World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 90.1
ฮวาจูอวี้ เฝ้าดูเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ตลอดทั้งคืน นางให้อาหารเพิ่มอีกสองชาม เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ตื่นขึ้น อาการไข้ของนางลดลงและนางไม่อาเจียน นางสามารถดื่มยาและดูดีขึ้นมาก
ดูเหมือนใบสั่งยานี้มีความถูกต้องแน่นอน ดังนั้นฮวาจูอวี้จึงรีบสั่งให้ทหารให้ไปหาสมุนไพรมาเพิ่มขึ้น
ได้ยินว่ายาของฮวาจูอวี้ มีประสิทธิภาพ หมอหลวงซานก็ไม่กล้าที่จะประมาทการรักษาของหมอทั่วไปอีก เขาได้เตรียมยาพร้อมกับนางและช่วยแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วยเหล่านั้น
แม้ว่าจะมียาเพื่อต่อสู้กับความเจ็บป่วย แต่ผู้คนก็ยังคงตายอยู่และจำนวนผู้ติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้น ทั้งหมู่บ้านถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้ง ทหารปิดบังใบหน้าของพวกเขาให้แน่นหนาด้วยผ้า ไม่สนใจที่จะพูดคุยแม้เพียงเล็กน้อย ทุกคนพยายามจะอยู่ห่างจากคนอื่นเพราะกลัวว่าจะเจ็บป่วย
การระบาดครั้งนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัว
หลังจากผ่านไป 2 วันทหารที่อยู่ในครัวที่ช่วยเรื่องยาทั้งหมดต่างก็ไม่สบายแม้แต่หมอหลวงซานก็ไม่มีข้อยกเว้นและก็เป็นอีกครั้งที่มันปลุกระดมความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
ไม่มีแม้แต่ผู้ป่วยรายเดียวที่หายอย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นกลับมีคนป่วยเพิ่งเข้ามาใหม่เรื่อยๆ ฮวาจูอวี้ ถูกทิ้งให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวนางเองแม้ว่าจะมีการส่งเสบียงมายังหมู่บ้าน นางก็ต้องออกไปรับพวกมันเอง นางต้องการป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาและล้มป่วยอีก
จงกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ฮวาจูอวี้ก็ยังคงเตรียมยาไว้ซึ่งต่อไปนางก็จะต้องแจกจ่ายพวกมันด้วยตัวเอง นางยังต้องช่วยให้อาหารแก่ผู้ที่ป่วยหนัก การต้องทำเช่นนี้อยู่ทุกวันทำให้นางหมดแรง นางรู้สึกว่ามันเหนื่อยกว่าการต่อสู้ในสนามรบเสียอีก
ฮวาจูอวี้กำลังเพิ่มไม้ลงไปในกองไฟ เมื่อนางหันกลับโดยไม่ได้ตั้งใจนางก็สังเกตเห็นเงาที่ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ในระยะไกลออกไป
เนื่องจากเกิดน้ำท่วมหมู่บ้านจึงเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่มีใครมีเวลาหรือพลังงานพอที่จะไปทำความสะอาดและกวาดพื้น ระหว่างฉากที่ยุ่งเหยิงนี้ จี่เฟิงหลี่ ยังคงยืนอยู่ที่นั่นราวกับผู้เป็นอมตะด้วยมือที่ไขว่หลังของเขา เขาหันหน้ามาทางฮวาจูอวี้ แต่ดวงตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้มีเพียงหัวคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อย
นางไม่คาดหวังว่าเขาจะมาที่นี่ แต่นางก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจเขา นางต้องเตรียมยาอย่างระมัดระวัง ถ้าไฟอ่อนเกินไปยาจะไม่ได้ผลดี หลังจากเพิ่มฟืนอีกสองสามครั้งแล้วนางก็เปิดฝาขึ้นเพื่อดู เมื่อเห็นชั้นฟองสีขาวบนพื้นผิวของของเหลวที่เป็นสมุนไพรนางรีบดับไฟ
จี่เฟิงหลี่ ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่เบาบาง
“ท่านเสนา ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่?” ฮวาจูอวี้ สงสัยว่าจี่เฟิงหลี่ไม่กลัวตายหรืออย่างไร ทำไมเขาถึงมาที่นี่?
“ข้าไม่ได้เห็นเป่าเอ้อร์ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นข้าจึงมาถึงวันนี้หรือว่าเป่าเอ้อร์ไม่อยากพบหน้าข้า? “เขาพูดด้วยการแสดงออกที่อบอุ่นและผ่อนคลาย
“เป็นเช่นนั้นเองหรือ? ดูเหมือนว่าท่านเสนาจะคิดถึงเป่าเอ้อร์? “นางยกศีรษะขึ้นเพื่อถาม พร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามอยู่บนริมฝีปากของนาง
เมื่อได้เห็นสิ่งนี้จี่เฟิงหลี่ก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเหมือนยิ้ม ก่อนจะขึ้น “ถูกต้องแล้ว ข้าตั้งใจจะพักที่นี่สักพักหนึ่งไม่ทราบว่ายังมีที่ว่างอยู่หรือไม่? ข้าหวังว่าเป่าเอ้อร์สามารถจัดหาห้องพักได้ ”
ฮวาจูอวี้ตื่นตระหนก และสังเกตเห็นผิวหน้าของเขาที่ซีดมากกว่าก่อนมาก
“ท่านป่วยหรือ?” นางถามด้วยความไม่เชื่อ บรรดาผู้ที่ติดเชื้อทุกคนมาพร้อมกับความเสียใจและหัวคิ้วที่ขมวดบนใบหน้าของพวกเขา หลายคนพยายามที่จะปิดบังความเจ็บป่วยของตนเอาไว้ เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่จับพวกเขามา มีเพียงแค่ตอนที่พวกเขาล้มเจ็บอย่างหนัก พวกเขาถึงได้ยอมรับและถูกบังคับให้เข้ามาในหมู่บ้านเพื่อแยกตัวออกจากคนอื่น การที่จะเข้ามาพร้อมกับความสงบและใจเย็น มีเพียงจี่เฟิงหลี่ ที่เป็นคนแรก
จี่เฟิงหลี่ยังคงยิ้มอย่างสดใส เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและถามขึ้น “ถูกแล้วหรือว่าเป่าเอ้อร์ ไม่ยินดีต้อนรับข้า”
“ยินดี แน่นอนว่าต้องยินดี” นางตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะยินดี
นางยังคงไม่เชื่อ ในฐานะเสนาบดี จี่เฟิงหลี่ ควรจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าเขาจะติดเชื้อ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ เขาอาจจะแยกตัวอยู่แต่ในที่ของเขามันก็ได้แล้ว
ฮวาจูอวี้เดินนำทางออกไปจากห้องครัว นางและจี่เฟิงหลี่ เดินตามเส้นทางเล็ก ๆ ไปยังเรือนหลังอื่น “ไม่มีใครอยู่ที่นี่ดังนั้นท่านก็สามารถอยู่ที่นี่และพักผ่อนได้ ข้าต้องไปส่งยาไปให้ผู้ป่วยและจะกลับมาในภายหลัง ”
เมื่อนางเสร็จสิ้นการแจกจ่ายยามันก็เข้าสู่ช่วงดึกแล้ว นางถือโคมไฟที่มีแสงเล็กน้อย พร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของนาง เมื่อนางกลับมาถึง นางก็นึกถึงผู้ป่วยรายใหม่ของนางจี่เฟิงหลี่ นางลืมที่จะให้ยาเขา
ฮวาจูอวี้ กลิ้งไปมาบนเตียงพร้อมกับไตร่ตรอง เมื่อนางเห็นเขาในระหว่างวัน เขาไม่ได้ดูเหมือนกับว่าป่วยหนัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้กินยาสักคืนเขาก็คงจะไม่เป็นอะไร นอกจากนี้นางยังไม่ต้องการที่จะรักษาเขาด้วย ถ้านางปล่อยให้จี่เฟิงหลี่ พ่ายแพ้ต่อความเจ็บป่วยนี้ นางก็จะไม่ต้องเสียเวลาและความพยายามที่จะแก้แค้นเขา
แม้ว่านางจะไม่มีหลักฐานว่าจี่เฟิงหลี่ ได้สมทบกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนเกี่ยวกับแต่งงานของนาง แต่มือของเขาก็ยังคงเปื้อนเลือดของความตายที่ไม่ถูกต้องของจินเซ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะนางได้ดื่มเหล้าที่มีพิษของเขาที่ทำให้นางอ่อนแอและไร้กำลัง จินเซ่อก็คงไม่ต้องได้รับความอัปยศอดสูและถูกฆ่าโดยคนเหล่านั้น
จิตใจของนางกระพริบไปกับภาพของคืนที่มีพายุในฤดูหนาวและภาพเสียงร้องไห้ที่โศกเศร้าของจินเซ่อ พร้อมกับสีแดงเข้มที่ส่องสว่างไปทั่วหิมะ
ระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้ นางก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะไปดูจี่เฟิงหลี่ นางเกลียดเขา!
ในขณะที่นางกำลังจะหลับไปก็มีเสียงเคาะเบา ๆ ดังออกมาจากประตู นางเดาว่าจะต้องเป็นจี่เฟิงหลี่ ดังนั้นนางจึงหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งแกล้งทำเป็นนอนหลับ แต่เสียงเคาะประตูยังคงดำเนินต่อไป
ดังนั้นนางจึงต้องลุกขึ้นจากเตียงและไปเปิดประตู
อาบไปด้วยแสดงของดวงจันทร์ที่จาง ๆ ชายคนหนึ่งยืนอยู่ในลานเล็ก ๆ เขาไม่ใช่จี่เฟิงหลี่ แต่เป็นหลานปิง ที่อยู่ในชุดสีฟ้าพร้อมกับใบหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยผ้า เผยให้เห็นดวงตาลึก ๆ ที่กำลังจ้องมาที่ฮวาจูอวี้ด้วยรูปลักษณ์ที่เคร่งขรึม
“หยวนเป่า เจ้าต้องช่วยรักษาท่านเสนา” หลานปิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและเบา ไม่เหมือนน้ำเสียงปกติของเขา
ฮวาจูอวี้ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเพียงโชคดีที่จำรายละเอียดในใบสั่งยาและวิธีเตรียมมันเท่านั้น แต่ข้าไม่ใช่หมอ ข้าสามารถพูดได้ว่าข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้าจะสามารถรักษาเขาได้หรือไม่”
หลานปิง จ้องมองนางด้วยความหวาดระแวงและพูดอย่างเย็นชาขึ้น “ไม่ใช่ว่าไม่มีใครที่มีไข้แล้วไม่ลดลงเมื่อพวกเขาได้ดื่มยาของเจ้าหรอกหรือ?”
“เพียงเพราะมันสามารถรักษาคนคนหนึ่งได้ ไม่จำเป็นต้องหมายความว่ามันสามารถรักษาทุกคนได้ ท่านไม่เห็นหรือว่ายังมีคนตายอยู่ ท่านหลานปิง ข้าไม่สามารถทำสัญญาใด ๆ ได้ “นางพูดขึ้นในขณะที่หัวคิ้วยังขมวดอยู่
“ไม่สามารถมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านเสนาได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่ชายแดนทางเหนือ? ทหารสองสามคนของเราที่กำลังเฝ้าอยู่ที่นั่นได้ตายไปอย่างลึกลับแล้ว ในแผ่นดินทั้งหมดในอาณาจักรใต้ มีใครมีความสามารถในการรับผิดชอบสถานการณ์ปัจจุบันได้ หวงฝู่ อู๋ ซวง คัวหวางหรือแม้กระทั่งว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ป่วยก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่าพูดถึงเรื่องที่ว่าถ้าเกิดเรื่องที่เลวร้ายขึ้นกับท่านเสนาเลย หากเพียงแค่มีข่าวรั่วไหลออกไปว่าเขากำลังล้มป่วย อาณาจักรของเราจะถูกพาให้เข้าไปสู่ความสับสนวุ่นวาย ความจริงที่ว่าท่านเสนาล้มป่วยมีเพียงพวกเราสองคนที่รู้ หยวนเป่าข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ท่านเสนา ยังให้ความสำคัญกับความสามารถของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจความสำคัญของสถานการณ์และรักษาท่านเสนา ท่านเสนาไม่ยอมให้ข้ามาอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงต้องแอบมาเยี่ยมเขาเท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างดีที่สุด “เมื่อพูดจบ หลานปิงก็ จ้องมองไปที่ฮวาจูอวี้อยู่ เป็นเวลานานก่อนจะจากไป
ฮวาจูอวี้ถูกครอบงำด้วยคำเคร่งขรึมของหลานปิง และการจ้องมองที่จริงจังของเขา เมื่อเขาจากไป นางก็เดินกลับไปที่ห้องของนางช้าๆ หลังจากที่ใคร่ครวญนางก็ตัดสินใจว่าจะช่วยเขา นางไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าเช่นเขาดังนั้นนางจึงต้องการเอาชนะเขาด้วยวิธีที่ยุติธรรมและน่านับถือ ตอนนี้นางจะช่วยเขาให้รอด แต่นางก็ยังคงต้องการให้เขาทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะลดปริมาณของยาลงและรักษาเขาในภายหลังเมื่ออาการของเขาแย่ลง
มีการเคลื่อนไหวทางชายแดนทางเหนือหรือ?เสี่ยวหยินกำลังทำอะไรอยู่? เสี่ยวหยินตั้งใจจะบุกอาณาจักรใต้หรือ? หลังจากสงครามครั้งสุดท้ายแล้วอาณาจักรเหนือและอาณาจักรใต้ ไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาเพื่อยุติสงครามอย่างนั้นหรือ?