World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 98
กองกำลังทหารของอาณาจักรเหนือไล่ตามหลังฮวาจูอวี้มาอย่างติดๆ แต่แล้วจู่ๆ ของพิณก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง
บทเพลงเริ่มแรกดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่แล้วก็ค่อยๆเพิ่มความรุ่นแรงขึ้น
เพลงนี้สำหรับฮวาจูอวี้มันคุ้นมาก เพราะมันคือ ซาโปลาง (ฆ่าหมาป่าที่บาดเจ็บ)
ซาโปลางหรือ!
นี่คือเพลงที่นางแต่งขึ้นมาเองสำหรับทหารของนางซึ่งเป็นเพลงที่มีความสำคัญอย่างมาก เป็นเพลงที่แสดงถึงความทุกข์ทรมานและความยากลำบากที่นางและกองทัพของนางได้ผ่านมันมา
นอกจากนางแล้ว ก็มีเพียงตงหงที่รู้จักเพลงนี้
ตงหง ออกจากพระราชวังของอาณาจักรใต้มาหรือ?
หัวใจของฮวาจูอวี้ บีบรัดขึ้นทันทีและนางก็ดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้า ก่อนจะหันไปเผชิญกับฉากที่เข้ามาทักทายกับดวงตาของนาง คือกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของเสี่ยวยินกำลังแยกตัวออกจากศูนย์กลาง เพื่อเปิดทางสำหรับรถม้าที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ผ้าม่านสีแดงแขวนอยู่ด้านหน้าของรถม้า ในความมืดของตอนพลบค่ำ สีแดงที่ฉูดฉาดเด่นชัดอย่างไม่น่าเชื่อและมันก็เป็นสีเดียวกับสีแดงที่ตงหงจะสวมใส่เมื่อนางอยู่ในสนามรบ และเสียงพิณก็ดังมาจากที่นั่น
มือของฮวาจูอวี้ สั่นขึ้นเล็กน้อย สายตาที่ชัดเจนของนางหรี่ลง ในขณะที่นางพยายามจะมองไปที่คนที่อยู่ข้างหลังผ้าม่านสีแดง ภายในรถม้าเป็นภาพเงาของหญิงสาวนางหนึ่ง นั่นจะเป็นตงหงจริงๆหรือ? ในชีวิตทั้งหมดของนางนอกจากจินเซ่อ คนที่นางทำให้ผิดหวังมากที่สุดอีกคนก็คือตงหง ตงหงได้ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อนาง ถ้าคนผู้นั้นเป็นตงหงจริง ๆ นางก็จะต้องช่วยนางให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม
เมื่อจู่ๆ ก็เห็นว่าฮวาจูอวี้ หยุดอยู่ลง ถังยวีและหนานกง เจี๋ย ก็หยุดม้าของพวกเขาด้วยเช่นกัน ท่านเสนาได้มีคำสั่งให้พวกเขาช่วยพาคนผู้นี้กลับไปอย่างราบรื่น ยกเว้นถ้าเขาตัดสิ้นใจที่จะกลับไปยังกองทัพของอาณาจักรเหนือ ครู่ต่อมาพวกเขาประหลาดใจเมื่อเขาเปิดเส้นทางเลือดด้วยตัวเองและขี่ม้ากลับไปที่ประตูเมืองตามลำพัง แต่การหยุดชะงักอย่างกระทันหันของเขา ทำให้พวกเขาต้องระมัดระวังตัวขึ้นอีกครั้ง
“เร็วเขารีบไป ถ้าพวกเรายังล่าช้าอีกต่อไป พวกเราจะไม่มีโอกาสได้กลับไป!” ถังยวี ตะโกนอย่างเย็นชาขึ้น ประตูเมืองจะไม่เปิดอยู่เช่นนี้นานนัก
หนานกง เจี๋ย ก็หันม้ากลับมาด้วยเช่นกัน เขาชี้หอกมาที่หน้าอกของนางและพูดขึ้น “หยุดฝันได้แล้ว พวกเราจะไม่ยอมให้เจ้าหนีกลับไปยังอาณาจักรเหนือ เร็วเข้ารีบกลับไป ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่สุภาพอีกต่อไป”
ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา ฮวาจูอวี้ยังคงนิ่งอยู่ในขณะที่กองกำลังอาณาจักรเหนือกำลังเดินหน้าเข้ามา
ฮวาจูอวี้ตั้งใจฟัง ซาโปลาง ที่ดังอยู่ในสนามรบขนาดใหญ่ นางรู้สึกว่าบางครั้งมันก็ไม่เป็นระเบียบ แม้ว่าความสามารถในการเล่นพิณของผู้หญิงคนนี้จะพิเศษมาก มันก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับตงหง แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเล่นเพลงให้เต็มไปด้วยความเศร้าแต่มันก็ยังขาดบางอย่างไป เฉพาะคนที่เคยประสบกับความทุกข์ทรมานและความยากลำบากรวมทั้งกองทัพเท่านั้น ถึงจะตระหนักถึงความเศร้าที่ลึกลงไปในเพลงนี้ได้
คนผู้นี้ไม่ใช่ตงหง!
แต่แล้วจะเป็นใคร? นอกจากตงหง แล้วยังจะมีใครอีกที่จะรู้จักเพลงนี้บ้าง?
เมื่อเพลงจบลง มือที่เรียบและเรียวก็ยื่นออกมาเพื่อยกผ้าม่านสีแดงขึ้น เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา หัวใจของฮวาจูอวี้ก็แข็งค้างไปทันที
ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวอยู่ในชุดสีแดงที่เน้นรูปทรงอันเพรียวบางและสง่างามของนาง ผมของนางถูกจัดไว้ในทรงขนมปังสูง นางมีคู่คิ้วที่งดงามและดวงตาที่เปราะบางแวววาวเหมือนทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง
แม้ว่านี่ไม่ใช่ตงหง แต่ก็ยังคงเป็นคนที่นางไม่ได้คาดหวังที่จะได้เห็น : เหวิ่นวาน
ฮวาจูอวี้ยังคงระลึกถึงความเกลียดชังและความไม่พอใจที่ฝังอยู่ในดวงตาของเหวิ่นวานในวันนั้น เมื่อเสี่ยวหยินพานางไปกับเขายังอาณาจักรเหนือได้ แต่ตอนนี้นางแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ด้วยรอยยิ้มที่เลื่อนลางบนริมฝีปากของนาง นางมองมาที่ฮวาจูอวี้อย่างหยิ่งยโสด้วยสายตาอันหนาวเย็น ก่อนจะกวาดไปที่หอประตูเมืองที่ที่จี่เฟิงหลี่ ก็ยืนอยู่ที่นั่น ในขณะที่เสื้อคลุมยาวของเขาสะบัดอยู่กลางสายลม
ร่องรอยแห่งความเสียใจกระพริบอยู่ในดวงตาของนาง ก่อนที่นางจะยกกระโปรงของนางขึ้นเพื่อลงจากรถม้าและเดินไปทางเสี่ยวหยิน หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นในขณะที่เขามองเห็นนาง แต่ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในขณะที่มือของเขาเอื้อมออกไปจับเอวของนางและยกนางขึ้นมาบนม้าของเขา
พวกเขานั่งอยู่บนม้าด้วยกัน กลายเป็นฉากที่สนิทสนมกันอย่างไม่อาจอธิบายได้
หัวใจของฮวาจูอวี้ จมดิ่งลงเล็กน้อย
นางยังจำคำพูดของเสี่ยวหยินได้ มันสะท้อนอยู่ในหูของนางราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เมื่อวานนี้
เขาบอกว่าเขายินดีที่จะกลายเป็นโสเภณีชาย ถ้าหากทำเช่นนั้นแล้วจะทำให้ความเกลียดชังของนางลดลงบ้าง
เขาบอกว่า หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากกรงเล็บของสัตว์ร้ายแล้ว ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่ามันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนที่นางต้องถูกยิงด้วยลูกศรของเขา
เขาบอกว่า หยาโถว อาณาจักรใต้อันตรายมาก ตอนนี้ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไรที่จะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ ผู้หญิงคนนี้เป็นหมากในการเจรจาต่อรองของข้า ตราบใดที่นางอยู่ในกำมือของข้า พวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า
เขาบอก หยาโถว ข้าเกรงว่าในชีวิตนี้ข้าจะไม่มีชายา หรือแม้แต่สนม ข้ายอมที่จะอยู่โดยปราศจากพวกมัน
มันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ และคำพูดเหล่านี้ก็เป็นคำพูดสุดท้ายของพวกเขา แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
กองกำลังของอาณาจักรเหนือรอคำสั่งเพิ่มเติมจากเสี่ยวหยิน หลังจากที่ตามมาทันและประสบความสำเร็จในการขัดขวางเส้นทางของพวกเขาที่จะกลับไปซูโจว
แม้ว่าใบหน้าของเหวิ่นวานจะไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่สายตาที่นางมองฮวาจูอวี้ก็เยือกเย็นและแหลมคม นางหันกลับไปและกระซิบอะไรบางอย่างในหูของเสี่ยวหยิน เสี่ยวหยินฟังนาง แล้วจู่ๆเขาก็หรี่ตาลึกลง จนไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อมองมาที่ฮวาจูอวี้
เมื่อเหวิ่นวานพูดจบ ริมฝีปากของเสี่ยวหยินก็โค้งเป็นรอยยิ้มขึ้น เขาพานางกลับไปที่รถม้า ก่อนจะหยิบคันธนูขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ข้างอานของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไปดึงเอาลูกศรหลายลูกออกมาและวางไว้บนคันธนู
เขายกคันธนูขึ้นและดึงเชือกไปด้านหลัง
ในสนามรบและอยู่ในกลุ่มของทหารหลายพันคน ฮวาจูอวี้สามารถได้ยินเสียงคันธนูของเขาถูกดึงไปด้านหลังอย่างชัดเจนและราวกับเชือก หัวใจของนางบีบรัดขึ้นทันที
อาการชาไหลผ่านไปทั่วร่างของนางและนางก็ไม่กล้าเชื่อว่าเสี่ยวหยิน กำลังเล็งเป้ามาที่นาง นางไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมาได้ ทำได้เพียงแค่สบสายตาของเขาเท่านั้น
จากนั้นนางก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นดอกไม้บานอย่างโง่เขลาขึ้น
“ฝ่าบาท อย่า!”ฮุยเสวียและหลิวเฟิง ก็ร้องขึ้น แต่พวกเขาก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง เสียงของพวกเขาถูกแทนไปด้วยเสียงหวีดของลูกศรที่ปล่อยออกมาที่ ถังยวี หนานกง เจี๋ย และฮวาจูอวี้
ลูกศรพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ทำให้ยากที่จะหลีกเลี่ยง ฮวาจูอวี้ทำได้เพียงแค่ยกหอกของนางและใช้กำลังภายลงไปเพื่อป้องกันลูกธนู เนื่องจากหอกทำจากไม้ ถ้านางไม่ได้ใช้กำลังภายในของนางนางกลัวว่าลูกศรจะแทงผ่านหอกและแทงหน้าอกของนาง แม้ว่านางจะปิดกั้นลูกศร แต่ผลกระทบจากมันก็มีพลังมากพอที่จะทำร้ายแขนของนางและนางก็รู้สึกว่ามีรสขมขึ้นในลำคอ ก่อนที่นางกระอักเลือดออกมา
มองไปที่เลือดที่อยู่ตรงหน้านาง นางเพียงแค่รู้สึกเศร้ามาก
นางรู้สึกได้ถึงความสุขที่อยู่ตรงหน้าของนาง แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ค่อนข้างห่างไกลออกไป ถูกคั่นด้วยช่วงวางของภูเขาและท้องทะเล ไม่มีทางที่นางจะสัมผัสมันได้
นางเคยคิดว่านางจะกลับไปเป็นผู้หญิงธรรมดาและแต่งงานกับผู้ชายที่ดี แต่ถ้วยเหล้าองุ่นที่เป็นพิษก็ได้ทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นฝันร้าย
เมื่อนางคิดว่าในที่สุด นางก็พบใครสักคนที่จะปกป้องนาง ลูกศรเดียวของเขาก็ทำให้ความฝันนั้นแตกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ
ทำไมความสุขจึงห่างไกลเหลือเกิน?
จู่ๆ เหยี่ยวก็กางปีกขึ้นและบินออกจากไหล่ของเสี่ยวยหยินไปที่ฮวาจูอวี้ นางไม่แน่ใจว่าม้าของนางกลัวลูกศรของเสี่ยวหยิน หรือการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหยี่ยวหรือไม่ แต่จู่ๆ มันก็ยกข้าขึ้นและเอียงไปด้านหลัง ทำให้ฮวาจูอวี้ตกลงไปบนพื้น
ตอนที่นางอยู่กลางอากาศ นางเห็นเสี่ยวหยิน ดึงบังเหียนขึ้นและขี่ม้าตรงมาที่นางจากมุมห่างตาของนาง นางบิดตัวและเสียบหอกลงไปบนพื้นเพื่อทำให้ตัวเองมั่นคง ฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือกำลังจะมาส่งนางไปด้วยตัวเอง นางช่างได้รับพรอย่างแท้จริง!
ดวงตาของเสี่ยวหยิน กระพริบขึ้นด้วยความเยือกเย็นในขณะที่ใช้หอกของเขาปะทะกับนาง ภายใต้ความแรงของเขา นางถูกบังคับให้ถอยหลังกลับไป
แม้ว่านางจะไม่เคยต่อสู้กับเสี่ยวหยิน อย่างจริงจัง แต่นางก็เห็นเขาต่อสู้กับโตนเฉียนจิน ดังนั้นนางจึงตระหนักถึงพลังของเขา แต่การต่อสู้กับเขาในวันนี้ทำให้นางตระหนักว่าทักษะการต่อสู้ของเสี่ยวหยินและกำลังภายในของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เดือนที่ผ่านมากำลังภายในของเขาแทบจะเทียบได้กับนาง แต่ตอนนี้มันเกินกว่านางและนางก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทัน
ถังยวีและหนานกง เจี๋ยหลบลูกศรของเสี่ยวหยินได้ แต่ก็ยังคงล้อมรอบไปด้วยกองกำลังของเขา
ลูกศรของเสี่ยวหยิน ได้ทำให้แขนของนางบาดเจ็บและหอกในมือของนางก็ธรรมดา เป็นแบบนี้แล้วนางจะสามารถเผชิญหน้ากับใครบางคนที่มีกำลังภายในเช่นนี้ได้อย่างไร
การปะทะครั้งที่หนึ่ง
การปะทะครั้งที่สอง
การปะทะครั้งที่สาม
การปะทะกันครั้งที่ 18 ต่อมา เสี่ยวหยินก็ได้แทงหัวไหล่ของนาง
ฮวาจูอวี้ทรุดลงไปกับพื้น เสียงของการสังหารและเสียงของม้า ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและหมุนอยู่รอบๆ ตัวนาง
ลมพัดกระหน่ำเหมือนเสียงของวิญญาณกรีดร้อง เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อค่ำคืนเข้ามาถึง กองทัพทั้งสองต่างก็จุดไฟขึ้น เสื้อเกราะของเขาที่ส่องประกายเป็นแสงสีเงินสะท้อนเข้าไปในดวงตาของนางและใบมีคมของหอกของเขาก็ทำให้เกิดแสงแวววาว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่เยือกเย็นและงดงามของฮวาจูอวี้
ริมฝีปากของเสี่ยวหยินอยู่ในรูปลักษณ์ที่น่ากลัวและดวงตาสีม่วงของเขาก็ค่อยๆหรี่ลงเมื่อพวกเขาจ้องมองฮวาจูอว้ อย่างเงียบ ๆ
จู่ๆ ประตูเมืองของซูโจวก็ได้เปิดออก แล้วกองกำลังของทหารของอาณาจักรใต้ก็วิ่งออกมาพร้อมด้วยแม่ทัพหวังอวี้ ที่เป็นคนนำทัพ ตามมาด้วยท่านเสนาบดีฝ่าย ซ้ายจี่เฟิงหลี่ที่อยู่ข้างๆ
เสี่ยวหยิน โบกมือขึ้นและทหารจำนวนหนึ่งก็ชี้อาวุธไปที่ฮวาจูอวี้ ในขณะที่อีกคนออกมาข้างหน้าและผูกนางไว้ ดวงตาสีม่วงของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจ
เมื่อเห็นแบบนี้ ถังยวีและหนานกง เจี๋ยก็ตรงเข้าไปข้างหน้าทันที ถังยวีสะบัดแขนเสื้อของเขาและเข็มที่แหลมคมจำนวนมากก็ถูกยิงออกไปที่บริเวณรอบๆ ของฮวาจูอวี้ และคนที่ถูกโจมตีก็ล้มลงไปทันที
จู่ๆ เสี่ยวหยินก็หันกลับไปและยกฮวาจูอวี้ขึ้นมาบนม้าของเขาและรีบหันกลับไปหากองทัพของเขาทันที
ทั้งสองกองทัพต่อสู้กันอยู่หน้าประตูเมือง แต่ฮวาจูอวี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมันอีกต่อไป นางกลายเป็นนักโทษของสงคราม ในขณะที่นางถูกจับโดย เสี่ยวหยิน อย่างมันไม่คาดฝันและนางก็มั่นใจว่ามันจะช่วยเพิ่มความเชื่อของ จี่เฟิงหลี่ที่ว่านางเป็นสายลับของอาณาจักรเหนือเข้าไปอีก เมื่อคิดได้แบบนี้รอยยิ้มที่ขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็จะต้องไปที่อาณาจักรเหนือและหาสาเหตุว่าทำไมเสี่ยวหยินถึงมีพฤติกรรมแปลก ๆ
การรบเกิดขึ้นจนถึงเที่ยงคืน ทหารของอาณาจักรใต้ได้ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ทหารของทางอาณาจักรเหนือถอยกลับไปได้ถึง 50 ลี้ ทำให้กองทัพของอาณาจักรเหนือต้องถอยกลับไปที่เมืองหยางกวน
สองวันต่อมา
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในหยางกวน หนีไปทันทีที่กองทัพของอาณาจักรเหนือเข้ายึดครองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผลที่ตามมาก็คือเมืองเต็มไปด้วยความว่างเปล่า นอกเหนือจากกองกำลังที่กำลังครอบครองมันอยู่
ฮวาจูอวี้ถูกส่งไปยังบ้านชั่วคราวของเสี่ยวหยินในรถม้าธรรมดา สถานที่ที่เขาอ้างว่ามีความเสียหายน้อยที่สุดและในความเป็นจริงมันคือที่อยู่ของท่านเจ้าเมือง
นางถูกนำตัวไปที่คุกใต้ดินในบ้านพักและถูกคุมขังอยู่ที่นั่น ความอับชื้นและความมืดของสถานที่ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกและอาการบาดเจ็บที่ไหล่ของนางก็ยิ่งทำให้นางขมวดคิ้วมากขึ้น
นางนั่งลงบนพื้นและคิดเกี่ยวกับเสี่ยวหยิน ภาพของเขาในสนามรบกระพริบผ่านในใจของนาง นางพยายามจดจำว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดนางก็หาอะไรแปลก ๆ ไม่ได้นอกเหนือจากที่เขาลืมเรื่องเกี่ยวกับนางไป เขาเป็นตัวตนปกติของเขา นี่เป็นความจริงที่นางต้องยอมรับ
เขาไม่ได้ถูกใครบังคับ เขาเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและเป็นตัวของตัวเอง เช่นนั้นแล้ว … เกิดอะไรขึ้น? นางต้องไปหาคำตอบ
นางใช้กำลังภายในของนางเพื่อตัดเชือกที่ผูกนางไว้ออก ก่อนที่จะเดินช้า ๆ ไปที่ประตู เรือนจำแข็งแรงมาก แต่ไม่มีทหาร นี่เป็นเพราะหยางกวนตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์และมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง กองทัพของอาณาจักรเหนือไม่ได้กังวลกับกองกำลังของอาณาจักรใต้ที่ทะลุแนวป้องกันมาได้ ดังนั้นเสี่ยวหยินจึงไม่คิดว่าจะมีการช่วยเหลือเกิดขึ้น
ฮวาจูวี้รู้ว่าเร็ว ๆ นี้จะมีใครบางคนมาแน่ ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ข้างประตูเพื่อรอ แน่นอนที่สุดไม่นานเสียงฝีเท้าที่เบามากก็สะท้อนอยู่ในความมืดทีละก้าวทีละก้าว
มันเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเสี่ยวหยิน ฮุยเสวีย ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางในขณะที่ถือโคมไฟ
ในสนามรบฮวาจูอวี้เห็นว่านางพยายามที่จะหยุดเสี่ยวหยินและนางก็รู้ว่าฮุยเสวียจะมาหานาง