Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 930 หลงทางและทางออก
“พวกเราต้องหนี คนที่น่าสะพรึงกลัวกำลังมา!”
หลังจากหลินกล่าวคำพูดเหล่านี้จบ นางพากู่ฉิงซานเข้าสู่ความว่างเปล่าเพื่อหลบหนีจากโลกชายฝั่ง
เมื่อพวกเขาออกมา กู่ฉิงซานเห็นฉากวันสิ้นโลกอันรกร้างกระจายไปทั่วโลก
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกปกคลุมโดยมันต้องยอมรับโชคชะตาของโลกคู่ขนาน
ความตาย
โลกทั้งใบถูกนำพาไปสู่โชคชะตาแห่งการทำลายที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
โลกคู่ขนานกัดกร่อนโลกชายฝั่งทีละเล็กละน้อยจนกระทั่งโลกทั้งใบกลายเป็นแดนรกร้าง
ไม่!
ที่มุมสุดท้ายของโลก บนเกาะร้าง ยังมีนกทะเลสองสามตัวอาศัยอยู่
ความตายที่กวาดล้างทุกสรรพสิ่งหยุดลงตรงนี้
นี่คือความบังเอิญที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
การต่อสู้ระหว่างโลกคู่ขนานและวันสิ้นโลกเกิดขึ้นที่นี่และจบลงตรงนี้
ทั้งโลกคู่ขนานและวันสิ้นโลกที่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อ
‘ตูม!’
ร่างหนึ่งตกลงมาบนชายหาดของเกาะอย่างหนัก
มังกรหุบเหว!
เขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดและโลหิตขณะกองอยู่บนพื้นพร้อมอ้าปากหายใจหอบ
“ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็หลบหนีจากวันสิ้นโลกได้แล้ว!” มังกรมารหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพราะความโชคดี
“ใช่แล้ว จริงอย่างที่เจ้าว่า ข้าก็เกือบตายแล้วเหมือนกัน” เสียงหนึ่งตอบกลับมา
“แต่ที่นี่ยังไม่ปลอดภัย มีแต่ทวยเทพเท่านั้นที่รู้ว่าหายนะนี้จะกระจายอีกครั้งเมื่อไหร่ ข้าต้องรีบไปแล้ว!” มังกรหุบเหวพึมพำ
“ใช่แล้ว จริงอย่างที่เจ้าว่า เจ้าต้องไปเดี๋ยวนี้ อย่างไรเสียหายนะนี้กระจายหลายครั้ง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเริ่มอีกเมื่อไหร่” เสียงหนึ่งบ่น
มังกรหุบเหวได้สติก่อนหันศีรษะมองรอบข้างแล้วตะโกนอย่างดุดันว่า “ใครแกล้งทำตัวเป็นผีอยู่ที่นี่! ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
‘จุ๊! จุ๊!’ เสียงหนึ่งกล่าวอย่างรวดเร็ว “อย่าปลุกเด็กน้อยสิ ไม่งั้นเจ้ากับข้าจะไม่สามารถกินได้”
มังกรหุบเหวกำลังจะพูดบางสิ่งเพิ่มแต่พลันพบว่าปากของเขาไม่สามารถอ้าออกได้
ในฐานะสัตว์ประหลาดนิรันดร์ทรงพลัง เขาไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปากออกได้ นี่มันความสามารถอะไรกัน
สีหน้าหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมังกรหุบเหว
เพราะตกลงไปในหุบเหว จึงไม่มีพลังลึกลับใดที่สามารถส่งผลได้
เสียงหนึ่งกระซิบถามว่า “เจ้ากลัวหรือ ใช่แล้ว จริงอย่างที่เจ้าว่า เจ้ากลัวข้า ข้ากลัวหายนะนี้ที่จะทำลายบ้านของข้าเช่นกัน ข้ากลัวว่าโลกเก้าร้อยล้านชั้นจะไม่สะดวกสบายเท่ากับบ้านข้า ดังนั้นจงตามการชี้นำของข้ามาแต่โดยดีเถอะ”
นิ้วยาวปรากฏขึ้นจากอากาศบางขณะกดลงบนร่างของมังกรมารอย่างแผ่วเบา จากนั้นหายไปทันที
บนเกาะ…ความเงียบได้กลับคืนมา
…
อีกด้านหนึ่ง
หลินพากู่ฉิงซานทะยานเข้าสู่ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
“คนที่น่าสะพรึงกลัวที่เจ้าพูดถึงคือใครหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ข้าเพิ่งสังเกตได้ว่ามันคือสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายระดับเดียวกับวิญญาณกรีดร้องน่ะ” หลินตอบ
กู่ฉิงซานพูดไม่ออกเล็กน้อย
ร่างแยกทะลวงโลกเก้าร้อยล้านชั้น หากมันมาจากสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายระดับนั้นละก็…
เขาส่ายหน้า
เมื่อเห็นความกระวนกระวายของหลิน เขาถามว่า “ในหุบเหว มันคือโลกที่ผู้อ่อนแอถูกผู้แข็งแกร่งกินอย่างนั้นหรือ”
คาดไม่ถึง หลินตอบเชิงลบว่า “ไม่ใช่แบบนั้น หากไม่นับผู้ที่ร่วงหล่นเช่นข้ากับมังกรมาร สัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ในหุบเหวมักจะไม่มีเหตุและผล พวกมันมีวิธีลงมือเป็นของตัวเอง”
“เหมือนคนบ้าหรือเปล่า”
“ใช่! แต่พวกมันล้วนคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง”
เมื่อเห็นท่าทางไม่เข้าใจของกู่ฉิงซาน หลินอธิบายต่อว่า “ยกตัวอย่างเช่นวิญญาณกรีดร้อง มันคิดว่าดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณหุบเหวที่สำคัญกับอนาคตมาก ดังนั้นมันจึงซ่อนตัวจากสัตว์ประหลาดหุบเหวส่วนใหญ่ก่อนลอบส่งร่างแยกสู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์และใช้พลังงานกับเวลาจำนวนมากเพื่อพยายามหลอมสิ่งประดิษฐ์วิญญาณสองชิ้นนี้”
“ทว่า ร่างกายของมันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันหลับใหลอยู่ เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอกว่ามันคิดอะไรอยู่”
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เพราะมันคือสัตว์ประหลาดที่มีพฤติกรรมคาดเดาไม่ได้อย่างสมบูรณ์จึงใช้วิธีจัดการแบบปกติไม่ได้
ทันใดนั้น สีหน้าของหลินผ่อนคลายลง
กู่ฉิงซานมองนางแล้วถามว่า “ปลอดภัยแล้วหรือ”
ดวงตาของหลินจมสู่ความว่างเปล่าขณะยังสัมผัสบางสิ่งอยู่
“ไม่ไล่มา…” นางกล่าวอย่างช้าๆ “ดูท่าเป้าหมายจะไม่ใช่พวกเรา มันน่าจะถูกรบกวนโดยวันสิ้นโลกจนต้องหลบหนีออกจากหุบเหว”
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่ช้า เขาเข้าใจถึงความเร่งด่วนของปัญหา
ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้
เขาไม่สามารถยึดติดกับกฎทั่วไปได้อีกแล้ว มีแต่จะต้องเป็นคนที่ทั้งเก่งและบ้าเท่านั้น
“พักสักหน่อยเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว
หลินหยุดในกระแสความว่างเปล่าขณะมองเขา
กู่ฉิงซานหยิบการ์ดห้าใบของหลินออกมา
การ์ดที่สามารถเอาไปประมูลได้นับว่าเป็นการ์ดต่อสู้ที่ดี แต่ตอนนี้กู่ฉิงซานไม่อยากใช้พวกมัน
เขาต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น!
เมื่อเขาหยิบการ์ดเหล่านี้ขึ้นมา แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“พบการ์ดที่สามารถกลืนกินได้”
“ท่านแน่ใจหรือว่าอยากกลืนกินการ์ดเหล่านี้เพื่อพัฒนาระดับผู้ส่งสารแห่งบาป”
กู่ฉิงซานตอบว่า “แน่ใจ”
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้อความทั้งหมดหายไป แถวข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
“ระดับของการ์ดเหล่านี้ต่ำเกินไป ท่านต้องการการ์ดทรงพลังในฐานะการ์ดหลักเพื่อทำให้ระดับผู้ส่งสารแห่งบาปสมบูรณ์”
กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนหยิบการ์ดออกมา
บนการ์ดใบนี้คือสัตว์ประหลาดสูงตระหง่านที่มีดวงตาตั้งฉากกับปีกสีเทา
ด้านหลังสัตว์ประหลาดตัวนี้คือฝูงสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน
สัตว์ประหลาดถืออาวุธและตั้งขบวนทัพเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความรู้สึกสังหารอันแรงกล้าแผ่ออกมา
การ์ดทะเลโลหิต: การ์ดเทพกองทัพเรือโลหิต
ซูเสวี่ยเอ้อร์เคยใช้การ์ดใบนี้เพื่อแทนที่การ์ดมองโชคชะตาในกองการ์ดราชาแห่งโชคชะตาที่อยู่ในการครอบครองของเขา
ทันทีที่การ์ดใบนี้ถูกนำออกมา หน้าต่างระบบเทพสงครามแจ้งเตือนทันที
“หากใช้การ์ดใบนี้เป็นการ์ดหลัก ท่านสามารถเลื่อนระดับการ์ดใบนี้ให้สำเร็จได้”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ตอนนี้ การ์ดใบนี้ต้องถูกใช้แล้ว
เทพกองทัพเรือโลหิตคล้ายกับรู้สึกถึงเจตจำนงของกู่ฉิงซานขณะมองกู่ฉิงซานจากการ์ด
“เจ้าอยากยกเลิกพันธสัญญากับทะเลโลหิตหรือไม่ หากต้องการ ข้าก็ไม่ออกความเห็น” เทพกองทัพเรือโลหิตถาม
“ไม่มีทางเลือก ข้าต้องใช้การ์ดใบนี้” กู่ฉิงซานตอบ
เทพกองทัพเรือโลหิตกล่าวว่า “ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเจตจำนงของเจ้า แต่เจ้าต้องเข้าใจด้วยว่าสัญญาของเจ้ากับทะเลโลหิตจะสิ้นสุดลง”
“ข้าเข้าใจ” กู่ฉิงซานกล่าว
“อย่างนั้นก็ดี”
เทพกองทัพเรือโลหิตพยักหน้าแล้วกล่าวเช่นนั้น
กู่ฉิงซานหยิบการ์ดใบนี้และการ์ดอีกห้าใบไปวางไว้ในหน้าต่างระบบเทพสงครามก่อนตะโกนว่า “กลืนกิน!”
การ์ดทั้งหมดหกใบหายไปทันที
แถวคำพูดบนหน้าต่างระบบเทพสงครามยังคงแสดงขึ้นมา
“พวกมันถูกกลืนกินแล้ว”
“การ์ดระดับมรกต: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซานกำลังวิวัฒนาการสู่ระดับสีน้ำเงิน โปรดรออย่างอดทน”
กู่ฉิงซานมองรอบข้างก่อนเห็นว่าการ์ดประจำตัวพลิกไปมา ทำให้มองไม่เห็นภาพบนการ์ด
แต่สีบนหลังการ์ดค่อยๆ เปลี่ยนไป
สีมรกตหายไปแล้ว
อักขระสีครามค่อยๆ ปรากฏขึ้น
นี่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักพัก นอกจากรอแล้วก็ไม่สามารถทำการแทรกแซงได้
กู่ฉิงซานถอนสายตากลับแล้วถามว่า “ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนแล้ว”
หลินตอบเสียงอ่อนว่า “พวกเราหลงทาง กระแสความว่างเปล่าอันปั่นป่วนกำลังเปลี่ยนไปภายใต้การกัดกร่อนของหุบเหว ตอนนี้ พวกเราไม่สามารถระบุตำแหน่งได้”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก
นี่มันยิ่งกว่าหลงทางเสียอีก
ตอนนี้ ไม่มีใครสามารถระบุพิกัดของพื้นที่จ้าวโลกได้ เสี่ยวเมียวก็ไม่สามารถทำได้ ถึงแม้เขาจะกลายเป็นดวงประทีปของโลกดั้งเดิมแต่ก็ไม่สามารถไปกลับระหว่างพื้นที่จ้าวโลกได้
แต่ถ้าอยากกลับไปก็ต้องผ่านพื้นที่จ้าวโลก
ทางเดียวก็คือทำตามแผนเดิมที่ผู้สร้างปฐพีเตรียมเอาไว้ ไปตามทางบนแผนที่ดวงดาวจึงจะสามารถกลับได้
แต่โลกต่อไปบนแผนที่ดวงดาวคือโลกลี้ลับ
หลังจากสังหารภูตด้วยมือตัวเองแล้ว เขาไม่สามารถไปถึงโลกลี้ลับได้สักพัก
นี่มันช่าง…
เอาเถอะ แทนที่จะตามหาโลกแล้วขุดลึกลงไป แบบนี้ก็ยังดีกว่า
กู่ฉิงซานตบถุงเก็บของก่อนพบของรูปทรงแตกต่างกันเป็นจำนวนมาก
เขาลังเลที่จะหยิบก่อนเลือกในบรรดาของเหล่านี้ขึ้นมา
“นี่มันอะไร” หลินถามด้วยความสงสัย
กู่ฉิงซานหยิบพวกมันที่เป็นสมบัติขึ้นมาทีละชิ้นแล้วตอบว่า “กริชเล่มนี้คืออุปกรณ์เคลื่อนย้ายพริบตาของโลกมารเงา ตราเปลวเพลิงที่อยู่ด้านข้างคือค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาของโลกกลืนกินเปลวเพลิง แล้วก็ลองดูกระดูกนี้สิ มันสามารถนำพวกเราไปโลกราชามารกระดูกชั่วร้าย ส่วนงาช้าง มันคือเส้นทางที่นำไปสู่โลกอสุรา…”
หลินอดที่จะถามไม่ได้ว่า “นี่เจ้าได้มาจากราชามารและราชาภูตผีเหล่านั้นตอนฆ่าผู้รุกรานสองร้อยล้านชีวิตในภัยพิบัติลมไม่ใช่หรือ”
“ใช่ ทุกตนคิดว่าข้าได้ทำการแลกเปลี่ยนด้วยวิญญาณสองร้อยล้านดวง ข้าพูดจาดีแถมเป็นกันเองอีก ทำให้ได้มิตรภาพมา ภายหลังพวกเขาแนะนำคู่ค้าธุรกิจมากมายให้อย่างเช่นคนเก่าแก่แสนดีอย่างราชามารกระดูกชั่วร้าย”
หลินกล่าวติดตลกว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเลือกโลกได้เลย ขอออกจากวังวนความว่างเปล่าได้ก็พอ ตอนนี้มีสิ่งแปลกประหลาดมากมายในวังวนความว่างเปล่า ดูแล้วพวกมันทั้งหมดมาเพื่ออพยพไปโลกเก้าร้อยล้านชั้น”
กู่ฉิงซานมองของบนฝ่ามือสักพักแล้วพลันนึกบางสิ่งออก
เขาหยิบตราขึ้นมา
ต้นไม้ใหญ่ถูกประทับบนตรานี้ การ์ดหลายร้อยใบห้อยตามกิ่งก้าน ส่องแสงหลากสีสันออกมา
“ดูท่าจะเป็นโลกของการ์ดที่หายากพอตัวสินะ ช่วงนี้เจ้าตามหาการ์ดอยู่ไม่ใช่หรือ” หลินถาม
“ใช่ ข้าเกือบลืมสิ่งนี้ไปเลย”
กู่ฉิงซานมองตราแล้วนึกคำพูดสองสามประโยคตอนที่พวกเขาแยกจากกันขึ้นมาได้
“รับนี่ไปสิ มันมีตำแหน่งโลกของพวกเรากับเส้นทางว่างเปล่าอยู่ ถ้าสักวันเจ้ามาถึงจักรวรรดิของข้า เจ้าสามารถหาข้าด้วยตรานี้ได้โดยตรง”
ใช่แล้ว นี่คือตราผ่านที่หลันซิ่วและชิงยินมอบให้
กู่ฉิงซานเก็บของอย่างอื่นเข้าไป เหลือไว้เพียงตรานี้
เขาเริ่มพยายามตรวจสอบพลังบนตรา
“ไปโลกการ์ดหรือ มันก็ได้อยู่หรอก อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะมีมรดกการ์ดในโลกนั้น” หลินกล่าวอย่างสนใจ
“ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงภาวนาว่าโลกใบนี้จะไม่ถูกปิดกั้นจกาพื้นที่จ้าวโลก”
กู่ฉิงซานกล่าว
ขณะยังคงถ่ายพละกำลังเข้าไปในตรา ทั่วตราสั่นไหวก่อนพลันทะยานขึ้นในอากาศก่อนกระแทกเข้าสู่เส้นทางว่างเปล่า
ตราลอยอยู่ในอากาศ ส่งเสียงหวีดหวิวออกมาราวกับกำลังเร่งกู่ฉิงซาน
“สำเร็จ! ไปกันเถอะ!”
………………………………..