World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 97.2
ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนว่าหัวใจของฮวาจูอวี้จะแข็งค้างไป
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของนาง ใช่เสี่ยวหยินจริงๆหรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเสี่ยวหยินจริงๆ แต่ด้วยวิธีที่เขาแสดง มันก็เหมือนกับช่วงเวลาที่พวกเขาได้พบกันเป็นครั้งแรก ไม่ เขายิ่งเหี้ยมโหดมากกว่าในเวลานั้นเสียอีก
นางรู้สึกขมขื่นในส่วนลึกในหัวใจของนาง ราวกับว่ามันกำลังถูกบีบโดยใครบางคน เสี่ยวหยินไม่รู้จักนางจริงๆหรือ? นางสงบนิ่งเมื่อพบกับการจ้องมองของเขา ในขณะที่ความรู้สึกมากมายไหลผ่านเข้ามา
“โจมตี!” เสี่ยวหยินบัญชาการด้วยเสียงน้ำแข็งขึ้น
หลังจากนั้นแม่ทัพผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาก็พุ่งไปข้างหน้าบนหลังม้าของเขส
คนส่วนใหญ่ในกองทัพของอาณาจักรเหนือ ไม่ได้ตระหนักถึงรูปร่างหน้าตาของนาง เพราะนางจะปกปิดใบหน้าของนางหรือใส่เครื่องสำอางค์เมื่อนางถูกคุมขังในฐานะนางโลมที่ค่ายทหาร
แม่ทัพนั่งอยู่บนหลังม้าของเขาเมื่อเข้าใกล้ ๆ และชี้หอกไปที่ฮวาจูอวี้ก่อนจะพูดขึ้น “แม่ทัพผู้นี้จะส่งเจ้าไปเอง!”
โดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย สายตาของฮวาจูอวี้ยังคงจ้องไปที่เสี่ยวหยิน ด้วยสายตาที่ชัดเจนของนางในขณะที่นางพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า และข้าก็ไม่ต้องการที่จะต่อสู้ด้วยเช่นกัน ข้ามาเพียงเพื่อจะพูดสองสามคำกับฝ่าบาทของเจ้า “
หัวคิ้วของเสี่ยวหยินขมวดคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้น “เด็กน้อย ความกล้าหาญของเจ้าไม่เล็กเลยจริงๆ เจ้าต้องการจะพูดอะไร? พูดมา”
เด็กน้อยหรือ
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกคิดถึงวิธีที่เขามักจะเรียกนางว่ายาโถว
นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลาที่พวกเขาแยกจากกัน แต่ผมสีม่วงและสายตาของเขาก็เพียงพอแล้วสำหรับนางที่จะรู้ว่าเขาลืมนางไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทำให้หัวใจนางรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
“ท่านไม่รู้จริงๆหรือว่าข้าเป็นใคร?” ฮวาจูอวี้ถามขึ้นช้าๆ ในขณะที่นางระงับความเจ็บปวดที่สั่นไหวอยู่ภายในเอาไว้
“เจ้าหรือ?” เสี่ยวหยินทำการประเมินนางอีกครั้งและด้วยสายตาที่คมชัดเขาก็ถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร?”
นางเป็นใครนะหรือ
นางตกใจเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าตอบอย่างไร นางควรจะบอกว่านางเป็นอิงซู่เซี่ย หรือหยวนเป่า? หรือว่านางคือฮวาจูอวี้หรือน้องสาวของเขา?
ในตัวตนทั้งสี่ของนางมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เป็นตัวจริงของนาง แต่ก็ไม่สามารถใช้เพื่อตอบคำถามของเขาได้ นางสามารถพูดได้เพียงว่านางคือหยวนเป่า ที่เป็นขันทีของหวงฝู่ อู๋ ซวง ได้เท่านั้น
“ข้าคือหยวนเป่า ที่ฝ่าบาททรงช่วยให้ข้ารอดพ้นจากเงื้อมมือของสัตว์ร้าย เป็นไปได้ไหมว่าฝ่าบาทจะทรงจำไม่ได้แล้ว? “ฮวาจูอวี้ถามขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง นางไม่อยากเชื่อว่าเขาจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
เสี่ยวกยินยิ้มให้กับนาง “ข้าจำสัตว์ร้ายได้ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ เจ้ามาที่นี่เพียงเพื่อที่จะพูดเรื่องนี้หรือ? ถ้าเราพูดเสร็จแล้วสิ่งที่เหลือก็คือการสู้รบ ใช่หรือไม่? ”
สายตาของนางที่จ้องมองเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ถ้าเสี่ยวหยินจำนางไม่ได้แล้ว มันก็จะไร้ผลที่จะพูด
“ข้าแค่อยากจะถามว่าทำไมท่านต้องทำสงครามในครั้งนี้และนำความเดือดร้อนไปให้กับประชาชนทั่วไป” ฮวาจูอวี้ระงับความรู้สึกขมขื่นในใจและค่อยๆถามขึ้น
“สงครามหรือ? ข้อตกลงระหว่างอาณาจักรใต้และอาณาจักรเหนือเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว การรวมประเทศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น อาณาจักรใต้มีความเสียหายที่เกิดจากฮ่องเต้ ที่รู้ว่าจะสะสมอำนาจอย่างไรเท่านั่น เจ้ามีฮ่องเต้หนุ่มคนใหม่ที่้เพิ่งจะได้รับการสวมมงกุฎไม่ใช่หรือ แต่อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ที่เลือกเขา ด้วยเหตุนี้อาณาจักรใต้จึงตกอยู่ในความทุกข์ยาก และอาณาจักรเหนือของข้าไม่ได้พึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ในช่วงหลายปีที่เราได้เรียนรู้วิธีขงจื้อ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่อำนาจของเรากจะกำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน” เสี่ยวหยินพูดขึ้นอย่างสงบ
ฮวาจูอวี้ถึงกับเต็มไปด้วยความงงงวย
เหตุผลที่น่าหัวเราะที่ทำให้เกิดสงครามคือ ‘ความเป็นอันเดียวกัน’ แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือความทุกข์ทรมานและความโชคร้าย เป็นการยากที่จะมีชีวิตที่เงียบสงบและมั่นคงได้
“เจ้าอยากจะพูดอะไรอีกไม่?” เสี่ยวหยินมองไปที่นางและถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ฮวาจูอวี้มีอีกมากมายที่จะอยากพูด แต่คำพูดติดอยู่ในลำคอของนาง เพราะไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ตาม เสี่ยวหยินก็จะไม่ยอมฟังนาง
“ถ้าไม่มีอะไรอื่นแล้วก็มาเริ่มการต่อสู้ได้เลย!” เสี่ยวหยินหรี่ตาลงและพูดขึ้นอย่างช้าๆและเยือกเย็น “เจ้ากล้าที่จะออกจากประตูเมืองและมาพบกับผู้นำศึก และบนพื้นฐานความจริงเพียงอย่างเดียวนี้ ฮ่องเต้ผู้นี้ชื่นชมความกล้าหาญของเจ้า แต่ข้ากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะกลับไป “
ด้วยคลื่นฝ่ามือของเขา กลุ่มทหารก็ล้อมรอบนางและเริ่มโจมตีทันที นางมีหอกเล็กๆเพียงอย่างเดียวที่อยู่ในมือ นางดึงบังเหียนและขี่ม้ากลับไป ราวกับสายฟ้าพุ่งลงมากลางวงล้อม แม้ว่ามันจะเป็นแค่หอกธรรมดาๆ แต่เมื่อมันอยู่ในมือของนางมันก็กลายเป็นอาวุธที่แหลมคมที่ไล่ล่าศัตรูและสะท้อนอยู่ในสนามรบราวกับเสือป่าคำรามและทำให้ศัตรูกระจัดกระจายไปออก ด้วยความเร็วราวกับฟ้าแลบนางสังหารทหารสองคน หลังจากนั้นสักครู่นางก็เปิดเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ ก่อนที่จะรีบกลับไปที่ประตูเมืองพร้อมกับถังยวีและหนานกง เจี๋ย
*** เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหยิน อ่าาาาาาา ข้ารับไม่ได้ดดดดดดด