Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 359
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.359 – ปรากฏกาย(4)
ย้อนเวลากลับไปอีกสักเล็กน้อย
ในช่วงที่พระสันตะปาปากำลังตอบสนองต่อการเรียกขานของสาวกศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด และพึ่งกลับมาที่โบสถ์ใหญ่
ช่วงเวลานี้ มนุษย์ปีศาจยังไม่ได้เริ่มโจมตีเมือง
ณ สาธารณรัฐฟูซี
ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของสาธารณรัฐ
พิธีขึ้นครองราชย์ของเวโรน่ากำลังจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
จักรพรรดินีได้ขึ้นครองบัลลังก์ นี่นับว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจจากทั่วทั้งโลก
เวโรน่าจะเป็นหญิงคนแรกที่ได้เข้าสู่พิธีครองราชย์อย่างเป็นทางการของฟูซี จะได้กลายมาเป็นผู้ครอบครองอำนาจสูงสุดในประเทศ
ทุกประเทศทั่วโลกต่างก็ส่งทีมถ่ายทอดสดมาทำข่าว เพื่อเตรียมที่จะบันทึกเหตุการณ์นี้ลงในหน้าประวัติศาสตร์
ในขณะนี้ ผู้บรรยายทางโทรทัศน์กำลังกล่าวน้อมรำลึกถึงองค์จักพรรดิแห่งฟูซีให้ประเทศต่างๆได้รับฟัง
แน่นอน ว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขาย่อมถูกปกปิดไว้โดยเวโรน่า
เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดความตื่นตระหนก ความวุ่นวาย และรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศแห่งฟูซี เรื่องราวขององค์จักรพรรดิจึงถูกบิดผัน ประกาศออกไปว่าเขาได้ตกตายลงเยี่ยงวีรบุรุษในระหว่างการต่อสู้กับนรกเยือกแข็ง
ด้วยน้ำแข็งที่ค่อยๆแช่สิ่งทุกและแพร่กระจายออกไปทั่วโลก ทำให้เรื่องราวของนรกเยือกแข็งมิได้เป็นความลับอีกต่อไป
เกิดการจลาจลอย่างรุนแรงเนื่องเพราะความสิ้นหวังปะทุขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก
ผู้นำของประเทศจำเป็นต้องใช้หุ่นรบและมืออาชีพออกไปจัดระเบียบทางสังคมที่กำลังอยู่ในปากอ่าวแห่งการล่มสลายนี้
ส่วนในสาธารณรัฐฟูซี จักรพรรดินีเวโรน่าได้รับอำนาจ และสิทธิการตัดสินใจทางทหารขั้นเด็ดขาด
ขั้นตอนของการดำเนินงานทางกองทัพนั้นง่ายดายมาก โดยสิ้นเชิงกล่าวได้ว่ามันมีเพียงสองขั้นตอนเท่านั้น
ขั้นตอนแรกคือการยืนยันข้อเท็จจริงของอาชญากรรม
ขั้นตอนที่สองคือยิงประหารชีวิตทันที
ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตามในฟูซี จะเป็นการปล้น ฆ่า หรือใช้ความรุนแรง ก่อกวนสร้างสถานการณ์ ทั้งหมดจะถูกกวาดล้าง
มันก็จริง ที่นรกเยือกแข็งกำลังจะแพร่กระจายอยู่ และในอนาคต มนุษย์ก็มีแนวโน้มที่จะสูญพันธ์ลงกับภัยพิบัตินี้
แต่ถ้าใครกล้าที่จะสร้างปัญหา พวกเขาก็จะถูกยิงจนสูญพันธ์ไปซะก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลก!
ภายในเวลาไม่กี่วัน สาธารณรัฐฟูซีก็เกลื่อนไปด้วยทุ่งซากศพ
วิธีการโหดร้ายรุนแรงเช่นนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะกระตุ้นความไม่พอใจของประชาชน ส่งผลให้พวกเขาลุกขึ้นต่อต้าน
บางกลุ่มที่ทำการสนับสนุนประชาธิปไตยเริ่มทำการมองหาการสนับสนุนจากต่างประเทศ เพื่อพยายามที่จะใช้แรงจากภายนอกกดดันจักรพรรดินีเวโรน่า
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ดูท่าว่าพวกเขาจะคาดคะเนผิดพลาดไป
เพราะในประเทศอื่นๆทั่วโลก กลับไม่มีใครกล่าวโทษหรือประฌามการกระทำดังกล่าวนี้ของเธอเลย
ไม่มีใครลุกฮือขึ้นและกล่าวให้ร้ายเวโรน่า
ในช่วงเวลาสุดท้ายของวันสิ้นโลก ผู้นำที่มีสติดีๆเขาไม่มาสนใจเรื่องของประเทศอื่นหรอก ที่ต้องทำคือการแสวงหาความมั่นคงของประเทศชาติต่างหาก!
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านก็ถูกดำเนินการปราบปรามอย่างลับๆโดยเวโรน่า
หลังจากนั้น เวโรน่าก็ได้ประชาสัมพันธ์เปิดตัวสิ่งอำนวยความสะดวกแก่สังคมและประชาชน เพื่อเป็นการปิดปากพวกเขาให้เงียบลง
สถานีโทรทัศน์ออกอากาศ 24 ชั่วโมง เพื่อรายงานรายละเอียดของนรกเยือกแข็ง
ตามคำแนะนำของกู่ฉิงซาน เวโรน่าทำแม้กระทั่งการจับ ‘คนตาย’ ไว้ใส่ในกรงเหล็ก เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชม
ในตอนแรก ฝูงชนมากมายต่างเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมสถานที่แห่งนั้น
เนื่องจากการปรากฏขึ้นของเกมแห่งชีวิตนิรันดร์และเพชฌฆาตตัวตลกก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สังคมมนุษย์ไม่ได้หวาดกลัวหรือตื่นตระหนกเกี่ยวกับการแพร่กระจายของนรกเยือกแข็งเท่าใดนัก ผลร้ายมันจึงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้น หลังจากที่ประชาชนได้เดินทางไปดูและความตื่นเต้นในช่วงแรกได้จางลง ผู้คนจึงพบว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป
—เดิมทีแล้วหลายคนหวาดกลัวความตาย เพราะความตายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จักโดยสมบูรณ์
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ตนเองเสียชีวิตลง
จิตของพวกเขาจะกระจายเหือดหายไปเลยหรือเปล่านะ?
หรือยังมีสถานที่อื่นที่ต้องล่องลอยไปใช่หรือไม่?
ทว่าตอนนี้ ตัวอย่างที่แท้จริงได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว มันได้พิสูจน์ว่ามนุษย์มีสถานที่ๆจะต้องไปอยู่ต่อหลังจากที่เสียชีวิตลงจริงๆ
แล้วความตายก็เลยกลายมาเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ยากเกินกว่าจะยอมรับได้’อีกต่อไป
บางคนกำลังสนทนากันว่า โลกหลังความตาย มันอาจจะมีสถานที่ดั่งเช่นที่เป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์อยู่ก็ได้นะ
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มที่จะหันมาตั้งใจทำสิ่งดีๆ โดยหวังว่าการทำดีจะช่วยให้เขาได้อยู่ในภพภูมิที่ดีหลังจากเสียชีวิตลง
เมื่อมีผู้คนจำนวนมากเริ่มกระทำความดี บรรยากาศทางสังคมจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ หากมีหญิงชราคนหนึ่งกำลังจะเดินข้ามถนน เธอก็ถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิงและพาไปส่งอีกฟากทันที – หรือแม้จะไม่ถึงขั้นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะมีอีกหลายมือมาช่วยจูงข้ามผ่านไป
ดังนั้น ผลที่ตามมาหลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิฟูซี , หลังจากประสบกับการถูกกวาดล้างด้วยเลือดและเปลวเพลิงที่เดิมสมควรจะสั่นคลอนสาธารณรัฐ ก็ค่อยๆกลับมามีเสถียรภาพขึ้นอีกครั้ง
ระเบียบทางสังคมของสาธารณรัฐฟูซีช่วงเวลานี้ นับว่าดียิ่งขึ้นกว่าในยุคก่อนหน้าเสียอีก
เมื่อทุกประเทศเห็นสิ่งที่ฟูซีทำ พวกเขาก็เริ่มเลียนแบบ และก็ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างรวดเร็ว
ชื่อเสียงของเวโรน่าได้ทะยานสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และในที่สุดเธอก็ได้รับการยอมรับจากอิทธิพลส่วนใหญ่ของโลก จนได้ก้าวขึ้นมาครองบัลลังก์ได้ในที่สุด
ฉากที่แตกต่างไปจากในชีวิตก่อนหน้าอีกฉากหนึ่ง ได้ปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว
พื้นน้ำแข็งยังคงแพร่กระจายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และมีคนตายปรากฏตัวขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว
‘คนตายนั้นกินคนเป็น พวกมันมองพวกเราในฐานะอาหาร’
คำกล่าวนี้เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป แต่ในเมื่อแรกเริ่มเดิมที คนตายจะปรากฏตัวขึ้นเฉพาะใต้น้ำแข็งเท่านั้น มันจึงไม่ค่อยจะมีปัญหาเท่าใด หากค้นหาพวกมันจนพบแล้วทำการกำจัดเสียก่อน
กองกำลังทหารกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บรวบรวมร่างคนตาย และส่งพวกมันลอยออกสู่อวกาศ
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา สรุปได้ว่าสังคมมนุษย์ทั้งหมดโดยรวมแล้วกลมเกลียวกันมากขึ้น และสงบมากขึ้น
ทุกอย่างดูเหมือนว่ากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
จนกระทั่งแม่น้ำที่ถูกแช่แข็งในรัฐบาลกลาง ได้นำมาซึ่งการปรากฏตัวของหนึ่งในคนตาย ที่เป็นมอนสเตอร์แปลกๆขึ้น
กว่ามอนสเตอร์ที่ว่าจะถูกค้นพบ ตัวมันก็ได้หลุดออกมาจากการถูกแช่แข็งซะแล้ว
มอนสเตอร์ทำการฆ่าสังหารมืออาชีพไปกว่า 30 คนในที่เกิดเหตุ
เลือดของทุกคนถูกสูบไปโดยมัน
มอนสเตอร์ตัวนี้ช่างแข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็ต้องขอบคุณมืออาชีพลึกลับที่ออกมาลงมือ สังหารเจ้ามอนสเตอร์ที่ว่าจนสิ้นท่าลง ช่วยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่อาจเพิ่มขึ้นไปได้เยอะทีเดียว
ผู้คนระดับสูงต่างก็ได้รับทราบข่าวนี้ ดังนั้นข้อมูลนี้ย่อมไม่มีผิดพลาดแน่นอน
นี่หมายความว่า มอนสเตอร์แบบเดียวกันนั่น จะปรากฏตัวขึ้นตามมาอีกในอนาคต และไม่น้อยเลยด้วย
ผู้นำของประเทศต่างๆจึงตกลงเห็นพ้องกันอย่างรวดเร็วว่าในวันที่เวโรน่าขึ้นครองราชย์ พวกตนจะเดินทางไปยังฟูซีเพื่อเข้าร่วมพิธีและรวดประชุมหารือฉุกเฉินกันเลยไปในตัว
ณ เวลานี้
ภายในฉากที่จักรพรรดิกำลังจะขึ้นครองบัลลังก์
พระสังฆราชแห่งสาธารณรัฐได้ก้าวเดินออกมาจากภายในตัววิหาร พร้อมด้วยมงกุฏ 12 แฉกที่ถือไว้ในสองมือ
พอเห็นเขา จักรพรรดินีเดินแยกไปอีกทาง มุ่งหน้าไปยังบันไดทางขึ้นระเบียงแท่นสูงที่ตั่งอยู่หลังวิหาร
ระเบียงสูงนี้ ถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘ที่ประทานพรของทวยเทพ’
นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวิหาร
บนระเบียงสูง พระสังฆราชจะมอบมงกุฏสิบสองที่มียอดแหลม 12 แฉก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชบัลลังก์ให้แก่องค์จักรพรรดินี
และนั่นเป็นการสื่อถึงความหมายว่า บัลลังก์ขององค์จักรพรรดินีเป็นสิ่งที่ได้รับการประทานพรจากสรวงสวรรค์
ผู้คนในวิหารค่อยๆลุกขึ้นยืน และเดินตามเวโรน่ากับพระสังฆราชไปยังทิศทางที่ตั้งระเบียงสูง
กู่ฉิงซาน ซางหยิงฮ่าว และเย่เฟย์หยูก็ปะปนอยู่ในหมู่ฝูงชนเช่นกัน
ทั้งสามเดินตามฝูงชนไปอย่างสงบ ขณะเดียวกันก็พูดคุยกระซิบกระซาบ
“รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้สิ” เย่เฟย์หยูบอก
“ทำไม? หรือว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม สายตาสอดส่องไปรอบๆ
“เปล่าหรอก แค่ดูเหมือนว่ามันจะมีคนมาน้อยเกินไปหน่อยน่ะ” เย่เฟย์หยูตอบ
“อ้อ ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็เป็นธรรมดา” ซางหยิงฮ่าวดูจะผ่อนคลายลง
“ธรรมดายังไง?” อีกฝ่ายถามต่อ
ซางหยิงฮ่าวอธิบายเสียงกระซิบ องค์จักรพรรดิฟูซีน่ะ เป็นตัวตนที่ทรงพลังชนิดหาตัวจับได้ยาก เขาได้ออกปราบปรามมืออาชีพที่น่าพรั่นพรึงและกระจายตัวอยู่ตามสถานที่ต่างๆของประเทศ แล้วชักชวนมาเข้ารับใช้โดยมีตนเป็นนายเหนือผู้ปกครอง แต่ตอนนี้ชายผู้แข็งแกร่งคนที่ว่าได้ตกตายลงไปแล้ว และจักรพรรดินีที่กำลังขึ้นสืบทอดก็ไม่ได้ทรงพลังดั่งเช่นเจ้าของบัลลังก์คนก่อน ดังนั้นเหล่าตัวตนที่ครั้งหนึ่งเคยยอมสยบ จึงยังไม่ไว้วางใจในตัวเธอ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย?” เย่เฟย์หยูอุทาน
“ใช่ มืออาชีพที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับเธอ” กู่ฉิงซานกล่าว
ตามสถิติของเทพธิดากงเจิ้ง เกือบครึ่งหนึ่งของการดำรงอยู่ที่ทรงพลังในฟูซี ยังไม่ปรากฏตัวขึ้น
เย่เฟย์หยู “นรกกำลังจะมาถึง แต่พวกเขายังคงต่อต้าน แบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ?”
ซางหยิงฮ่าว “พวกผู้มีอำนาจน่ะ มักจะกระตือรือร้นที่จะยุยงปลุกปั่นให้เกิดการต่อสู้ภายใน มากกว่าภายนอกนะ นายไม่เคยสังเกตเรื่องนี้เลยหรอ?”
“ฉันบอกว่าอยากจะออกมาเห็นโลกกว้างด้วยกันกับนาย แต่ใครจะรู้แท้จริงแล้ว มันจะกลับกลายเป็นแบบนี้” เย่เฟย์หยูพึมพำ
กู่ฉิงซานก็ดูเหมือนจะอารมณ์เสียเล็กน้อยเช่นกัน
นรกเยือกแข็งกำลังลุกลามขยายวงกว้างอย่างเงียบๆ
และสิ่งต่อไปที่ตนเองจะต้องทำก็คือ ให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังกับสาธารณรัฐฟูซี
แต่ก่อนหน้านั้น จักรพรรดินีเวโรน่าจำเป็นที่จะต้องควบรวมอำนาจในอาณาจักรทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเสียก่อน … ซึ่งกระบวนการนี้บางทีอาจจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างยาวนาน
ทว่าเวลาที่เหลือน่ะมันกระชั้นชิดมากเกินไป มันอาจจะสายเกินไปที่จะกำจัดความขัดแย้งทีละขั้น ทีละตอน และรวบรวมพลังเป็นหนึ่ง
ขณะที่เขากำลังขบคิด ซางหยิงฮ่าวก็กล่าวออกมาว่า “ฉันได้ยินมาว่าบางคนต้องการที่จะเลือกชายที่สืบสายเลือดแท้แห่งราชวงศ์ขึ้นมาสืบทอดบัลลังก์ด้วยนะ”
“มันเป็นความจริง ทางกองทัพและบางกองกำลังในท้องถิ่นที่ค่อนข้างมีสิทธิมีเสียงต่างก็มีความคิดเอนเอียงไปในทิศทางนั้นกันเยอะมากทีเดียว ทางจักรพรรดินีเวโรน่าก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อปราบปรามเสียงเหล่านั้นลง ” กู่ฉิงซานกล่าว
“พวกเขาต้องการองค์จักรพรรดิที่เป็นหุ่นเชิดอย่างงั้นหรอ?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถาม
“แน่นอน เพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา” กู่ฉิงซานกล่าว
“พวกเขาจะไม่สนใจเลยหรอว่าประเทศนี้มันจะเป็นยังไง?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าวหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไร
กู่ฉิงซานเงียบ และเริ่มคิดหาวิธีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของทางฟูซี
ในเวลานี้ จักรพรรดินีได้เดินขึ้นไปบนแท่นระเบียงสูงเรียบร้อยแล้ว
ส่วนแขกเหรื่อก็ยืนอยู่ใต้แท่นระเบียงสูง เฝ้ารอเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินี
พระสังฆราชยกมงกุฏทองคำบริสุทธิ์ 12 แฉกขึ้น และสวมใส่ลงบนศีรษะของเวโรน่าอย่างช้าๆ
ผู้คนจากทุกประเทศทั่วโลก ตราบใดที่พวกเขาไม่มีอะไรต้องทำ ในมือต่างก็ได้เปิดสมองควอนตัม และให้ความสนใจกับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้
กล่าวได้ว่าชั่วขณะนี้ ยอดจำนวนผู้เข้ารับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์นับว่าพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทว่า ท่ามกลางฉากพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินี กลับบังเกิดเหตุการณ์แปลกๆปรากฏขึ้น
เหตุการณ์ที่ว่านั่นก็คือ จู่ๆผู้นำในแต่ละประเทศ ต่างก็ก้มลงมองสมองควอนตัมในมือของพวกเขาที่กำลังส่องสว่างอย่างพร้อมเพรียง
ผู้คนในวิหารเริ่มกระซิบกระซาบดังขึ้นเรื่อยๆ
ความปั่นป่วนวุ่นวาย และความไม่สบายใจอันยากจะอธิบายเริ่มแพร่กระจายลุกลามขึ้นอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ นักการเมืองจากหลายๆประเทศ รวมไปถึงตัวประธานาธิบดีเองก็ได้เปิดสมองควอนตัมของพวกเขา
เมื่อทั้งหมดรับฟังข่าวจากสมองควอนตัม สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนก็เริ่มหนักอึ้ง
ผู้นำบางคนที่มีสิทธิอำนาจเด็ดขาดเริ่มส่งออกคำสั่งไป
กระทั่งประธานาธิบดีเองก็ยังเลือกสั่งการควบคุมกองกำลังติดอาวุธในประเทศจากระยะไกล
“นี่ชักจะมีอะไรแหม่งๆซะแล้วสิ” ซางหยิงฮ่าวกระซิบ
“เทพธิดากงเจิ้ง สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ … ในทะเลทรายหลายแห่งบนโลก มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น”
“ทว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นในปัจจุบันฉันเลยไม่ได้รายงานออกไป” เทพธิดากล่าว
กู่ฉิงซานรู้สึกแปลกใจ
“ไหนขอฉันดูหน่อยสิว่าไอ้บางสิ่งบางอย่างนั่นน่ะ มันคืออะไร” เขากล่าว
“ทราบแล้วใต้เท้า”
และฉากๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนสมองควอนตัม
ณ ทะเลทรายมาซาลาแห่งสหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง
ปรากฏซึ่งร่างใหญ่โตชนิดที่ว่าสามารถบดบังแสงจากดวงอาทิตย์มิให้สาดลงมายังเบื้องล่าง กำลังเคลื่อนกายผ่านทะเลทรายอย่างช้าๆ
ร่างที่ว่านี้ครอบครองความสูงระดับเดียวกันกับตึกระฟ้า
ยักษ์!
ยักษ์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ทุกครั้งที่มั่นย่ำลงบนผืนทราย พื้นดินจะสั่นสะเทือน จนหนามแหลมที่เสียบแน่นอยู่บนต้นกระบองเพชรถึงขั้นร่วงหล่นลงมา
ยามเมื่อเท้าของมันสัมผัสกับผืนทราย ผืนทรายโดยรอบก็จะม้วนตัวและเปลี่ยนเป็นสีเทาของคนตาย
โซ่ตรวนสีดำล็อคเท้าทั้งสองของยักษ์เอาไว้ และบ่อยครั้งโซ่เหล่านั้นก็ปะทุเปลวเพลิงออกมา ส่งผลให้ยักษ์ถูกแผดเผา – ตกอยู่ในความเจ็บปวดอันหาที่เปรียบมิได้
แต่เจ้ายักษ์นั่นกลับเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด เปล่งเสียงตะโกนคำรามกึกก้องออกมา
“รีบ – ลุก – กัน – ขึ้นมา – เร็วเข้า!”
“ก่อนที่พวก‘คนเป็น’จะตรวจพบ เราจะต้องสร้างเมืองแห่งคนตายของพวกเราขึ้นมาให้จงได้!”
“ขอรับ!”
หลายร้อยหลายพันร่างใหญ่โตเปล่งเสียงขานรับ
และเมืองทะเลทรายสีเทาค่อยๆก่อตัวขึ้น
ว่าบบบ! ม่านแสงพริบไหว ภาพทั้งหมดพลันหายไป
กู่ฉิงซานใช้มือตบลงบนหน้าผากตัวเอง ปากอ้าถอนหายใจยาวออกมา
‘หวาดกลัวสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมถามหา’
บนผิวทะเลทรายทั้งหมด ไม่มีน้ำแข็งอยู่บนพื้นเลย
โซ่ตรวนสีดำที่ผูกติดอยู่กับยักษ์พวกนั้น มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับนรกเยือกแข็ง
เห็นได้ชัดว่านั่นมิใช่นรกเยือกแข็ง
นรกที่สองได้มาเยือนโลกมนุษย์แล้ว!!
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม
ปรากฏบรรทัดแสงหิ่งห้อยอยู่ภายในนั้น
“ยังเหลือเวลาอีก 11 ชั่วโมงกว่ากำลังเสริมจากปรภพจะมาถึง”
ให้ตายสิ!
การปรากฏตัวขึ้นโดยสมบูรณ์ของนรกเยือกแข็งล่าช้าออกไป แต่นรกอื่นกลับปรากฏขึ้นเร็วยิ่งกว่าซะงั้น!
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “ระบบ ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันล่วงหน้า”
ติ๊ง!
ระบบเทพสงครามตอบกลับ “ ระบบไม่รู้ว่าจะมีนรกอื่นปรากฏขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว ในตอนที่นรกเยือกแข็งปรากฏ คุณก็เป็นคนแรกที่ค้นพบมันไม่ใช่ระบบ”
กู่ฉิงซานลองคิดตาม … ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“แต่คุณสามารถเรียกกำลังเสริมจากปรภพได้นะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ระบบเทพสงครามอธิบาย “ฉันเพียงแค่ปล่อยข้อมูลลับออกไป และที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะเป็นคนทำการตามหานรกที่หลบหนีออกไปด้วยตัวเอง”
กู่ฉิงซานกำลังจะสนทนาเรื่องนี้กับระบบต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องหุบปากลง
บนแท่นระเบียงสูง
พิธีการยังคงดำเนินต่อไป
“เวโรน่า เมดิซี … ”
พระสังฆราชเพียงเอ่ยชื่อของเธอ และกำลังจะกล่าวคำอวยพร
แต่แล้วจู่ๆท้องฟ้าก็พลันมืดมิดลง
บังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหนือความคิดหมายขึ้น
ทุกคนต่างพากันเงยหน้ามอง
“นี่มันไม่ถูกต้อง ฉันรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายอย่างผิดปกติในอากาศ” สีหน้าของซางหยิงฮ่าวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังจะมา เฮ้ย ดูนั่นเร็ว!” เย่เฟย์หยูกล่าวพลางชี้ไม้ชี้มือ
พวกเขาเบนสายตามองไปยังจุดๆหนึ่งบนท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์ได้ถูกปกปิด หายไปท่ามกลางสายลมอันมืดมิด
ท้องฟ้าแยกออกจากกัน และบังเกิดปากหลุมดำขึ้น
ทันใดนั้นโลงศพ … ใช่แล้วล่ะ มันเป็นโลงศพจริงๆ โลงศพได้ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
โลงศพนี้มีขนาดใหญ่มาก ขนาดของมันเกือบจะเทียบเท่ากับตัววิหารทั้งหมดเลยทีเดียว
โลงศพที่ว่านี้ หากสังเกตดูดีๆจะพบว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกสีดำ และบางครั้งกก็มีเลือดไหลหยดย้อยลงมาจากรอยเชื่อมต่อของกระดูก
ปัง!
บังเกิดเสียงกระหึ่มดั่งลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ระเบิดออก
ฝาโลงถูกเป่าทำลายหายไป เผยโฉมมอนสเตอร์ที่ถูกขังเอาไว้อยู่ภายในที่กำลังหวีดร้องลั่น พยายามที่จะปีนป่ายออกมา
ตลอดทั้งร่างของมันเป็นสีดำ กล่าวได้ว่ามืดทะมึนโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปสำรวจมัน แล้วเขาก็ค้นพบว่า แท้จริงแล้วโลงศพขนาดใหญ่บนท้องฟ้านั่นเต็มไปด้วยหนามแหลม
และหนามแหลมเหล่านี้เกือบทั้งหมดล้วนเจาะลึกอยู่ตามร่างกายของมอนสเตอร์ตัวดังกล่าว ยึดตรึงมันไว้ในโลงมิยินยอมให้เล็ดลอดออกมา
ดังนั้น เจ้าสิ่งที่อยู่ภายในจึงเพียรพยายามอย่างหนักที่จะปีนออกมาเพื่อหลุดพ้นจากมัน
‘โลงศพกับหนามแหลม’
นี่คือการลงโทษจากนรก ที่ไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับนรกเยือกแข็งเลย …
เพียงแค่มอง กู่ฉิงซานก็ได้รับคำตอบในทันที
สำหรับช่วงเวลานี้ ที่เขาทำก็เพียงนิ่งค้างจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นเวลานาน มิได้เอ่ยคำใดออกมา
ใช่ พวกคุณทุกคนคิดถูกแล้วล่ะ ท่ามกลางงานพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินีเวโรน่า … ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับล้านๆที่กำลังเฝ้าดูการถ่ายทอดสด — นรกที่สามได้มาเยือนโลกใบนี้แล้ว!!!