WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1486
ชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“เขตแดนปีศาจโลหิต? นี่น่ะเหรออำนาจของปราณแท้ก่อเขตแดน!?”
เมื่อได้ยินวาจาของชายในชุดคลุมลมดำ ม่านตาต้วนหลิงเทียนก็หดแคบลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ‘ข้าต้วนหลิงเทียนต้องมาตายที่นี่วันนี้จริงๆหรือ…ข้าไม่ยอม…ข้าไม่ยอมรับ!’
ใจเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เขายังไม่ได้เห็นหน้าลูกน้อยทั้ง 2 ที่กำลังจะเกิดมาเลย
เขายังไม่ทันได้พบพ่อแม่เขาอีกครั้ง
เขายังไม่ได้กลับไปโลกเก่าเพื่อล้างแค้นคนทรยศ
เขายังมีเรื่องราวอีกมากมายหลายหลากที่อยากทำ
ทันใดนั้นอสุราทมิฬฉาบไอพลังสีเลือดที่ขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน พลันสลายหายกลับกลายเป็นไอพลังทมิฬและไอพลังสีแดงฉาน
ร่างชายชราชุดดำพลันวูบมาหยุดขวางแทนที่ กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของมันนับว่าไม่ธรรมดานัก
จากสายตาต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกฝ่ายไม่คล้ายผู้คน แววตายังเย็นชาอำมหิตดั่งมารร้าย
“ไอ้หนู มันจบแล้ว…”
ในขณะที่ชายในชุดคลุมลมดำกล่าวออกเสียงเรียบ เคียวมหึมาสีแดงฉานเหนือศีรษะของมัน รวมถึงสัตว์ร้ายปราดเปรี่ยว ก็พุ่งรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียน ความเร็วในการพุ่งสังหารไม่นับว่ารวดเร็วอะไร ยังออกจะเชื่องช้าราวกับผู้คนเดินปกติ…ทำราวกับจะให้ต้วนหลิงเทียนได้ดื่มด่ำห้วงเวลาแห่งความตายนานๆ!
นี่เป็นนิสัยอำมหิตของชายในชุดคลุมลมดำยามสังหารผู้คน!
ยามมันฆ่า มันไม่ชอบการฆ่าที่รวบรัดหมดจบ!
มันชมชอบเฝ้ามองความสิ้นหวังของผู้ที่กำลังจะตายคามือของมัน!
สำหรับมันแล้ว เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสนุกสนานจรรโลงใจ เติมเต็มจิตอันวิปริตบิดเบี้ยวของมัน!
อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนนั้น ดั่งกำหนดไว้ให้มันต้องผิดหวัง
เพราะอยู่ๆมันก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้าขึ้นมามองมัน ในแววตาแลดูสงบไร้ความตื่นกลัวโศกเศร้าไม่ยินยอมอะไรอย่างก่อนหน้าสืบไป ยังยิ้มถามออกมาอย่างน่าประหลาด “นี่เจ้า…เป็นผู้ฝึกมารงั้นเหรอ?”
“ไอ้หนูนับว่าเจ้ามีสายตาไม่เลว…สามารถบอกได้ว่าข้าเป็นผู้ฝึกมารทั้งๆที่พึ่งเห็นแค่เขตแดนปีศาจโลหิตของข้า”
ถึงแม้ว่ารอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนจะทำให้ใจมันรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ชายในชุดคลุมลมดำก็กล่าวเย้ยหยันออกไป “กระทั่งในสำนักจันทร์จรัสแสง นอกจากตัวตนระดับเซียนที่มีน้อยคน ไอ้พวกครึ่งก้าวเซียนนั่นก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้!”
“การที่เจ้ามีโอกาสได้ตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าก็สามารถภูมิใจได้แล้ว!”
ชายในชุดดำแสยะยิ้มออกมา
“ใครมันจะตายก็ยังไม่แน่นักหรอก”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มเย็นเยือก ทันใดนั้นมือสะบัดฉับไวปานฟ้าผ่า ปรากฏป้ายศิลามุมแหว่งหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่ชายในชุดคลุมลมดำจะทันได้ตั้งตัว
ไอพลังทมิฬเริ่มกำจายออกมาจากตัวป้ายศิลา ยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อเห็นป้ายศิลาประหลาดมุมแหว่ง ใจชายในชุดคลุมลมดำก็รู้สึกสะท้านไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ไอ้หนูสิ่งนั้นมันอันใดกัน?”
“ในฐานะที่เป็นผู้เดินในหนทางสายมารคนหนึ่งของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…ข้าคิดว่าเจ้าสมควรรู้จักยอดศาสตราเซียน 1 ใน 10 ของรายนามอันดับศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีอำนาจสะกดมารร้ายทั่วหล้าได้ชะงัดดีใช่หรือไม่?”
ยิ้มแสยะบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งฉีกกว้าง ความสิ้นหวังอับจนก่อนหน้าสลายหายไปไม่มีเหลือหลอ
“1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่? สามารถสะกดมารร้ายได้ทั่วหล้า…”
เมื่อได้ยินวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ชายในชุดคลุมลมดำถึงกับอึ้ง และทันใดนั้นคล้ายมันนึกได้ถึงบางสิ่ง ใจพลันสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ แววตามันเปลี่ยนไปหนักข้อทันใด “ตะ…ตราผนึก”
“ถูกต้อง! เป็นตราผนึกมาร!!”
ต้วนหลิงเทียนตะโกนออกมาเสียงเหี้ยม มือขวาพุ่งคว้าตราผนึกมาร ก่อนที่จะง้างและขว้างมันใส่ชายในชุดคลุมลมดำทันที!
การขว้างนี้ไม่ใช่วิชา วรยุทธ์หรือกระบวนท่าอันใด เพียงการขว้างออกไปธรรมดาๆเท่านั้น
หากทว่ามันประหนึ่งกระบวนท่าสยบฟ้าในสายตาของชายชุดคลุมลมดำนัก!
ป้ายศิลามุมแหว่ง หนึ่งในสิบยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า พอถูกเขวี้ยงออกมาไอพลังทมิฬของมันคล้ายมัจฉาพบพานคุ้งน้ำ พวยพุ่งทะลักออกมาอย่างลิงโลด ความเร็วยังทวีขึ้นจนบรรลุขอบเขตอันน่าพรั่นพรึง!!
ชายในชุดคลุมลมดำพึ่งตอบสนองเรื่องราว ตราผนึกมารนั่นก็บรรลุถึงมัน ทั้งกระแทกร่างของมันอย่างแรงเสียแล้ว!
ปงงงง!!!
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นกลางหาว ร่างชายในชุดคลุมลมดำปลิดปลิวละลิ่วปานว่าวสายป่านขาด!
พริบตาต่อมาลูกตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาของชายในชุดคลุมลมดำก็หม่นประกายสิ้นแสง คล้ายไม่หลงเหลือจิตวิญญาณอะไรสืบไป
ขณะเดียวกันร่างในชุดคลุมลมดำดังกล่าวก็ไม่หลงเหลือลมหายใจสืบไป
วินาทีที่ตราผนึกมารซัดร่างมันนั้น ตราผนึกมารก็สูบกลืนดวงจิตของมันมาผนึกขังเอาไว้ และไม่นานก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นไอมารบริสุทธิ์
ตอนนี้เองเคียวมหึมาทั้งสัตว์ร้ายปราดเปรียวที่พุ่งไปหมายทำร้ายต้วนหลิงเทียน พอมาถึงครึ่งทางก็เริ่มสลายหายไปดั่งหมอกควันประหนึ่งไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้น เขตแดนปีศาจโลหิต ที่กินรัศมี 100 หมี่จากร่างชายในชุดคลุมลมดำ ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
หลังจากที่สูบกลืนวิญญาณของชายในชุดคลุมลมดำเสร็จสิ้น ตราผนึกมารก็ลอยวกกลับมาหาต้วนหลิงเทียน
“เกือบไปแล้วไง…ดีนะที่มันเป็นผู้ฝึกมาร ไม่งั้นวันนี้ข้าได้ตายแน่!”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกขวัญที่เสียไปจนกลับคืนมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำออกมาอย่างหวาดเสียว
ตราผนึกมารนั้นมีประโยชน์แค่กับผู้ฝึกมารเท่านั้น
ด้วยด่านพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ของต้วนหลิงเทียน สามารถสยบผู้ฝึกมารที่ยังไม่ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เขาเรียกมันออกมา
“บางทีมันเองก็ไม่เคยคิด…ว่าไอ้หนูที่มันไม่ยึดถือเป็นตัวอะไรอย่างข้า กลับมีตราผนึกมารที่ข่มขวัญผู้ฝึกมารทุกคนทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไว้ในครอบครอง…”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆโรยตัวลงมาจากฟ้า ค่อยหยุดร่างยังจุดตกของศพชายในชุดคลุมลมดำ
ขณะเดียวกันเขาก็เอื้อมมือไปกระชากชุดคลุมลมสีดำของมันออก จนแลเห็นรูปลักษณ์อีกฝ่ายชัดถนัดตา
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะอยู่มาแล้ว 2 ช่วงชีวิต แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของชายในชุดคลุมลมดำ
ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นคล้ายจะเน่าเปื่อย มันฟอนเฟะจนยากจะบอกได้ว่าเป็นหน้าของผู้คน
หากเป็นคนอื่นเมื่อเห็นใบหน้าอัปลักษณ์น่ากลัวนี้ของชายในชุดคลุมลมดำ เกรงว่าอาหารมื้อก่อนหน้าคงได้สำรอกออกมาหมดพุง
หลังจากต้วนหลิงเทียนตบๆไปทั่วร่างของชายหน้าอัปลักษณ์ ในที่สุดเขาก็พบแหวนพื้นที่ในอกเสื้อของมัน
ด้วยมันตกตายไปแล้ว พันธะครองแหวนก็สลายหายไป ทำให้แหวนวงนี้ไร้ผู้ใดเป็นเจ้าของ
หลังจากผูกพันธะโลหิตครองแหวนและแผ่สำนึกสติลงไปตรวจสอบสิ่งของในแหวน ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับทำตาโตเท่าไข่ห่าน “โห…นี่น่ะเหรอความร่ำรวยของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่! โชควาสนาของเจ้านี่นับว่าท่าทางจะยอดเยี่ยมไม่เบา…หินเซียนระดับ 6 นั่น…ล้านก้อนได้มั้งน่ะ?”
เพียงมองคร่าวๆ ต้วนหลิงเทียนก็ประมาณได้ว่าภูเขาหินเซียนระดับ 6 นั่น น่าจะมีต่ำๆล้านก้อน!
นอกจากหินเซียนระดับ 6 แล้วยังมีหินเซียนระดับ 7 เช่นกัน
แน่นอนว่าปริมาณกลับไม่ได้มากมายเหมือนหินเซียนระดับ 6
เรื่องนี้อาจดูแปลกในสายตาของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่จะอะไรยังไงมันก็นับว่าเป็นประโยชน์กับเขาทั้งสิ้น!
“สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่คนอื่นๆไม่น่าจะร่ำรวยแบบมัน…ท่าทางที่เจ้านี่มันร่ำรวยขนาดนี้ คงเพราะอาชีพมันเป็นนักฆ่ามากกว่า…”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันที
ในช่วงชีวิตที่แล้ว ตอนเขาเป็นทหารรับจ้างธุรกิจส่วนใหญ่ของเขาก็คือการจ้างวานฆ่า
แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นคนมีหลักการไม่รับงานฆ่าอย่างส่งเดช สำหรับคนที่จะจ้างให้เขาไปฆ่านั้น…
พวกมันต้องเป็นตัวสารเลวสมควรตาย…!
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเสีย เขาก็ได้รับการฝึกฝนมาในฐานะหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของประเทศหัว เขาย่อมมีขีจำกัดล่างหรือบรรทัดฐาน
นั่นทำให้เขารู้ดีว่าหลังฆ่าแล้ว สิ่งของผู้ตายหากเขาอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้ามันไม่เกี่ยวกับภารกิจ…
นอกจากหินเซียนระดับ 6 นับล้านก้อนกับหินเซียนระดับ 7 อีกเป็นแสนๆแล้ว ในแหวนยังมีของอย่างอื่นอีกมากมาย
ไม่เว้นศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียน รวมไปถึงยันต์เต๋ามากมายเป็นตั้งๆ
“ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับยันต์เต๋าม่านพลังทอง…ทั้งปึกเลยเหรอ มีมากขนาดนี้เชียว!”
“แล้วนี่มัน…ยันต์เต๋าสายจูโจมงั้นเหรอ”
ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจในแหวนพิ้นที่ของชายในชุดคลุมลมดำพักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะมันมีกระทั่งยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวที่กระทั่งสำนักจันทร์จรัสแสงยังไม่มี!
ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวนี้ ยามเปิดใช้พลังอำนาจของมันเทียบได้กับการจู่โจมของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
จังหวะนี้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ไม่คิดเลยว่ามันจะมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวด้วย แถมมันกลับมีถึง 2 แผ่น…ของดี!”
ถึงแม้ยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ดาวจะมีน้อยนักหากเทียบกับยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยินดีหนักหนาที่ได้มาถึง 2!
ต้องทราบด้วยว่าเขายังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเสียใจทั้งเสียดายยันต์เต๋าเทพเคลื่อนทั้งม่านพลังทองระดับ 3 ดาวขึ้นมา พอพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกมาร …
เพราะสุดท้ายแล้วยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์ต่อหน้าสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่
แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชายในชุดคลุมลมดำนี่เป็นผู้ฝึกมาร!
หากเขาคิดจัดการผู้ฝึกมารที่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียน เพียงหยิบตราผนึกมารออกมาปาใส่ก็จบเรื่องราวอย่างง่ายดาย…
พลังอำนาจสะกดข่มของตราผนึกมารอย่างเดียว ก็มากพอจะจัดการชายในชุดคลุมลมดำได้สบายๆ!
อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเห็นยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาวเป็นปึกๆ เขาก็ไม่หลงเหลืออาการเสียดายอะไรอีก เพราะไม่เพียงแต่เขาจะได้รับมันคืน กลับได้คืนมาอย่างมหาศาล!
ที่สำคัญเขายังได้ยันต์เต๋าจู่โจม 3 มาด้วย!
แน่นอนว่าในแหวนย่อมมียันต์เต๋าระดับ 2 ดาวมากมายยิ่งกว่า 3 ดาวเสียอีก
ส่วนระดับ 1 ดาวนั้นไม่มีเลยสักแผ่น
“ก็นะ ด้วยพลังฝีมือของมัน ยังจะพกยันต์เต๋าระดับดาวเดียวไปทำอะไร”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้
จากวาจาของชายในชุดคลุมลมดำ ต้วนหลิงเทียนพอประเมินได้คร่าวๆว่ามันสมควรเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่
หาไม่แล้วมันคงไม่กล้าอวดโอ่ว่า หากไมใช่ตัวตนขอบเขตเซียนล่ะก็ ไม่มีใครในสำนักจันทร์จรัสแสงจะเอาชนะมันได้ ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนก็ตามที
หลังจากมองสำรวจยันต์เต๋าทั้งหลายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสำรวจศาสตราเซียน
ศาสตราเซียนที่ดีที่สุดในแหวน เพียงจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ 2 อาคมเท่านั้น
ศาสตราเซียนพวกนี้ไม่นับว่ามีความหมายอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน
ล้อกันเล่นหรือไร
เกาทัณฑ์ดับตะวันของเขามีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกไว้ 3 อาคม! ศาสตราเซียนในแหวนพื้นที่ของชายชุดคลุมลมดำย่อมไม่อาจเทียบได้เลย
ในแง่ของมูลค่าแล้วต่อให้รวมศาสตราเซียนทั้งหมดในแหวนวงนี้ ก็เทียบกับเกาทัณฑ์ดับตะวันของเขาคันเดียวไม่ได้!
‘หืม? ยังมีกองวัตถุดิบมากขนาดนี้เลยเหรอ…ไม่รู้ว่าของพวกนี้มีชิ้นไหนเอาไปซ่อมแซมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้บ้าง’
เมื่อต้วนหลิงเทียนพบกองวัตถุดิบ เขาก็ลอบคิดในใจอย่างสงสัย
ตอนนี้เขาก็กำลังตั้งใจว่าจะซ่อมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ได้โดยเร็วอยู่พอดี เพราะชั้น 3 นั้นมีความหมายกับเขามาก
เขาจึงใฝ่ฝันที่จะซ่อมแซมฟื้นฟูมันให้ได้โดยเร็ว
“ผู้เฒ่าหั่ว”
ต้วนหลิงเทียนเรียกหาผู้เฒ่าหั่วที่ชั้นแรกของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที ขณะเดียวกันเขาก็ถ่ายของจากแหวนพื้นที่ไปให้ผู้เฒ่าหั่วตรวจสอบ
ผู้เฒ่าหั่วมองสำรวจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ผู้เฒ่าหั่ว ของพวกนี้พอมีอะไรใช้ได้หรือไม่?”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็อดถามออกมาไม่ได้
“อืม…โชคดีที่มีวัตถุดิบหลายอย่างพอใช้ได้…จากปริมาณของพวกมันน่าจะพอให้ใช้ฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้แล้ว”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
หลังได้ยินคำผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง ยังรู้สึกเสมือนฝันไปอยู่บ้าง!
ผ่านไปสักพักต้วนหลิงเทียนค่อยได้สติ กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี “เยี่ยมเลย! ในที่สุดพวกเราก็ฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เสียที…นั่นหมายความว่าครั้งหน้ายามข้าเข้าไปฝึกฝนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ข้าก็สามารถขึ้นไปใช้ชั้น 3 ได้แล้ว!”