WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1516
ซูฉีตายตก หวังเทาเผยกาย!
จังหวะนี้หลิวฮ่วนก็ตระหนักได้ ว่าซูฉีได้วางแผนร้ายต่อมันมานานแล้ว!
พิษร้ายที่แล่นพล่านอยู่ในกายของมัน มิใช่อะไรที่จะมีได้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน!
“หลิวฮ่วน อาหารกับชาพิษของข้าอร่อยมากหรือไม่เล่า..ฮ่าๆๆ…แค่ก….แค่กก”
ซูฉีที่ถูกฟางฮุ่ยเหินร่างมารับเอาไว้ มองหลิวฮ่วนทั้งหัวเราะออกมาอย่างสะใจทว่ายิ่งมันหัวเราะโลหิตก็ยิ่งกระอักออก สีหน้ายิ่งมายิ่งซีดเซียวลง
ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังทั่วร่างของมันก็ถดถอยอ่อนจาง ดั่งตะเกียงใกล้สิ้นน้ำมัน
“ชาอาหารพิษ?! ที่แท้…ที่แท้เป็นเช่นนี้! ดูเหมือนว่าในสายตาเจ้ามิเคยเห็นข้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่แรก! เสียทีที่ข้าดูแลประคบประหงมเจ้าอย่างดี สุดท้ายกลับมาแว้งกัดข้า ศิษย์ทรพี!!”
หลิวฮ่วนย่อมปะติดปะต่อเหตุการณ์จนเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ทันที ใบหน้าของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ
“ศิษย์ทรพี?”
ซูฉีได้ยินคำนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะร่าออกมา “ชั่วชีวิตข้าซูฉี จดจำได้ว่าข้ากราบอาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้น! และนั่นมิใช่ตัวอุบาทว์เช่นเจ้า หลิวฮ่วน! น่าขันนักที่คนต่ำช้าเช่นเจ้ากลับกล้าคิดว่าข้าจะยินยอมสยบให้! หากมิใช่เพราะข้าคิดล้างแค้นให้ท่านอาจารย์ ไหนเลยข้าจักลดตัวไปเสแสร้งแสดงเป็นศิษย์ของตัวต่ำช้าเช่นเจ้า!!”
“ข้าเพียงเสียดายที่เรื่องราวมิอาจยืดเยื้อไปกว่านี้…หากข้ามีเวลาอีกแค่มิกี่เดือน ข้ามั่นใจว่าพิษร้ายในกายเจ้าจักปะทุออกโดยสมบูรณ์ดับชีวิตสุนัขของเจ้า!!”
วาจาท้ายประโยคของซูฉีนั้น เผยความเสียดายออกมาไม่น้อย
หลิวฮ่วนเป็นถึงยอดฝีมือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ยากที่พิษธรรมดาทั่วไปจะทำร้ายมันถึงตายได้
ดังนั้นมันจึงใช้พิษที่ออกฤทธิ์ช้าที่มีแต่ในทวีปมนุษย์วางยาหลิวฮ่วนมาโดยตลอด พิษนี้ไร้สีไร้กลิ่นยากที่จะมีผู้ใดตรวจพบ
พิษประเภทนี้ปกติแล้วตัวมันไม่นับว่ามีพิษอะไร
แต่ทว่าเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารบางอย่าง ถึงตอนนั้นมันจะทำปฏิกิริยาและกลับกลายเป็นพิษร้ายแรงทันที!
และเข็มที่มันลอบแทงเข้าต้นแขนของหลิวฮ่วนนั้น ก็คือพิษที่มีคุณสมบัติเร่งปฏิกิริยาอันรุนแรง สามารถกระตุ้นพิษร้ายในกายหลิวฮ่วนให้ปะทุออกมา
“ท่านอาจารย์รีบหนีไปเร็วเข้า! ตอนนี้หลิวฮ่วนมันต้องเดินพลังขับพิษในกาย มันมิกล้าติดตามท่านไปเป็นแน่! ท่านอาจารย์รีบหนี!!”
ซูฉีมองฟางฮุ่ยพร้อมกล่าวออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน
มันที่เป็นผู้วางยา ย่อมรู้ดีว่าผลเป็นอย่างไร
ตอนนี้หลิวฮ่วนกำลังเดินพลังขับพิษทั่วกาย มันจึงไม่อาจเคลื่อนไหวใดๆได้ เพราะหากมันใช้พลังสุ่มสี่สุ่มห้าพิษร้ายย่อมแล่นสู่หัวใจทำร้ายชีพจรพลังทั่วร่างมันสาหัส พอถึงตอนนั้นให้หลิวฮ่วนมีพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก็มิอาจหลีกหนีความตายได้พ้น กระทั่งเทพเซียนบนสวรรค์ก็มิอาจช่วย!
และหากหลิวฮ่วนคิดขับพิษร้ายในกายออก ก็ไม่ใช่เรื่องราวที่สามารถกระทำได้หากมิใช้เวลาสักหนึ่งชั่วยาม!
หนึ่งชั่วยามหรือสองชั่วโมงย่อมมากพอให้อาจารย์ของมันอย่างฟางฮุ่ยหลบหนีไปซ่อนให้พ้นหูตาของหลิวฮ่วน!
“ซูฉี!!”
ฟางฮุ่ยมองซูฉีด้วยน้ำตานองหน้า ใจมันเต็มไปด้วยความปวดปร่านัก
บุรุษมิอาจหลั่งน้ำตาได้โดยง่าย หากใจไม่ปวดร้าวแทบขาดรอน
พอมันรู้ว่าที่แท้ซูฉีไม่เคยทรยศมันเลย ความผิดหวังสูญเสียในใจพลันมลายหายไปสิ้น หลงเหลือก็แต่ความสุขความยินดีที่มันไม่ได้มองคนผิดไป
ศิษย์คนนี้ที่อยู่เคียงข้างมันมานาน ยังเห็นมันเป็นอาจารย์หนึ่งเดียวในใจเสมอมา…
“ท่านอาจารย์รีบไปเร็วเข้า!”
ซูฉีรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามามัวพิรี้พิไรกล่าววาจาอ่อนไหวอันใดให้มากความ
“มันมิใช่ถูกพิษอยู่หรือไร?! ข้าจักฆ่ามันเดี๋ยวนี้!!”
ฟางฮุ่ยไม่คิดจากไป ลูกตามันเผยประกายเย็นเยือกยามมองไปยังร่างหลิวฮ่วนที่สั่นสะท้านเดินพลังจนทั่วกายปรากฏหมอกควันแพร่ฟุ้ง เร่งขับพิษสุดกำลัง!
“ท่านอาจารย์! แม้มันมิกล้าเคลื่อนไหวส่งเดช แต่ร่างกายมันมิใช่ขาดพลัง มันย่อมป้องกันตัวเองได้…ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า!!”
ซูฉียังคงกล่าวกระตุ้นอย่างร้อนรน สุดท้ายมันก็กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ อาการบาดเจ็บยิ่งทรุดหนักลงไปใหญ่!
“ได้! ข้าไปแล้ว!!”
แม้ไม่เต็มใจเพียงใด แต่ฟางฮุ่ยรู้ดีว่าซูฉีไม่หลอกมันเป็นแน่ มันขบฟันดังกรอดก่อนที่จะหอบหิ้วร่างซูฉีพุ่งหนีไปทันที
ทว่าทันใดนั้นเอง…
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
เสียงหัวเราะพลันลั่นดังสนั่นฟ้า กึกก้องไปในบรรยากาศ
ได้ยินเสียงหัวเราะนี้ ทั้งฟางฮุ่ยและซูฉีหน้าเปลี่ยนสีทันที
หันมองกลับไปยังร่างหลิวฮ่วนที่อยู่ไกลตา อีกฝ่ายเพียงลอยตัวหัวเราะดังด้วยสีหน้าที่กลับคืนสู่ปกติ
หลิวฮ่วนที่ลอยร่างอยู่นั้น หน้าตาแจ่มใสไม่มีร่องรอยหมองคล้ำอันใดหลงเหลือ! ไม่คล้ายคนถูกพิษอะไร!!
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!!”
เห็นฉากนี้ร่างซูฉีสะท้านไปทันใดศีรษะส่ายไปมาไม่หยุด ใบหน้าแววตาเผยความเหลือเชื่อตื่นตระหนก เห็นชัดว่ามันไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
“มิมีอันใดเป็นไปไม่ได้!”
หลิวฮ่วนกล่าวเย้ยหยันออกมา “เรื่องนี้เจ้าคงมิรู้ แต่เดิมทีตัวข้าก็นับว่าเป็นปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถคนหนึ่ง…ถึงแม้ว่าหลายปีที่ผ่านข้าจักมิได้หลอมกลั่นโอสถอันใด แต่ผู้ที่จักเป็นปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถเช่นข้าได้ ชีวิตย่อมพัวพันกับสมุนไพร ไหนเลยจักมิเคยอาบสมุนไพรพิษ! ตั้งแต่เด็กข้าก็จำต้องกลืนกินสมุนไพรพิษกระทั่งทนรับพิษจากสัตว์พิษทั้งหลาย…ภูมิคุ้มกันพิษในร่างของข้าไหนเลยเจ้าจักหยั่งถึง!”
“แม้พิษที่เจ้าใช้จักประเสริฐมิน้อย ทั้งไร้สีไร้กลิ่นยากแยกแยะ…แต่ปริมาณเพียงเท่านี้อย่าได้หวังว่าจักคุกคามอันใดข้าได้!!”
วาจาหลิวฮ่วนรอบนี้เสมือนเส้นสายอัสนีพุ่งมาฟาดผ่าลงกลางใจของซูฉี ทำให้หน้าซูฉีเปลี่ยนเป็นซีดขาวไร้โลหิต แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ในเมื่อเจ้ากับศิษย์มันรักกันดีนัก! เช่นนั้นข้าจักส่งพวกเจ้าไปลงนรกเสียพร้อมกันทั้งคู่!!”
ลูกตาหลิวฮ่วนเผยประกายเย็นเยียบอำมหิต ร่างกายวูบไหวคราหนึ่งก่อนที่จะพุ่งวาบตัดฟ้าปรี่ตรงเข้าหาซูฉีกับฟางฮุ่ยปานมหาพายุ!
“ท่านอาจารย์ชาติหน้ามีจริง…ขอให้ข้าได้เกิดเป็นศิษย์ของท่านอีกครั้ง!!”
ทันใดนั้นซูฉีพลันกัดฟันหลั่งโลหิต แววตาเผยประกายเด็ดเดี่ยว ระเบิดทะเลปราณที่หว่างคิ้ว มวลปราณแผ่พุ่งไปทั่วร่าง ยังผลาญเชื้อชีวิตเปลวสุดท้ายพุ่งสวนเข้าไปหาหลิวฮ่วนหมายแลกตาย!
มันจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายนี้ปกป้องอาจารย์จนสิ้นลมหายใจสุดท้าย!
ตายไม่เสียดาย!
“ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!!”
หลิวฮ่วนหัวเราะเยาะเสียงดัง ก่อนที่จะปะทุพลังขุมหนึ่งตบฟาดฝ่ามือออกไป ระเบิดร่างซูฉีที่พุ่งเข้ามาจนแตกระเบิดกลับกลายเป็นหมอกโลหิต
หมอกโลหิตกำจายท่วมฟ้าหากแต่หามีแม้แต่หยาดหยดเปรอะเปื้อนหลิวฮ่วนไม่ ทว่าด้านฟางฮุ่ยนั้นกลับเปื้อนไปด้วยละอองโลหิต
เมื่อสัมผัสได้ถึงละอองโลหิตที่ฟุ้งมาถูกกาย แม้จะยังเหลือความอุ่นร้อนแต่ฟางฮุ่ยกลับรู้สึกเย็นเยียบจับใจ กระทั่งจิตวิญญาณยังอดไม่ได้ที่จะสะท้าน ปากตะโกนร่ำร้องแทบขาดใจ “ซูฉี! ซูฉี!!!”
“หลิวฮ่วน ตาย!!”
ทันใดนั้นฟางฮุ่ยก็กรีดร้องลั่นฟ้า ทั่วร่างปะทุพลังชั่วชีวิตซัดออก! คล้ายหมายแลกชีวิตกับหลิวฮ่วน!!
อนิจจาเพียงดาบพลังมีสภาพเล่มยักษ์ ที่สร้างขึ้นด้วยกลวิธีปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราเพียงอย่างเดียว ก็ทำลายมวลพลังชั่วชีวิตที่ฟางฮุ่ยซัดออกมาจนดับสิ้น!
“ฟางฮุ่ย ครั้งเราเจ้ายังเยาว์ตัวเจ้าก็ยังพอจะสู้กับข้าได้…ทว่ายามนี้ในสายตาข้า เจ้าก็มิต่างอันใดไปจากมดตัวกระจ้อย!”
หลิวฮ่วนมองหยามฟางฮุ่ยค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มแสยะ
“มิผิดที่พลังข้ากระจ้อยร่อยมิอาจสู้เจ้า…แต่ศิษย์ที่ข้าฟางฮุ่ยรับไว้ เจ้าหลิวฮ่วนมิมีวันเทียบได้!!”
เผชิญหน้ากับความเป็นตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ฟางฮุ่ยไม่เพียงไม่ทุกข์เศร้ากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ในใจยังปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมา…เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่กำลังแย้มยิ้มให้มันบางๆ ความหวังสุดท้ายของมัน!
ต้วนหลิงเทียน!
“ฟางฮุ่ย ข้าจักมิให้เจ้าได้ด่วนตายนักหรอก…ข้าจะค่อยๆทรมานเจ้าให้อยู่มิสู้ตาย!!”
ได้ยินวาจายกศิษย์มาอ้างนี้ของฟางฮุ่ย หลิวฮ่วนก็รู้สึกเสมือนมีมีดกรีดใจ แววตายิ่งมายิ่งเย็นลง ค่อยย่างเท้าเหยียบอากาศก้าวไปหาฟางฮุ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน ราวกับนักล่าหยอกเย้าเหยื่อ
แต่ละย่ำก้าวสร้างแรงกดดันอันหนักอึ้งประหนึ่งมีขุนค้อนฟาดทุบลงกลางอกฟางฮุ่ย!
ทันใดนั้นเมื่อก้าวย่ำไปจนเหลือเพียงอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะบรรลุถึงร่างฟางฮุ่ย หลิวฮ่วนพลันยกมือขึ้นฉับไวเตรียมปะทุพลังตบฟาดทำลายพลังฝึกปรือของฟางฮุ่ย!
ทว่าในพริบตานั้นเอง กลับมีรังสีดาบอันคมกล้าขุมหนึ่ง พุ่งวาบตัดฟ้ามาฉับไว ผ่ากลางความว่างระหว่างหลิวฮ่วนกับฟางฮุ่ยเอาไว้ หยุดหลิวฮ่วนไม่ให้ลงมือได้อย่างพอดิบพอดี
“ผู้ใด!?”
เมื่อตระหนักได้ถึงพลังอำนาจของคลื่นดาบที่มีพลังมากพอจะคุกคามชีวิตมัน หลิวฮ่วนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี หันมองไปทิศทางหนึ่งพร้อมตะโกนถามออกมาเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆ…อาวุโสหลิวฮ่วน นานแล้วมิพบกัน…กี่ปีแล้วนะ?”
ทันใดนั้นเองปรากฏร่างหนึ่งโรยตัวลงมาจากหมู่เมฆ เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูดุดันทั้งแข็งแกร่ง
ชายวัยกลางคนผู้นี้มาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่าย ในมือถือดาบชี้ลงเบื้องล่างข้างตัว
“เจ้า…หวังเทางั้นเหรอ?!”
หลิวฮ่วนขมวดคิ้วยู่ย่นมองชายวัยกลางคนอยู่พักหนึ่ง ค่อยเอ่ยถาม
“โฮ่? เป็นเกียรติข้านัก ดูเหมือนว่าอาวุโสหลิวฮ่วนจะยังจดจำข้าได้…”
หวังเทาแย้มยิ้ม
“เหอะ! หวังเท้าดูเหมือนว่ามิพบกันเพียงไม่กี่ปีพลังฝึกปรือเจ้าจักบรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว…แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยเจ้าเพียงคนเดียวจะขวางข้าหลิวฮ่วนได้?”
หลิวฮ่วนเชิดหน้ากล่าวถามออกมาเสียงเย้ย
ชายเบื้องหน้านั้นหลิวฮ่วนย่อมจดจำได้ อีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นผู้ดูแลฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง หวังเทา!
อย่างไรก็ตามมันคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้พบเจออีกฝ่ายที่นี่!
สามารถลอบเข้ามาใกล้ๆมันได้ในระยะ 100 หมี่โดยที่มันมิอาจตรวจพบ ก็มากเกินพอที่จะทำให้มันคาดเดาพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายได้ออก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวังเทาคนนี้ได้ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่เรียบร้อยแล้ว!
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หวาดกลัวหวังเทาแต่อย่างไร!
ผู้ฝึกยุทธ์ที่พึ่งทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ไม่กี่ปี ไหนเลยจะเป็นคู่มือมันได้!
“ไม่ว่าข้าจะขวางได้หรือไม่…เรื่องนี้อาวุโสหลิวฮ่วนจำต้องลองถึงจะรู้ได้…”
หวังเทายิ้มอ่อน ใบหน้าสงบไร้กังวลแววตาคมกล้ากระจ่างใส คล้ายไม่ได้เห็นหลิวฮ่วนอยู่ในสายตา
“ผู้ดูแลฝ่ายใน หวังเทา?!”
ฟางฮุ่ยเองก็พึ่งตอบสนองต่อเรื่องราว มันมองไปยังร่างชายวัยกลางคนผู้มาใหม่ไม่นาน ก็จดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มันเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าคนผู้นี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ แถมดูท่าแล้วจะมาเพื่อคุ้มครองมัน!
หวังเทานั้นเป็นผู้ดูแลฝ่ายในที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสง
นอกจากนี้ยังเป็นมือดาบ!
ด้วยอุปนิสัยสันโดษไม่นิยมสุงสิงกับผู้ใดใจเพียงมุ่งฝึกวิถีดาบ จึงไม่ค่อยมีชื่อเสียงอะไรสักเท่าไหร่
ฟังจากคำของหลิวฮ่วน หวังเทาคนนี้กลับทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว!
“ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!!”
ได้ยินหวังเทากล่าวหลิวฮ่วนก็มีโมโหไม่น้อย ยิ้มเย็นกล่าวถาม “หวังเทาข้าอยากรู้นักว่าไฉนเจ้าต้องมาปกป้องมันด้วยเท่าที่ข้ารู้…มันกับเจ้าก็มิได้มีสัมพันธ์อันใดกัน!”
“อาวุโสหลิวฮ่วนอย่าได้สนใจอะไรให้มาก ข้าปกป้องฟางฮุ่ยเพียงเพราะมีคนขอให้ข้าปกป้องก็เท่านั้น”
หวังเทากล่าวออกเสียงเรียบ
“คนที่มีอำนาจสั่งให้เจ้าปกป้องมันได้…หรือจะเป็นอาวุโสป๋ายลี่!?”
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หน้าหลิวฮ่วนเปลี่ยนสีไปทันใด แววตายังเผยความหวั่นหวาดออกมาขณะถาม
อย่างไรก็ตามหวังเทาไม่ได้ตอบคำอะไรมัน เพียงลอยร่างอย่างสงบมองมาที่มันอย่างเฉยเมยราวกับรอให้มันเป็นฝ่ายลงมือก่อน
มาตอนนี้หลิวฮ่วนย่อมยืนยันเรื่องราวได้
“ดี!”
หน้าหลิวฮ่วนบิดเบี้ยวทันใด สุดท้ายก็กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน ก่อนที่จะตัดสินใจวางมือ
อย่างไรก็ตามก่อนมันออกเดินทางจากไปมันก็ไม่ลืมที่จะหยุดมาหันมองกล่าวกับหวังเทา “หวังเทานับจากวันนี้ไปข้ากับเจ้านับว่าเป็นศัตรูกัน!”
ที่มันตัดสินใจวางมือและจากไปเช่นนี้เพราะคิดดีแล้ว
เดิมมันก็กลัวเรื่องที่บุกมาฆ่าฟางฮุ่ยจะแพร่งพรายออกไป
ด้วยเหตุนี้มันจึงแผ่เขตแดนของมันออกมาตรวจสอบเรื่องราวในรัศมี 100 หมี่ รวมไปถึงปกปิดกลิ่นอายพลังอะไรไม่ให้เล็ดรอดออกไป
เพราะมันกลัวว่าหากมีใครล่วงรู้ว่ามันบุกมาฆ่าฟางฮุ่ย เรื่องนี้ต้องไปถึงหูอาวุโสป๋ายลี่แน่นอน แน่นอนว่าป๋ายลี่คงไม่สนใจความเป็นตายของฟางฮุ่ยแต่อย่างใด แต่ทุกข์สุขของต้วนหลิงเทียนคงยากที่จะไม่สน!
ตราบใดที่มันสามารถฆ่าฟางฮุ่ยเงียบๆโดยไม่มีใครรู้มันก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสงสัยว่าเป็นฝีมือมัน แต่ถ้าไร้หลักฐานเอาผิด ต่อให้เป็นป๋ายลี่หงเองก็ไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหววู่วาม!