WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1475
ปากกาจารึก!
“อาวุโสป๋ายลี่ เรื่องนี้ท่านจะไม่ด่วนสรุปไปหน่อยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาทั้งยิ้มบางๆออกมา
“ฮึ่ม!”
ป๋ายลี่หงแค่นเสียงพ่นลมเบาๆ ไม่สนใจคำทัดทานอะไรของต้วนหลิงเทียน สะบัดมือเรียกปากกาจารึกด้ามเล็กๆ ที่แลคล้ายสร้างจากเหล็กเนื้อดีออกมาด้ามหนึ่ง นี่คือปากกาจารึก ที่เหล่าปรมาจารย์จารึกเซียนหรือปรมาจารย์ยันต์เต๋าใช้กันทั่วไป
บริเวณหัวปากกาทั้ง 2 ด้านนั้นแตกต่างกัน
ปลายด้านหนึ่งเป็นพู่ขนไม่ต่างอะไรจากขนพู่กันแม้แต่น้อย
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นรูปกรวยแหลมและคล้ายจะงอย
จะงอยแหลมนั้นแลดูคมกริบทั้งแข็งแกร่ง ปานจะสลักแทงได้ทุกเนื้อวัตถุดิบ ตัวปากกาจารึกเองก็แผ่กลิ่นอายลี้ลับออกมาบางๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเอง ก็แบ่งรับของปากกาจารึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ปากกาจารึกที่อยู่ในมือของป๋ายลี่หงนั้น นับว่าเป็นอันดับต้นๆแม้จะกวาดตามองทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
เพราะปากกาจารึกนี้ของมัน สามารถขูดขีดสร้างรอยบนวัตถุดิบที่ใช้ทำศาสตราเซียนระดับนภาได้!
หากกล่าวกันตามตรรกะทั่วไปในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว ปากกาจารึกด้ามนี้ไม่สมควรมาอยู่ในมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว…เพราะกระทั่งปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 6 ดาวก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเจ้าของมันได้ด้วยซ้ำ ไมต้องกล่าวถึงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวอย่างป๋ายลี่หงเลย!
เหตุผลที่ป๋ายลี่หงมีปากกาจารึกด้ามนี้…เพราะโชควาสนาของมัน ที่ได้พบมรดกตกทอดของยอดคน!
ยอดคนผู้นั้นยังเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว!
ปากกาจารึกด้ามนี้ก็เป็นมรดกล้ำค่าที่ปรมาจารย์จารึกเซียน 7 ดาวผู้นั้นหลงเหลือไว้ให้ผู้สืบทอด!
เพราะวาสนาที่พบพานครานั้น ทำให้มันฝึกปรือจนได้กลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว
“ข้าไม่จำเป็นต้องจารึกอาคมเซียนระดับ 1 ดาวลงบนเกาทัณฑ์เจ้าให้เสียเวลา เพราะขอเพียงข้าสามารถสร้างรอยบนเกาทัณฑ์เจ้าได้ นั่นหมายความว่าข้าย่อมสามารถจารึกอาคมเซียนระดับ 1 ดาวลงบนศาสตราเจ้าได้…เรื่องนี้เจ้ามีใดขัดข้องหรือไม่?”
ป๋ายลี่หงมองถามต้วนหลิงเทียน ขณะที่มือข้างหนึ่งถือเกาทัณฑ์ดับตะวันเอาไว้ ส่วนอีกข้างถือปากกาจารึก
“แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “ตราบใดที่อาวุโสป๋ายลี่สามารถทิ้งรอยขีดข่วนใดๆลงบนเกาทัณฑ์ของข้าได้ การเดิมพันระหว่างข้ากับท่านถือว่าข้าเป็นฝ่ายพ่าย แน่นอนว่าข้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
“ประเสริฐ!”
ป๋ายลี่หงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาอย่างสนใจของต้วนหลิงเทียนและฟ่านเฉียน มันถ่ายปราณแท้ลงไปยังปากกาจารึก ก่อนที่จะตวัดลงไปยังเกาทัณฑ์ดับตะวันด้วยความเร็ว!
ปลายทั้ง 2 ด้านของปากกาจารึกนั้นก็มีหน้าที่แตกต่างกัน
ปลายที่เป็นทรงกรวยแหลมคล้ายจะงอยนั้น มีไว้สำหรับปรมาจารย์จารึกเซียน เอาไว้สลักจารึกอาคมเซียน
ส่วนอีกด้านที่เป็นขนแปรงเสมือนปลายพู่กันนั้น มีไว้ให้ปรมาจารย์ยันต์เต๋า วาดอักขระเขียนยันต์เต๋า!
นี่เป็นรูปแบบปากกาจารึกระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์สายใดล้วนใช้กันแบบนี้
แน่นอนว่าปกติแล้วปรมาจารย์เซียนจารึก ก็ไม่ค่อยได้ใช้ด้านที่เป็นขนแปรงสักเท่าไหร่
ฟ่านเฉียนจับจ้องไปยังเรื่องราวเบื้องหน้าไม่วางตา มันอยากรู้นักว่าวันนี้ผู้ที่จะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายที่แท้จะเป็นใครกันแน่!
ไม่ใช่ว่ามันไม่เชื่อในตัวป๋ายลี่หง
ทว่าเพราะความมั่นใจล้นปรี่ที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาทำให้ใจมันสั่นคลอน…เพราะสุดท้ายแล้วตั้งแต่เข้ามายังสำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยแพ้มาก่อน!
ไม่ว่าตอนนี้ใช่จะเป็นข้อยกเว้นแล้วหรือไม่ มันก็ไม่แน่ใจเลย!
ด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ชมดูเรื่องราวอย่างสงบ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าปากกาจารึกของป๋ายลี่หงนั้นที่แท้ทำมาจากวัตถุดิบล้ำค่าอะไรกันแน่ แต่เขาเองก็มั่นใจในเกาทัณฑ์ดับตะวันถึงที่สุด
ล้อกันเล่นหรือไง!?
คันเกาทัณฑ์ดับตะวันนั้น แต่เดิมมันคือยอดสมบัติสวรรค์!
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะสร้างความเสียหายให้มัน!
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดว่าป๋ายลี่หงจะสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้!
ซู่ว!
ปากกาจารึกจี้ลงมาฉับไวดั่งสายฟ้าฟาด ปราณแท้แล่นพล่าน แลไปคล้ายอสรพิษตัวเล็กๆสีเขียวกำลังม้วนพัน มองอีกทีก็คล้ายเส้นสายอัสนีแล่นแปลบปลาบไปทั่วด้าม!!
เคร๊ง!
สุดท้ายปากกาจารึกก็พุ่งลงมาจรดคันเกาทัณฑ์บังเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดังกังวาน!
ขณะเดียวกันสายตาที่ป๋ายลี่หงมองไปยังจุดกระทบที่ปากกามันจรดลงไป ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจนัก
คล้ายมันเชื่อมั่นแน่ๆว่าคันเกาทัณฑ์ดับตะวันนี้ต้องเป็นรอยขูดขีดแน่นอน! ทว่าไม่นานมันก็ต้องนิ่งค้างไป..
จะไม่ให้มันตกตะลึงได้อย่างไรไหว! เพราะคันเกาทัณฑ์ดับตะวันกลับไม่มีแม้แต่รอยขนแมว!!
“อะไรกัน…เป็นไปได้ยังไง…ด้วยปากกาจารึกด้ามนี้ของข้า ให้เป็นศาสตราเซียนระดับนภาดั้งเดิม ก็สมควรที่จะสร้างรอยขูดได้ไม่ยาก…”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆพักหนึ่ง ป๋ายลี่หงก็เริ่มจรดปากกาลงเกาทัณฑ์อีกครั้ง คล้ายยังไม่เชื่อผลลัพธ์ที่ปรากฏ
โชคร้ายที่สุดท้ายแล้วผลก็ออกมาเป็นเช่นเดิม ปากกาจารึกของมันไม่อาจทิ้งได้แม้แต่รอยขนแมวลงบนคันเกาทัณฑ์ดับตะวัน
“ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน…”
ฟางเฉียนเองก็อึ้งไปไม่น้อย พอคืนสติมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยสายตาซับซ้อน
“อาวุโสป๋ายลี่…ท่านคงไม่คิดกลับคำหรอกนะ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มจ้า
“นี่มันศาสตราเซียนระดับใดกันแน่? หรือมันเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน ที่ติดอันดับศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ร่ำลือกันในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”
ป๋ายลี่หงไม่ได้ตอบคำถามต้วนหลิงเทียน เพียงกล่าวถามกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ใช่”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเบาๆ “นี่เป็นศาสตราเซียนที่ท่านอาจารย์ของข้าไหว้วานสหายของท่านให้หลอมสร้างมันเพื่อข้า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มันไม่ใช่ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่นหรอก”
ในวาจาของต้วนหลิงเทียนได้กล่าวอ้างถึง ‘อาจารย์’ ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมา
“อาจารย์เจ้านับว่ามิใช่ธรรมดาจริงๆ กลับมีสหายที่ร้ายกาจถึงขั้นหลอมสร้างศาสตราเซียนชั้นยอดแบบนี้ออกมาได้…แล้วอาจารย์เจ้าเป็นยอดคนมาจากที่ใดหรือ?”
พอได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน สีหน้าป๋ายลี่หงพลันเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที
ด้านฟ่านเฉียนอดไม่ได้ที่จะลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกในใจ
โชคดีนัก ที่ก่อนหน้านี้มันไม่ได้กล่าววาจาทำนองคิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ ไม่งั้นตอนนี้มันคงได้ขายหน้าครั้งใหญ่แล้ว
‘มิน่าแปลกใจเลยที่จากรายงานเขาเพียงรับฟางฮุ่ยเป็น ‘ครู’ เท่านั้นมิใช่อาจารย์…ที่แท้กลับมีอาจารย์ที่ทรงพลังระดับนี้อยู่ก่อนแล้ว!’
ฟ่านเฉียนลอบกล่าวคิดคาด
ไม่ยากที่ฟ่านเฉียนจะคาดเดาออกมาในแนวทางนี้
เพราะมันรู้ความสามารถของป๋ายลี่หงดี!
จากคำอธิบายที่ป๋ายลี่หงกล่าวต่อให้เป็นศาสตราเซียนระดับนภาดั้งเดิม ก็ยังสามารถจารึกอาคมลงไปได้
และหากอาศัยจากความจริงที่ว่าป๋ายลี่หงสงสัยว่าศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนอาจจะเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่…
เกาทัณฑ์ของต้วนหลิงเทียนคันนี้ น่ากลัวว่าอาจจะเทียบได้กับ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนแล้วจริงๆ!
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเจ้าเมืองชงซันนั้น มันก็ทราบว่าทั้งคู่เพียงพบกันได้ไม่นาน
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ชัด”
เผชิญกับสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังของป๋ายลี่หงกับฟ่านเฉียน ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมกล่าวพึมพำด้วยท่าทางอมทุกข์ “ตาแก่นั่นมาจากไหนมีความสามารถมากเพียงใดข้าไม่รู้ แต่ที่ข้ารู้แน่ๆก็คือ…ตาแก่นั่นชอบเอาข้าไปปล่อยทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ ปล่อยให้ข้าให้ดิ้นรนเอาตัวรอดเพียงลำพัง! ปากมักกล่าวปาวๆว่าเป็นการฝึกฝนเคี่ยวกรำข้า…อันที่จริงข้ายังคิดเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง…ว่านี่ใช่ข้ากำลังขึ้นเรือโจร ถูกหลอกลวงอะไรรึเปล่า…”
วาจาของต้วนหลิงเทียนนั้น แน่นอนว่าปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาดื้อๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้พอถึงหูป๋ายลี่หงกับฟ่านเฉียน กลับต่างออกไปแล้ว…
หากไม่มีเกาทัณฑ์ดับตะวัน พวกมันอาจไม่เชื่อวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน…ทว่าด้วยความที่มีเกาทัณฑ์ดับตะวัน ที่คล้ายจะมีอานุภาพสูงล้ำถึงขั้นทัดเทียมกับ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้หมดใจ
“ต้วนหลิงเทียนนี่เจ้ายังมิรู้ตัวอีกหรือ..ว่าเจ้ามีโชควาสนาสูงล้ำพาลให้ผู้คนอิจฉาถึงเพียงใด ที่สามารถกราบยอดคนดั่งมังกรเทพยาดาเช่นนั้นเป็นอาจารย์ได้! ยังจะกล้าสงสัยว่าขึ้นเรือโจรอีกรึ!?”
ฟ่านเฉียนส่ายหน้าไปมากล่าว “ข้าก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าตัวตนเช่นใดถึงได้อบรมสั่งสอนเจ้าให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้…มิคิดเลยว่าที่แท้อาจารย์เจ้าจะลึกลับและทรงพลังขนาดนี้”
กล่าวจบฟ่านเฉียนยังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หลังจากฟ่านเฉียนกล่าวจบ ป๋ายลี่หงพยักหน้าเห็นด้วยค่อยกล่าวออกมาต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต้วนหลิงเทียน ข้ายอมรับความพ่ายแพ้…อีก 3 วันต่อมาเจ้าสามารถมารับศาสตราเซียนของเจ้าได้ ส่วนเรื่องร่ำเรียนเต๋าแห่งการจารึก ก็ไว้เริ่มกันวันนั้นเลยแล้วกัน”
ถึงแม้ว่าป๋ายลี่หงจะไม่อาจจารึกอาคมลงบนตัวเกาทัณฑ์ได้ แต่หากจารึกลงสายเกาทัณฑ์มันย่อมมั่นใจ
มันไม่อาจหยั่งถึงวัตถุดิบที่สร้างคันเกาทัณฑ์ได้ว่าที่แท้คืออะไรกันแน่ แต่สายเกาทัณฑ์นั้นมันมองออกว่าเป็นเส้นเอ็นมังกร
“เอ็นมังกรนี่…ด้วยปากกาจารึกในมือข้า ต่อให้เป็นเส้นเอ็นของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ข้าก็ยังสามารถจารึกอาคมเซียนลงไปได้!”
ป๋ายลี่หงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เพราะมรดกตกทอดที่มันได้รับมาจากยอดคนอันเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวนั้น ไม่เพียงแต่เคล็ดจารึกอาคมเซียนเท่านั้น ยังมีข้อมูลเรื่องราวอีกมากมาย ไม่เว้นเผ่าพันธุ์มังกร
รวมไปถึงเรื่องของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
จากบันทึกลายลักษณ์อักษรที่ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวทิ้งไว้ให้มัน ปากกาจารึกที่ตกทอดมาด้ามนี้ กระทั่งส่วนที่แข็งที่สุดอย่างเกล็ดของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บยังสามารถจารึกได้
แน่นอนว่าป๋ายลี่หงเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าเอ็นมังกรที่เป็นสายเกาทัณฑ์นั้น มันคือเอ็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!
“ขอบคุณอาวุโสป๋ายลี่”
หลังจากได้รับคำมั่นจากป๋ายลี่หงแล้ว รอยยิ้มพลันคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนทันที รีบประสานมือตอบรับทั้งกล่าวขอบคุณ
หลังจากกล่าวขอบคุณป๋ายลี่หงแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังมองป๋ายลี่หงกับฟ่านเฉียนด้วยสายตาจริงจัง “ข้าอยากข้อร้องอาวุโสป๋ายลี่หงกับอาวุโสฟ่านเฉียนอีกเรื่อง…ได้โปรดอย่าบอกผู้ใดเกี่ยวกับเกาทัณฑ์ของข้าได้หรือไม่..ข้าไม่อยากตกเป็นเป้าจากทุกคน…”
สามารถจินตนาการได้เลยว่า หากเรื่องเกาทัณฑ์ดับตะวันนี้ที่อาจมีอานุภาพทัดเทียมกับ 1 ใน 10 ยอดศาสตราหลุดรอดออกไป ผู้คนจะบังเกิดความโลภกันถึงขนาดไหน
“ข้ามิใช่คนโง่เขลา”
ป๋ายลี่หงกล่าวตอบเสียงอ่อน
แน่นอนว่ามันยังกล่าวไม่จบประโยคดี
ต่อให้มันเป็นคนโง่เขลา มันก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินอาจารย์ลึกลับที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้ว่าป๋ายลี่หงไม่อาจยืนยันได้ว่าอาจารย์ลึกลับของต้วนหลิงเทียนใช่คอยเฝ้าดูการเติบโตของต้วนหลิงเทียนอยู่หรือไม่ แต่มันก็ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรโง่ๆ!
“เจ้าอย่าได้กังวล”
คำตอบของฟ่านเฉียนนั้นตรงไปตรงมานัก
เนื่องจากป๋ายลี่หงจะเริ่มลงมือจารึกอาคมเซียนลงบนสายเกาทัณฑ์ดับตะวันของต้วนหลิงเทียนทันที ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับฟ่านเฉียนไม่คิดจะอยู่เกะกะรบกวนอะไรอีกฝ่าย
หลังจากที่กล่าวคำอำลาแล้ว ทั้งคู่ก็กลับออกมาจากคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง
ในขณะที่เดินกลับ ระหว่างทางฟ่านเฉียนยังคอยเลียบๆเคียงๆกล่าวถามถึงอาจารย์ที่แสนลึกลับของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยกล่าวตอบอย่างระมัดระวัง
เหตุผลที่เขาอุปโลกน์อาจารย์ปลอมๆขึ้นมาแบบนี้ ถือเป็นมาตรการในการป้องกันตัวเอง!
ทันทีที่เขาตัดสินใจจะเผยเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมา เขาก็ได้วางแผนสร้างอาจารย์ปลอมๆขึ้นในหัว เพื่อทำให้ป๋ายลี่หงกับฟ่านเฉียนบังเกิดความยำเกรง ป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนบังเกิดจิตคิดไม่ซื่อกับเกาทัณฑ์ดับตะวันของเขา!
ถึงแม้เขาจะพอประเมินได้คร่าวๆว่าฟ่านเฉียนกับป๋ายลี่หงนั้นไม่ใช่พวกวิญญูชมจอมปลอม แต่เขาก็เลือกระวังตัวเอาไว้ก่อน
เขารู้ดีว่าคำ ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ นั้นอันตรายเพียงใด ในฐานะที่ใช้ชีวิตมาแล้วถึง 2 ช่วงชีวิต เขาย่อมระวังตัวเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“อาวุโสฟ่านเฉียน ตอนที่ข้าไปหาท่านที่คฤหาสน์ ผู้เฒ่าคนนั้นกลับเรียกหาท่านว่านายน้อย หรือผู้เฒ่าอยู่กับท่านมานานแล้ว?”
ระหว่างทางเดินกลับ เมื่อเห็นว่าฟ่านเฉียนยังเลียบๆเคียงๆถามเรื่องอาจารย์เก๊เขาไม่หยุด ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องออกมา