World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 86.1
ซินหยวนเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ ห้องพักของฮวาจูอวี้ มีข่าวของตกแต่งที่เรียบง่าย แต่ก็มีของใช้ที่จำเป็นทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างราวกับกลางวันและกลางคืนเมื่อเปรียบเทียบกับคุกหลวง ถ้าคนอื่นปฏิบัติต่อนางด้วยวิธีนี้ นางจะคงซาบซึ้งใจมาก แต่นี่คือจี่เฟิงหลี่ และความเกลียดชังที่ลึกซึ้งที่นางมีต่อเขาก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกขอบคุณเขาแม้แต่น้อย
หลังจากล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าของนางแล้ว ฮวาจูอวี้ก็กำลังจะเข้านอนแต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น นางก็เดินไปเปิดประตูและได้รับการต้อนรับด้วยสายตาของหลานปิง ที่เดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ
ฮวาจูอวี้ ขมวดคิ้ว “ท่านหลานปิง มีเรื่องสำคัญหรือ? นี่มันก็ดึกมากแล้วและท่านยังไม่กลับไปพักผ่อนอีกหรือ? ”
หลานปิง เหลือบไปที่ฮวาจูอวี้ ด้วยท่าทางที่เตรียมพร้อม “ฟังนะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ แต่อย่ากล้าแม้แต่ที่จะมีสายตาให้กับข้าผู้นี้ ข้าไม่ชอบผู้ชายและมีผู้หญิงที่ข้าชื่นชอบอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าเจ้าจะอยู่ให้ห่างๆ จากข้าเอาไว้? “หลานปิงเดินไปที่เตียงและปีนขึ้นไป ก่อนจะขยับไปทางมุมที่ไกลที่สุด
สิ่งนี้ทำให้ฮวาจูอวี้ตกใจมาก นางคิดว่านางจะมีห้องพักเป็นของนางคนเดียว ถึงแม้ว่านางจะอยู่กับผู้ชายมาก่อนหน้านี้กับจี่เสี่ยง แต่หน้าที่ของพวกเขาในการอยู่รับใช้องค์รัชทายาทก็แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยจะได้นอนในห้องในเวลาเดียวกันเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นางจะต้องนอนบนเตียงเดียวกับหลางปิงอย่างนั้นหรือ?
นางมาที่จวนของเสนาจี่ เพื่อเป็นองครักษ์เพื่อดูแลความปลอดภัย ดังนั้นการนอนแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติ นางเห็นได้ชัดจากท่าทางของหลานปิง ว่าเขากลัวที่จะสูญเสียความบริสุทธิ์ของเขา ดังนั้นดูเหมือนจะยังมีวิธีที่จะทำให้นางได้ห้องพักมาเป็นของนางเอง เมื่อเห็นท่าทางของเขาก็ทำให้นางมีความคิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเป่าเทียนให้ดับลงทันที
“หยวนเป่า จุดไฟเอาไว้ ข้าชอบนอนในขณะที่มีแสงไฟ!” หลานปิงบ่นขึ้น
ฮวาจูอวี้ยิ้มอย่างนุ่มนวลขึ้น “ท่านหลานปิงกลัวความมืดหรือ? เช่นนั้นข้าก็จะจุดเทียน ไม่ว่าอะไรที่ท่านหลานปิงต้องการข้าก็จะทำตาม”หลังจากจุดเทียนแล้ว นางก็ดึงผ้าห่มออกและปีนขึ้นไปบนเตียง
หลานปิง ขยับไปด้านหลังอีก เมื่อเขาเห็นว่าฮวาจูอวี้ หันหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้ามและไม่นานก็หลับไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถพักผ่อนได้อยู่ดี
ความคิดของเขาเริ่มเปิดกว้างขึ้น
ถ้าคนผู้นี้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวเมีย แล้วในสายตาของผู้คนเขาก็ไม่ต่างกับผู้หญิง ถ้าเป็นเช่นนั้น การหลับนอนร่วมกับคนตัดแขนเสื้อในคืนนี้เหมือนกับนอนกับผู้หญิงใช่ไหม? แล้วเขาจะขัดเกลาชื่อเสียงของเขาหรือไม่?
ความคิดเหล่านี้ทำให้เขาตื้นขึ้น จู่ๆ ก็ทำให้เขายากที่จะพักผ่อน มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่ลำคอและทำให้เขารู้สึกแย่ลง ภายใต้แสงสลัวๆ เขาสามาถมองเห็นคนอีกผู้หนึ่ง ที่ดวงตาของเขากำลังปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารื่นรมย์บนริมฝีปากของเขา ราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับความฝันที่งดงาม ในระหว่างที่เขานอนหลับ เขาก็พึมพำคำไม่กี่คำที่น่ากลัวต่อหลานปิงขึ้น “คุณชายที่งดงาม ยิ้มให้ชายชราผู้นี้หน่อย มาให้ชายชราผู้นี้จูบเสียดีๆ ”
เจ้าถงโจว สารเลวนั้นพูดเอาไว้ว่าหยวนเป่า เป็นพวกตัดแขนเสื้อที่ไม่มีอะไรอยู่ด้านล่างแล้ว แต่ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนพวกตัดแขนเสื้อที่อุกอาจเช่นนี้? ถ้าเขานอนหลับไปกับคนตักแขนเสื้อผู้นี้ คนอื่นจะเห็นเขาเป็นชายเก็บของเขาหรือไม่? เขากลัวว่ารอยเปื้อนจากสิ่งนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่าการนอนกับผู้หญิงเสียอีก
หลานปิง ผลักฮวาจูอวี้และพูดขึ้น “คนตัดแขนเสื้อหยวน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
ฮวาจูอวี้ยังคงหลับตาแน่นและพร้อมกับแสดงต่อไป “คนงาม ริมฝีปากของเจ้าช่างอ่อนนุ่มและน่ารักเหมือนกลิ่นน้ำผึ้ง”
หลานปิงทนมาพอแล้ว ใครก็ตามที่อยากจะจับตาดูเขา ก็มาทำเองเถิด เขาจะไม่ทำมันอีกต่อไป โชคดีที่เสนาจี่ ไม่ได้ระบุว่าเขาต้องนอนในห้องเดียวกันกับเพื่อนคนนี้ การนอนอยู่ในห้องที่อยู่ติดกันเขาก็น่าจะยังคงสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องนี้ได้อยู่ หลังจากที่มาถึงข้อสรุปนี้แล้ว เขาก็รีบเดินข้ามฮวาจูอวี้และกระโดดลงไปจากเตียงและรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อเห็นเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ฮวาจูอวี้ก็ยืนขึ้นและเป่าเทียนให้ดับลง นางนอนหลับอยู่ในความมืดสนิทจน และรู้สึกว่าหน้าทองของนางบีบรัดขึ้นก่อนจะมีน้ำตาหลุดออกมาจากหางตาของนาง ในขณะที่ความเศร้าโศกอย่างท่วมท้นจับอยู่ที่หัวใจของนาง ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจ แต่ตอนนี้นางต้องทำให้คนอื่นดูหมิ่นนางว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ แต่นางก็สามารถใช้เอกลักษณ์ของการตัดแขนเสื้อนี้เพื่อปกป้องตัวเองได้
ความทรงจำที่กระพริบอยู่ในความคิดของนาง ตั้งแต่ยังเยาว์วัยนางก็มีชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเทียบกับเด็กที่อายุเฉลี่ยกันแล้ว เมื่อเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ยังคงถูกกอดเอาไว้ในอกของมารดา บิดาของนางได้ส่งนางไปที่ภูเขาเพื่อรับการฝึกฝนที่หนักหน่วงร่วมกับเด็กกำพร้าคนอื่น ๆ นางต้องเรียนรู้การยิงธนู ขี่ม้าและวิธีการควงดาบและหอก นางฝึกหนักกว่าเด็กผู้ชายคนไหนๆ ด้วยซ้ำ แต่นางก็ไม่เคยบ่น หวังว่าบิดาของนางจะมีความสุข
เมื่อหญิงสาวคนอื่น ๆ กำลังเย็บปักหรือท่องบทกวีในจวนของพวกเขานางไปกับบิดาของนางในสนามรบเพื่อป้องกันศัตรูที่เข้ามารุกราน นางไม่อยากทำให้บิดาของนางผิดหวัง นางจึงเริ่มมีส่วนร่วมในการต่อสู้และช่วยบิดาของนางนำชัยชนะมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นางคิดว่าเมื่อสงครามในตะวันตก เจียงจบลง วันที่ผ่านมาก็จะผ่านไปอย่างสงบ นางคิดว่าในที่สุดนางก็จะสามารถกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อเป็นบุตรสาวธรรมดา ที่ได้สวมชุดแต่งงานและแต่งงานกับผู้ชายที่นางรัก
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความปรารถนาเท่านั้น ไม่ว่าความฝันจะสุกใสและงดงามแค่ไหน แต่มันก็จะแตกสลายไปได้ในค่ำคืนเดียวที่ผ่านไปกลายเป็นว่างเปล่าที่ไม่เคยมีอยู่จริง ตอนนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียงที่เย็น หลังจากเพิ่งหัวเราะเยาะตัวเอง นางก็ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่ลานประหารแล้วดวงตาของนางก็กระพริบเป็นประกายเยือกเย็นขึ้น วันหนึ่งหนี้เลือดในครั้งนั้นจะต้องได้รับการชำระคืน
หลังจากที่หลานปิง ตกใจกลัวและจากไป ก็ไม่มีใครมาเรียกร้องเพื่อที่จะแบ่งปันเตียงกับนางอีก วันแรกของนางในจวนอาจจะเรียกได้ว่าดี จี่เฟิงหลี่ ได้บอกว่าเขาเห็นค่าในความสามารถของนางและต้องการให้นางเป็นองครักษ์ของเขา แต่จริงๆวัตถุประสงค์หลักของเขาคือเพียงเพื่อวางนางไว้ภายใต้การจับตาดูของเขา เขาไม่ไว้ใจนาง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จัดสรรงานใด ๆ ให้นาง และเมื่อใดก็ตามที่หลายปิง ไม่อยู่รอบ ๆ ก็จะมีผู้คุ้มกันสองคนคือจี่สุย และจี่ เยวี่ย ถูกส่งมาอยู่เป็นเพื่อนนาง แต่ในความเป็นจริงคือส่งมาคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของนาง
นางไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะนางไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดปัญหาใดๆ ในจวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นางไม่เห็นจี่เฟิงหลี่ มาหลายวัน ฟังจากที่จี่สุย และจี่เยวี่ยสนทนากัน นางได้เรียนรู้ว่าองค์รัชทายาทหวงฝู่ อู๋ ซวง ถูกปลดจากตำแหน่งและคังหวาง ก็ได้ขึ้นครองราชย์แล้วกลายเป็นฮ่องเต้คังและปีที่ครองราชย์ได้เปลี่ยนเป็นฉิ่งคัง
หลังจากที่คังหวาง ได้เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ จี่เฟิงหลี่ ก็ยุ่งมากกว่าเดิม ในฐานะเสนาผู้ช่วย เขามีหลายเรื่องที่จะต้องดูแล รอยยิ้มที่จาง ๆ ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของนาง ฮ่องเต้คังเป็นคนไร้เดียงสามาก เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราชสำนัก ในบรรดา 3 เสนาดีที่เป็นผู้ช่วยของเขา อาจกล่าวได้ว่าราชครูเหวินเองก็เป็นผู้สนับสนุนของจี่เฟิงหลี่ สำหรับเสนาบดีเนียหยวนเฉียว แม้ว่าเขาจะดูเป็นปริศนาและความคิดของเขาก็ยากที่จะเข้าใจได้ และเมื่อหวงฝู่ อู๋ ซวง พบกับปัญหาเขาก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแม้แต่น้อย นางกลัวเวลานี้มันก็จะไม่แตกต่างกันมาก อาจกล่าวได้ว่าพลังอำนาจของอาณาจักรใต้ทั้งหมดอยู่ในฝ่ามือของเสนาจี่เฟิงหลี่แล้ว
แม้ว่าตอนนี้นางกำลังอาศัยอยู่ในที่จวนของเสนาจี่ แต่นางไม่เคยเห็นจี่เฟิงหลี่ มาตั้งแต่คืนแรกแล้ว ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้ในระหว่างวันที่อยู่ในจวนและนางก็ไม่สามารถติดต่อกับอันเสี่ยวเอ้อร์ ได้ นางแทบไม่แตกต่างจากคนตาบอดและหูหนวก ดูเหมือนว่านางจะไม่มีโอกาสตรวจสอบอะไรเลย นางไม่สามารถทำเช่นนี้ต่อไปได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางก็ต้องไปคุยกับจี่เฟิงหลี่ให้ได้
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจี่สุยและจี่เยวี่ย ตามติดราวกับเป็นหางของนาง พวกเขาไม่ค่อยประทับใจนางตั้งแต่คืนนั้นในภูเขาฉิงเฉิงเมื่อพวกเขาถูกขังอยู่ในค่ายกลของนางและไม่สามารถหาเสนาจี่ ได้ และเพราะนาง พวกเขาถึงถูกลงโทษโดยเสนาจี่ และยังถูกบังคับให้เรียนรู้การสร้างค่ายกลซึ่งไม่เพียง แต่เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ แต่ยังทำให้พวกเขาปวดหัวอีกด้วย
“หยวนเป่า ให้ข้าบอกบางสิ่งบางอย่างกับเจ้า ท่านเสนาจี่ ไปเข้าไปที่วังทุกวันและจะไม่กลับมาจนดึก มันเพียงผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น (11: 00-1: 00), ท่านเสนาจี่ จะไม่อยู่ที่จวนอย่างแน่นอน “จี่สุยพูดขึ้น
“เจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะได้พบท่านเสนาอย่างนั้นหรือ?” จี่เหยี่ยเยาะเย้ยขึ้น
ฮวาจูอวี้ไม่สนใจพวกเขาและเดินต่อไปบนเส้นทางที่ปูเป็นทางหินไปทางประตูใหญ่ จี่สุยและจี่เยวี่ย ขวางทางของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว นางส่งรอยยิ้มที่มีประกายเยือกเย็นก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่ได้จะจากไป คงไม่ใช่ว่าข้าจะยืนอยู่ใกล้ประตูก็ไม่ได้นะ? ”
“ไม่ได้!” ทั้งสองพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด
ในขณะที่พวกเขาอยู่ในการเผชิญหน้ากัน รถม้าที่หรูหราก็เข้ามาในจวน จากท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม สายของหยกที่แขวนอยู่ทั้งสี่ทิศทางของรถม้าได้ปิดบังผู้โดยสารที่อยู่ภายในเอาไว้ รถม้าถูกดึงโดยม้าสีขาวราวกับหิมะอย่างดีและมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับคนได้ถึง 8 คนอย่างสบายๆ มันแสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นพิเศษแค่ไหน และมันคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่จี่เฟิงหลี่
จี่สุยและจี่เยวี่ย รีบก้าวไปข้างหน้าโดยลดศีรษะลง ฮวาจูอวี้ก็ทำเช่นกันปล่อยให้รถม้าผ่านไปก่อน ก่อนจะเดินตามไป เมื่อมันหยุดอยู่ตรงเรือนของจี่เฟิงหลี่ ม่านก็ถูกยกขึ้นและจี่เฟิงหลี่ก็ก้าวออกมา
ฮวาจูอวี้เดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ เขามองมาที่นางก่อนที่จะมองไปที่จี่สุยและจี่เยวี่ย ก่อนที่หัวคิ้วของเขาจะขมวดขึ้นเล็กน้อย
“หยวนเป่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ถงโจว หัวเราะเยาะขึ้น
ฮวาจูอวี้ สงสัยว่าถงโจวเป็นราชาแห่งนรกที่กลับชาติมาเกิดขึ้นหรือไม่ ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาของเขาเท่านั้น แต่เสียงของเขาก็ดำมืดและหนัก
“แน่นอนเพื่อมารับคำสั่งของข้า ข้ามาอยู่ที่จวนท่านเสนา เพื่อทำงานให้กับท่านเสนาจี่ ดังนั้นท่านเสนามีงานใดๆ จะมอบหมายให้ข้าทำหรือไม่? “ฮวาจูอวี้ ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ยืนอยู่ข้างหน้ารถม้า จี่เฟิงหลี่ ยังคงมียิ้มอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดิม ในขณะที่เขามองอย่างไม่สนใจไปที่นาง ก่อนจะพูดขึ้น “เอาล่ะข้าตั้งใจจะออกไปข้างนอก เจ้าสามารถไปเป็นเพื่อนข้าได้ ”
เขาเดินเข้าไปในห้องของเขาเพื่อเปลี่ยนจากเสื้อคลุมของขุนนางที่เป็นทางการออกและสวมชุดสีดำแบบสบาย ๆ ทำให้เขามีลักษณะของบัณฑิต พวกเขาออกไปพร้อมกับถงโจวด้วยรถม้าธรรมดาแทนรถม้าที่หรูหราก่อนหน้านี้ รถม้าเดินทางไปตามถนนเป็นเวลานาน ก่อนที่จะหยุดที่ประตูหลังบ้านหลังหนึ่ง
จี่เฟิงหลี่ยกม่านขึ้นก่อนจะสำรวจรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูปกติ เขาก็ลงจากรถม้าและเดินไปที่หน้าประตู ก่อนจะเคาะเบา ๆ ฮวาจูอวี้ก็ออกมาจากรถม้าในเวลาเดียวกัน เมื่อดูจากสถานการณ์มันเหมือนกับว่าจี่เฟิงหลี่มาหาคนรักอย่างลับๆ แต่เมื่อประตูหลังเปิดออก คนรับใช้หนุ่มคนหนึ่งก็ออมาทักทายจี่เฟิงหลี่ด้วยความเคารพและยินดีต้อนรับเขาเข้าไป