิง เงียบและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก เขาเพียงถอนหายใจลึก ๆ และเดินต่อไปเรื่อย ๆ หัวหน้าคุกหลวงจางหยวนมาส่งพวกเขา
ด้านนอกของคุกหลวง มีรถม้ากำลังรออยู่และหลานปิงก็ส่งสัญญาณให้ ฮวาจูอวี้ ขึ้นไป
รถม้าเดินทางไปตามถนนที่เงียบสงบและออกจากวังโดยไม่มีปัญหาใดๆ เมื่อพวกเขามาถึงสี่แยกในเมืองหยู ฮวาจูอวี้ก็ยกผ้าม่านรถม้าขึ้นและมองออกไปข้างนอก
ตั้งแต่กลับมาจากตำหนักฤดูร้อน นางก็ถูกขังอยู่ในคุกหลวงทันที เป็นเวลานานแล้วที่นางไม่ได้เห็นถนนของเมืองหยู มันยังคงเป็นฉากที่คึกคักเหมือนเดิม แม้ว่าทุกสิ่งจะยังคงเหมือนเดิม แต่คนก็เปลี่ยนไป
เมื่อผ่านตลาด ฮวาจูอวี้ ก็มองเห็นร้านขายเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังและพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “หลานปิง ข้าต้องการเปลี่ยนจากชุดนักโทษนี้ ข้าอยากจะไปซื้อชุดใหม่ได้หรือไม่? ถ้าข้าจะเข้าไปจวนของท่านเสนาจี่ในสภาพนี้ มันจะเป็นการไม่สุภาพกับท่านเสนาจี่ได้ ”
สายตาของเขากวาดไปทั่วเสื้อผ้าของฮวาจูอวี้ และหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น ก่อนจะพูดขึ้น “ที่จวนของท่านเสนาจี่ไม่ขาดเสื้อผ้า และก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปซื้อใหม่ เมื่อเรากลับไปถึงที่จวน เจ้าก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนก่อนได้! ใครจะรู้ว่าเจ้าอาจจจะใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนีหรือไม่ ”
ฮวาจูอวี้บังคับให้มีรอยยิ้มและพูดขึ้น “หลานปิงในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ ข้าถือว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ไม่ใช่ทุกคนต่างก็ต้องทำเพื่อเจ้านายของพวกเขาหรอกหรือ? ตอนนี้นายข้าคือเสนาจี่ แล้วข้าจะหนีไปได้อย่างไร? ถ้าท่านต้องการ ท่านสามารถสั่งให้คนติดตามข้าไปข้างในได้ ข้าจะมีความสามารถในการหลบหนีสายตาของท่านไปได้อย่างไร? ข้าแค่ไม่ต้องการเข้าไปในจวนของท่านเสนาจี่ในชุดนี้ มันไม่เป็นมงคล ”
หลานปิงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับพูดขึ้น “เจ้าอยากไปซื้อเสื้อผ้าหรือ? แล้วเจ้ามีเงินหรือไม่ “ฮวาจูอวี้รู้สึกอับอายจริง ๆ นางไม่มีเหรียญแม้แต่เหรียญเดียวในร่างกายของนาง นางไม่จำเป็นต้องมีเงินเมื่อนางเป็นขันทีและอยู่กับหวงฝู่ อู๋ ซวน และเมื่อตอนที่อยู่ในห้องขังนางก็ไม่มีเงินเมื่อนางต้องการมัน
เมื่อเห็นท่าทางที่อับอายของนาง หลานปิงก็หยิบเอาเหรียญเงินออกมาสองเหรียญและโยนมันลงไปในมือของนาง ก่อนจะพูดขึ้น “รีบไปและซื้อของที่เจ้าต้องการ ถ้าเสนาจี่กลับมาและไม่เห็นเรา ข้าจะเป็นคนแรกที่ถูกลงโทษ ดังนั้นรีบไปซะ! “