World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 97.1
เสื้อคลุมสีม่วง ตาสีม่วง ผมสีม่วง
ผมสีม่วงหรือ?
ฮวาจูอวี้ต้องตกใจเมื่อมองเห็นเส้นผมที่ไหลผ่านหลังของเสี่ยวหยิน เป็นสีม่วงอันงดงามเรียงรายอยู่ข้างหลังของเขาเหมือนน้ำตก สีม่วงส่องประกายอย่างน่าทึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ตอนเย็น ทำให้ใบหน้าของเขาดูเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
เส้นผมของเสี่ยวหยิน เป็นสีดำ แล้วจู่ๆ มันเปลี่ยนเป็นสีม่วงได้อย่างไร?
เขารู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากับผมสีม่วงของเขา ท่าทางสง่างามของเขาทำให้นางรู้สึกวิตกเล็กน้อย เพียงแค่กลิ่นอายของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะกดดันทหารทั้งหมด นี่ยังไม่นับกองทัพที่น่าทึ่งนับพัน ๆ ที่อยู่ข้างหลังของเขาอีก
เสี่ยวหยินดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นฮวาจูอวี้ ในขณะที่นางเฝ้าดูเขาจากหอประตูเมือง
ด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นที่กำลังปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่จี่เฟิงหลี่เท่านั้น
ด้วยการยกมือขึ้นอย่างกะทันหันของเขา ทำให้เสียงกลองและแตรหยุดลงในทันที ความสงบที่ลึกลับห่อหุบอยู่รอบๆตัวเขา ท้องฟ้าและแผ่นดินทำให้เหลือเพียงเสียงกระหึ่มที่น่าเศร้าของสายลมพัดเท่านั้นที่พอจะได้ยิน
แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ได้ตกดินและหายไปเหนือเส้นขอบฟ้า มีเพียงประกายแสงในสายตาของทหารที่เต็มไปด้วยไอสังหารที่ทำให้อากาศแทบจะหายใจไม่ออก
ฮวาจูอวี้ไม่ใช่คนแปลกหน้ากับฉากแบบนี้ แต่นางไม่เคยรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่สูงเท่าในวันนี้มาก่อน เหตุผลหลักคือการที่นางไม่ได้เผชิญหน้ากับกองกำลังของตะวันตกเหลียง แต่เป็นอาณาจักรเหนือที่นำโดยเสี่ยวหยินซึ่งเป็นผู้ชายที่เคยอ้างว่าเขารักนางและจะปกป้องนางตลอดไป
เสี่ยวหยินไม่ได้มีคำสั่งให้โจมตีในทันที แต่พูดขึ้นอย่างดุเดือด “จี่เฟิงหลี่ในเมื่อเจ้ามาถึงแล้วก็อย่าหนีและซ่อนตัว รีบส่งคนของเจ้าเข้าสู่สนามรบเสีย!”
ด้วยมือที่ไขว่หลัง เขายืนตรงและสง่างาม จี่เฟิงหลี่แสดงท่าทางหยิ่งยโสและสูงส่งออกมา เนื่องจากแขนเสื้อสีขาวของเขาสะบัดไปตามสายลม ดวงตาหงส์ ของเขาซึ่งดูเหมือนจะสามารถมองผ่านทุกอย่างได้ส่องประกายสว่างไสวขึ้น ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเขาพูดขึ้น “ฮ่องเต้เหนือมีท่าทีที่น่าประทับใจจริงๆ ข้าไม่รู้จริงๆว่าควรจะส่งใครไปเพื่อเอาชนะท่าน หรือว่าข้าควรจะส่งเขาไปดี? ”
จี่เฟิงหลี่ไม่ได้ตะโกนแม้แต่น้อย แต่เสี่ยวหยิน ก็ยังสามารถได้ยินคำพูดของเขาได้ทุกอย่าง
ฮวาจูอวี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า “เขา” ที่จี่เฟิงหลี่หมายถึงคือนาง
เสี่ยวหยินมองตามทิศทางที่จี่เฟิงหลี่ ชี้และมองไปที่ฮวาจูอวี้ หลังจากมองนางอย่างผ่านๆแล้ว เขาก็หันกลับมาและหัวเราะอย่างเยือกเย็นและดูถูกขึ้น “เสนาบดีฝ่ายซ้าย อาณาจักรใต้ของเจ้าขาดคนแล้วหรือ ถึงขนาดจะส่งทหารตัวเล็กๆ เช่นนั้นมาเผชิญกับผู้นำศัตรู? เจ้ากำลังดูถูกกองทัพของอาณาจักรเหนือของข้าอยู่หรือ! ”
ฮวาจูอวี้ รู้ว่าจี่เฟิงหลี่ ไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งนางไปต่อสู้จริงๆ แต่พูดเช่นนี้เพื่อที่จะดึงความสนใจของเสี่ยวหยิน มาที่นาง เขามั่นใจว่านางเป็นหนึ่งในคนของเสี่ยวหยิน ถ้าเขาปล่อยนางไปก็ไม่เท่ากับการส่งนางกลับไปหรือ
แต่สิ่งที่ฮวาจูอวี้ไม่คาดคิดคือการได้ยินคำพูดดังกล่าวจากเสี่ยวหยิน ราวกับว่าเขาไม่รู้จักนางเลย
จี่เฟิงหลี่ถึงกับประหลาดใจเล็กน้อยกับการตอบสนองที่เขาได้รับ เขาหันกลับมาและมองดูฮวาจูอวี้และพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ข้านึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้เหนือกำลังแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักเจ้า เขาคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระหรือถ้าเขาทำเช่นนั้น? ”
นางยิ้มและตอบขึ้น “ท่านเสนา โปรดให้ข้าไปพบกับผู้นำของศัตรูด้วย! ข้าไม่ใช่สายลับที่ส่งมาจากอาณาจักรเหนือ ข้ามีเชื้อสายของอาณาจักรใต้ ถ้าท่านไม่ไว้ใจข้าและคิดว่าข้าจะหลบหนี ท่านก็สามารถยิงข้าด้วยลูกธนูได้ในทันที “นางตัดสินใจว่าต้องพบกับเสี่ยวหยิน ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ต้องรู้ว่าทำไมเขาถึงก่อสงครามในครั้งนี้ ถ้า … ถ้ามีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยว่ามันอาจจะเป็นเพราะนาง นางคงจะไม่กลายเป็นคนบาปแห่งศตวรรษไปหรอกหรือ? นางต้องโน้มน้าวให้เขาถอนกองกำลังและยุติสงครามในครั้งนี้
จี่เฟิงหลี่จ้องมองที่นาง ก่อนที่จะพูดว่า “ดี! ข้าจะให้เจ้าได้พบเขา แต่ถ้าเจ้าวางแผนที่จะหลบหนีมันจะไม่ง่ายเช่นนั้น “
ฮวาจูอวี้ถูกพาไปที่ประตูเมืองโดยกลุ่มทหาร โดยมีถังยวี และหนานกง เจี๋ย อยู่ประคบทั้งสองด้าน
ฮวาจูอวี้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถงยวีผู้ซึ่งมาจากถังเมน ที่มีความสามารถในเรื่องของยาพิษ ถ้านางจะหลบหนีแม้ว่าจะไม่มีการลงมือของจี่เฟิงหลี่ ทั้งสองก็จะพยายามหยุดนาง อย่างไรก็ตามจี่เฟิงหลี่ยังประเมินความสามารถของนางสูงอยู่ เพราะถ้านางอยากหนีไปอย่างแท้จริง ทั้งสองจะไม่สามารถหยุดนางได้ แต่นางไม่มีแผนที่จะหลบหนี เพื่ออาณาจักรใต้ครอบครัวฮวาของนางได้เสี่ยงชีวิตอยู่หลายปีในสนามรบ ถ้าไม่ใช่เพราะราชสำนักก็เพื่อคนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าบิดาของนางจะถูกตัดสินว่าเป็นกบฏ แต่นางก็ยังเชื่อในความบริสุทธิ์ของเขา และนางก็ไม่เคยคิดที่จะทรยศต่ออาณาจักรของนางเอง
ที่ประตูเมืองซูโจว นางขี่ม้าออกไปพร้อมกับถังยวี และหนานกง เจี๋ยที่เดินตามมาอย่างใกล้ชิดทั้งทางด้านซ้ายและทางขวา เสียงกีบม้าทำลายความเงียบและดังขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนหัวใจของนาง
ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ทีละก้าวๆ
เมื่อออกจากประตูเมืองผ่านหมอกเย็นในตอนเย็น ในที่สุดนางก็เข้าใกล้เสี่ยวหยิน และสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาภายใต้ธงของอาณาจักรเหนือได้
แต่เสี่ยวหยิน ตรงหน้านางไม่คุ้นเคยกับสายตาของนางเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะผมสีม่วง แต่เป็นดวงตาสีม่วงของเขาและการแสดงออกที่รุนแรงที่เขามี เขาสวมชุดสีม่วงพราวแพรวและมีสัญญลักษณ์ของราชอาณาจักรเหนือพร้อมกับมังกรสีทองที่มีดวงตาอันวาวแวมและมีมีดปลายแหลมคมปักอยู่ด้านหน้า เนื่องจากคำสั่งของเสี่ยวหยิน ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเขามีกลิ่นอายของกษัตริย์ผู้ปกครองอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุผลที่ไม่รู้สาเหตุ ฮวาจูอวี้ รู้สึกถึงความรู้สึกไม่สบายแปลก ๆ ที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
นางนั่งอยู่บนม้าและมองไปที่เขาเพียงเพื่อจะได้พบกับสายตาที่เฉียดและดุเดือด ซึ่งดูเหมือนจะมองทะลุผ่านนางได้
ด้วยดวงตาสีม่วงเข้มที่เขาจ้องมองมาที่นาง ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกใด้ๆ แม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกเยือกเย็นไปถึงกระดูกเท่านั้น เสี่ยวหยินยิ้มให้นาง แต่รอยยิ้มดังกล่าวมีแต่กลิ่นไอสังหารพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจี่เฟิงหลี่จะส่งทหารตัวๆเล็กออกมา ถ้าเจ้ากำลังปรารถนาความตายฮ่องเต้ผู้นี้ก็จะตอบสนองความต้องการของเจ้า! “