World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 84.2
ฮวาจูอวี้รับเงินและลงจากรถม้าไป นางตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังร้านขายเสื้อผ้า แต่แล้วจู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงวุ่นวายดังออกมาจากข้างหน้าและสังเกตเห็นว่าเป็นกองกำลังทหารกำลังเดินเข้ามาใกล้ ทหารพร้อมอาวุธขี่ม้านำหน้าไป ด้านหลังของเขาเป็นรถม้าและทหารองครักษ์ที่ตามหลังอยู่ในรูปแบบเรียงสองแถวกำลังเดินตามไปรถม้ามา
คืนนี้ยังไม่ดึกมากนักและยังมีคนอีกหลายคนสัญจรไปมาตามท้องถนน แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็อยู่ในความเงียบ ดวงตาของพวกเขามีความเกร่งกลัวและความชื่นชมในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่รถม้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
หลานปิง ลงมาจากรถม้าหลังจากฮวาจูอวี้ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ยิ้มและพูดขึ้น “ข้าไม่คิดว่าเสนาจี่จะกลับมาเร็วขนาดนี้”
เมื่อมองอย่างระมัดระวังอีกครั้ง นางก็รู้ว่าชายที่ดูมีกำลังวังชาที่เป็นผู้ผู้นำทางคือถงโจว ดังนั้นคนที่อยู่ในรถต้องเป็นจี่เฟิงหลี่อย่างแน่นอน ฮวาจูอวี้ส่งเสียงเย็นขึ้นลำคอ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านค้าเมื่อเห็นว่าหลานปิง เดินตามนางมา แต่นางก็ก้าวไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น นางก็ได้ยินเสียงหลานปิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “หยวนเป่า ทำไมเจ้าถึงเดินแบบนั้น?”
ใบหน้าของนางช่วยไม่ได้ที่จะขึ้นสีเล็กน้อย คืนนี้มืดและไม่มีใครสังเกตเห็น นางจึงก้มหน้าและกัดฟันพูดขึ้น “ทุกอย่างต้องขอบคุณท่านเสนาจี่ เพราะเมื่อข้าถูกทรมานในครั้งนั้นจนถึงตอนนี้ขาของข้าก็ยังคงเจ็บอยู่! ”
ถ้าจี่เฟิงหลี่ รู้ว่านางบอกขอบคุณเขาที่ช่วงเวลานั้นของนางมาเพราะเขา ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธถึงตายหรือไม่ นางเหลือบมองไปที่รถม้าที่สวยงามอีกครั้งอย่างเงียบๆ ในขณะที่ดวงตาของนางกระพริบด้วยความเยือกเย็น ช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของนางไม่ใช่วันที่นางถูกบังคับให้แต่งงานหรือตอนที่นางถูกโยนเข้าไปในกระโจมแดง แต่มันคือคืนนี้
ตกลงไปในหลุมของคำโกหกของนาง หลานปิงที่ยังคงตามนางไปก็กระซิบขึ้น “โอ้ มันเป็นเช่นนี้เองหรือ ถ้าเป็นกรณีนี้เจ้าควรจะขอบคุณท่านเสนาจี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีขาให้เดินอีกต่อไป ”
ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงความเมตตา ก็ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ต้องรับผิดชอบในการที่นางถูกคุมขังตั้งแต่แรกแล้ว
“ท่านหลานปิงพูดถูกต้องแล้ว!”ฮวาจูอวี้ตอบขึ้นอย่างใจเย็น แต่มือของนางกำเอาไว้แน่นอยู่ใต้แขนเสื้อของนาง เล็บของนางแทงเข้าไปในผิวของนาง จี่เฟิงหลี่ รอไปก่อน รอชั่วขณะที่เจ้าถูกคุมขังและถูกทรมานจนตาย เราจะดูกันว่าเจ้าจะรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาที่ข้าจะทำในตอนนั้นหรือไม่!
โชคดีที่ร้านที่นางเข้าไปนั้นขายเสื้อผ้าทั้งชายและหญิง ถ้าขายเสื้อผ้าผู้หญิงก็ต้องขายสินค้าผู้หญิงด้วย แต่การที่มีหลานปิง อยู่ด้านหลังนาง การที่จะซื้อมันอาจจะเป็นเรื่องยาก ภายในร้านมีเจ้าของร้านและผู้ช่วยชาย บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้ดึกแล้ว ผู้ช่วยหญิงจึงกลับบ้านแล้ว นางจึงไม่สามารถถามพวกเขาถึงสิ่งเหล่านั้นออกไปได้โดยตรง
สุ่มหยิบเสื้อผ้าผู้ชายมาไม่กี่อย่าง แล้วนางก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยน หลังจากนั้นนางก็มองออกไปข้างนอกและสังเกตเห็นเจ้าของร้านและผู้ช่วยชายที่คอยดูแลหลานปิงอยู่ ด้านนอกห้องแต่งตัวมีเสื้อผ้ามากมาย นางค้นหาผ่านพวกมันและในที่สุดก็พบสิ่งที่นางกำลังมองหา นางรีบคว้ามันมาและวางเงินเหรียญลงไปในที่ที่นางหยิบของมา ถ้านางไม่ทำเช่นนั้นและเจ้าของร้านเกิดตระหนักว่ามีสินค้าบางชิ้นหายไป เขาอาจจะคิดว่านางเป็นหัวขโมยก็ได้
เมื่อสวมเสื้อผ้าผู้ชายเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกไป “เสื้อผ้าพวกนี้ใส่ได้พอดี ตกลงข้าเอาชุดนี้” นางบอกหลานปิง ก่อนที่จะวางเงินเหรียญลงไปและออกจากร้านไปอย่างรีบร้อน
รถม้าของเสนาจี่ที่กำลังจะเดินผ่านไปแต่แล้ว แต่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายเสื้อผ้า ในขณะนี้มือเรียวยื่นออกมาเพื่อยกม่านขึ้น เผยให้ใบหน้าที่ราวกับได้สวรรค์สร้างมาที่ไม่มีใครเทียบได้ของจี่เฟิงหลี่ หลานปิง รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้ทำความเคารพแล้ว จี่เฟิงหลี่ ก็กระซิบบางคำกับหลานปิง ก่อนที่หลานปิงจะรีบเดินกลับมาที่ด้านข้างของนางและพูดขึ้น “หยวนเป่า ท่านเสนาจี่บอกให้เจ้านั่งรถม้าไปพร้อมกับเขาได้”
ฮวาจูอวี้ที่ยืนอยู่บนถนนอย่างเงียบ ๆ จ้องมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจสายตาของนางเลยแม้แต่น้อยและยังมีรอยยิ้มอยู่ลึกๆ ในดวงตาของเขาอีกด้วย มันแผ่กระจายออกมาอย่างกระจ่างใสเหมือนดวงดาวที่สุกใสบนท้องฟ้า บนท้องถนนมีผู้คนเดินผ่านไปมาสองสามคนต่างก็ตกตะลึงไปกับรอยยิ้มของเขา แต่ฮวาจูอวี้กลับไม่มีความรู้สึกใดๆ นางเพียงค่อยๆ เดินเข้าไปหารถม้าเท่านั้น
รถม้ามีขนาดใหญ่มาก ข้างในจี่เฟิงหลี่แต่งตัวสบาย ๆ ในขณะที่เขาเอนตัวลงบนเบาะนั่งของเขาด้วยท่าทางที่ดูเฉื่อยชาเล็กน้อย ในมือของเขาถือหนังสือเอาไว้ ในขณะที่ดวงตาของเขาลดลง เมื่อเขาได้ยินเสียงฮวาจูอวี้ เข้ามา เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด ดวงตาหงส์ของเขาเปิดออกเล็กน้อยเมื่อพวกมันเหลือบมองไปยังทิศทางของนาง ก่อนจะมองย้อนกลับไปที่หนังสือเช่นเดิม
ฮวาจูอวี้ขมวดคิ้วของนางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจับชุดเอาไว้แน่นและนั่งลงไปตรงข้ามกับเขา แม้ว่านางจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการปราบปรามอารมณ์ของนาง แต่เมื่อใดก็ตามที่นางได้พบกับจี่เฟิงหลี่ นางก็ยังอดแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อยไม่ได้ นางคุ้นเคยกับพฤติกรรมที่หยาบกร้านและไร้มารยาทของทหารและแทบไม่เคยที่นางจะได้พบกับคนที่เก่งและสงบเหมือนจี่เฟิงหลี่มาก่อน นางสงสัยว่าเขาจะยังคงประพฤติตัวอย่างสง่างามเช่นนี้เมื่อเขาต้องฆ่าใครหรือไม่ นางคิดย้อนกลับไปในวันนั้นและจำได้ว่าเขาสงบและสง่างามแค่ไหนในขณะที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะสอบปากคำ ฮวาจูอวี้ สงสัยว่ามีอะไรในโลกนี้หรือไม่ที่จะทำให้เขาไม่สบายใจ เนื่องจากที่จี่เฟิงหลี่ไม่สนใจนาง นางก็ไม่มีอะไรจะพูด นางเพียงแค่มองเขาต่อไป นางรู้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้านางเป็นคนเข้าใจได้ยากและยากที่จะรับมือด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเขาคือการพูดให้น้อยและสงบเข้าไว้
แต่ยิ่งมองเขามากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าสวรรค์ช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย
ศีรษะของเขาลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาน้ำหมึกของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย เส้นผมของเขาหลุดลงมาบางส่วนและตกลงมาอยู่ที่หน้าผากของเขา ทำให้ภาพของเขากลายเป็นภาพแห่งความหรูหราและความสง่างาม น่าหลงใหลแค่สายตาเป็นอย่างมาก
ถ้าวันหนึ่งเขาตกมาอยู่ในมือของนาง สิ่งแรกที่นางจะทำคือการแกะสลักเครื่องหมายไว้บนใบหน้าของเขาด้วยมีด คนใจร้ายเช่นเขาควรมีลักษณะที่น่ารังเกียจ
ตามความคิดของนางไปเรื่อยๆ จนนางเองก็ไม่ได้ตระหนักว่าสายตาของจี่เฟิงหลี่เปลี่ยนจากหนังสือของเขามาหานางแทน ดวงตาของเขาจ้องมองมาด้วยความสนใจในขณะที่เขาถามขึ้นอย่างสงบ “เป่ากงกง ได้พบกับความเดือดร้อนไม่กี่วันที่ผ่านมา! ข้าได้ยินมาว่าบาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี รับยาขวดนี้ไปเสีย “จากแขนเสื้อที่ยาวของเขา เขาหยิบเอาขวดยาออกมาและโยนมันไปในมือของนาง ทำให้กลิ่นของยาเต็มไปในอากาศทันที
เมื่อจี่เฟิงหลี่ กล่าวถึงบาดแผลของนาง นางก็รู้สึกว่าใบหน้าของนางขึ้นสีเล็กน้อย แต่โชคดีที่แสงภายในรถม้ามืดสลัว นางจึงรีบลดศีรษะลงโดยพยายามปราบปรามความอับอายในใจเอาไว้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับจี่เฟิงหลี่ และพูดขึ้น “ขอบคุณท่านเสนาจี่ สำหรับความห่วงใยของท่าน แต่ยาที่มีค่าเช่นนี้ไม่ควรจะเสียเปล่ากับคนรับใช้ที่มีความผิดเช่นข้า ท่านเสนาจี่ ควรจะรับมันกลับไป! “จากนั้นนางก็โยนขวดไปที่ใบหน้าของเขา แม้ว่าการเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนแต่นางก็ใช้กำลังภายในอยู่เล็กน้อย นางอยากจะเช็ดรอยยิ้มปลอมๆออกไปจากใบหน้าของเขา
แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของนางไม่เป็นจริง จี่เฟิงหลี่หยิบหนังสือของเขาขึ้นมาในขณะที่ขวดตีมาที่มันก่อนที่จะตกลงไปและกลิ้งไปที่มุมของรถม้า เขาวางหนังสือลงก่อนจะมองไปที่ฮวาจูอวี้ ด้วยดวงตาที่หรี่ลง ก่อนจะถามขึ้นอย่างเงียบ ๆ “เป่ากงกง ระหว่างเรามีความเกลียดชังที่ลึกซึ้งอยู่ด้วยหรือ?”
นางสูญเสียการควบคุมตัวเองต่อหน้าเขาอีกครั้งแล้ว หลังจากที่สงบตัวเองลง นางก็พูดขึ้นอย่างเกลียดชัง “แล้วท่านเสนาจี่คิดอย่างไร? ท่านใช้สัตว์ร้ายไปทำร้ายองค์รัชทายาทและคุมขังเขา ตอนนี้เขาจะไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว ข้าควรหรือไม่ควรเกลียดท่าน? ” ก่อนหน้านี้นางไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้นางมั่นใจว่าสัตว์ร้ายสองตัวนั้นเป็นจี่เฟิงหลี่ที่อยู่เบื้องหลัง เขาต้องการช่วยคัวหวาง เมื่อคังหวางขึ้นสู่บัลลังก์อำนางของอาณาจักรใต้ก็จะตกไปอยู่ในมือของเขา
จี่เฟิงหลี่ ตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มขึ้น “เป่ากงกงเป็นคนที่มีความฉลาดจริงๆ มันเป็นความจริงที่ทั้งหมดข้าเป็นคนทำ” เขาเป็นคนตรงไปตรงมาไม่เคยพยายามที่จะซ่อนมันอยู่แล้ว “แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่เจ้าก็ไม่ได้มีสายตาเอาไว้เพื่อมองผู้คน หวงฝู่ อู๋ ซวง ไม่เหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้ มันหายากมากที่จะหาคนที่หลงใหลไปกับเจ้านายของพวกเขาได้และก็มีคนที่ตัดแขนเสื้ออยู่ในโลกนี้จริงๆ! ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจ้าที่จะติดตามข้าด้วยจริงใจ”