WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1534
นิกายบูชาไฟ
“เจ้าคิดว่าจะหยุดข้าได้งั้นเหรอ?”
เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่โผล่มาขวางทางเอาไว้ ชือเม่ยเพียงกล่าวคำค่อนแคะออกไปด้วยสีหน้าดูแคลน
“เฮ่! เจ้าหลบไปเถอะ…พลังฝีมือของพี่หญิงข้า ต่อให้มีข้า 10 คนยังสู้ไม่ได้เลย!”
สื่อเอ๋อที่อุ้มเค่อเอ๋ออยู่กล่าววาจาเตือนต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความปรารถนาดี อาจเป็นเพราะเขาสวมชุดสีม่วงเหมือนนางก็เป็นได้
“ตี้จิ่ว หากเจ้าอยากรู้ว่าลูกชายเจ้าตายยังไง เจ้าต้องชิงตัวภรรยาของข้าคืนมาให้ข้า!”
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีทางหยุดชือเม่ยได้ด้วยพลังของตัว ไม่ต้องกล่าวถึงชือเม่ย กับอีแค่ดรุณีน้อยชุดม่วงเขายังจนปัญญาจะสู้!
ดังนั้นเขาจึงหันไปมองตี้จิ่วทันที และกล่าวเงื่อนไขออกมา
“ไอ้หนู ก่อนหน้านี้ที่พวกเราตกลงกันไว้ มิได้รวมถึงเรื่องนี้!”
ตี้จิ่วกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ถ้างั้นก็เพิ่มมันลงไปตอนนี้เลย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ
สูดลมหายใจเข้าลึกๆม่กี่ที ตี้จิ่วก็ระงับโทสะในใจได้สำเร็จ มันหันไปมองชือเม่ยค่อยกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม “แม่นาง มิทราบว่าแม่นางเป็นผู้ใด แต่แม่นางมิคิดหรือว่าสอดมือเข้ามาแบบนี้มันเกินไป หรือไม่เห็นหัวข้าแล้ว?”
ถึงแม้ว่าตี้จิ่วอยากจะหลีกเลี่ยงปะทะกับชือเม่ย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะกลัวชือเม่ย
ถึงแม้ว่ามันจะถูกต้วนหลิงเทียนบีบให้ต้องวุ่นวายเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่พอใจที่ถูกชือเม่ยเข้ามาสอดมือเช่นกัน
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ…แต่ต่อให้ผู้นำเผ่าพันธ์มังกรของเจ้าอยู่ที่นี่ก็อย่าได้คิดว่าจะมีปัญญาหยุดข้า ยังนับประสาอะไรกับเจ้า”
ชือเม่ยเหลือบมองไปทางตี้จิ่วด้วยสายตาไม่แยแส แววตาทั้งวาจายังคล้ายดูแคลนตี้จิ่วไม่น้อย
“วาจาเขื่องโขโอหังผู้ใดก็พูดได้! ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้ามันจะแน่สักแค่ไหน!!”
ตี้จิ่วไม่ได้เกรงกลัววาจาของชือเม่ย ชุดคลุมสีทองของมันเริ่มกระพือขึ้นมาแม้ไร้ลม มวลพลังปะทุออก เตรียมลงมือกับชือเม่ย!
ทว่าในขณะที่มันกำลังจะลงมือพุ่งร่างไปจู่โจมชือเม่ย และก่อนที่มันจะทันได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลขุมหนึ่งปะทะเข้าร่าง ทั้งสลายพลังในร่างที่มันกำลังเร่งเร้าออกมาจนหมดสิ้น! ยังง่ายดายเสมือนบดขยี้ใบไม้แห้งกรอบ!!
ปงงง!!
เสียงสนั่นดังขึ้น ร่างตี้จิ่วปลิวละลิ่วไปกระแทกกับผนังหุบเขาจนร่างฝังลงไปในผาทันที หลุมรูปคนอันน่ากลัวนั่นช่างชวนให้ผู้คนในหุบเขาเสียวสันหลังนัก!
“อั๊ค!”
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองด้วยความตกตะลึงของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ตี้จิ่วค่อยๆโผล่ออกมาจากหลุมรูปคนดังกล่าว ทว่าตอนนี้เค้าความน่าเกรงขามเปี่ยมพลังอำนาจของมันไม่เหลือแม้แต่น้อย ชุดคลุมสีทองของมันเปรอะเปื้อน อาการของมันยังสาหัสนัก!
เฟิ่งหวู่เต้าที่เคยเห็นความยิ่งใหญ่ทรงพลังตี้จิ่วมาก่อน อดไม่ได้ที่จะถูกเรื่องราวทำให้สมองตื้อตัน!
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองคนนี้ ใช่คนเดียวกับผู้ที่กวาดล้างทำลายเกาะป้านเยว่ให้พินาศย่อยยับได้ง่ายดาย และแปลงกายเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บอันน่าครั่นคร้ามนั่นจริงหรือ?
พวกมันไม่อาจมองเห็นด้วยซ้ำ ว่าสตรีที่หน้าตาละม้ายคล้ายเค่อเอ๋อลงมืออย่างไร หากแต่กลับซัดร่างชายในชุดคลุมทองให้ปลิวไปง่ายดาย นอกจากนั้นสารรูปตอนนี้ท่าทางจะได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสนัก!
วูบ! วูบ! วูบ!
……
เมื่อเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมองชือเม่ยอีกครั้ง แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แต่พวกมันเท่านั้น
แม้แต่ต้วนหลิงเทียนที่เห็นภาพนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองค้างไปด้วยความตกใจ
ตี้จิ่วกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยการลงมือส่งๆของชือเม่ย?
แล้วพลังฝีมือของชือเม่ยร้ายกาจถึงขั้นไหนกัน!?
จังหวะนี้ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความอ่อนแอไร้พลังอีกครั้ง
“ข้ารู้ดีว่าเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเจ้านั้นรักพวกพ้องนัก…แต่ยามเจ้ากลับไปยังเผ่ามังกรของเจ้าเพียงบอกพวกมันเสีย ว่าคนที่ทำร้ายเจ้าคือคนของนิกายบูชาไฟ หากพวกมันต้องการล้างแค้นให้เจ้า ก็ให้พวกมันเสนอหน้ามาที่นิกายบูชาไฟได้ทุกเมื่อ หากพวกมันกล้ามาล่ะก็นะ…”
ชือเม่ยที่ซัดตี้จิ่วจนสาหัส เหลือบมองตี้จิ่วด้วยสายตาเฉยเมยพร้อมกล่าว
นิกายบูชาไฟ?
ได้ยินวาจานี้ของชือเม่ย แววตาตี้จิ่วกลายเป็นเลื่อนลอยทันที เห็นชัดว่ามันไม่เคยได้ยินเรื่องราวของนิกายบูชาไฟมาก่อน
“สำหรับเจ้า…ข้าล่ะอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายสักหลายๆรอบนัก! แต่เห็นแก่น้องสาวกับลูกในท้องของนางข้าจะละเว้นเจ้าสักครั้ง! อย่างไรเสียนับแต่วันนี้ไปเจ้าจงสำเหนียกตัวเองเสีย ว่าเจ้ากับนางมันอยู่กันคนละโลก!”
ชือเม่ยหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวออกเสียงเรียบ “นอกจากนี้ข้าจะเตือนเจ้าเอาไว้ ว่าเป็นการดีเสียกว่าหากเจ้าลืมเรื่องราวในอดีตระหว่างเจ้ากับนางเสียให้หมด…หาไม่แล้วมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่!”
“แน่นอนว่านั่นต้องหลังจากที่เจ้ามีปัญญาเอาตัวรอดจากวันนี้ไปได้”
กล่าวกับต้วนหลิงเทียนจบ ชือเม่ยก็เหลือบมองตี้จิ่วอีกครั้ง “ข้าจะพาน้องสาวไปแล้ว…ส่วนเรื่องมันกับเจ้า ข้าไม่คิดสนใจ”
หลังจากกล่าวจบ ก็ไม่รอให้ตี้จิ่วตอบสนองอะไร ร่างนางก็อันตรธานหายไปในพริบตา
และหลังจากวันนี้ ชือเม่ย ก็ได้หายไปจากตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรตลอดกาล สุดท้ายนางก็ถูกผู้คนลืมเลือนไป
ส่วนดรุณีน้อยในชุดม่วงที่อุ้มเค่อเอ๋ออยู่นั้น นางหันมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนที่จะอันตรธานหายไปเช่นกัน
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของดรุณีน้อยชุดม่วง ตี้จิ่วยังพอมองเห็นได้รางๆ
จังหวะนี้มันก็ตระหนักได้ทันที ว่ากระทั่งดรุณีน้อยที่ติดตามอยู่ข้างกายสตรีในชุดดำ ก็มีด่านพลังฝึกปรือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามันเลย!
“นิกายบูชาไฟ มันคืออะไรกันแน่?”
เรื่องนี้ตี้จิ่วเองก็อยากรู้ไม่น้อย มันคิดกับตัวเองว่ากลับไปถึงเผ่า ต้องไปไถ่ถามเรื่องราวจากผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรให้รู้ความ อย่างไรก็ตาม นั่นต้องเอาไว้หลังจากมันสะสางเรื่องราวการตายของบุตรชายให้เรียบร้อยก่อน!
“เค่อเอ๋อ เค่อเอ๋อ…”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมามีสติเขาก็รู้สึกปวดใจนัก
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้มือที่กำแน่นของเขามันกำจนเล็บได้เจาะฝ่ามือจนหลั่งเลือดออกชุ่มโชก หากแต่คนคล้ายไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเหลือเกิน กระทั่งสตรีของตัวเองยังไม่อาจปกป้องไว้ได้
ไม่เพียงแต่ไม่อาจปกป้องสตรีของตัวไว้ได้ มาตอนนี้เกรงว่ากระทั่งชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด
“อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเท่าไหร่ ที่นางพาเค่อเอ๋อไป…”
พอคิดว่าวันนี้เขาอาจจะต้องตายด้วยน้ำมือตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกท้อแท้ ก็คล้ายปลงได้
ในสายตาเขาชือเม่ย ไม่สมควรทำร้ายอะไรเค่อเอ๋อแน่นอน
เค่อเอ๋อไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง
“ไอ้หนู ได้เวลาที่พวกเราจะมาชำระความกันแล้ว!”
ตี้จิ่วมองต้วนหลิงเทียนเขม็ง น้ำเสียงยังเย็นเยียบลง คล้ายคิดระบายโทสะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย เพราะเป็นเหตุให้มันถูกชือเม่ยทุบตีจนสาหัสแบบนี้
“อย่าได้คิดเล่นเล่ห์อันใด…หาไม่แล้ววันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
ลูกตาเย็นชาแฝงอำมหิตของตี้จิ่วเริ่มหันไปว่ายมองเฟิ้งหวู่เต้าและคนอื่นๆทีละคน
ทว่าเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นไม่ได้กลัวอะไร ทั้งหมดเพียงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากังวล ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ถึงแม้พวกมันจะไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันก็รู้ดีว่าตอนนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยสู้ดีนัก หากเป็นพวกมันอยู่ในจุดของต้วนหลิงเทียน น่ากลัวคงใจสลายแล้ว
“ผู้เฒ่าหั่ว ข้าขออภัยท่านด้วย…แต่ข้าคิดว่าคงไม่อาจปลดปล่อยท่านออกมาจากเจดีย์ได้แล้ว ข้าหวังว่าให้ท่านได้เจอคนที่มาจากโลกเดียวกันกับข้าโดยเร็ว หากคนผู้นั้นได้รับการยอมรับจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเช่นกัน เขาจะได้ช่วยปลดปล่อยท่านแทนข้า”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปยังผู้เฒ่าหั่วก่อนทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้เฒ่าหั่วที่ไม่ได้สนใจมองเรื่องราวนอกเจดีย์แต่แรก พอได้ฟังเสียงผ่านปราณแท้ของต้วนหลิงเทียน ก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวผิดท่าทันที
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเล่าสถานการณ์ให้ผู้เฒ่าหั่วฟังคร่าวๆ “มันแข็งแกร่งเกินไป! ถึงข้าจะใช้ทั้งหมดที่มี แต่ก็ยากที่จะต่อกรกับมันได้ ผู้เฒ่าหั่วขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด ตอนนี้ข้ากลับทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว”
“แม้จักยากที่จะลงมือ…แต่ก็มิใช่ว่าไร้หนทางเสียทีเดียว เพียงแต่พวกเราต้องลงมือตามแผนให้สำเร็จ แต่ข้ามิรู้ว่ามันจะเล่นตามแผนหรือไม่..”
ผู้เฒ่าหั่วนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวตอบต้วนหลิงเทียน
หลังจากนั้นผู้เฒ่าหั่วก็อธิบายแผนการให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
“ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกนะ! วิธีนี้น่าจะสำเร็จ!!”
หลังได้ยินแผนการของผู้เฒ่าหั่ว ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นรัวขึ้นมา ตอนนี้เสมือนมีแสงสว่างริบหรี่ส่องขึ้นที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิดก็ไม่ปาน
เขาย่อมไม่พลาดโอกาส! หากยังมีหวังที่จะรอด!!
“เจ้าหนู นี่เจ้าไม่ได้ยินข้ารึไง?!”
เสียงของตี้จิ่วเผยความร้อนใจไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะมันอยากรู้ความจรจิงเรื่องการตายของลูกชาย มันคงลงมือเข่นฆ่าระบายโทสะไปเนิ่นนานแล้ว
“มากับข้า”
สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเรืองออกมาวูบหนึ่ง ค่อยหันไปกล่าวกับตี้จิ่ว
ทันทีที่กล่าวจบเขาก็เหินร่างออกไปทันที ทั้งยังหันมองลงมากล่าวผ่านปราณแท้แจ้งเฟิ่งหวู่เต้ากับทุกคน “อย่าตามข้าไป เพียงรอข้าอยู่ที่นี่แล้วข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด!”
“แต่ถ้า 3 วันแล้วข้ายังไม่กลับมา ก็ไปที่ๆอยากไปกันเถอะ…”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะกล่าววาจาป้องกันไว้อีกประโยค
ถึงแม้เขาจะตระหนักว่าแผนการนี้เข้าทีและน่าจะได้ผล แต่ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าจะจัดการตี้จิ่วได้แน่ๆ เกิดอีกฝ่ายไม่หลงกลเขายังเหลือหนทางอีกหรือ?
เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆที่ได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของต้วนหลิงเทียนก็เผยความกังวลขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่มีใครขัดต้วนหลิงเทียน เพียงเชื่อฟังและรออยู่ในหุบเขาแห่งนี้
“ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว คล้ายจะมีหนทางแล้ว”
เฉินเฉ่าช่วยสงสัยไม่น้อย
“สมควรเป็นเช่นนั้น แต่จากวาจาทิ้งท้ายนั่นเผยให้เห็นว่า เจ้าต้วนเองก็มิได้มั่นใจว่าจะสำเร็จแน่”
หนานกงยี่พยักหน้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยสายตากังวล
“นายน้อยต้องสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่!”
ฉงเฉวียนกล่าวออกด้วยสายตามั่นใจ
ส่วนอีกด้านนั้น ตี้จิ่วได้เหินร่างตามต้วนหลิงเทียนออกทะเลมุ่งไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆ แต่หลังจากเหินบินอยู่นานมันก็เริ่มหมดความอดทน “ไอ้หนูนี่เจ้าจะพาข้าไปถึงไหนกัน!? อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าคิดจะเล่นลูกไม้โง่ๆกับข้า!”
“ข้าจะไปเล่นลูกไม้อะไรกับเจ้าได้? ตอนนี้ข้ากำลังจะพาเจ้าไปสถานที่หนึ่ง! เจ้าไม่อยากรู้รึไงว่าลูกชายเจ้ามันตายได้ยังไง แล้วทำไมมันถึงมอบแก่นแท้โลหิตให้ข้า…ถึงตอนนี้แล้วข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ก็ได้ ที่ลูกชายเจ้ามอบแก่นแท้โลหิตให้ข้า เพราะมันพึงพอใจกับการแลกเปลี่ยนอันประเสริฐกับข้าสำหรับข้อมูลสถานที่แห่งนั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ
หลังจากฟังวาจาของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วก็เริ่มเชื่อคำเขาไม่น้อย “สถานที่แห่งนั้น? มันคืออะไร เป็นที่ไหน?”
“สถานที่แห่งนั้นเป็นที่ๆลึกลับมาก…ตอนข้าเข้าไป ข้าก็กลัวจนไม่กล้าเข้าไปลึก และโชคดีที่ข้าสามารถหนีออกมาได้ทันเวลา! มาตอนนี้พอข้าย้อนคิดดู ที่ตี้ยงบอกว่าจะออกเดินทางไปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า น่าจะเป็นข้ออ้างของมัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “ข้าคิดว่ามันคงทำเพื่อปิดบังข้า และเลือกที่จะไปยังที่แห่งนั้นเพียงลำพัง หวังฮุบสมบัติไว้แต่เพียงผู้เดียว…ตี้ยงน่าจะตกตายอยู่ในนั้นไม่ผิดแน่”
วาจาต้วนหลิงเทียนลื่นไหล สีหน้าแววตายังจริงจังไร้พิรุธใดๆ ตี้จิ่วจึงไม่สงสัยอะไร
ไม่นานต้วนหลิงเทียน ก็พาตี้จิ่วพุ่งลงจากฟ้า ดำลงไปใต้ทะเลลึก หลังจากลงมาไม่นานก็มาถึงเหวใต้ทะเลลึก
เขาพาตี้จิ่วดำลงไปในเหวใต้ทะเลลึกนั่นทันที
“ดูเหมือนจะไม่ใช่จุดนี้…”
ต้วนหลิงเทียนที่พาตี้จิ่วลงมาถึงก้นเหวใต้ทะเลลึกแล้ว ก็พุ่งร่างเวียนวนอยู่สักพัก ค่อยส่งเสียงผ่านปราณแท้กล่าวบอกตี้จิ่ว
ตี้จิ่วที่ติดตามมาไม่ห่าง พลันกล่าวถามออกไปด้วยความหงุดหงิดร้อนใจ “มิใช่เจ้าเคยมาที่นี่ก่อนแล้วหรือไร ไฉนมาตอนนี้ถึงจดจำไม่ได้!?”