Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 490
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.490 – เสื้อคลุมดวงดารา
“ต้องการเสื้อคลุมดวงดาราอย่างงั้นหรอ .. ”
ซูเซี่ยเอ๋องึมงำ
ทันใดนั้น เธอก็กวาดมือออกไป พร้อมกับเสื้อคลุมสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาราปรากฏขึ้นมาในฉับพลัน
เมื่อได้เห็นถึงเสื้อคลุมนี้ สีหน้าของทั้งแปดจ้าวมณฑลก็แปรเปลี่ยนไป
ซูเซี่ยเอ๋อไม่ทราบเกี่ยวกับมันก็จริง แต่สำหรับแปดจ้าวมณฑลที่เหลือแล้วพวกเขารู้!
ว่ายามใดที่สวมใส่เสื้อคลุม ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลก็จะสามารถเฝ้ามองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
เสื้อคลุมนี้จึงเปรียบดั่งเกราะคุ้มภัยอันยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับจ้าวมณฑลทั้งเก้า
ดังนั้น พวกเขาจึงกล้าที่จะจัดการกับพ่อแม่ของซูเซี่ยเอ๋อ ทว่าไม่กล้าที่จะลงมือกับซูเซี่ยเอ๋อโดยตรงตั้งแต่แรก
แม้แต่กับซูเซี่ยเอ๋อพวกเขายังจะต้องลงมือผ่านพ่อแม่ นับประสาอะไรกับยามที่เสื้อคลุมปรากฏขึ้นมา คงไม่ต้องกล่าวถึง พวกเขาจึงยินดีละทิ้งโอกาสนี้ แล้วค่อยไปลงมือเอาคราวหน้าก็ได้
“หยุดมือ!” แปดจ้าวมณฑลเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
ซูเซี่ยเอ๋อเป็นคนแรกที่ผ่านการสืบทอดความแข็งแกร่งในรอบหลายพันปี เป็นคนที่ได้รับการโปรดปรานจากท่านผู้พิทักษ์
และพวกเขาไม่กล้าที่จะให้ท่านผูิพิทักษ์ค้นพบว่า พวกตนกำลังจะจัดการกับซูเซี่ยเอ๋ออยู่
ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดหยุดการโจมตี ปากอ้าหอบหายใจหนักหน่วง
ทุกชนิดของเทคนิคมนตราได้ระเบิดการโจมตีไปเป็นเวลานาน แต่กลับไม่สามารถทำร้ายตระกูลซูทั้งสามคนได้เลย ยิ่งนาน ในหัวใจของผู้ฝึกยุทธอดไม่ได้ที่จะยิ่งท้อมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาฝึกฝนมาได้ถึงระดับหนึ่ง แถมยังสามารถปลุกการรับรู้ทางพลังวิญญาณให้ตื่นขึ้นมาแล้วอีกด้วย
ทั้งหมดจึงมีลางสังหรณ์อันบางเบา มันเป็นสังหรณ์ร้ายผุดเข้ามาในการรับรู้ทางพลังวิญญาณของเหล่าผู้ฝึกยุทธชั้นยอดเหล่านี้
ดังนั้น เมื่อได้รับฟัง ทั้งหมดจึงฉวยโอกาสนี้หยุดมือทันที
ตลอดทั้งลานเงียบสงัด
ท่ามกลางความเงียบ สายตาทั้งหมดต่างจ้องมองมายังซูเซี่ยเอ๋อ
“นี่มันเรื่องจริงงั้นหรือนี่?”
“นั่นน่ะเหรอเสื้อคลุมดวงดาราที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะของจ้าวมณฑล?”
“ดูเหมือนว่าจะใช่นะ”
“เสื้อคลุมนั้นสวยจัง!”
“ปรากฏว่าตำนานเป็นความจริงสินะ”
….
ผู้คนต่างลดเสียง และเริ่มกระซิบกระซาบ
ซูเซี่ยเอ๋อมองซูเซิงเหวินกับมาดามซูด้วยสายตาที่ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า
เธอถือเสื้อคลุมดวงดาราเดินตรงไปหาพ่อแม่ของตัวเอง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เสื้อคลุมอยู่นี่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่หนูอยากจะบอกกับท่านให้มันชัดเจน”
“เซี่ยเอ๋อ เจ้าพูดมาได้เลย”
“เมื่อท่านเอาเสื้อคลุมนี่ไปแล้ว ตัวหนูจะถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซูอีกต่อไป ถ้าตกลงให้หนูออกจากตระกูลซู พ่อกับแม่ก็เอาเสื้อคลุมนี้ไปได้เลย”
ซูเซี่ยเอ๋อพูดอย่างใจเย็น
ขณะที่ภายในดวงตาของเธอ ประกายสุดท้ายจากหยาดน้ำใสๆได้ผุดออกมา
“พูดอะไรไร้สาระ!” ซูเซิงเหวินตะโกน “ต่อให้เสื้อคลุมอยู่ในมือพ่อ เจ้าก็ยังเป็นลูกสาวของพ่ออยู่ดี”
เขาคว้าเสื้อคลุม และสวมมันทับใส่ตนเอง
บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นในฝูงชน
แบบนี้ ก็แสดงว่าเสื้อคลุมดวงดาราของตระกูลซู ได้ถูกเปลี่ยนมือไปแล้วใช่ไหม?
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะระงับเสียงของตนเอง
กระทั่งใบหน้าของทั้งแปดจ้าวมณฑล ก็ยังเผยถึงความซับซ้อน
ซูเซี่ยเอ๋อมองดูเสื้อคลุมที่พ่อของเธอสวมใส่ ปากเอ่ยเสียงกระซิบ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ … ”
เธอลดหัวลง พร้อมกับประกายระยับในแววตาที่หายไป
ไม่มีใครสามารถมองเห็นสีหน้าของเธอในเวลานี้ได้
มาดามซูเดินมาจะดึงลูกสาวเข้าไปกอด
“ลูกสาวที่ดี-”
แต่ซูเซี่ยเอ๋อกลับก้าวถอยหลัง หลบฉากออกมา
เธอเลี่ยงมือของมาดามซู และหันไปมองอีกแปดจ้าวมณฑล
“อีกเรื่องหนึ่ง”
“พวกคุณต้องล้มเลิกการก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรผู้ฝึกยุทธซะ” เธอกล่าว
คราวนี้ฝูงชนโดยรอบล้วนตกตะลึง
แต่ละคนต่างหันไปสบตากับคนข้างๆ
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสถานการณ์มันจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบนี้
เพื่อก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรขึ้น ทางเก้าตระกูลใหญ่จำต้องทุ่มออกด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก
มันคือองค์กรที่จะใช้เพื่อยึดครองและนำพาผู้คนทั้งโลก แต่ตอนนี้ ซูเซี่ยเอ๋อกลับประกาศออกมาว่าให้ทุกคนล้มเลิกมันไปซะ
ผู้คนจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าไม่ใช่จ้าวมณฑลอีกต่อไปแล้ว!” จ้าวมณฑลคนหนึ่งกล่าว
ขณะที่จ้าวมณฑลคนอื่นๆส่งสัญญาณทางสายตาให้กันและกัน
บัดนี้ ซูเซี่ยเอ๋อมิได้ครอบครองชุดคลุมดวงดาราอีกต่อไป
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าท่านผู้พิทักษ์จะเห็นถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ พวกเขาสามารถลงมือจัดการกับซูเซี่ยเอ๋อได้เลยโดยตรง
ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ก็น่าจะมีจุดอ่อนอยู่บ้างแหละน่า
จับเธอได้เมื่อไหร่ ก็จะค่อยๆทรมานเธอจนคายความลับออกมา จากนั้นเก้าตระกูลใหญ่ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
หนึ่งในจ้าวมณฑลอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความปิติในหัวใจ เขาหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “เรื่องใหญ่แบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวตัวน้อยๆจะตัดสินใจได้หรอก”
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว “ไม่ หนูมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้”
ว่าแล้ว เธอก็เคาะคทาลงกับพื้นเบาๆ
ปัง!!
พื้นโลกบังเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น
เงาสีเทาสูงตระหง่านผุดออกมาจากเมฆบนฟ้า ตกลงมาตรงประตูลานกว้าง
มันคือมอนสเตอร์ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน
โดยไม่ต้องรีรอให้ฝูงชนตื่นตระหนก เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยในสถานที่ดังกล่าวก็เข้าตอบโต้ทันที
ทุกชนิดของอาวุธที่ทันสมัย ผสานไปด้วยเทคนิคมนตราระเบิดเข้าใส่มอนสเตอร์ตัวนั้น
ประกายไฟที่งดงามกระจัดกระจายไปทั่ว
ทว่ามอนสเตอร์กลับดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
บรรดาจ้าวมณฑลมองหน้ากัน และเห็นถึงความประหลาดใจในแววตาของอีกฝ่าย
ซูเซี่ยเอ๋อสามารถควบคุมมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ได้หรือนี่?
แถมยังเป็นมอนสเตอร์ที่ต่อให้พวกเขารุมโจมตีด้วยอาวุธและมนตราที่รุนแรงที่สุด ก็ยังไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้เพียงน้อย
ซูเซี่ยเอ๋อทำได้อย่างไรกัน?
“นี่ใช่เป็นการทักทายหรือไม่? พวกเขาดูกระตือรือร้นที่จะต้อนรับข้ามากทีเดียว” มอนสเตอร์เอ่ยถามด้วยความภาคภูมิในตนเอง
มีเพียงคำพูดของซูเซี่ยเอ๋อคนเดียวเท่านั้น ที่มันสามารถเข้าใจได้
“เปล่าหรอก พวกเขากำลังใช้พลังของตนเองโจมตีเจ้าอยู่น่ะ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
“อ่าว เป็นงั้นหรอกหรือ?” มอนสเตอร์แลดูจะผิดหวังเล็กน้อย
ในเวลานั้นเอง ผู้ฝึกยุทธขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดก็ทะยานตัวขึ้น หมายจะโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์
และเขาคือผู้ที่มีพื้นฐานวรยุทธสูงส่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธในฉากนี้
“บ๊ะ!”
มอนสเตอร์ถ่มน้ำลายใส่ผู้ฝึกยุทธ
แล้วผู้ฝึกยุทธขั้นแก่นทองคำก็กรีดร้องอย่างน่าเวทยาออกมา บังเกิดกระแสลมอันแข็งกร้าวฉีกกระชากร่างกายของเขา ผสานไปกับน้ำลายที่กัดกร่อนเลือดเนื้ออย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว ทั้งคนทั้งร่างก็หลงเหลือเพียงไม่กี่ส่วน และถูกพัดพาไปกับสายลม
ผู้ฝึกยุทธตลอดทั้งฉากสั่นสะท้าน
ซูเซี่ยเอ๋อลูบไล้คทาของเธอ ย่ำลงบนพื้นดินอย่างแผ่วเบา
เธอลอยตัวขึ้นไปเหนือหัวของมอนสเตอร์ยักษ์ กดสายตาลงมองทุกชีวิตที่อยู่เบื้องล่าง
มอนสเตอร์สัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของเธอ มันจึงเอ่ยเตือนออกมา “ดูเหมือนว่าเกือบทุกคนจะเป็นคนที่ท่านรู้จัก ท่านต้องการที่จะทำแบบนี้จริงๆน่ะหรือ?”
“ไม่จำเป็นต้องพูด ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว”
ซูเซี่ยเอ่อกล่าวสิ่งที่ตนคิด
เธอยื่นคทาออกมา และโบกมันไปทางเบื้องล่าง
บังเกิดแสงสีขาวพิสุทธิ์พวยพุ่งจากคทา
แสงสีขาวนี้กวาดลงไปตลอดทั้งลานกว้าง โดยที่ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
จ้าวมณฑลทั้งแปดและหลายร้อยผู้ฝึกยุทธ หรือแม้กระทั่งผู้คนทั้งหมดในงานล้วนมิอาจต้านทานได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงพิสุทธิ์นี้ พวกเขาไม่มีเวลาแม้จะกรีดร้องด้วยความอนาถ แขนขาถูกแยกออก อวัยวะกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ
ลานกว้างที่เมื่อครู่พลุกพล่านและคึกคักไปด้วยเจ้าของงานและแขกเหรื่อ ได้กลายเป็นทะเลเลือดในพริบตา
หลงเหลือเพียงซูเซิงเหวินกับมาดามซูเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
ทั้งสองสั่นสะท้านท่ามกลางซากศพ
ซูเซี่ยเอ๋อหลับตาลงแล้วสูดหายใจลึก
ดูเหมือนว่าเธอกำลังรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง
“นายหญิง ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับการรับรู้ถึงความตื่นเต้นในการสังหาร” มอนสเตอร์คำราม
“นี่น่ะหรือคือความตื่นเต้นในการสังหาร?”
“ถูกต้องแล้ว” มอนสเตอร์โบกไม้โบกมือของมันด้วยความปิติ
“ … ไม่ใช่หรอก”
ซูเซี่ยเอ๋อลืมตาและกล่าว “นี่มันเป็นแค่วิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ และฉันเองก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย” เธอกล่าว
“ไม่รู้สึกงั้นหรือ?” มอนสเตอร์เผยถึงความประหลาดใจ
“แน่นอน เพราะพวกเขาพึ่งจะตายเท่านั้น และมันยังไม่จบลงแค่นี้”
ซูเซี่ยเอ๋ออธิบายและยกคทาในมือขึ้น
พร้อมกับร่างลวงตานับไม่ถ้วนถูกยกสูงขึ้นด้วยพลังที่มองไม่เห็นลอยขึ้นมาเหนือลานกว้าง
วิญญาณเหล่านี้ได้ตระหนักถึงสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ
วิญญาณทั้งหมดพยายาที่จะหลบหนีออกไป แต่ก็ถูกกักขังอยู่ในบริเวณดังกล่าว และไม่สามารถออกไปไหนได้เลย
ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองไปยังจิตวิญญาณเหล่านั้น
เธอยกคทาขึ้นและชี้ไปที่วิญญาณทั้งหลายที่พึ่งจะสูญเสียร่างกายของตัวเองไป
“จงหลอมรวม” เธอเอ่ยสั่ง
คทาในมือวูบไหว
หลายร้อยวิญญาณต่างพากันเปล่งเสียงสลดขึ้นในเวลาเดียวกัน
วิญญาณเหล่านั้นแตกกระจายโดยสิ้นเชิง กลายเป็นจุดแสงสีดำ
จุดแสงเหล่านั้นหลอมรวมกันเป็นก้อนทรงสี่เหลี่ยมและถูกดูดซึมเข้าไปในคทา
ขณะที่สีของคทาแลดูจะเข้มขึ้น
ซูเซี่ยเอ๋อใช้นิ้วมืออีกข้างเคาะเบาๆลงบนหัวคทา
และใบหน้าของมนุษย์นับไม่ถ้วนก็ผุดออกมาจากคทา จ้องมองเธอด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาอ้าขยับปาก พยายามร้องตะโกนขอความเมตตาแต่ก็ไม่สามาถส่งเสียงใดๆได้เลย
ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองคนเหล่านั้นที่กำลังเจ็บปวดและหวาดกลัว
คิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอค่อยๆคลายลง
ใช่แล้วล่ะ การแบ่งหรือหลอมรวมวิญญาณน่ะ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดยิ่ง
ความตายจะนับว่าเป็นสิ่งใดกัน เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดนี้?
“เจ้าลองมองดูสิ จับพวกเขาเอาไว้แบบนี้ แล้วทรมานจิตวิญญาณของพวกเขา … มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าซะอีก … ”
ซูเซี่ยเอ๋อหันไปกล่าวกับมอนสเตอร์
มอนสเตอร์มองไปยังวิญญาณที่กำลังถูกหลอมรวมเข้าด้วยเจ็บปวด ขณะที่ได้ยินเสียงกระซิบเย็นชาของซูเซี่ยเอ๋อ มันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
“มีอะไรงั้นหรอ?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีสิ่งใด นายหญิงที่เคารพของข้า ข้าพร้อมและยินดีที่จะรับใช้ท่านเสมอ” มอนสเตอร์กล่าวด้วยความเคารพ
มันพยายามที่จะสงบสติอารมณ์
แต่ทันใดนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของซูเซี่ยเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันใด
เธอเก็บวิญญาณที่กำลังเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหล่านั้น และเคาะคทาลงบนหัวของมอนสเตอร์เบาๆ
มอนสเตอร์รู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังจะสื่อได้ทันที
มันพาซูเซี่ยเอ๋อทะยานสู่ฟากฟ้า และจากไป
มีเพียงซูเซิงเหวินกับมาดามซูเท่านั้นที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ซูเซี่ยเอ๋อไม่ได้เหลือบมองทั้งสองอีกเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่หลังจากที่ซูเซี่ยเอ๋อจากไปแล้ว ซูเซิงเหวินกับมาดามซูก็เผยสีหน้าปิติยินดีออกมาทันใด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ลูกสาวของฉันแข็งแกร่งจริงๆ! คราวนี้ล่ะ ยังจะมีใครอีกที่กล้าขัดขืนฉัน!” ซูเซิงเหวินกล่าว
“แต่ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธพวกเรานิดหน่อยนะ” มาดามซูกังวล
“ไม่เป็นไรหรอก!” ซูเซิงเหวินลูบไล้เสื้อคลุมดวงดาราบนตัวเขา “ยังไงเธอก็เป็นลูกสาวของพวกเรา เอาไว้ค่อยหาโอกาสกล่อมเธอทีหลังก็ได้”
ซูเซี่ยเอ๋อทรงพลังเช่นนี้ มันมากพอแล้วที่จะกำจัดปัญหาทั้งหมดในคราเดียว
-ตัวเขายังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องพึ่งพาเธอในอนาคต!
มาดามซูตบหลังซูเซิงเหวิน “ตอนนี้พวกคนสำคัญๆของอีกทั้งแปดตระกูลก็ได้ตายลงไปแล้ว พวกเราจะต้องรีบกลับไปยังตระกูลซู เพื่อเตรียมการบางอย่างทันที แล้วเร่งลงมือให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด!”
“เธอพูดถูก! พูดถูกแล้ว!”
ซูเซิงเหวินตระหนักได้ทันที เขาพยักหน้าครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ในขณะนั้นเอง พวกเขาก็ทำเป็นตามืดบอด ไม่สนใจซากแขนขาและเลือดบนพื้น รีบออกจากลานกว้างไปทันที
ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งลงมือทำ
ตระกูลซูจะต้องกลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในสหพันธรัฐรัฐบาลกลาง!
รอยเท้าเลือดสองคู่ย่ำเป็นทาง ไม่นานก็วิ่งหายไปไกล
…
มอนสเตอร์บินอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ที่สิ้นสุด
ซูเซี่ยเอ่อยืนอยู่เหนือหัวของมัน สีหน้าปรากฏถึงความสับสน
“นายหญิง ข้าคิดว่าท่านต้องการจะหลอมรวมจิตวิญญาณให้ดีเสียก่อน แล้วเหตุใดจึงเร่งข้าให้ออกมากัน?” มอนสเตอร์ถามด้วยความงงงวย
“เพราะมีเรื่องฉุกเฉินที่ฉันจะต้องจัดการน่ะสิ” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยตอบ
ในสายตาของเธอ ปรากฏหนึ่งบรรทัดเส้นแสงขึ้น
“อาจารย์ฝึกสอนของคุณกำลังจะกลับมายังเกาะหมอก กรุณากลับไปทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกค้นพบ”
ซูเซี่ยเอ๋อถอนหายใจ
เธอจะต้องเร่งกลับไปยังเกาะหมอกทันที
แต่ยังไงก็ตาม ผู้ปกครองและตัวตนทรงพลังของเก้าตระกูลใหญ่เกือบทั้งหมดก็ได้ถูกสังหารลงแล้ว ดังนั้นส่วนที่เหลือของเรื่องนี้ก็มอบหมายให้ประธานาธิบดีกับสมเด็จพระจักรพรรดินีเป็นคนจัดการก็แล้วกัน
หากไม่ไหวจริงๆ ก็ฝากให้เย่เฟย์หยู
เพราะคนๆนี้คือกำลังรบที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ฉิงซาน …
เมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา ทุกสิ่งอย่างจะต้องเป็นระบบระเบียบ
ในหัวใจของซูเซี่ยเอ๋อปรากฏภาพของกู่ฉิงซานขึ้นมา มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยกสูงขึ้น
ตราบใดที่นึกถึงเขา ความทุกข์ตรมทั้งหมดก็ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญอะไร
วินาทีต่อมา ม่านรังสีแสงก็ปรากฏขึ้น เข้าปกคลุมร่างของซูเซี่ยเอ๋อ
แล้วเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมๆกับมอนสเตอร์ยักษ์