Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 409
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.409 – เทพสวรรค์และหญิงสาว
กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนหลังช้างยักษ์
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาบินกลับมาหาเขา
เขาคว้าจับดาบ ขณะเดียวกันก็ยกคทาแห่งกษัตริย์อาชูร่า ชูขึ้นเหนือหัว
อาชูร่าทุกตนตลอดทั้งวิสัยทัศน์ต่างจับจ้องเขาด้วยความตื่นเต้น
อาชูร่าจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงและส่งเสียงเฮลั่น
ราชาเผ่าทั้งสี่นอนนิ่งอยู่บนพื้น จะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ช่างมัน
เพราะทั้งสี่ได้ท้าสู้ชิงราชบัลลังก์ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวที่จะโค่นกษัตริย์อาชูร่าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
กษัตริย์ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของตนอีกครั้ง
“ยังมีใครต้องการที่จะท้าทายข้าอีกหรือไม่?”
กษัตริย์อาชูร่าตะโกนถาม
และเหล่าอาชูร่าทั้งหมดก็หุบปากลงทันที ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ
เงียบสนิท
กู่ฉิงซานเฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง จึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก”
สิ้นเสียง เขาก็ค่อยๆลดมือลง และชี้คทาไปยังทิศทางเบื้องหน้า
“เช่นนั้นทั้งหมด มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองเทวะ”
“รับทราบ!”
เหล่าอาชูร่าขานรับเสียงดัง
แล้วกองทัพก็เริ่มเคลื่อนขบวนอีกครา
คราวนี้ไม่มีใครกล้าออกมาขวางทางเขาอีกเลย
กองทัพได้ยกพลต่อไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้นเอง กองทัพอาชูร่าทั้งหมดก็หายไป
ช้างยักษ์และคทาแห่งกษัตริย์อาชูร่าก็หายไปเช่นกัน
กู่ฉิงซานพบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า
ขณะที่กษัตริย์อาชูร่าปรากฏตัวขึ้นตรงข้ามเขา
กษัตริย์อาชูร่าเอาแต่ก้มหน้าลงและไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอยู่เนิ่นนาน
“ข้าสามารถไปเลยได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“เหตุใดเจ้าจึงคิดที่จะสละราชบัลลังก์?” กษัตริย์อาชูร่าเอ่ยปากออกมาเป็นครั้งแรก
“ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ขณะที่ตัวข้านั้นอ่อนแอ ฉะนั้นอันดับแรกเราเลยต้องถอยก่อน เพื่อที่จะได้จัดวางกลยุทธ์”
“แต่เจ้าผิดคำพูด เจ้ามิได้สละราชบัลลังก์”
“พอพวกเขาทั้งหมดได้ตายลง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะขึ้นมาท้าสู้ใหม่ สิ่งที่ข้ากระทำ ส่งผลให้ข้ายังคงได้เป็นกษัตริย์ต่อไป” กู่ฉิงซานกล่าว
กษัตริย์อาชูร่าพอได้ฟังก็หัวเราะออกมาทันใด
“เป็นข้าที่พลาดเอง มันคือความผิดพลาดของข้า”
ขณะกล่าว ร่างเขาก็ค่อยๆจางหายไป
อากาศโดยรอบบังเกิดการกระเพื่อมไหว ก่อนจะเริ่มก่อรูปไพ่ทรงสี่เหลี่ยมแห่งกษัตริย์อาชูร่า
ไพ่ใบนี้ลอยมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน
บนหน้าไพ่ เห็นแค่เพียงกษัตริย์อาชูร่ากำลังถือคทาแห่งกษัตริย์ และนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกขนาดยักษ์
ขณะเดียวกันภายในไพ่ก็มีอาชูร่าในชุดเกราะสี่ตนยืนอยู่
อาชูร่าในชุดเกราะก้าวไปตามทิศทางเบื้องหน้าภายใต้คำสั่งของกษัตริย์อาชูร่า
ไม่กี่บรรทัดตัวอักษรเล็กๆปรากฏขึ้นในส่วนล่างของไพ่
“นักรบที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรอาชูร่า หนึ่งในสี่ผู้นำของกองทัพพันธมิตร และเป็นสหายที่ดีของราชาภูติ”
“เนื่องเพราะในช่วงปลายของสงครามเขาจำต้องต่อกรกับราชาทั้งสี่เผ่า หมดสิ้นแล้วซึ่งเรี่ยวแรง จึงไม่สามารถเร่งรุดไปช่วยราชาภูติที่อยู่ในเมืองเทวะได้ทันการ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่อาจให้อภัยตนเองได้ แปรเปลี่ยนตนเป็นไพ่ และเฝ้ารอมานานกว่า 10000 ปี”
“กษัตริย์อาชูร่า ไพ่ศาสตร์มนตราจากสำรับแห่งการแก้แค้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ไพ่ใบนี้ถูกเปิดใช้งาน คำมั่นสาบานที่ทั้งสี่อาณาจักรได้ให้ไว้เมื่อ 10000 ปีก่อน จะก่อร่างพันธนาการขึ้นอีกครั้ง”
“คำสาบานของทั้งสี่อาณาจักร : เทพสวรรค์ , ผีร้าย , อาชูร่า และจ้าวอสูร จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่หักหลังกันและกัน ดั่งเช่นที่สี่ผู้นำแต่ละอาณาจักรได้เคยปฏิญาณเอาไว้”
เมื่อกู่ฉิงซานอ่านบรรทัดนี้จบ กษัตริย์อาชูร่าก็มองเขาจากภายในไพ่
“เจ้าจะต้องทำได้ดีกว่าข้า หากตัวข้าในอดีตเยือกเย็นเหมือนดั่งเช่นเจ้าแล้วล่ะก็ … ”
กษัตริย์อาชูร่าถอนหายใจ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปสู่ความฝันถัดไป”
“ขอบพระคุณท่าน”
กู่ฉิงซานรับเอาไพ่มา
ทันใดนั้นอากาศที่ว่างเปล่าก็บังเกิดรอยแตกร้าว กลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กนับไม่ถ้วนและหายไปโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานค้นพบว่าตัวเองได้อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่
แสงอันเงียบสงบสาดส่องไปทั่วทุกสถานที่
อาคารสูงตระหง่านที่ดูเคร่งขรึม ก่อขึ้นจากอิฐขาวบริสุทธิ์
นี่คือห้องโถงที่กว้างขวางและสว่างไสว
ขณะที่ใจกลางห้องโถง มีคนมากมายกำลังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่
จ้าวอสูร , ผีร้าย และผู้ที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีแดง คนๆนี้ดูเหมือนจะเป็นเฉินยี่(ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ)
พวกเขาต่างจับจ้องมายังใจกลางห้องโถงอย่างใกล้ชิด .. จ้องมาข้างกู่ฉิงซาน
หือ?
ทำไมฉันถึงเคลื่อนไหวไม่ได้ล่ะ?
แล้วอะไรกันที่อยู่ข้างๆฉัน
กู่ฉิงซานรู้สึกฉงน
ทว่าเขาเพียงนึกคิด เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากข้างกายเขา
“ ข้าเพียงต้องการที่จะทำงานวิจัยที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในนรก ไม่มีความคิดที่จะรุกล้ำผลประโยชน์ของพวกเจ้า ดังนั้น ต่อจากนี้ไปได้โปรดอย่ามายุ่งกับข้าอีก”
กู่ฉิงซานไม่สามารถหันหัวเขาไปมองได้เลย ตนจึงปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปตรวจสอบแทน
เห็นแค่เพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมแว่นกรอบใหญ่สีดำ และกำลังถือหนังสือในมือของเธอยืนอยู่ข้างๆเขา
ผู้หญิงแม้ดูจะบอบบาง ทว่าเธอกลับมีกลิ่นอายที่มิอาจอธิบายได้ มันพรั่งพรูออกมาจนทำให้ทุกคนถูกกดดันแทบทนไม่ไหว
และเมื่อครู่คือเสียงพูดของเธอ
ตรงกันข้ามกับเธอ คือสามกษัตริย์ที่กำลังนั่งอยู่
มีกษัตริย์จ้าวอสูร , กษัตริย์ผีร้าย และชายชราในเสื้อคลุมแดงที่ดูหรูหรางดงาม
เห็นได้ชัดว่ากษัตริย์จ้าวอสูรและผีร้าย ที่นั่งอยู่มีชายชราเสื้อคลุมแดงเป็นผู้นำ
เมื่อหญิงสาวเอ่ยจบ ทุกคนก็นิ่งเงียบไป ไม่เอ่ยปากกล่าวไปครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปทุกคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบร่วมกัน ลาก่อน”
หญิงสาวขยับกรอบแว่น และลุกขึ้นยืน
เธอถือหนังสือไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างคว้าจับกู่ฉิงซาน
ช้าก่อน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ในใจของกู่ฉิงซานร่ำร้องอย่างลับๆ
แล้วทันทีหลังจากนั้น กู่ฉิงซานก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆของมือเล็กๆ
เธอกำลังจับตัวเขา?
กู่ฉิงซานรีบกวาดจิตสัมผัสเทวะออกมาสำรวจตนเองอย่างรวดเร็ว
ไม้เท้าสีดำ ตรงส่วนหัวฝังกะโหลกเขาแหลม ขณะที่ตามตัวปลดปล่อยหมอกทมิฬอันน่าเกรงขามออกมา
ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ!
คราวนี้ตัวเขาได้กลายเป็นไม้แท้าแห่งการจองจำ!
-งั้นผู้หญิงคนนี้ก็เป็นราชาภูติจากนรกน่ะสิใช่ไหม?
คงใช่แล้ว เพราะไม่มีคำอธิบายอื่นใดอีก
มีเพียงราชาภูติเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองไม้เท้านี้ได้
กู่ฉิงซานกลายเป็นโง่งม
เมื่อค้นพบถึงความจริงอันน่าอัศจรรย์ใจนี้ สติตนก็ล่องลอยไป มิอาจเรียกกลับคืนได้ชั่วเวลาหนึ่ง
หญิงสาวถือเขา และเตรียมที่จะจากไป
“ช้าก่อน!”
หญิงสาวหันกลับมา และพบว่ามันเป็นเสียงของชายชราชุดคลุมแดง
“ยังมีอะไรอีก?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“เจ้ากล่าวว่ากำลังทำการวิจัยในนรก ข้าต้องการที่จะทราบว่าแท้จริงแล้วเจ้ากำลังศึกษาเรื่องอันใดอยู่?” ชายชราชุดคลุมแดงเอ่ยถาม
“โอ้ ดูเจ้าจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวให้ความสนใจกับคำถามนี้มาก
“จริงๆแล้วข้ากำลังศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของภูเขาล้อมเหล็กน่ะ”
“สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของภูเขาล้อมเหล็ก? เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังหลอกลวงผู้ใดกัน! ที่นั่นนอกจากสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอยู่อีกเลย!” ชายชราขึ้นเสียง
“อ้อ เจ้าเรียกมันว่าสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลสินะ? ใช่ นั่นแหละ ข้ากำลังศึกษามันอยู่”
ชายชรากล่าวเตือน “มันสามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง เหตุใดเจ้าจึงได้สนใจมัน?”
“ในหลากหลายโลก มิได้มีสายลมอันน่าสะพรึงนี้ปรากฏออกมา อีกอย่างข้าก็บังเอิญได้ค้นพบส่วนหนึ่งของบันทึกเกี่ยวกับมันจากเอกสารล้ำค่าอีกด้วย”
หญิงสาวพูดด้วยควาวมกระตือรือร้น
“ก็อย่างที่บอกไปว่าในหลายๆโลกน่ะมันไม่มีสายลมนี้ แต่ยามเมื่อข้าได้มายังโลกของเจ้า ข้าก็ได้ค้นพบถึงการดำรงอยู่ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อค้นพบสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหล อำนาจของมันเกรี้ยวกราดอย่างหาที่ใดเปรียบ จึงเป็นธรรมดาที่ข้าต้องการจะศึกษามัน”
ชายชราชุดคลุมแดงจ้องมองหญิงสาว เอ่ยปากกล่าวอย่างลึกซึ้ง “แต่เจ้าไม่คิดหรือว่า หากเจ้าทำสิ่งใดผิดพลั้งไปในระหว่างการศึกษา แล้วสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลเล็ดลอดเข้าสู่โลกปรภพ ยามนั้นกระทั่งทั้งหกโลกก็จะดับสูญลงโดยสายลมนี้”
“และพวกเราทุกคนที่นี่ก็จะต้องตาย และไม่มีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่อีกเลย”
หญิงสาวพอได้ฟังก็โบกมือ และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าได้ทำการวิจัยทดลองมาหลายปีแล้ว และยังคงยึดมั่นในกฏหนึ่งเสมอ”
“กฏอันใด?”
“ปลอดภัยไว้ก่อน”
ขณะกล่าว ราวกับรู้สึกได้ว่าคำพูดของตนมันไม่มีความเชื่อถือมากพอที่จะโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายได้ ตนจึงเปิดหนังสือและจั่วไพ้ใบหนึ่งออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนทั้งหมด
บนหน้าไพ่ เป็นภาพของลูกตาขนาดใหญ่
หมอกสีขาวลอยฟุ้งและหนาแน่นขึ้นในดวงตาใหญ่ ก่อให้เกิดกระแสหมุนวนอันคมชัด
“ดูนี่สิ นี่คือไพ่พยากรณ์แห่งโชคชะตาที่หาได้ยากยิ่ง ในช่วงที่ข้าทำการวิจัย ข้ามักจะเก็บมันไว้ข้างกายเสมอ และมักจะมองมันก่อนเริ่มดำเนินการวิจัยในแต่ละขั้น”
“มันสามารถทำนายผลแห่งการกระทำของข้าได้ทุกครั้ง ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”
หญิงสาวยิ้มอย่างภาคภูมิ
“ข้าสามารถได้รับการแจ้งเตือนจากไพ่นี้ และผ่านพ้นการตรากตรำมานับครั้งไม่ถ้วน”
แต่แล้วจู่ๆเธอก็ตื่นตระหนกในฉับพลัน
เพราะไพ่ในมือได้สาดม่านแสงมืดหม่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่มันเป็นสัญญาณของลางร้าย!
หญิงสาวรีบพลิกไพ่อย่างรวดเร็ว เพื่อมองดูสถานการณ์ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน
บนหน้าไพ่ หมอกสีขาวในดวงตาใหญ่ได้สลายหายไปโดยสิ้นเชิง
และมีเพียงศพๆหนึ่งที่ล้มตัวลง นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่
เป็นศพของเธอเอง