World of Warcraft ราชันต่างภพ - ตอนที่ 556
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
หากว่าเป็นเมื่อก่อน เซียวอวี๋ก็อาจจะวิตกต่อทัพอากาศของพวกเซิกอยู่บ้าง อย่างไรเสีย ทัพอากาศส่วนใหญ่ของเขาก็มีพลังป้องกันต่ำ ทว่าเวลานี้พวกเขามีสามจ้าวมนตราอยู่ด้วย ยังจะต้องเกรงกลัวแมลงฝูงหนึ่งอีกหรือ?
พวกมันคิดว่าผู้ใช้มนตราสามคนที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นที่หกเป็นพวกกินพืชหรือ? เนื่องเพราะเมื่อวานไม่จำเป็นให้พวกเขาต้องลงมือ ดังนั้นทั้งสามจึงไม่ได้ลงมืออย่างขยันขันแข็ง อย่างมากก็ใช้ความสามารถไปไม่กี่ส่วน
หากว่าต้องลงสนามต่อสู้จริงๆขึ้นมา พวกเขาคนเดียวก็สามารถเข่นฆ่าจนซากศพกองพะเนิน
มองดูกองทัพอากาศของพวกเซิกที่บินตรงมา เซียวอวี๋ก็ตัดสินใจว่าจะเพิ่มจำนวนทัพคิเมร่าหลังจากกลับไปเพื่อเสริมสร้างความสามารถป้องกันให้ทัพอากาศ
หากว่าในอนาคตเขาต้องพบเจอทัพอากาศที่ทรงพลังของศัตรู กองทัพในตอนนี้ของเขาก็คงประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ตอนนี้สถานการณ์ทั่วแผ่นดินยิ่งมายิ่งวุ่นวาย ขุมกำลังที่มีทัพอากาศอยู่ย่อมต้องมีอยู่เป็นแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝูงบินของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าแล้ว ฝูงแมลงที่บินรวมกลุ่มย่อมสร้างความครั่นคร้ามต่อผู้พบเห็น
หากแต่เซียวอวี๋กลับเฉยเมย ศัตรูพวกนี้ย่อมไม่อาจสร้างปัญหาต่อเขา
“ผู้อาวุโสทั้งสาม ถึงคราวพวกท่านออกโรงแล้ว” เซียวอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้ฝูงบินของศัตรูมากันอย่างหนาแน่น หากพึ่งแต่เพียงกำลังของเซียวอวี๋อย่างเดียวย่อมยากจะจัดการ
ไม่ว่าจะพวกพลปืนคนแคระที่อยู่บนหลังคิเมร่าหรือพวกกริฟฟ่อน ทั้งหมดต่างก็เป็นยูนิตโจมตีเป้าหมายเดี่ยว เผชิญกับฝูงแมลงมหาศาลเช่นนี้ การใช้เวทโ๗มตีวงกว้างย่อมได้ผลดีที่สุด
หากอาศัยเพียงคาเอลธาสและหลินมู่เสวี่ย พวกเขาก็ยังยากจะรับมือ ดูเหมือนว่าในภายหน้าพวกเขาต้องจัดหาอาวุธที่สามารถโจมตีเป็นวงกว้างมาใช้บ้างเสียแล้ว
สามจ้าวมนตรามองฝูงแมลงที่บินตรงอย่างดูถูก ต่อหน้าพวกเขาแล้ว แมลงพวกนี้ยังจะได้แสดงฝีมือหรือ? หรือพวกมันไม่ทราบว่าผู้ใช้มนตรานับเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการโจมตีวงกว้างมากที่สุด?
“คมวายุ” เฟอร์กูสันปล่อยเวทออกไปเป็นคนแรก คมมีดอากาศนับไม่ถ้วนพลันพุ่งตัดอากาศไปก่อนจะหมุนวนก่อเป็นพายุคมดาบพัดเข้าไปในฝูงบินเซิก
พายุคมดาบนี้ทำหน้าที่ราวกับเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ เพียงกวาดผ่านก็ฉีกกระชากพวกเซิกเป็นชิ้นๆ
พวกเซิกตกใจและพยายามจะหลบหลีก ทว่าพายุลูกนี้มีแรงดูดมหาศาล ขอเพียงเฉียดกายเข้าใกล้ พวกมันจะถูกดูดกลืนหายไปทันที
พวกเซิกเริ่มกรีดร้อง ส่วนใหญ่ถูกตัดร่างจนไม่เหลือซาก ทว่านั่นยังไม่จบ
หลังจากเฟอร์กูสันปล่อยเวทออกไป ธีโอดอร์ก็ยกชูไม้เท้า บอลเวทลูกยักษ์พลันพุ่งเข้าไปในฝูงเซิกและเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จากบอลพลังลูกใหญ่แตกย่อยออกเป็นบอลลูกเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระจายไปรอบทิศก่อนจะเกิดการระเบิดแบบลูกโซ่ พวกเซิกถูกแรงระเบิดจนแทบสิ้นซาก บางส่วนที่อยู่ไกลหน่อยก็ยังปีกขาดปีกแหว่งและร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับฝน
วิธีของธีโอดอร์นั้นค่อนข้างยุ่งยาก หากแต่ได้ผลดี หากใช้บอลพลังนี้จัดการกับกองทัพที่สวมใส่เกราะหนัก มันก็อาจจะไม่ได้ผลมากนัก แต่เมื่อนำมาใช้กับพวกเซิกที่บินอยู่บนอากาศแล้วก็เหลือเฟือ พวกแมลงที่ไร้ซึ่งปีก พวกมันยังจะบินอยู่บนฟ้าได้อีกหรือ?
เมื่อพวกมันร่วงกระแทกพื้น พวกมันก็จะถูกทัพพยัคฆ์ที่ด้านล่างเหยียบจมดิน
การโจมตีของธีโอดอร์ใช้พลังเวทไม่มากนัก หากแต่ได้ผลดี นี่ก็คือความร้ายกาจของผู้ใช้มนตราระดับสูง
หากเป็นผู้ใช้มนตราทั่วไป แม้จะร่ายเวทบทเดียวกัน พวกเขาก็ไม่อาจควบคุมได้ดีเท่า และการโจมตีก็จะส่งผลกับพวกเซิกได้น้อยมาก แต่บอลพลังของธีโอดอร์นั้นกินวงกว้าง ทั้งยังใช้พลังน้อย นี่เป็นเทคนิคระดับสูง ยังเหนือกว่าการโจมตีของเฟอร์กูสันที่กินพลังมาก
เฟอร์กูสันที่เห็นดังนั้นก็มุ่ยหน้า
ถัดมา ชัดคัลที่ได้เห็นการโจมตีของธีโอดอร์ก็ยกเลิกเวทที่ร่ายอยู่ และเปลี่ยนเป็นร่ายเวทเปลวเพลิงแทน
เวทที่ร่ายใหม่นี้เน้นการเผาไหม้ ไม่เน้นพลังทำลาย ทว่าปีกของพวกเซิกนั้นบางมาก ขอเพียงแตะถูกเปลวเพลิง ปีกของมันก็จะไหม้เกรียมและร่วงหล่นจากท้องฟ้า
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้การโจมตีของจ้าวมนตราทั้งสาม แผนจู่โจมทัพอากาศของพวกมันก็ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี
เซียวอวี๋อดรู้สึกยินดีที่พาทั้งสามมาด้วยไม่ได้ มิเช่นนั้น เผชิญหน้ากับฝูงแมลงเช่นนี้ พวกเขาคงต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก
อาจกล่าวได้ว่า บทบาทของจ้าวมนตราทั้งสามยังเหนือล้ำกว่าทัพเซียวอวี๋และทัพพยัคฆ์รวมกันเสียอีก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ใช้เวทต้องห้าม เพียงใช้เวทบทเล็กๆ พวกเขาก็ยังสามารถพลิกสนามรบได้ทั้งสนาม
ทันใดนั้น จู่ๆพวกเซิกก็พลันรวมกลุ่มแมลงที่มีเหล็กในเข้าขวางทางพวกทัพพยัคฆ์ หากอาศัยเพียงเปลวเพลิงจากคิเมร่าหรือการทิ้งระเบิดของแบทไรเดอร์ มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดพวกมันอย่างรวดเร็ว ทว่าด้วยการลงมือของสามจ้าวมนตรา พวกแมลงที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆก็ถูกบดขยี้ทันที
พลังโจมตีจากสามจ้าวมนตรานั้นเหนือกว่าพวกเซียวอวี๋อย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้การคุ้มครองจากสามจ้าวมนตรา การบุกทะลวงก็เป็นไปด้วยความราบรื่น พวกเซิกถูกบดขยี้จนย่อยยับ เห็นดังนั้น เซียวอวี๋ก็พลันบินลงต่ำก่อนจะบอกให้ทัพพยัคฆ์แบ่งออกเป็นสามกลุ่มโถมบุกทลายพวกเซิกจากสามทิศทาง
โถวปาหู่ผงกศีรษะ จากนั้นจึงแบ่งทัพพยัคฆ์ออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละห้าพันนาย โจมตีตามการชี้นำของเซียวอวี๋ สามจ้าวมนตราเองก็แบ่งไปดูแลกลุ่มละคน
มีจ้าวมนตราคอยดูแลเช่นนี้ พวกเขาก็สามารถพุ่งโจมตีอย่างวางใจ
ไพร่พลทั้งหมดเต็มไปด้วยความฮึกเหิม พวกเขาบุกตะลุยพลางโห่ร้องไปตลอดทางอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาชนะอย่างต่อเนื่อง บุกโจมตีได้โดยแทบไม่มีแรงต้านใดๆ
ทั้งสามกลุ่มบุกตีทัพพวกเซิกจนแตกกระจุย พวกมันเริ่มหันหลังหลบหนี ในระหว่างหนีนั้นก็เกิดการบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน สงครามในวันนี้ กองทัพฝ่ายมนุษย์ยังเข่นฆ่าได้มากกว่าเมื่อวาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อไล่ต้อนพวกเซิกไปจนถึงเขตชายแดน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ภายในรังของพวกเซิกพลันปรากฏเสาขนาดใหญ่จำนวนมากค่อยเคลื่อนออกมา
เสาใหญ่เช่นนั้นย่อมไม่อาจเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อมองสังเกตเสาเหล่านั้นอย่างละเอียด เซียวอวี๋ก็พลันนึกได้ถึงบางสิ่ง
“มารดามันเถอะ นั่นมันอานูบีส!”