Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 620 มอบรางวัล ตอนที่สาม
“นี่คืออะไรกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
แบรี่กล่าว “ทหารพิทักษ์บอกว่ามันคือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากราชินีหนามที่มอบให้แก่สมาชิกของสมาคม โดยให้ฉันเปิดมันหลังจากที่กลับมายังสมาคมอีกครั้ง”
“แล้วคุณก็เชื่อทหารพิทักษ์คนนั้นหรือ? คุณรู้จักกับเขาหรือเปล่า?”
“ไม่รู้จักหรอก แต่อีกฝ่ายเป็นคนของอาณาจักรหนามนี่นา พวกเขาคงไม่เล่นตุกติกอะไรมั้ง ยิ่งเป็นเสี่ยวเหมียวกับฉันแล้วด้วย พวกเขาคงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
เสี่ยวเหมียวแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเร่งเร้าแบรี่ “รีบเปิดมันสักทีสิ น้องอยากจะรู้แล้วนะว่าข้างในมันคืออะไร”
“ก็ได้ๆ”
แบรี่เปิดกล่อง
ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก แสงจรัสพร่างพราวก็พวยพุ่งออกมา ตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
แสงบนท้องฟ้า ขยุกขยิกเป็นรูปสัญลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สัญลักษณ์เหล่านี้คล้ายกับว่าจะเป็นตัวกำหนดถึงอะไรบางอย่าง
สัญลักษณ์เปลี่ยนไปมาอยู่หลายลมหายใจ จนสุดท้ายก็หยุดลง
“นี่มันอะไรกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
สีหน้าของเสี่ยวเหมียวหม่นลง “นี่คือตัวระบุพิกัดมิติและเวลาของสมาคมกำปั้นเหล็ก หากได้รับพิกัดนี้ไป อีกฝ่ายจะสามารถเชื่อมต่อกับเราได้ แม้ว่าจะไม่รู้จักกับเราก็ตามที”
“แต่การควบคุมทางเข้ามิติอนันต์ของโลกใบนี้น่ะอยู่ในมือของคุณไม่ใช่หรือ ตราบใดที่คุณไม่ให้พวกเขามา พวกนั้นก็ทำได้เพียงเฝ้ารอเราจากมิติรอบนอกเท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าว
“นั่นก็จริงอยู่ แต่วิธีการไม่ชอบมาพากลแบบนี้ มันค่อนข้างทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดน่ะ”
หูของเสี่ยวเหมียวกระดิกไปมา คล้ายกับกำลังไม่พอใจ
สีหน้าของแบรี่เองก็ดูไม่ดีเช่นกัน
ในตอนที่สนทนากับทหารพิทักษ์ ชัดเจนว่าเจ้าสิ่งนี้คือของขวัญ แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นสิ่งที่ใช้ระบุพิกัดแทน แบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาถูกหลอกหรอกหรือ?
แบรี่งง “ถึงแม้ว่าจะได้พิกัดโลกของพวกเราไป แต่หากไม่ได้รับความยินยอมจากฉันหรือเสี่ยวเหมียว พวกเขาก็ไม่สามารถเข้ามาได้…เพราะงั้นฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมเผ่าพันธุ์หนามถึงเล่นตุกติกกับฉันแบบนี้”
กู่ฉิงซานเริ่มเค้นสมอง หลังจากคิดไปสักพักเขาก็เอ่ยปาก “หรือว่าบางที…อาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นกับทริสเต้หลงเหลืออยู่ก็เป็นได้”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและกัน และรู้สึกว่าสถานการณ์ค่อนข้างจะร้ายแรง
ในเวลานั้นเอง เสี่ยวเหมียวก็เบนสายตาออกไปและกล่าว “มีคนกำลังใกล้เข้ามาในโลกมิติอนันต์ของพวกเรา และกำลังขอให้ฉันอนุญาตให้เข้ามา”
เธอหลับตาลง ปากเอ่ยพึมพำ “ไหนมาดูกันหน่อย ว่าใครกันที่มันกล้าทำแบบนี้?”
แบรี่เองก็หลับตาลงเช่นกัน เพื่อเริ่มทำการรับรู้ถึงการเหนี่ยวนำมิติ
“ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าเจ้าพวกบ้านั่นกำลังพยายามจะทำอะไร” เสียงของเขาเริ่มรุนแรงขึ้น
แม้ว่าแบรี่จะไม่รู้จักวิธีใช้เทคนิคมนตรามิติ แต่อย่างไรเสียเขาก็คือเจ้าของโลกมิติอนันต์ ดังนั้นเขาย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงการเชื่อมต่อและเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างโลกภายนอกกับโลกมิติอนันต์ของตนเองได้เลยโดยตรง
พี่ชายและน้องสาวหลับตาลง ใช้เวลาเพียงลมหายใจเดียว ทั้งสองก็มองเห็นถึงฉากด้านนอก
แบรี่น่ะเป็นผู้ที่มากประสบการณ์ ฝ่าลมฝนมามากมาย ขณะที่เสี่ยวเหมี่ยวเองก็ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะเช่นกัน แต่ในช่วงเวลานี้ สีหน้าของทั้งสองคนกลับแสดงออกถึงความประหลาดใจและตกใจอย่างกะทันหัน
ทั้งสองลืมตาขึ้นพร้อมกัน
“พี่ชาย ฉันควรจะทำอย่างไรดี?” เสี่ยวเหมียวถาม
“มันดูไม่เหมือนว่าจะเล่นตุกติกอะไรนะ พวกเราปล่อยให้ผ่านเข้ามาเถอะ” แบรี่ขมวดคิ้ว
“เข้าใจแล้ว” เสี่ยวเหมียวรับคำ
เธอเริ่มท่องคาถา เปิดทางเข้ามิติอนันต์ และอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามา
กู่ฉิงซานเฝ้ามองปฏิกิริยาของทั้งสอง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน
เขาเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
แต่แบรี่ไม่ได้ตอบตรงๆ เจ้าตัวเพียงผงกหัวให้มองขึ้นไปและกล่าว “ลองดูด้วยตาตัวเองสิ”
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นแค่เพียงเรือขนาดใหญ่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เอ๊ะ…ทำไมเรือเหาะลำนี้มันถึงได้ดูคุ้นตาจังเลยนะ
จริงสิ นี่มันเรือเหาะส่วนพระองค์ของราชินีหนามนี่นา!
ช่วงเวลาต่อมา กู่ฉิงซานก็เห็นหัวของอีเลียกับลอร่ายื่นออกมาจากระเบียงเรือ
ลอร่ายิ้มให้แก่เขา
เสี่ยวเหมียวอธิบายกับกู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว “กองเรือแห่งอาณาจักรหนามกำลังเฝ้ารออยู่ด้านนอกทางเข้ามิติ แต่มีเพียงเรือของราชินีเท่านั้นที่ร้องขอที่จะเข้ามา ดังนั้นฉันเลยคิดว่ามันไม่น่าจะมีอันตรายอะไร”
“ใช่แล้วล่ะ เผ่าพันธุ์หนามไม่ได้คิดจะจัดการกับพวกเราหรอก เพราะพวกเขาเองไม่เคยมีปัญหาอะไรกับโลกมิติอนันต์มาก่อน” คิ้วของแบรี่ค่อยๆ คลายลง
เนื่องจากเป็นราชินีหนามที่มาเยี่ยมเยือนเป็นการส่วนตัว ดังนั้นอีกฝ่ายย่อมต้องมีเรื่องสำคัญยิ่งอย่างแน่นอน
พอมาถึงตอนนี้ แล้วย้อนนึกไปถึงเรื่องกล่องระบุพิกัดนั่น เกรงว่าแท้จริงมันคงจะมีไว้เพื่อช่วยให้ประหยัดเวลาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเล่นแง่ใดๆ
เมื่อคิดแบบนี้ สีหน้าของแบรี่กับเสี่ยวเหมียวก็ดีขึ้นมาก
“แล้วพวกเราสมควรจะต้อนรับพวกเขาอย่างไรดี?” แบรี่ถาม
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็พวกเขามาอย่างกะทันหัน ทางเราเองก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้รับแขกเสียด้วย แค่เดินออกไปทักทายก็น่าจะพอแล้วนะ” เสี่ยวเหมียวกล่าว
ระหว่างสนทนา เรือใหญ่ก็ได้เทียบท่าลง
ราชินีแห่งหนามลอร่าในรูปลักษณ์สวมมงกุฎ และชุดคลุมประจำชาติที่งดงาม พร้อมคทาในมือ บินลงมาจากเรือใหญ่
เบื้องหลังเธอ คือเหมันต์ยามค่ำอีเลียและทหารพิทักษ์อีกกว่าสิบคนที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิด
พวกเขาบินเข้ามาหาทั้งสมาชิกของสมาคมทั้งสาม
“อีเลีย เจ้าจงไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้แก่กำปั้นเหล็กแบรี่และเสี่ยวเหมียวฟังเสีย” ลอร่าสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ”
อีเลียก้าวออกมาข้างหน้า และเชิญแบรี่กับเสี่ยวเหมียวแยกตัวออกไป เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างคร่าวๆ
ลอร่าเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน และเงยหน้าขึ้นมองเขา
ขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานก็ก้มลงมองเธอ และหัวเราะออกมา
“ไหนสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไง” เขากระซิบเบาๆ
“แน่นอนว่ามันจะถูกเก็บเป็นความลับ ทหารพิทักษ์ที่เราพามาในโลกใบนี้ ทั้งหมดคือทหารที่ถูกเรียกตัวไปยังโลกสมบัติทั้งสิ้น” ลอร่าชี้ไปยังเบื้องหลังเธอ
ทหารพิทักษ์นับสิบมองมายังกู่ฉิงซาน ทุกคนยิ้มให้แก่เขาด้วยไมตรีจิต
กู่ฉิงซานเองก็ทักทายพวกเขากลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
หลังจากที่ได้ร่วมรบกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มรู้จักคุ้นเคยกันเล็กน้อย
ลอร่าเอ่ยปากอีกครั้ง “แล้วอีกอย่าง แบรี่กับเสี่ยวเหมียวก็เป็นคนที่ไว้วางใจได้ ดังนั้นการจะบอกถึงความจริงนี้แก่พวกเขา ก็คงจะไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ?”
กู่ฉิงซานหันไปมองแบรี่กับเสี่ยวเหมียว
เห็นแค่เพียงเมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากอีเลีย ทั้งสองก็ดูประหลาดใจมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ และบางช่วงจังหวะก็หันมามองดูกู่ฉิงซานเป็นครั้งคราว
“เอาล่ะ บอกพวกเขาไปก็คงไม่เป็นไรหรอก” กู่ฉิงซานเห็นด้วย
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ จู่ๆ บรรยากาศก็พลันเงียบลง
ทั้งสองต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“เรา…ได้ลองคิดเกี่ยวกับมันอย่างจริงจังดูแล้ว” ลอร่าได้กล่าวทำลายความเงียบ
“หืม?”
“อันที่จริง เราได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่สองล่ะ เส้นทางที่ยากลำบาก และต้องท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ค่อยๆเติบโตขึ้นและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้…แบบนี้ถูกต้องแล้วใช่ไหม” ลอร่าเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ใช่ กระหม่อมก็คิดว่าแบบนั้น” กู่ฉิงซานพยักหน้ากล่าว
“ตอนนี้ เราได้เลือกหนทางของตัวเองแล้ว ดังนั้น…”
ลอร่าสูดหายใจลึกและกล่าวเสียงดัง “ดังนั้นโชคชะตาของเรา จากนี้ไปก็จะถูกกำหนดด้วยตัวเราเอง และเมื่อเราตั้งใจจะทำอะไรก็จะไม่มีใครมาหยุดเราได้”
“ในฐานะที่เราเป็นกษัตริย์แห่งหนาม หากเราปรารถนาสิ่งใด เราก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะไขว่คว้ามันมา แม้จักยากลำบาก แต่เราก็จะไม่สิ้นความพยายาม”
เธอรวบรวมความกล้า และกล่าวคำพูดในจิตใจทั้งหมดออกมาในลมหายใจเดียว
กู่ฉิงซานเฝ้ามองเธอ โดยไม่เอ่ยคำใดออกมาสักคำ
ลอร่าเฝ้ารออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นถึงท่าทีตอบสนองใดๆ ของกู่ฉิงซาน เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเสียศูนย์ไปเล็กน้อย
“กู่ฉิงซาน ที่เราพูดไปมันไม่ดีงั้นหรือ? เจ้าสามารถให้คำตอบที่ดีกว่านี้แก่เราได้นะ”
“จริงๆ แล้ว ประโยคเมื่อครู่นี้เราคิดทบทวนอยู่นานเชียวนะ กระทั่งก่อนที่จะมาถึง เราก็ทำการเปลี่ยนแปลงมันในใจ ให้ฟังดูดีขึ้นตั้งรอบสองรอบ…”
เด็กสาวตัวน้อยพึมพำด้วยความหงุดหงิด
กู่ฉิงซานที่รับฟังอย่างเงียบๆ ผุดรองยิ้มตรงมุมปากขึ้นมา
“ไม่หรอก พูดได้ดีมากเลย ดูสมกับที่เป็นราชินีขึ้นเยอะ” เขาหัวเราะ
“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
“ใช่ กระหม่อมไม่โกหกหรอก”
ลอร่ามีกำลังใจขึ้นทันที เธอกล่าวด้วยความสุข “ฮ่าๆ! เราว่าแล้วเชียว ว่าความคิดของเราต้องถูกต้อง!”
สิ้นประโยค เธอก็มอบลูกบอลคริสตัลให้แก่กู่ฉิงซาน
และเขาก็จดจำมันได้ทันที ว่านี่คือโลกสมบัติของทริสเต้
ในขณะนี้ โลกได้ถูกผนึกเอาไว้อีกครั้ง
แต่มันแตกต่างไปจากคราวก่อน ที่ตอนนี้ ภายในน่ะไม่มีผู้เข้าสู่วิถีมาร และไม่มีระบบของราชามารอยู่อีกต่อไป
โลกที่ประกอบไปด้วยสามชั้น
ชั้นเปลือกน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยพายุหิมะ
ชั้นมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสีน้ำเงินเข้ม
และชั้นใต้ดินที่เหลือทิ้งไว้โดยทวยเทพ
นี่เป็นโลกอันแปลกประหลาด แต่ขณะเดียวกันก็ล้ำค่า เพราะมันเป็นโลกที่ครั้งหนึ่งเหล่าทวยเทพเคยอาศัย ซึ่งบางทีอาจจะมีความลับอื่นๆ ที่ยังมิได้ถูกขุดค้นหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้
“เราจดจำได้ว่าเจ้าเคยให้สัญญากับมารสวรรค์เอาไว้ ว่าจะมอบโลกใบนี้ให้แก่เธอ” ลอร่ากล่าว
“เอ๊ะ…เคยมีเรื่องแบบนั้นด้วยรึเปล่านะ?”
“…เจ้าคนฉ้อฉล เจ้านักต้มตุ๋นตัวยง อย่าแกล้งพูดแบบนั้นสิ ถ้าเธอมาได้ฟังเดี๋ยวจะรู้สึกเศร้านะ”
กู่ฉิงซานอธิบาย “อันที่จริงแล้วกระหม่อมกำลังมองหาวิธีอื่นที่จะตอบแทนเธออยู่พอดี แต่ถ้าฝ่าบาทต้องการมอบโลกใบนี้ให้จริงๆ มันก็เหมือนกันการช่วยกระหม่อมแก้ปัญหาไปได้อีกเปลาะหนึ่ง”
“แน่นอนว่าเราต้องการมอบมันให้เจ้า ก็เจ้าได้ช่วยเราเอาไว้ตั้งหลายครั้ง กับแค่โลกใบเดียวน่ะ มันเทียบไม่ได้กับชีวิตของราชินีแห่งหนามหรอกใช่ไหม?”
บอลคริสตัลถูกยัดใส่มือของกู่ฉิงซาน
แล้วในเวลานั้นเอง การแสดงออกของลอร่าก็กลายเป็นจริงจังมากขึ้น
“จำได้หรือไม่ ว่าเราเคยสัญญา ว่าหากเจ้าสามารถช่วยเราเอาชนะระบบของราชามาร ช่วยเราโค่นทริสเต้ ล้างแค้นให้กับเราได้ เราจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นเอิร์ลแห่งอาณาจักรหนาม”
พูดจบ เธอก็หยิบตราสีมรกตออกมา และกำมันไว้ในฝ่ามือตัวเองอย่างอ่อนโยน
“เรารู้ดีว่าหากประกาศออกไป ประกาศว่าจะมอบตำแหน่งเอิร์ลแห่งอาณาจักรหนามให้แก่บุคคลภายนอก มันจะเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนไปตลอดทั้งหมื่นโลกา”
“แต่เราก็รู้ด้วยเช่นกันว่าเจ้าไม่อยากจะแบกรับชื่อเสียงที่มันมากจนเกินไป”
“ตอนนี้ เราเลยอยากจะทำข้อตกลงกับเจ้า -”
“กู่ฉิงซาน เมื่อวันหนึ่งเจ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าเต็มใจที่จะรับตำแหน่งเอิร์ลแห่งอาณาจักรหนามหรือไม่”
คล้ายกับกลัวที่จะถูกปฏิเสธจากกู่ฉิงซาน ลอร่าจึงเร่งเอ่ยเสริม “วางใจเถอะ ก่อนที่เจ้าจะยอมรับมัน ทุกคนวงในที่รู้เรื่องนี้จะเก็บมันไว้เป็นความลับ”
กู่ฉิงซานหัวเราะ “กว่าจะพิจารณาได้ถึงขั้นนี้ ท่านคงจะคิดมาหนักไม่น้อยเลยล่ะสิใช่ไหม”
“เจ้าพูดแบบนี้ก็หมายความว่า…” ลอร่ามองเขาด้วยความลังเล
กู่ฉิงซานเดินมาหยุดที่ตรงหน้าลอร่า และคุกเข่าข้างหนึ่งลงอย่างช้าๆ
ใบหน้าของลอร่าเผยถึงรอยยิ้มแย้มทันที
ฉากนี้ มันคล้ายกันกับในพื้นที่ราบลุ่ม ที่เขาได้ปฏิญาณกับเธอ ว่าจะนำพาเธอสู่สนามรบ
ช่วงเวลานั้น หลังจากคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้ว กู่ฉิงซานก็ผุดลุกขึ้น หันไปเผชิญหน้ากับศัตรู
ภายใต้สถานการณ์แห่งความสิ้นหวัง เขาได้นำพาเด็กสาวคว้าจับแสงสว่าง ฉุดรั้งตนเองขึ้นจากหุบเหวแห่งความมืดมิด
นับจากช่วงเวลานั้นมา เด็กสาวก็เฝ้าคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องตอบแทนเขาเป็นอย่างดี
ลอร่าติดตราสัญลักษณ์บนหน้าอกของกู่ฉิงซานด้วยตัวเธอเอง
เธอกดมือน้อยลงบนตราสัญลักษณ์ และเริ่มท่องคาถาอย่างเงียบๆ
เมื่อคาถาเริ่มดังขึ้น ณ ภายในสถานที่ห่างไกลไปกว่าพันล้านโลก รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามก็ค่อยๆ เริ่มประทับเป้าหมายลงบนตัวของกู่ฉิงซาน
เจตจำนงของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามตกลงมายังที่นี่
มันมาคอยเป็นพยานถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลานี้
ลอร่าสูดหายใจลึก และเอ่ยออกมาดังๆ “ภายใต้สายตาแห่งประจักษ์พยานของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม พวกเราจะทำการบรรลุข้อตกลงกัน ดังต่อไปนี้”
“หากวันใดวันหนึ่งในอนาคต เมื่อกู่ฉิงซานพร้อมและต้องการ เขาจะสามารถกลายเป็นเอิร์ลของอาณาจักรหนามได้เลยในทันที”
“ข้อตกลงดังกล่าวถูกร่างขึ้นด้วยกันโดยราชินีแห่งหนามลอร่ากับกู่ฉิงซาน”
“กู่ฉิงซาน เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”
เธอมองไปยังกู่ฉิงซาน
ขณะเดียวกัน เจตจำนงอันเข้มข้นของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ก็ตกลงมาหลอมรวมกันอยู่ที่กู่ฉิงซาน
แบรี่ เสี่ยวเหมียว อีเลีย และแม้กระทั่งทหารพิทักษ์ยังถึงขั้นลืมหายใจ เฝ้ามองเป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาอันมีค่านี้
กู่ฉิงซานยังคงคุกเข่าข้างหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองลอร่า ปากเอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ตามที่ท่านปรารถนา องค์กษัตริย์”
………………………………………….