WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1527
มังกรเทพยาดาอันทรงพลัง!
“เฮอะ! ช่างพูดนัก!”
จ้าวเฟิ่งแค่นเสียงสบถ แววตาเย็นลง “อย่างไรก็ตามต่อให้เจ้าปากดีเพียงใด วันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
สิ้นคำกลิ่นอายพลังทั่วร่างจ้าวเฟิงก็แปรเปลี่ยนไป
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน ที่ส่งผลต่อเขาเล็กน้อย
เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือเขตแดนของจ้าวเฟิง
แต่ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเขตแดนของจ้าวเฟิงคืออะไร แต่เขาก็ไม่มีความหวาดกลัวในใจแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงยังเริ่มใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราและปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ออกมาพร้อมๆกัน
จากการกระทำนี้เห็นชัดว่า แม้จ้าวเฟิงจะกล่าววาจาดูแคลนทั้งเหมือนจะไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตา ทว่ามันก็ไม่คิดประมาทอะไร ท่าทางยังคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายคาที่จริงๆ
“หืม ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา…นี่เจ้าบรรลุสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญแล้ว?”
ทว่าทันใดนั้นเองม่านตาจ้าวเฟิงก็จำต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันใด เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราออกมาเช่นกัน
“ข้าเป็นสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญแล้วจะอย่างไร ดูเหมือนในด้านพลังฝึกปรือข้ายังเทียบอาวุโสจ้าวเฟิงไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
“นั่นย่อมแน่นอน!”
ในวาจาจ้าวเฟิงเปี่ยมความมั่นใจไม่น้อย “ข้าที่บรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ คิดฆ่าสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญเช่นเจ้าสักคน ยังง่ายดายกว่าตัดหญ้าฆ่าไก่นัก!”
แม้จะกล่าวออกไปแบบนั้น แต่ใจจ้าวเฟิงลอบหวั่นๆ มันตกใจกับพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย!
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกที่พึ่งเข้าร่วมสำนักมาไม่ถึงปี สามารถฆ่าเฝิงฟ่านได้ในการประลองเป็นตาย…และตอนฆ่ายังไม่แม้แต่จะอยู่ในขอบเขตสู่เซียนด้วยซ้ำ!
ทว่าตอนนี้กลับเป็นสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญแล้ว?
“อาวุโสจ้าวเฟิง ท่าทางเจ้าจะมั่นใจในพลังฝีมือตัวเองมากสินะ”
รอยยิ้มบนปากต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งฉีกกว้าง
อย่างไรก็ตามจ้าวเฟิงไม่ตอบโต้อะไร เพียงกล่าวออกเสียงเรียบ “ที่แท้ดูเหมือนเจ้าจะตัดผ่านด่านหลุดพ้นมนุษย์ไปแล้วตอนที่สังหารเฝิงฟ่านศิษย์ข้า…อย่างไรเสียข้าอยากรู้นักว่าเจ้าปกปิดพลังฝีมือได้อย่างไร กระทั่งถึงขั้นหลอกลวงให้ผู้อื่นคิดว่าเจ้าอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ได้!”
ฟังจากคำของจ้าวเฟิง เห็นชัดว่ามันปักใจเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนบรรลุขอบเขตสู่เซียนตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สำนัก
และคงเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมีทักษะลับวิญญาณอะไร ถึงสามารถบิดเบือนพลังฝึกหรือหลอกลวงผู้คนได้แบบนี้
หากจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งทะลวงผ่านขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์จนมาถึงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญได้ในเวลาปีเดียวจริงๆ มันไม่มีวันเชื่อ!
ไม่ต้องกล่าวถึงเขตปกครองของ 9 พันธมิตรด้วยซ้ำ กระทั่งพื้นที่ส่วนกลางของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอันเป็นแหล่งรวมอัจฉริยะ ก็ไม่มีใครทำได้แบบนี้
ดังนั้นมันเชื่อว่าข้อสันนิษฐานนี้ของมันถูกต้อง!
ต้วนหลิงเทียนแสร้งเล่นหมูกินเสือ ฆ่าเฝิงฟ่าน!
ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เฝิงฟ่านก็ยิ่งมีโมโหมากขึ้นเท่านั้น!
“ช่างคิดไปได้!”
ได้ยินคำของจ้าวเฟิง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขบขัน ใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ยเยาะ ทำราวกับเห็นจ้าวเฟิงเป็นตัวโง่งม
“เฮอะ! มิว่าเจ้าใช้วิธีอันใดปกปิดพลังฝีมือ แต่วันนี้เจ้าก็หนีความตายไม่พ้น!”
จ้าวเฟิงเริ่มลงมือ ทันใดนั้นรัศมี 100 หมี่โดยรอบพลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลง เขตแดนที่มันใช้ออกสำแดงฤทธิ์แล้ว!
พร้อมกันนั้นเองเหนือศีรษะของมัน ดาบพลังมีสภาพเล่มเขื่องจากปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราก็แผ่กลิ่นอายดุร้าย ปลายดาบจี้เล็งไปทางต้วนหลิงเทียน สัตว์พลังมีสภาพเองก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง!
สัตว์พลังมีสภาพนี้แลไปก็ละม้ายคล้ายสิงโต ทว่าไม่เชิงเป็นสิงโตเสียทีเดียวเพราะบนหัวกลับมีเขาแหลมงอกเงย ทั่วกายเริ่มปรากฏกลิ่นอายพลังร้ายกาจขุมหนึ่ง!
เป็นกลิ่นอายพลังจากปราณโลหิต!
นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่า มันคือสัตว์พลังมีสภาพจากปราณแท้ผสานปราณโลหิต!
ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของจ้าวเฟิง ที่แท้ก็ใช้แก่นแท้โลหิตเป็นรากฐาน!
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
ด้วยความสำเร็จในปัจจุบันของจ้าวเฟิง ตอนยังเยาว์คงไม่พ้นชนชั้นอัจฉริยะของสำนักจันทร์จรัสแสง ย่อมง่ายที่จะได้รับการสนับสนุนจากอาวุโสของสำนัก กระทั่งได้รับแก่นแท้โลหิตมา
จุดนี้กระทั่งนักฆ่าในชุดคลุมลมดำที่เขาใช้ตราผนึกมารฆ่าไป ก็เทียบจ้าวเฟิงไม่ได้
และทันทีที่จ้าวเฟิงเปิดใช้เขตแดน ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันขุมหนึ่งที่ถาโถมเข้ามา ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย
พาลให้สีหน้าซีดลงไม่ต่างกระดาษ
“สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ตกอยู่ในสนามพลังโน้มถ่วงของข้า…ยังจะต่างใดจากปลาบนเขียงรอให้ข้าแล่สับ!”
เห็นสีหน้าที่ซีดลงของต้วนหลิงเทียน จ้าวเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
“สนามพลังโน้มถ่วง”
วาจาของจ้าวเฟิงเฉลยข้อสงสัยให้ต้วนหลิงเทียนทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลถาโถมมาจากทุกทิศทาง ที่แท้ปราณแท้ก่อเขตแดนของจ้าวเฟิงกลับเป็นสนามพลังโน้มถ่วงนี่เอง!
สนามพลังโน้มถ่วงจัดเป็นเขตแดนธรรมดาๆทั่วไปที่หาพบได้ไม่ยาก เมื่อใช้ออกแรงโน้มถ่วงในขอบเขตจะเพิ่มสูงขึ้นระดับหนึ่ง
ในขณะที่จ้าวเฟิงกับต้วนหลิงเทียนกำลังจะปะทะกัน ทั้งคู่ไม่ได้รู้เลยว่ามีร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งกำลังเหินลอยร่างเหนือฟ้ามองชมเรื่องราวอยู่ จากรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของนางใครมองก็บอกได้ว่าเป็นสตรี
“พี่หญิงให้ข้าลงมือไหม? ข้ากลัวว่าเขาจักมิใช่คู่มือเฒ่าชรานั่น”
วิหกสีม่วงที่เกาะบนไหล่ของสตรีชุดดำกล่าวออก
“มิจำเป็น”
สตรีนางนั้นส่ายหัวไปมาเบาๆ แววตาเผยประกายเจิดจ้า “เจ้ามิเห็นหรือ…มันยังสงบใจอยูได้ นั่นบ่งบอกว่ามีความมั่นใจ”
“มั่นใจ?”
วิหกสี่ม่วงส่ายหัวไปมาป้อยๆ “มิใช่มันก็แค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบหรือไร แต่เฒ่าชรานั่นบรรลุจุดสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว อีกทั้งเขตแดนของมันยังเป็นสนามพลังโน้มถ่วง…ยากที่ผู้ฝึกยุทธ์เช่นมันจะต้านทาน ยังจะมีปัญญาตอบโต้อันใด?”
เห็นได้ชัดว่าวิหกสีม่วงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความสามารถถึงขนาดนั้น
“รอดูไปก่อน…ถึงมันสู้มิได้จริงๆ หรือเจ้ายังช่วยไม่ทัน?”
สตรีชุดดำกล่าวออก
วิหกสีม่วงค่อยพยักหน้า ก่อนจะหันกลับมาชมดูเรื่องราวตาแป๋ว
ในสายตาของสตรีชุดดำคล้ายทั้งโลกเหลือแต่ต้วนหลิงเทียน นั่นทำให้นางเห็นชัดเจนถึงความมั่นใจที่แผ่ออกมาจากสีหน้าแววตาของเขา
นี่ไม่ใช่ความนิ่งสงบจากการเสแสร้ง แต่เป็นของจริง
นางยังอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ว่าที่แท้เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่!
หรือเขาพบว่าพวกนางอยู่ที่นี่ด้วย และจะลงมือช่วยเหลือยามคับขัน?
แต่พอคิด สตรีชุดดำก็พบว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย
“ตอนนี้เจ้ารู้สึกเหมือนถูกสะกด มิว่ารีดเค้นปราณแท้มากเพียงใดก็มิอาจต่อต้านสนามพลังโน้มถ่วงของข้าได้ใช่หรือไม่?”
จ้าวเฟิงมองต้วนหลิงเทียนที่หน้าซีดลงเป็นกระดาษด้วยความสะใจ ใบหน้าเผยยิ้มเย็นกล่าวเย้ยออกมาด้วยความถือดี
อย่างไรก็ตามการกระทำต่อมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้ยิ้มเย้ยบนหน้าจ้าวเฟิงชะงักค้างทันที
“สนามพลังโน้มถ่วงอะไรของเจ้า มันทำได้เท่านี้หรือ?”
เพราะพอเงยขึ้นมามองจ้าวเฟิงอีกครั้ง สีหน้าที่ซีดปานกระดาษของต้วนหลิงเทียนกลับเริ่มมีสีแดงระเรื่อ ไม่นานก็หวนคืนสู่ปกติ ยังกล่าวถามออกไปด้วยรอยยิ้มเฉยเมย
“จักตายอยู่รอมร่อ ยังดิ้นรนไม่เข้าท่า!”
จ้าวเฟิงกล่าวออกด้วยความขุ่นขึ้ง
หลังจากนั้นมันก็ไม่คิดลังเลใดๆสืบไป ดาบพลังมีสภาพที่ชี้จี้มาทางต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งลงมาด้วยความฉับไว! สภาวะดาบยังดุร้ายปานจะแยกผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นสองเสี่ยง!
ฮู่มม!!
สัตว์พลังมีสภาพ ที่บังเกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์ของจ้าวเฟิง ก็พุ่งทะยานออกมาด้วยความปราดเปรียว ปากมันอ้าออกกว้างคล้ายจะกลืนกินผู้คนในหนึ่งคำ!
เผชิญหน้ากับดาบพลังมีสภาพทั้งสัตว์ปราณที่พุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัว ทว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน
ทว่าทันใดนั้นเองปราณแท้ขุมหนึ่งพลันพวยพุ่งออกจากร่างไปควบรวมเป็นมวลปราณมหาศาลเหนือศีรษะ! ทันใดนั้นมันก็เริ่มก่อตัวกลับกลายเป็นมังกร…ยังเป็นมังกรเทพยาดา!!
มังกรเทพยาดาอันเปี่ยมเร้นไปด้วยกลิ่นอายปราณโลหิตอันน่ากลัว เปล่งพลังอำนาจสะกดข่มออกมาท่วมฟ้าทันที!
ทันใดนั้นเอง สัตว์พลังมีสภาพจากปราณแท้ก่อลักษณ์ของจ้าวเฟิงที่ปราดมาครึ่งทาง พลันชะงักร่างหยุดนิ่งค้างกลางอากาศ ทีท่ายังเผยความหวาดกลัวที่มีต่อมังกรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนชัดเจน!
หากมันเป็นสัตว์ปราณที่บังเกิดจากจินตนาการ มันไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวอะไรแบบนี้!
ทว่าสัตว์ปราณนี้ของจ้าวเฟิงกลับมีแก่นแท้โลหิตเป็นรากฐาน มันย่อมเหลือภูมิปัญญารวมทั้งสัญชาตญาณตอนยังมีชีวิตอยู่บ้าง และนั่นทำให้เป็นเหตุผลว่าไฉนมันถึงได้หวาดกลัวมังกรเทพยาดา!
ยิ่งไปกว่านั้นมังกรเทพยาดาของต้วนหลิงเทียนยังเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!
มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ เสมือนตัวตนที่อยู่ในชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหารแห่งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้นำเผ่าพันธ์มังกรเองก็ล้วนเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!
ยิ่งไปกว่านั้นแก่นแท้โลหิตนี้ต้วนหลิงเทียนยังได้มาจากร่างของมังกรมาร 5 กรงเล็บ!
มังกรมาร 5 กรงเล็บ ยังเป็นตัวตนอันน่าพรั่นพรึงที่เหนือมังกรเทพยาดาสีทองอีกที! เป็นสายพันธุ์มังกรเทพยาดาที่แข็งแกร่งที่สุด!
“เกิดอันใดขึ้น?!”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้จ้าวเฟิงนิ่งไปราวตัวโง่งม เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นอะไรแบบนี้ แม้จะใช้ชีวิตอยู่มานานหลายปี
อย่างไรก็ตามในขณะที่จ้าวเฟิงตกตะลึง มังกรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนก็พลันตวัดหางออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ฟาดลงไปยังสัตว์ปราณมีสภาพของจ้าวเฟิงที่กำลังสั่นผวาอย่างแรง จนร่างมันระเบิดหายไปในพริบตา!
ขณะเดียวกันไม่ทันที่จ้าวเฟิงจะตอบสนองอะไร มังกรพลังมีสภาพที่ฟาดสิงโตพลังจนแตกสลาย ก็ม้วนตัวลงมาใช้กรงเล็บตบฟาด ขยี้ดาบพลังมีสภาพที่พุ่งเข้ามาอย่างง่ายดาย!
หลังจากทำลายมวลพลังมีสภาพทั้ง 2 ของจ้าวเฟิงแล้ว มังกรพลังของต้วนหลิงเทียน ก็ลอยร่างกลางหาวด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เหลือบมองลงมายังร่างจ้าวเฟิงด้วยสายตาของผู้อยู่เหนือ!
“มังกร! มันคือมังกร…มังกรที่แท้จริง!”
ในที่สุดจ้าวเฟิงก็หายจากอาการอื้ออึง ในใจมันปรากฏความทรงจำหนึ่งแล่นวาบ ใบหน้าเผยความตื่นตระหนกไม่น้อยหลังได้เห็นมังกรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียน!
แน่นอนว่ามันก็เหมือนกันกับป๋ายลี่หง ที่เกิดมาไม่เคยเห็นมังกรตัวเป็นๆมาก่อน
มันรู้เรื่องของมังกรเทพยาดา ผ่านบันทึกในตำราเท่านั้น
ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังตื่นตระหนกกับปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ฉีกยิ้มกล่าวออก “อาวุโสจ้าวเฟิง สนามพลังโน้มถ่วงของเจ้ามันก็ไม่เท่าไหร่นี่”
ครู่ต่อมาสองตาจ้าวเฟิงพลันเผยความตกใจให้เห็นชัด
ท่ามกลางสนามพลังโน้มถ่วง มันแลเห็นร่างต้วนหลิงเทียนวูบมาฉับไวปานสายลม! คล้ายไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากสนามพลังดน้มถ่วงของมันเลย!!