WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1611
ตอนที่ 1611 : ผู้เข้มแข็งขอบเขตเซียน…2 คน!
และร่างชายวัยกลางคนที่คล้ายจะผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศธาตุนี้ก็คือประมุขนิกายหยินหมิง อี้เฟิง!
“เจ้าเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นิกายหยินหมิงข้า พูดมา!”
อี้เฟิงมองไปยังร่างชายหนุ่มนุชดสีม่วงเบื้องหน้า คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม
หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มในชุดสีม่วงเบื้องหน้ายังคงมีท่วงท่าสงบใจเย็นตั้งแต่ต้นจนจบ มันคงลงมือสังหารอีกฝ่ายทันทีดั่งฟ้าผ่า จบเรื่องราวไปนานแล้ว…
ในฐานะผู้ฝึกมาร การที่มีคนบุกรุกเข้ามายังสถานที่บ่มเพาะอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เป็นอะไรที่ทำให้มันรู้สึกเสมือนถูกลูบคม เสียหน้านัก!
อย่างไรก็ตามท่าทางใจเย็นของอีกฝ่ายทำให้มันจำต้องระวัง ผู้ใดจะไปรู้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มีความเป็นมาไม่ธรรมดาหรือไม่? หากเกิดลงมือหรือฆ่าอีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่ทราบแน่ชัด น่ากลัวว่าคงเป็นมันและนิกายหยินหมิงที่พบพานหายนะแล้ว!
“ข้าชื่อต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนมองอี้เฟิงด้วยท่าทางสงบ กล่าวตอบออกไปเสียงเบา
ต้วนหลิงเทียน!
คำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้สองตาอี้เฟิงเบิกกว้างขึ้นมาทันใด
นาม ต้วนหลิงเทียน สำหรับมันไม่ใช่นามแปลกหูแต่อย่างไร
แขกกิตติมศักดิ์ที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในตระกูลซือถูเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังเป็นที่รู้จักกันดีในนาม ปรมาจารย์ต้วน และยิ่งกลายเป็นมีชื่อเสียงหลังจากที่สามารถรักษาอาการของซือถูหัง คุณชายใหญ่ตระกูลซือถู รวมถึงเรื่องที่สามารถเอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยที่อยู่ในอันดับ 23 ของรายนามนภาได้! เรียกว่าจากไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ก็กลายเป็นกระเดื่องเลื่องลือคับฟ้า!
กล่าวได้ว่าสำหรับประเทศฝูเฟิงแล้ว นามนี้แทบจะรู้จักกันทุกบ้าน
ในฐานะที่มันก็เป็นประมุขของนิกายหยินหมิง ไหนเลยจะไม่รู้เรื่องต้วนหลิงเทียนได้
นอกจากนี้ไม่เพียงแต่มันจะรู้จักต้วนหลิงเทียน แต่ยังรู้ด้วยว่าต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นดั่งหนามยอกอกของรองผู้นำตระกูลซือถู อย่างซือถูหมิง!
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนได้ช่วยชีวิตซือถูหังเอาไว้ ทำให้คุณชายรองของตระกูลซือถูอย่างซือถูจั๋วบุตรชายของซือถูหมิง หมดสิทธิ์ที่จะได้เป็นผู้นำตระกูลซือถูรุ่นต่อไป เรียกว่าการมาของต้วนหลิงเทียนได้ทำลายแผนการของฝ่ายซือถูหมิงจนราบคาบ
ถึงแม้ว่าการแข่งขันช่วงชิงภายในตระกูลซือถูระหว่างซือถูหมิงกับซือถูฮ่าวนั้นจะเป็นไปอย่างลับๆ เพราะซือถูหมิงย่อมไม่กล้าเปิดศึกกับซือถูฮ่าวโดยตรง เพราะนี่จะเป็นการทำให้ตระกูลซือถูตกต่ำลง
ไม่ว่าใครก็ตามที่ชนะ ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย
ชัยชนะที่แท้จริงคือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าครอบครองตระกูลซือถูโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ!
การลอบสังหารซือถูหังนั้น เป็นทางลัดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อนิจจาแผนการของซือถูหมิงล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ และทำลายแผนการของมันหมดสิ้น!
ดังนั้นในสายตาของคนฝ่ายซือถูหมิง ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ต่างอะไรไปจากหนามยอกอก!
ประมุขนิกายหยินหมิงและอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิง เคยสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเอาไว้ว่าจะภัคดีต่อฝ่ายของซือถูหมิง เพราะพวกมันเคยได้รับความอุปถัมป์จากบิดาของซือถูหมิง จึงนับว่านิกายหยินหมิงก็เหมือนแขนข้างหนึ่งของซือถูหมิง แม้จะไม่ได้แซ่ซือถูเหมือนกันก็ตาม…
แน่นอนว่าหนามยอกอกของฝ่ายซือถูหมิง ก็เป็นดั่งหนามยอกอกของพวกมันนิกายหยินหมิงเช่นกัน!
“เจ้าน่ะเหรอปรมาจารย์ต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู”
ยามเมื่ออี้เฟิงมองพินิจต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตามันก็เผยประกายคมกล้า กล่าวถามออกไปเสียงเข้ม”ปรมาจารย์ต้วน ท่านกับนิกายหยินหมิงพวกเรามิเคยข้องเกี่ยวอันใดกัน…ไฉนวันนี้ท่านถึงได้บุกมายังนิกายหยินหมิงของข้าเช่นนี้เล่า?”
“หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้ใช่ประมุขนิกายหยินหมิง คงกำลังคิดอยู่ว่าจะฆ่าข้าให้ตายทันทีเลยดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
อี้เฟิงตกใจกับวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะอ่านใจมันออก
ต้องทราบด้วยว่าแม้มันจะมีความคิดนี้อยู่ในใจ แต่มันก็ไม่เผยสีหน้าท่าทีอะไรแบบนั้นแม้แต่น้อย
มันมั่นใจในความสามารถควบคุมสีหน้าอารมณ์ของมันนัก
‘หรือมันจะรู้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างข้ากับฝ่ายซือถูหมิง…หรือที่มันมาครั้งนี้เป็นเพราะซือถูฮ่าวใช้มันเป็นนกต่อ ด้วยคิดอาศัยเรื่องนี้กำจัดพวกเรานิกายหยินหมิง?’
พอคิดถึงเรื่องนี้ อี้เฟิงก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ปรมาจารย์ต้วน ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอะไร?”
อย่างไรก็ตามเปลือกนอกของอี้เฟิงยังคงเสแสร้งเป็นโง่งม ทำหน้าเหรอหราคล้ายมันไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น
“ซือถูหมิง”
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมยไร้อารมณ์ เพียงค่อยๆกล่าวคำออกมาอย่างช้าๆ 3 คำ
เป็น 3 คำ ที่ทำให้ลูกตาของอี้เฟิงจำต้องหดเล็กลง มันเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายทันที ยังแผ่สำนึกเทวะออกไปเต็มกำลังด้วยกลัวว่ามีผู้เข้มแข็งซุ่มซ่อนตัว รอคอยโอกาสลงมือรวบหัวรวบหางมัน!
ขณะเดียวกันมันก็ลอบยกมือขึ้นด้านหลัง ปรากฏป้ายหยกแผ่นหนึ่ง
และทันใดนั้นเอง ปรากฏลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากป้ายหยก ก่อนที่จะพุ่งหายลับไปในหุบเขาด้านหลังนิกายด้วยความฉับไวสุดที่ใต้ขอบเขตเซียนจะมองตามทัน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า…ข้ามาคนเดียว ผู้นำตระกูลซือถูหรือคนอื่นๆไม่ได้มาด้วย”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอี้เฟิง ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ทันทีว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
มีแค่เจ้า?
เรื่องพรรค์นี้อี้เฟิงย่อมไม่เชื่อ ทั้งไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ มันยังยิ่งระแวงมากกว่าเดิม มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมาคนเดียว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อต้วนหลิงเทียนล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับฝ่ายซือถูหมิงแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะบุกมานิกายหยินหมิงคนเดียว เพราะนั่นยังจะต่างอะไรกับหาที่ตาย?
และต้วนหลิงเทียนดูไม่เหมือนคนรนหาที่ตายสักกะผีกเดียว!
เผชิญหน้ากับความระแวดระวังของอี้เฟิง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อคำของเขา เช่นนั้นจึงเฝ้ารอคอยเวลาอย่างเงียบงัน
ด้วยม่านตาพิสการการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของอี้เฟิง เขาก็แลเห็นหมดสิ้น
เขารู้ว่าอี้เฟิงกำลังเรียกหาใครบางคน
และจากสถานการณ์ตอนนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อี้เฟิงจะเรียกหา…ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิง!
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ความว่างข้างๆกายอี้เฟิงพลันกระเพื่อมสั่นไหว ปรากฏร่างชายชราร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมา เป็นชายชราที่มาในสุดผ้าธรรมดาๆ เส้นผมสีดอกเลาของมันกระจายปรกไหล่ แววตาเผยความเย็นชากระหายเลือด มองไปไม่คล้ายผู้คนธรรมดา
ยังให้ความรู้สึกกดดันบีบคั้นไม่น้อย
อย่างไรก็ตามความรู้สึกกดดันบีบคั้นนี้ เพียงใช้ได้กับผู้คนธรรมดาเท่านั้น มันไม่ได้ส่งผลต่อต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
“อาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิงงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายชราข้างอี้เฟิงรอบหนึ่ง ค่อยกล่าวถามออกมาเสียงเบา
อย่างไรก็ตามชายชราไม่ได้สนใจจะตอบเขา อีกฝ่ายเพียงหันไปมองอี้เฟิงที่อยู่ข้างๆ พร้อมถามออกมา”ประมุข ไฉนถึงรีบร้อนเรียกข้าออกมา?”
“อาวุโสเผิง นี่คือแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน”
อี้เฟิงที่พยายามสำรวจรอบๆ แต่กลับไม่พบสิ่งใด ก็หันมากระซิบกล่าวบอกชายชรา
“ต้วนหลิงเทียน?”
อาวุโสที่ถูกเรียกว่า อาวุโสเผิง ผู้นี้ เห็นชัดว่าเคยได้ยินนามต้วนหลิงเทียนมาก่อน ความกระหายเลือดในแววตาของมันยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้นทันทีที่ได้รับทราบตัวตนของอีกฝ่าย
ทั่วร่างยังปรากฏจิตสังหารแผ่พุ่งออกมาอย่างเย็นเยียบ
ดูไปดั่งมันเป็นอสรพิษกระหายเลือดก็ไม่ปาน…