World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 91.2
ริมฝีปากที่แห้งและเยือกเย็นของเขาทำให้หัวใจของนางกระโดดขึ้น นางพยายามที่จะปราบปรามอารมณ์ในปัจจุบันของนาง ก่อนจะจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้แก่เขาอย่างช้าๆ
แล้วริมฝีปากของพวกเขาก็ยอมไปด้วยสีแดง
การกระทำก่อนหน้านี้ของนาง ทำให้นางเริ่มงงงวยและสงสัยว่านางกำลังตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยชีวิตเขาหรือไม่? นางจะเสียใจที่ตัดสินไปแบบนี้ในภายหน้าหรือไม่?
ด้วยริมฝีปากที่ย้อมไปด้วยสีแดงและดวงตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นนางไม่ได้ดูเหมือนจะช่วยเขา แต่กลับกลายเป็นกัดเขาแทน
นางตัดสินใจที่จะช่วยเขาเพราะคนเหล่านั้นได้ขอร้องนาง แต่ลึกๆ ลงไปนางรู้ว่ามันเป็นเพราะความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของนางเอง
การตายด้วยวิธีนี้เป็นเรื่องที่ดีและง่ายเกินไปสำหรับจี่เฟิงหลี่ นางยังคงต้องการเอาชนะเขาและเป็นพยานในความทุกข์ทรมานของเขา ในขณะที่เขาล้มลงจากความยิ่งใหญ่ของเขา
ไม่นานเลือดทั้งหมดก็ถูกป้อนลงไป
นางผ้าเช็ดทำความสะอาดริมฝีปากและวางเขานอนลงไปบนเตียง
นางเพียงแค่เคยได้ยินวิธีการนี้ แต่ไม่เคยทดลองใช้มาก่อน เนื่องจากนางไม่แน่ใจว่าจะมันจะได้ผลหรือไม่ นางจึงยังไม่กล้าออกไป นางวางผ้าเปียกไว้บนหน้าผากของเขาและยังคงอยู่ที่นั่น หลังจากผ่านไปสองชั่วยามอาการไข้ของเขาก็ดูเหมือนจะลดลงบ้างและการหายใจก็สงบลง นางจึงตัดสินใจที่จะป้อนเลือดของนางให้กับเขามากขึ้นอีก ดังนั้นนางจึงเอากริชขนาดเล็กออกมาและกรีดไปที่ข้อมือของนางอีกครั้ง
ใกล้รุ่งอรุณ นางตรวจดูหน้าผากของเขาอีกครั้งและพบว่าไข้หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตราบใดที่ไข้ของเขาลดลง อาการเจ็บป่วยของเขาอาจกล่าวได้ว่าหายขาดไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ฮวาจูอวี้ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่คาดหวังว่าวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากเช่นนี้
นางลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะออกไป แต่ทันทีที่ข้อมือของนางถูกจับเอาไว้โดยจี่เฟิงหลี่
“อย่าไป … อย่าจากข้าไป … “ขนตาของเขาสั่น ในขณะที่คิ้วของเขาถักเข้าด้วยกัน ให้ความรู้สึกไม่สบายราวกับว่าเขากำลังฝันร้ายอยู่
อย่าจากข้าไปหรือ? เขาคิดว่านางเป็นใคร? ฮวาจูอวี้ยิ้มเยาะ จี่เฟิงหลี่ คว้าที่แผลของนางทำให้หัวคิ้วของนางขมวดขึ้นเนื่องจากความเจ็บ นางจึงรีบดึงมือของนางออก
“อย่าไป … ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่มือของเขายื่นออกมาอีกครั้งเพื่อจับข้อมือของนางเอาไว้ คราวนี้เขาจับเอาไว้แน่นราวกับคนที่กำลังจมน้ำ “อย่าไป … อย่าจากข้าไปเลย … ท่านมะ … ”
นางไม่สามารถจับคำพูดสุดท้ายของเขาได้ เพราะเขาพึมพำอยู่ใต้ลมหายใจของเขาอย่างไม่ต่อเนื่อง
เขาไม่อยากให้ใครจากไปนั้น นางเองก็ไม่รู้
คำวิงวอนที่อ่อนโยนของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้คนแทบจะไม่อยากฟังมัน
โดยที่ไม่รู้ ความรู้สึกของความเจ็บปวดทุบตีมาที่หัวใจนาง
จี่เฟิงหลี่ มาจากพื้นหลังที่ด้อยโอกาส การที่จะกลายมาเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างที่เขาเป็นในวันนี้ แน่นอนเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานนับไม่ถ้วน ในตอนแรกนางได้ตกลงที่จะแต่งานกับเขาเพราะเหตุผลนี้ ภายในเมืองหลวงมีขุนนางหลายคนที่โดดเด่นและรู้เพียงแค่ว่าจะพึ่งพาการสนับสนุนจากครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไรอย่างเช่นหวงฝู่ อู๋ ซวง นางคิดว่ามันน่าชื่นชมที่จี่เฟิงหลี่ อาศัยเพียงตัวเองและความสามารถของเขาเท่านั้น
แต่ความชื่นชมนี้ได้หายไปกับสายลมแล้ว นางมีเพียงแค่ความเกลียดชังให้กับเขาในตอนนี้!
นางจ้องมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ก่อนจะวางถ้วยลงไปบนโต๊ะ ด้วยมือที่เป็นอิสระของนาง นางพยายามที่จะแกะมือของเขาออก ทันใดนั้นในตอนนี้ขนตาของเขาก็วูบวาบและดวงตาของเขาลืมขึ้น ทั้งเยือกเย็นและชัดเจน ในขณะที่เขาจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ
แน่นอนว่าจี่เฟิงหลี่เป็นหนึ่งในนั้นคนประเภทที่ว่า ขอเพียงไข้ของเขาลดลงสติของเขาก็จะฟื้นขึ้นมาทันที
นางไม่ได้คาดหวังอะไรเช่นนี้ นางจึงแข็งค้างไปด้วยความประหลาดใจและทั้งสองต่างก็ตกอยู่ในตำแหน่งที่แปลก ๆ
จี่เฟิงหลี่ จับอยู่ที่มือนางของนาง ในขณะที่มือของนางจับอยู่ที่มือของเขา
แล้วทันใดนั้นทั้งสองต่างก็รีบปล่อยมัน
รูปลักษณ์ที่ซับซ้อนโผล่ขึ้นมาในดวงตาของเขา ในขณะที่เขาหันไปมองทางอื่น
นางเดินกลับไปสองก้าวและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดีจริงๆ ที่ท่านเสนาจี่ฟื้นแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวไปเตรียมยาก่อน “
“ช้าก่อน!” ดวงตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของเขาหรี่ลง ในขณะที่เขาจ้องมองที่นางอย่างเย็นชา ก่อนที่จะพูดขึ้น “ช่างมันเถอะ ตามหลานปิงเข้ามา”
ฮวาจูอวี้ ฟังอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่จะออกไปนางได้เอาถ้วยที่มีเลือดติดตัวไปด้วย ถ้ามีคนเห็นพวกเขาจะรู้ได้ว่านางช่วยชีวิตเขาไว้อย่างไรและนางไม่ต้องการให้เขารู้ว่านางใช้เลือดของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา
นางรีบออกจากห้องไปทันที
หลานปิงและทหารอีกหลายคนกำลังรออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นนาง หลานปิงก็รีบวิ่งเข้าไปและถามขึ้น “ท่านเสนาเป็นอย่างไรบ้าง?” ด้วยสายตาที่น่ากลัว เขาดูเหมือนว่าเขาจะทำให้นางสำลักได้ทุกเมื่อ ถ้านางไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการ
“ท่านเสนาต้องการพบท่าน” ฮวาจูอวี้ ตอบ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
จี่เฟิงหลี่ที่นอนบนเตียงเขามอง เขามองไปที่หลานปิงด้วยดวงตาที่หรี่ลงของเขา ก่อนจะถามขึ้น “หยวนเป่าอยู่ที่นี่เมื่อคืนนี้หรือ? แล้วไม่มีใครอื่นอีกหรือ? ”
หลานปิง ตอบด้วยรอยยิ้มขึ้นทันที “ใช่ท่านเสนา ไม่เพียงแค่ท่านป่วยท่านยังถูกวางยาพิษอีกด้วย ท่านหมอหลวงยังไม่มีวิธีที่จะช่วยท่าน แต่หยวนเป่าก็บอกว่าเขามีวิธีที่จะช่วยท่าน ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลท่านแต่ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหน มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ “
จี่เฟิงหลี่หัวคิ้วขมวดขึ้นทันที ในขณะที่ความหนาวเย็นส่องประกายอยู่ในส่วนลึกของดวงตาสีเข้มของเขา
เมื่อคืนที่เขาหมดสติไป เขารู้สึกได้ถึงมือที่เยือกเย็นคู่หนึ่งที่เยือกเย็นที่จะสัมผัสเหมือนหิมะในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ปรากฏในเวลากลางคืน ค่อย ๆ ลากเส้นอยู่ที่หน้าผากของเขา ถึงแม้ปลายนิ้วจะเยือกเย็นแต่ฝ่ามือกลับอบอุ่น เมื่อมันวางอยู่บนหน้าผากของเขา มันนำความรู้สึกของความอบอุ่นที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนมาให้ เขายังรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อ่อนนุ่มและละเอียดอ่อนเหมือนกลีบดอกไม้ตกลงมาบนริมฝีปากของเขา เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่อะไรที่อยู่บนโลกใบนี้จะนุ่มนวลได้เช่นนั้นถ้าไม่ใช่ …
จู่ ๆ จี่เฟิงหลี่ก็หลับตาและไม่กล้าที่จะคิดต่อ
“หลานปิง ตามทหารสองคนมาให้ข้า สำหรับหยวนเป่า ให้เขาไปดูแลผู้ป่วยคนอื่น ๆ !” จี่เฟิงหลี่ สั่งขึ้นอย่างช้าๆ
หลานปิง ไม่เข้าใจเหตุผล ดังนั้นเขาจึงรีบถามขึ้น “ทำไมหรือ? ไม่ใช่ว่าหยวนเป่าดูแลท่านเป็นอย่างดีหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะเขา … ”
จู่ ๆ จี่เฟิงหลี่ ก็จ้องมองไปที่หลานปิง “ไม่มีเหตุผล! แค่ทำตามก็พอ! “
หลานปิงพยักหน้าด้วยความยินยอม เมื่อเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของจี่เฟิงหลี่ เขาก็ไม่กล้าถามคำถามอีกต่อไป
“เจ้าพบอะไรที่เกี่ยวกับยาพิษหรือไม่” จี่เฟิงหลี่ถามขึ้นอย่างเย็นชา
“ถงโจว ค้นพบว่ายาพิษถูกซ่อนไว้ในเทียนหอม เมื่อจุด สารพิษจะระเหยไปในอากาศ มันเป็นสารพิษที่ไม่มีกลิ่นและขนาดของมันมีขนาดเล็กมาก แต่ถ้าใครสูดดมเป็นเวลานานจะกลายเป็นพิษ ท่านหมอหลวงซานกล่าวว่าเมื่ออาการเจ็บป่วยของท่านถูกกำจัดไปแล้ว เขาจะทำยาแก้พิษเพื่อล้างสารพิษออกไป ในช่วงเวลานี้ มีคนมาและไปจากกระโจมของท่านมากมาย พวกเขาอาจผสมผสานอยู่กับผู้ป่วยก็ได้ ” หลานปิง พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “อย่ากังวลในเรื่องเหล่านี้เลยท่านเสนา มีอะไรที่ท่านอยากกินหรือไม่ก็พักผ่อนให้มากขึ้นดีหรือไม่? ”
จี่เฟิงหลี่พยักหน้า “ข้าอยากจะนอนพักอีกสักระยะหนึ่ง”