World of Warcraft ราชันต่างภพ - ตอนที่ 559
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
“มันคือคุรินแน็ก!” เซียวอวี๋โพร่งออกมาทันทีที่ได้เห็น เจ้าตัวนี้คือผู้พิทักษ์ประตูสู่อัลคีราฟ คุรินแน็กเป็นแมลงที่มีหางเป็นแมงป่อง ทักษะของมันทั้งเงียบงันและรุนแรง หลุมทรายที่มันสร้างขึ้นสามารถกลืนกินผู้ที่หล่นลงไปอย่างไร้ร่องรอย
“ระวังเจ้านั่นไว้ให้ดี! ผู้ใช้มนตราถอยออกไป เจ้าตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ มันสามารถลอบเข้าประชิดพวกเจ้าได้โดยที่พวกเจ้าไม่รู้สึกตัว” เซียวอวี๋ตะโกนบอกจากบนฟ้า หากแต่เขายังไม่ส่งสามจ้าวมนตราไปจัดการ เขาต้องคอยดูสถานการณ์ทั่วสนามรบก่อนจะตัดสินใจ
ไม่แน่ว่าอาจยังมีศัตรูที่เข้มแข็งซ่อนตัวอยู่ หากส่งสามจ้าวมนตราออกแล้วเกิดศัตรูโผล่มาอีกด้านก็แย่แล้ว
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าหาคุรินแน็ก โล่ในมือของเขาเหวี่ยงกระแทกร่างของคุรินแน็กอย่างจังจนร่างของมันลอยกระเด็นไป
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคาสโซ่ เขารีบวิ่งขึ้นมาจากแนวหลังเพื่อรับมือกับคุรินแน็ก คุรินแน้กเป็นพาลาดินขั้นที่หก และเมื่อประกอบกับโล่เอสซินอสและสร้องแห่งไททันที่เซียวอวี๋มอบให้ เขาก็สามารถต่อกรกับคุรินแน็กได้ระยะหนึ่งอย่างไร้ซึ่งปัญหา
คาสโซ่รุดขึ้นหน้าก่อนจะโจมตีเข้าใส่คุรินแน็กอย่างต่อเนื่อง
“ต่อไปจะเป็นตัวอะไร?” เซียวอวี๋มองดูศัตรูทั้งสองที่ทยอยปรากฏตัวก่อนจะกวาดมองสนามรบอย่างระแวดระวัง
เหตุการณ์เป็นไปดังที่เซียวอวี๋คาด ไม่นานเงาร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นมาบนฟ้าและบินตรงเข้าหาเซียวอวี๋
รูปร่างของมันคล้ายกับผึ้งขนาดใหญ่ ปีกที่กระพืออย่างถี่ยิบทำให้มันสามารถบินบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเหนือกองทัพฝ่ายมนุษย์ก่อนจะปลดปล่อยละอองพิษลงมาทำให้ไพร่พลด้านล่างบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
“ท่านย่ามันเถอะ กระทั่งเจ้านี่ก็โผล่มาด้วย” เซียวอวี๋สบถอย่างหัวเสีย ดูท่าศึกในวันนี้คงไม่ง่ายแล้ว
จากนั้น เซียวอวี๋ก็มองเห็นแมลงเปลือกแข็งขนาดใหญ่ ขาของมนแต่ละข้างคมกริบดุจคมมีด เมื่อมันพุ่งเข้าไปในกองทัพฝ่ายมนุษย์ได้ขาอันคมกริบของมันก็เริ่มสับสังหารผู้คนโดยรอบราวกับหั่นผักหั่นแตง
บูรูเดอะกอเกอร์!
“เจ้านี่ก็ด้วย! เหลือเพียงโมอัมกับออสซิเลี่ยนแล้ว” เซียวอวี๋พึมพำ ทันใดนั้น สามจ้าวมนตราก็รู้สึกว่าพลังมานาภายในร่างกำลังถูกบางสิ่งสูบออกไป และเมื่อพวกเขาหันไปมองพวกเขาก็เห็นอสูรที่มีร่างกายเป็นสิงโตพร้อมกับปีกสองข้างอยู่ด้านหลัง ร่างกายของมันล้วนทำมาจากศิลาที่แปลกประหลาด
โมอัม!
ตอนนี้เหลือเพียงออสซิเลี่ยนแล้ว
บอสส่วนใหญ่ล้วนปรากฏกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเซิกเองก็เริ่มวิตกกันแล้ว หากฝ่ายมนุษย์ยังกดดันพวกมันอยู่เช่นนี้ ไม่ช้าพวกมันคงถูกกวาดล้าง ดังนั้นพวกมันจึงส่งแม่ทัพที่ทรงพลังออกมาพลิกสถานการณ์
ซึ่งแม่ทัพเหล่านี้ก็แข็งแกร่งจริงๆ เป็นเรื่องยากที่กองทัพของฝ่ายมนุษย์จะรับมือกับพวกมัน ผ่านไปพักหนึ่ง คาร์นก็เริ่มรับมือราแจ็คไม่ไหว อย่างไรเสียคาร์นก็ยังเป็นเพียงนักรบขั้นที่ห้า ขณะที่ราแจ็คอยู่ในขั้นที่หกระดับสุดยอด ช่องว่างระหว่างทั้งสองมีมากเกินไป
คุรินแน็กต่อสู้กับคาสโซ่อยู่พักหนึ่งก่อนจะดำดินหายไปแล้วไปโผล่อยู่อีกทาง ฝั่งเซียวอวี๋ไม่มียอดฝีมือมากเพียงพอจะไปรับมือกับเหล่าแม่ทัพของอีกฝ่าย
หากฝั่งเซิกยังสามารถผลุบโผล่ไปเข่นฆ่าที่ใดก็ได้อยู่เช่นนี้ ความพ่ายแพ้ของฝั่งมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
ทันใดนั้นคุรินแน็กก็มุ่งเป้าไปยังธงที่มีโถวปาหงอยู่ ก่อนจะเริ่มจัดการกับพวกองค์รักษ์ที่อยู่โดยรอบ
องค์รักษ์เหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในขั้นที่ห้า กระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจรับมือการลอบโจมตีอันไร้ร่องรอยจากคุรินแน็กที่อยู่ในขั้นที่หกระดับสุดยอด
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คุรินแน็กกำลังจะโจมตีโถวปาหง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่มันพร้อมประกายดาบที่คลี่คลุมทั่วฟ้า
อ้าวปา!
การโจมตีของอ้าวปาทำให้อากาศโดยรอบสั่นสะเทือน นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวอวี๋เห็นการลงมือของอ้าวปา เซียวอวี๋ไม่ทราบจะใช้คำใดมาอธิบายการโจมตีดาบนี้ของอ้าวปา ดาบนี้แม้จะดูเชื่องช้า แต่กลับรวดเร็ว รัศมีที่เกิดขึ้นจากการโจมตีนี้ทำให้ผู้ที่อยู่โดยรอบรู้สึกสั่นสะท้าน
ปะทะกับการโจมตีดาบนี้ ร่างของคุรินแน็กก็มีรอยดาบลึกสายหนึ่งปรากฏอยู่บนร่าง
เพียงดาบเดียวก็ทำให้คุรินแน็กเจ็บหนัก ความแข็งแกร่งของเขาสมกับเป็นปรมาจารย์แห่งจักรวรรดิเมฆา
คุรินแน็กดิ้นพล่านอยู่บนพื้นก่อนจะรีบมุดดินหลบหนี ชัดเจนว่ามันหวาดกลัวอ้าวปาแล้ว
อ้าวปาแค่นเสียงเย็น จากนั้นเหินร่างกลับไปที่ข้างกายของโถวปาหง แม้เขาจะสามารถตามไปจัดการคุรินแน็กได้ แต่ความปลอดภัยของโถวปาหงต้องมาก่อน
“โอ้…..” เซียวอวี๋สูดหายใจพลางครุ่นคิดว่าเมื่อใดตนจะสามารถโจมตีเช่นดาบเมื่อครู่ได้
เช่นเดียวกับเซียวอวี๋ ทุกคนที่ได้เห็นฉากเมื่อครู่ล้วนแต่ตกตะลึงเป็นเวลานาน พวกเขาเพิ่งเคยเห็นการโจมตีที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ พวกเขาทราบว่าอ้าวปาเป็นปรมาจารย์แห่งจักรวรรดิ เป็นผู้เข้มแข็ง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์อ้าวปาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
และในวันนี้ พวกเขาก็ได้รับทราบความร้ายกาจของปรมาจารย์ท่านนี้แล้ว
พวกเขาถูกคุรินแน็กเข่นฆ่าอย่างย่ามใจมาพักใหญ่ ดังนั้นจึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของมันดี ขาหน้าของมันตัดผ่านร่างของพวกทหารราวกับผ่าผลแตง ทว่าเพียงหนึ่งดาบของอ้าวปาก็ทำให้มันต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ในใจของพวกทหารย่อมเทิดทูนเคารพอ้าวปา
เซียวอวี๋ถูกความแข็งแกร่งของอ้าวปาทำให้ตะลึง แต่นี่ก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นพลางเฝ้าจินตนาการถึงตอนที่สามจ้าวมนตราลงมือพร้อมกัน
ต้องทราบว่าสามจ้าวมนตรายังแข็งแกร่งกว่าอ้าวปาอีก หากอ้าวปายังทำได้ถึงขั้นนี้ แล้วเวทบทใหญ่ของอาวุโสทั้งสามนั้นเล่า? มันจะยิ่งใหญ่ถึงขั้นใด?
เซียวอวี๋เหลือบมองสามจ้าวมนตราก่อนจะฉีกยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสทั้งสาม ถึงคราวพวกท่านลงมือแล้ว โปรดจัดการเจ้าแมลงที่กำลังบินอยู่นั่นก่อน เจ้านั่นเรียกว่านักล่าอายามิส มันสามารถฉีดพิษเป็นวงกว้างเป็นภัยคุกคามต่อพวกทหารด้านล่าง”
สามจ้าวมนตราพยักหน้า พวกเขาไม่ได้ปริปากบ่นใดๆเพราะทราบดีว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน
ทั้งสามหันไปสบตากันก่อนที่เฟอร์กูสันจะเริ่มร่ายเวท
หลังท่องคาถาไปได้ราวสองนาทีเฟอร์กูสันก็พลันลืมตา เซียวอวี๋สัมผัสได้ว่ามังกรน้อยก็อาการสั่นเทาเบาๆ
วินาทีถัดมา เซียวอวี๋ก็ใจสั่นสะท้านก่อนที่ขนทั่วร่างจะลุกชี้ชัน
เซียวอวี๋ได้เห็นภาพที่เขาจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ที่เบื้องหน้าของอายามิสพลันบังเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้น เมทื่ออายามิสเห็นรอยแยกมิติที่เบื้องหน้า มันก็พยายามหลบหลีกหากแต่ร่างกายของมันกลับไม่ฟังคำสั่งอย่างสิ้นเชิง
วินาทีถัดมาร่างกายของมันก็ถูกผ่าเป็นสองส่วนอย่างไม่ทันตั้งตัวใดๆ เลือดสีเขียวพร่างพรมไปทั่วพื้นดิน
ร่างของมันถูกมิติตัดผ่าน!
นี่ก็คือการโจมตีด้วยเวทมิติในตำนาน!