World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 96.1
ในคืนนั้นกองทัพของอาณาจักรใต้ก็ได้ทำการตั้งค่ายใกล้กับป่าและสร้างกองไฟเพื่อพวกเขาจะได้ปรุงและรับประทานอาหาร หลังอาหารค่ำทุกคนก็กลับไปพักผ่อนในกระโจมของพวกเขา หลังจากเดินทางมาหลายวันแล้วทุกคนต่างก็หมดแรง
ฮวาจูอวี้รอจนกระทั่งทหารทุกคนหลับไป ก่อนออกจากกระโจมไปอย่างเงียบ ๆ
ใกล้ค่ายทหารเป็นลำธารขนาดเล็กที่ทหารใช้ล้างเนื้อตัวก่อนมื้อเย็น ฮวาจูอวี้เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไปในเวลานั้นและต้องรอจนถึงตอนกลางคืน ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่นั่น
หลบอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี ดวงจันทร์และดวงดาวต่างก็สว่างไสว ฮวาจูอวี้หลีกเลี่ยงการเดินลาดตระเวนของทหารในช่วงกลางคืนและเดินไปตามลำธารสายเล็กๆ หลังจากเดินไปได้สักระยะหนึ่ง นางก็ยังไม่ได้ออกจากบริเวณใกล้เคียงของค่ายนัก เนื่องจากปัจจุบันมีทหารตั้งกระโจมอยู่มากกว่า 20,000 คน ดังนั้นนางจึงลังเลใจก่อนจะตัดสิ้นใจที่จะลงไปในน้ำพร้อมด้วยเสื้อผ้าทั้งชุด เมื่อนางอยู่ในน้ำที่เต็มไปด้วยหมอกลึกมากพอแล้วและมันยังสามารถปกปิดร่างกายของนางได้ นางก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกและล้างตัวในขณะที่เพลิดเพลินไปกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน ด้วยการถอนหายใจนางล้างชุดของนาง ก่อนออกจากลำธารไป
ร่างกายของนางเปียกโชก แต่เหงื่อและสิ่งสกปรกที่สะสมในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาถูกล้างให้สะอาดจนหมดไปแล้ว นางคว้าเครื่องแบบชุดใหม่ที่นางถือมาด้วยจากบนฝั่งและไปหาที่กำบังเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของนาง
นางข้ามสะพานไม้ไปยังอีกฟากหนึ่งของลำธารและสังเกตเห็นภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปจากด้านหน้าของนาง พร้อมกับได้ยินเสียงนกที่ไม่คุ้นเคยได้ขึ้น นางเดินตรงไปอีกและพบที่ซ่อนที่ดี นางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าของนางอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่นางเปลี่ยนเสร็จ นางก็ได้ยินเสียงดังใกล้เข้ามา
นางตกตะลึงและหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของต้นไม้ นางเก็บผมยาวของนางขึ้นในทรงขนมปังและมองผ่านช่องว่างของกิ่งไม้ไป นางเห็นชายสามคนเข้ามาใกล้ในขณะที่พูดขึ้นอย่างรวดเร็วและจำได้ว่าสำเนียงของพวกเขาเป็นคนของราชอาณาจักรเหนือ
ดูเหมือนกองทัพของอาณาจักรใต้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ชายแดนทางเหนือ ถ้าพวกเขาเดินทางไปอีกหนึ่งวันก็จะไปถึงซูโจว ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในการรบในเช้าของวันพรุ่งนี้ก็ได้
แต่คนเหล่านี้เป็นคนสอดแนมที่อาณาจักรเหนือส่งมาหรือไม่?
เมื่อคิดขึ้นมาได้เช่นนี้ จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงคนวิ่งออกมาจากป่า คนที่นำหน้ามีร่างกายที่สูงใหญ่และแข็งแรง นางได้ยินเสียงของดาบและทั้งสองกลุ่มก็เริ่มการต่อสู้
แม้ว่าทักษะการต่อสู้ของสายลับจะไม่เลวนัก และกลุ่มที่พวกเขาพบก็ไม่ได้เป็นทหารธรรมดา 3 สายลับได้รับการจับคุมและไม่นานหนึ่งในนั้นก็ถูกสังหารและถูกจับเป็นอีกสอง
ภายใต้แสงจันทร์ ฮวาจูอวี้ สังเกตเห็นผู้ชายสองคนที่เพิ่งจะมาถึงและสังเกตเห็นชุดที่พวกเขาสวมอยู่ว่าเป็นชุดของอาณาจักรใต้ หลังจากได้ตรวจสอบอย่างละเอียด นางก็ได้รู้ว่าพวกเขาก็คือถังยวี และหนานกง เจี๋ย
ทั้งสองคนนี้เป็นทหารระดับสูง ดังนั้นทั้ง 3 สายลับจึงต้องเผชิญกับความโชคร้ายที่ถูกจับในคืนนี้โดยพวกเขา ในขณะที่พวกเขาออกลาดตระเวน
และพวกเขาก็ได้ส่งสายลับไปยังทหารที่อยู่ข้างหลังของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาจัดการต่อ และในทันทีพวกเขาก็กระโดดขึ้นมาบนต้นไม้ที่ฮวาจูอวี้ กำลังซ่อนตัวอยู่ในขณะนี้
ฮวาจูอวี้ตกใจขณะที่นางไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นนาง บางทีพวกเขาอาจจะสันนิษฐานเอาไว้ก่อนแล้วว่านางอาจจะเป็นสายลับของอาณาจักรเหนือ ฮวาจูอวี้รีบกระโดดลงไปอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “ช้าก่อน!”
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินนาง แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ไม่ได้ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนานกง เจี๋ย ที่ดาบของเขากำลังมุ่งตรงมาที่หน้าอกของนาง
นางหลบการโจมตีและพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนสอดแนม พวกเจ้าจับผิดคนแล้ว” จากประสบการณ์หลายปีของนาง นางรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะขจัดข้อสงสัยของพวกเขาเกี่ยวกับนางไปได้
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสายลับหรือไม่ นั้นก็เป็นเรื่องที่ท่านแม่ทัพจะเป็นตัดสินใจ! ตอนนี้เชื่อฟังและตามเราไป! “หนานกง เจี๋ยพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ตกลง” นางพูดในขณะหลบเลี่ยงการโจมตีของหนานกง อีกครั้งหนึ่ง “หยุดและข้าจะตามเจ้าไป”
หนานกง เจี๋ย ดึงดาบกลับมาและชี้ไปที่ทหารที่อยู่ข้างหลังเขา เพื่อจับกุมตัวฮวาจูอวี้ และพานางกลับไปที่ค่าย
ในค่ายของเขา แม่ทัพหวังอวี้ได้กำลังประเมินฮวาจูอวี้และสายลับอยู่ ก่อนจะสั่งให้ทหารไปสอบปากคำผู้สอดแนมและได้พบว่าพวกเขาเป็นผู้สอดแนมของอาณาจักรเหนือจริงๆ พวกเขามีหน้าที่ส่งข่าวเกี่ยวกับกองทัพของอาณาจักรใต้
ฮวาจูอวี้ไม่คิดว่าการที่นางแอบไปล้างตัวในตอนกลางดึก จะทำให้นางต้องกลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยในการสอดแนม นอกจากนี้หวังอวี้ยังไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อย ทันทีที่ได้ยินผลของการสืบสวน เขาก็สั่งตัดหัวสายลับ รวดเร็วและเด็ดขาด
ด้วยใบหน้าที่จริงจังฮวาจูอวี้พูดขึ้น “แม่ทัพหวัง ข้าต้องการพบท่านเสนา” นางไม่มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือจะตายที่นี่ด้วยเช่นกัน นางต้องไปพบจี่เฟิงหลี่ เขาเป็นผู้ควบคุมดูแลกองทัพอย่างเป็นทางการ ดังนั้นสิทธิ์และอำนาจของเขาในกองทัพจึงไม่ได้เล็กแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นหวังอวี้ยังเป็นคนของเขา ไม่อย่างนั้นจี่เฟิงหลี่จะปล่อยให้เขาเป็นผู้นำกองทัพได้อย่างไร
หวังอวี้ประเมินฮวาจูอวี้อยู่สักครู่แล้วพูดอย่างเย็นชาขึ้น “เจ้าไม่มีอะไรนอกจากทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ทำไมท่านเสนาถึงจะพบเจ้า? ”
“ข้าเป็นคนในจวนของท่านเสนา” ฮวาจูอวี้ ตอบ นางไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งนางจะต้องหวังให้จี่เฟิงหลี่เข้ามาช่วยเหลือนาง
เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังอวี้ก็ต้องประเมินนางอีกครั้ง ก่อนที่จะออกคำสั่งให้ทหารพาตัวนางไปที่กระโจมของจี่เฟิงหลี่ เมื่อพวกเขามาถึงกระโจมของเขา ทหารก็เข้าไปข้างในเพื่อแจ้งและช่วงเวลาต่อมา นางก็ถูกนำตัวเข้าไปด้านใน
เมื่อจี่เฟิงหลี่ยกศีรษะขึ้นและเห็นฮวาจูอวี้เดินเข้ามา ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาโบกมือและทหารทั้งหมดก็ออกไป เหลือเพียงพวกเขาเท่านั้น
ภายในกระโจมเทียนหอมกำลังสุกสว่างอยู่และจี่เฟิงหลี่ก็ยืนอยู่ตรงกลาง เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว ดูผ่อนคลายและสบายๆ นางไม่เคยได้พบเขาเลยในระหว่างการเดินทาง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็ยังคงสุขุมเหมือนเดิม
เขามองไปที่ฮวาจูอวี้และยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าแทบจะรอไม่ไหวที่จะส่งข้อความไปยังฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือเลยหรือ” แม้ว่าเสียงของเขายังคงเบา และรอยยิ้มของเขาก็ยังคงอ่อนโยน แต่นางก็รู้สึกถึงความกดดันอย่างมากที่มุ่งเป้ามาที่นาง
นางรู้ดีว่าจี่เฟิงหลี่ มักจะสงสัยว่านางเป็นคนของเสี่ยวหยิน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะช่วยเพิ่มความสงสัยเหล่านั้นเข้าไปอีก บางทีอาจเป็นเพราะความสงสัยเหล่านั้นที่เขาอนุญาตให้นางเข้าไปในกองทัพได้ในตอนแรก แต่ฮวาจูอวี้ก็กล้าท้าพนันว่าจี่เฟิงหลี่จะไม่ฆ่านาง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการ แต่เพราะเขารู้ดีกว่าหวังอวี้ ว่าตำแหน่งของนางในหัวใจของเสี่ยวหยินเป็นอย่างไร เขาได้เห็นเสี่ยวหยิน ช่วยชีวิตนางจากสัตว์ร้าย ฮวาจูอวี้ยังคงจำได้อย่างชัดเจนในวันนั้น เมื่อเสี่ยวหยินออกเดินทางไปกับเหวินว่าน เขาบอกว่าเขาจะใช้เหวินว่าน เป็นตัวต่อรองเพื่อให้แน่ใจว่านางจะปลอดภัย
“ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเขานั้นลึกซึ้งจริงๆ แต่ข้าสงสัยว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าได้ดีแค่ใด” จี่เฟิงหลี่ พูดขึ้นอย่างช้าๆในขณะที่ดวงตาหงส์กระพริบขึ้นอย่างซับซ้อน
“เจ้าต้องการจะทำอย่างไร?” ฮวาจูอวี้ยกศีรษะและมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
“ตั้งแต่สมัยโบราณ ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้ชายมักจะโกรธเกรี้ยวเนื่องจากผู้หญิงงามคนหนึ่ง แต่ไม่เคยได้ยินว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งโกรธเกรี้ยวเพราะสัตว์เลี้ยงตัวผู้! ข้าคิดว่าบางทีสงครามครั้งนี้อาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร? ถ้าข้าส่งเจ้าออกไป เสี่ยวหยินจะยกกองทัพของเขากลับหรือไม่? “จี่เฟิงหลี่พูดด้วยรอยยิ้มที่บางเบา
ฮวาจูอวี้รู้สึกไม่พอใจ นางจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาที่มืดดำของจี่เฟิงหลี่ ในขณะที่คลื่นเย็น ๆ กำลังพุ่งขึ้นมาภายในตัวนาง ครู่ต่อมานางก็หัวเราะออกมา พร้อมกับกำกำปั้นเอาไว้แน่นและมุ่งตรงไปที่ใบหน้าของจี่เฟิงหลี่เนื่องจากต้องการที่จะชกเขา แม้ว่านางไม่ใช่ผู้ชาย แต่นางก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงตัวผู้ของใครด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินคำนั้นบ่อยครั้ง นางก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกดูถูกมากเกินไป
จี่เฟิงหลี่ ไม่คิดว่าฮวาจูอวี้ จู่ๆ ก็จะเคลื่อนไหวและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาค่อยๆพลิกร่างของเขาและหลบการโจมตีของนาง ในขณะที่เขาคว้าข้อมือนางเอาไว้แน่น ฮวาจูอวี้บิดตัวไปด้านข้าง ก่อนจะโจมตีด้วยอีกมือที่เป็นอิสระ โดยกำหนดเป้าหมายไปที่คอของเขา
เขาเอนหลังและหลีกเลี่ยงการโจมตีของนาง ก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น “เจ้าต้องการจะกำจัดข้าเพื่อเสี่ยวหยินหรือ” แล้วเขาก็ยกแขนเสื้อขึ้นและใบพัดที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏขึ้น เขาเปิดใบพัดออกพร้อมกับกลิ่นอายที่เยือกเย็นที่กระจายออกมา ในขณะที่เขาโจมตีไปที่นาง
ฮวาจูอวี้ รู้ว่าพัดเป็นอาวุธของเขา แต่นางไม่รู้ว่าเขาเก็บมันไว้ที่ไหน นางไม่เคยเห็นเขาใช้มันตั้งแต่คืนนั้นที่บ้านของหลิวโม่
นางไม่ได้คิดว่าจู่ๆ เขาจะเอามันออกมาใช้ นางรู้สึกหงุดหงิดและอยากจะสอนบทเรียนให้เขา ไม่ได้อย่าเอาชีวิตของเขา อย่างไรก็ตามในขณะที่จี่เฟิงหลี่ เองก็มีความคิด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่านาง แต่เขาก็อยากจะสั่งสอนนางและไม่ได้สนใจเรื่องการเปิดเผยความสามารถทางศิลปะการต่อสู้ของเขากับนางเลยด้วยซ้ำ
ฮวาจูอวี้ถูกโจมตีในขณะที่ไม่ทันระวังและนางก็ไม่มีอาวุธอยู่ในมือ การได้เห็นพัดที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาต่อหน้าของนาง ทำให้นางสามารถเอนไปด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีได้เท่านั้น แต่ถึงแม้ว่านางจะสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของพัดได้ แต่นางก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงนิ้วมือที่โจมตีมาพร้อมกันและปิดผนึกจุดของนางเอาไว้ได้
ร่างกายของฮวาจูอวี้ เริ่มอ่อนปวกเปียกและล้มลงไป แต่โชคดีที่อยู่ข้างหลังนางของมีโต๊ะไม้จันทน์ที่สามารถรับตัวนางไว้ได้
“ทักษะการต่อสู้ของท่านเสนา เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและไม่คาดคิดอย่างแท้จริง! ข้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถบังคับให้ท่านเสนา เปิดเผยทักษะเหล่านี้ออกมาหรือไม่? ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้พวกมันรั่วไหลออกไปหรือ?”ฮวาจูอวี้ยิ้มเยาะในขณะที่นางพิงกับโต๊ะ
จี่เฟิงหลี่ยืนสง่าอยู่ที่นั่น ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่นาง พร้อมกับเสียง ‘พึบ’ เขาเปิดพัดของเขาและเผยให้เห็นภาพวาดที่งดงามอยู่บนนั้น
“สิ่งนี้ไม่มีความสำคัญอะไร ข้าไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารังเกียจอะไรมากที่สุด? สิ่งที่ข้าไม่สามารถทนได้ก็คือการทรยศ! “เสียงของเขาหนาวและเฉียดคม มันทะลุผ่านหูของนางไป “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนในอาณาจักรใต้ แต่กลับขายตัวเองให้อาณาจักรเหนือและเจ้าก็ห่วงใยพวกเขาเป็นอย่างมาก พูดมาว่าข้าควรจะจัดการกับเจ้าอย่างไร? ”
“ทรยศหรือ?” ฮวาจูอวี้หัวเราะอย่างขมขื่น พร้อมกับความเยือกเย็นที่พุ่งขึ้นมาในดวงตาของนาง เพื่ออาณาจักรนางใต้นางต้องเดินผ่านไฟและน้ำ และตอนนี้นางก็เป็นคนน่ารังเกียจ มีความผิดเนื่องจากการเป็นคนทรยศ
“ข้าสงสัยว่าท่านเสนาตั้งใจจะลงโทษข้าในข้อหาทรยศอย่างไร? ความตายโดยการสับเป็นพันๆ ครั้งหรือ? การตัดหัวหรือ? หรือตายด้วยลูกศร”นางก้มหัวลงและถามด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น
ภายในกระโจมจู่ๆ แสงเทียนก็หรี่ลงและสถานที่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดไปชั่วขณะ การแสดงออกบนใบหน้าของจี่เฟิงหลี่ ไม่สามารถอ่านได้อย่างชัดเจน มีเพียงเฉพาะสายตาของเขาเท่านั้นที่จ้องมองด้วยความดุเดือนอย่างเห็นได้ชัด
“มั่นใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า อย่างไรก็ตามเจ้าก็ได้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง แต่อย่าเพิ่งกระโดดไปด้วยความดีใจ พรุ่งนี้ข้าจะให้เจ้าได้เป็นพยานว่าข้าทำให้เสี่ยวหยินพ่ายแพ้ไปอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร “เขาประกาศขึ้นอย่างเย็นชาและไม่ได้มองไปที่นางอีก ในขณะที่เขาเป่าเทียนให้ดับลง