Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 679 เทคนิคอัญเชิญภูตผี
กู่ฉิงซานยืนอยู่ท่ามกลางหมอกและควัน พร่ำบ่นถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้?
เห็นได้ชัดว่าเขาซ่อนตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นถูกอัญเชิญมาเสียอย่างนั้น
แน่นอน ว่าการอัญเชิญนี้ย่อมต้องสอดคล้องกับความต้องการของกู่ฉิงซานเช่นกัน หากเขาปฏิเสธไป เทคนิคอัญเชิญของอีกฝ่ายก็จะล้มเหลว
ถ้าเขาต้องการทำตามแผนการเดิม การอัญเชิญนี้ตนไม่สมควรที่จะยอมรับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เฝ้ามองสถานการณ์ที่แสนจะโชคร้าย และความไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะตกตายลงของชายที่ชื่อวังเฉิง สุดท้ายกู่ฉิงซานจึงตอบสนองต่อการอัญเชิญ และเรียกดาบมาคว้ากุมไว้ในมือ
ท่ามกลางฝุ่นและควัน
“ฉานนู่ จงจดจำกระบวนท่าดาบนี้เอาไว้ให้ดี”
เขาที่กำลังกุมเช่าหยิน หันไปกล่าวกับอากาศเบื้องหลังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ด้วยเสียงนี้ ชายและหญิงจึงได้สติกลับคืน และไม่ลังเลเลยที่จะเริ่มจู่โจมในเวลาเดียวกัน
‘อย่ามาล้อเล่นนะ! เจ้าวังเฉิงน่ะมันเป็นผู้อัญเชิญภูตผี’
‘ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาสามารถอัญเชิญได้สำเร็จมันจะยังไม่ชัดเจนก็เถอะ แต่ที่มั่นใจได้เลยก็คือ ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขายินยอมจ่ายทุกอย่างที่ตนมี แม้กระทั่งจิตวิญญาณของตนเอง’
‘ด้วยราคาที่สูงลิ่วถึงเพียงนั้น ภูตผีที่อัญเชิญมาจะต้องร้ายกาจเป็นแน่!’
ชายและหญิงทุ่มเต็มกำลัง กระโจนเข้าไปในหมอกควัน ง้างเตรียมระเบิดการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนออกมา
ทว่า ยังไม่ทันจะได้ใช้ออกด้วยเทคนิค ทั้งสองก็พลันชะงักงันไป
ชายและหญิงแข็งค้างอยู่ในสถานที่เดียวกัน ไม่แม้จะสามารถกระดิกนิ้วได้
ดูเหมือนว่าเขาและเธอจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างใจนึก คล้ายกับจิตวิญญาณถูกตัดขาดออกจากร่างกาย มิอาจสั่งการมันได้อีกต่อไป
…ซึ่งนี่ก็เนื่องมาจากคมดาบของกู่ฉิงซานที่วูบไหวเมื่อครู่
ดาบเช่าหยินโบกสะบัดอย่างไร้เจตนาฆ่าแม้เพียงน้อย ดาบนี้ถูกวาดออกไปอย่างเรียบง่ายและไม่ใส่ใจ กระทั่งคนที่ถือดาบเองก็ยังไม่แสดงออกถึงแรงกดดันใดๆ
หากจะให้อธิบายว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับคมดาบเมื่อครู่ นั่นคงจะเป็นความเร็ว
เร็วแบบขั้นสุดยอด
แต่น่าเสียดายที่ดาบนี้ยังคงอยู่ห่างไกลจากอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเร็ว แต่ก็มิอาจสัมผัสได้แม้ปลายเส้นผมของอีกฝ่ายอยู่ดี
ทว่าช่างน่าฉงนนัก ที่หลังจากวาดดาบนี้ออกไป ทั้งชายหญิงกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวของพวกเขาได้เลย
กู่ฉิงซานสะบัดดาบออกไปอีกครั้ง แต่ดาบนี้แตกต่างจากเดิม รังสีดาบควบแน่นเป็นเส้น และตามต่อด้วยเสียง ‘ฉับ!’
ทันใดนั้น สองหัวก็ขาดกระเด็นขึ้นฟ้า ร่างที่เหลือร่วงตกลงกับพื้น ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้น ทุกอย่างก็จบลงเสียแล้ว
กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน
ในความว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหลังเขา ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาปรากฏกายออกมา
ฉานนู่กล่าวด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย “นายน้อย เมื่อครู่ข้าเห็นไม่ชัดเจนนัก มันใช่ ‘ตัดขาดการเชื่อมต่อ’ หรือไม่?”
ตัดขาดการเชื่อมต่อ คือพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้าของกู่ฉิงซาน ที่ไม่ว่าผู้ใดถูกมันโจมตี สติจะถูกตัดขาดแยกออกจากร่างกายเป็นเวลาสามวินาที
นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกยกระดับขึ้นจาก ‘สูญสิ้นการควบคุม’ และ ‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ ซึ่งไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ไม่มียกเว้น
กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ไม่เพียงแต่ตัดขาดการเชื่อมต่อหรอกนะ เจ้าลองมองดูดีๆ อีกครั้งสิ”
เขาวาดดาบเช่าหยินออกไปอีกครา โดยครั้งนี้ เจ้าตัวชะลอความเร็วลง เพื่อจะให้ฉานนู่ได้มองเห็นถึงการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเต็มที่
หลังจากเพ่งมองอย่างจริงจังแล้ว ฉานนู่ก็กล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว มันมีอีกหนึ่งเทคนิคลับแห่งดาบแนบติดมาด้วย นั่นก็คือ ‘ล่าชีพ!’ ”
“ถูกต้อง”
“ล่าชีพ…เมื่อศัตรูอยู่ห่างจากคุณในช่วงระยะสิบจั้ง คุณจะสามารถสับสะบั้นพวกเขาได้เลยจากระยะไกล”
“โปรดทราบ จำเป็นต้องอยู่ในระยะสิบจั้งเสียก่อน เทคนิคลับแห่งดาบนี้จึงจะสามารถใช้งานได้”
“โปรดทราบ สามารถใช้เทคนิคลับอื่นๆ ควบคู่ไปกับเทคนิคล่าชีพได้”
เมื่อครู่นี้ คนทั้งสามยืนอยู่ใกล้กันมาก ดังนั้นในช่วงที่กู่ฉิงซานถูกเรียกออกมา อีกฝ่ายก็อยู่ในระยะสิบจั้งของเขาแล้ว
ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว กู่ฉิงซานจะมีอยู่สองทางเลือก
หนึ่งคือ เปิดใช้งาน ‘ล่าชีพ’ และทุ่มโจมตีขั้นเด็ดขาดเข้าใส่โดยตรง
สองคือ จะต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังเสียก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจาก ‘ตัดขาดการเชื่อมต่อ’ เพื่อควบคุมอีกฝ่ายให้ไม่สามารถต่อต้านได้ และฟันซ้ำด้วยอีกคมดาบอีกที
และกู่ฉิงซานก็เลือกกลยุทธ์การต่อสู้ที่สอง
ต้องไม่ลืมนะว่าชายหญิงสองคนนี้สามารถจัดวางกับดักไว้รอบยานทั้งลำได้ จึงสามารถสังหารวังเฉิงลงในคราวเดียว
…บางทีมันอาจจะยังมีกับดักอื่นอีกก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่กู่ฉิงซานอยู่ในแผนกกิจการอาชีพโลก เขาได้แอบอ่านสารานุกรมอาชีพมาแล้วด้วยตาตัวเอง สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าในโลกนับล้านล้านน่ะมีอาชีพอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งยังมีกลวิธีอันหลากหลาย ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดา
ในพริบตานั้น เขาเลยตัดสินใจทันทีที่จะเข้าควบคุมอีกฝ่ายหนึ่งก่อน
ฉานนู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความประหลาดใจ “นายน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ หมายความว่าตราบใดที่ใช้ ‘ล่าชีพ’ ศัตรูที่อยู่ในระยะสิบจั้งก็จะถูกสังหารลงอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”
กู่ฉิงซานพยักหน้า “นั่นก็ใช่ แต่ว่านะ ถ้าอีกฝ่ายรู้ถึงความสามารถของล่าชีพ หรือครอบครองการรับรู้ทางจิตอันแรงกล้าไว้ล่ะก็ ในช่วงเวลาที่เขาจะตาย มันก็เป็นไปได้มากทีเดียว ที่พวกเขาจะสามารถหลบเลี่ยงได้ ดังนั้นข้าจึงต้องใช้ล่าชีพผสานเข้ากับเทคนิคตัดขาดการเชื่อมต่อ”
ฉานนู่ “หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ…”
“ถูกต้อง หากศัตรูอยู่ใกล้ในระยะสิบจั้ง ตราบใดที่ข้าวาดดาบออกไป อีกฝ่ายย่อมมิแคล้วถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา
ฉานนู่นิ่งไป จมลงสู่ห้วงความคิด
ท่ามกลางความเงียบ เธอค่อยๆ ย่อยกระบวนท่าดาบรูปแบบนี้ ประทับลงในจิตใจอย่างช้าๆ นับจากนี้ไป กลวิธีในการต่อสู้ของเธอกับนายน้อยจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมนายน้อยถึงได้ขอให้เธอเฝ้าดูกระบวนท่าดาบนี้อย่างจริงจัง
ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมเซี่ยเต๋าหลิงถึงได้ยินยอมจ่ายทรัพยากรมากมายเพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคลับแห่งดาบนี้กับผู้อื่น
พอได้มาลองคิดๆ ดูตอนนี้ ว่าตั้งแต่ช่วงแรกๆ กู่ฉิงซานก็เปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้ามาก่อนนี่นา ดังนั้นเซี่ยเต๋าหลิงย่อมจดจำมันได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าเซี่ยเต๋าหลิงจะยังไม่ทราบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้าของกู่ฉิงซาน จะยกระดับขึ้นไปแล้วอีกถึงสองขั้นก็ตาม แต่เธอก็ยังคอยเฝ้ามองหาสกิลดาบที่เหมาะสมกับพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแก่ลูกศิษย์อยู่ดี
ด้วยความสามารถในการควบคุมของสายฟ้า และเทคนิคลับแห่งดาบนี้ ทั้งสองช่างเป็นการผสานกันที่ลงตัว ราวกับว่าถูกสร้างมาเป็นพิเศษเพื่อกู่ฉิงซานโดยเฉพาะเลย!
ภายในระยะสิบจั้ง เขาคือนักดาบล่าวิญญาณอย่างแท้จริง!
ฉานนู่ตริตรองเกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการต่อสู้ในอนาคตของเธออย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานเก็บดาบเช่าหยิน จากนั้นก็ก้มลงเพื่อตรวจสอบร่างกายของวังเฉิง เลือดยังคงหลั่งรินออกมาจากดวงตาของวังเฉิงที่เบิกกว้าง ใบหน้าของเขาฟุ้งไปด้วยความเจ็บปวดและไม่ยินยอม
กู่ฉิงซานถอนหายใจ ส่ายศีรษะอย่างเงียบๆ “คนแปลกหน้าเอ๋ย ได้เห็นแล้วใช่ไหม ว่าฉันทำตามที่นายต้องการสำเร็จแล้วนะ”
ด้วยประโยคนี้ รูนสีเทาก็ผุดออกมาจากร่างกายของวังเฉิง รูนนี้ตกลงมาอยู่ในมือของกู่ฉิงซานอย่างสงบ
เส้นแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างเทพสงคราม
“กฎมาตราที่หนึ่งของการอัญเชิญ การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม”
“เท่าเทียมที่ว่านี้ หมายถึงการลงนามในสัญญาอัญเชิญ ว่า ‘เอ’ จะยินดีถูกอัญเชิญมาตามข้อเสนอของ ‘บี’ ขณะที่บีจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่เอ”
“ซึ่งการอัญเชิญนี้ตรงตามเงื่อนไขข้างต้น”
“เวลานี้ ราชาภูตผีแห่งประภพจึงสมควรได้รับค่าตอบแทน”
“รูนจิตวิญญาณของวังเฉิง รูนนี้ประกอบไปด้วยประสบการณ์ ความรู้ ทักษะความสามารถ เงินทั้งหมดในชีวิตของวังเฉิง และแต้มพลังวิญญาณที่จิตวิญญาณของเขามี”
“เวลานี้ คุณสามารถดูดซับรูนดังกล่าวได้แล้ว”
กู่ฉิงซานค่อยๆ สัมผัสเบาๆ ลงกับตัวรูน
ทันใดนั้นเอง ภาพจำนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเขา
เวลาคล้ายกับจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันสั้นมาก หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ กู่ฉิงซานก็แตกฉานในสิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย แต้มพลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
เดิมที หลังจากได้รับนาฬิกาเทพของสถาบันเทพ และได้เรียนรู้ ‘การค้นหาแห่งปาฏิหาริย์’ เขาก็ยังคงมีแต้มพลังวิญญาณอยู่กว่าแปดหมื่นหกพันแต้ม
แต่ต่อมา หลังจากที่เขาได้ทำการเรียนรู้สกิลกระบี่ ธนู นักสู้ การปรุงอาหารวิญญาณ และใช้งานความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต แม้ในส่วนหลังจะเป็นแค่มดหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็ตามที แต่อย่างไรเสียมันก็ต้องใช้แต้มพลังวิญญาณอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เอง แต้มพลังวิญญาณของเขาเลยลดลงไป เหลือประมาณเจ็ดหมื่นแต้ม
แต่วังเฉิงซึ่งได้ทำการอัญเชิญเขามา กลับมอบแต้มพลังวิญญาณของตนให้แก่เขาถึงสามพันแต้ม!
ด้วยเหตุนี้ แต้มพลังวิญญาณของกู่ฉิงซานจึงถูกเติมเต็มอีกครั้ง กลับมาอยู่ที่เจ็ดหมื่นสามพัน
ส่วนของแถมน่ะหรือ…
กู่ฉิงซานยกมือขึ้น เงาสีเทาผุดออกมาจากมือของเขา
นี่คือสัญญาภูตผี
หลังจากที่ได้รับสืบทอดต่อจากวังเฉิงแล้ว กู่ฉิงซานก็ได้รับเทคนิคอัญเชิญมาไว้ในครอบครอง!
กู่ฉิงซานมองไปยังแต้มพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น สลับกับมองเงาสีเทาบนมือของเขา เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมพวกภูตผีปีศาจถึงได้ยินดีตอบรับการอัญเชิญกันนักหนา เป็นเพราะมันสามารถได้รับโชคลาภมาได้ง่ายๆ เช่นนี้นี่เอง”
ทันใดนั้น ซากปรักหักพังของยานอวกาศ ก็ปรากฏถึงเสียงรบกวนเล็กน้อยจากเบื้องบน
ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังมาที่นี่
ฉานนู่เร่งเร้า “นายน้อย ตอนนี้พวกเราสมควรจะทำอย่างไรดี?”
“อ๋อ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
กู่ฉิงซานตอบรับ และเก็บเทคนิคอัญเชิญกลับคืน เขานั่งยองๆ ลง ส่ายหัวให้กับศพของวังเฉิง กล่าวขออภัย “ขอโทษทีนะ ฉันจำเป็นต้องทำจริงๆ”
ภายใต้สายตาของฉานนู่ กู่ฉิงซานได้กระชากเส้นผมของวังเฉิง เขากำเส้นผมนั้น และเริ่มใช้ออกด้วยความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต
และแล้ว วังเฉิงคนที่สองก็ปรากฏตัวขึ้น
………………………………….