WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1636
ตอนที่ 1636 : หลินตง ขอบเขตเซียน!
ก่อนหน้าทุกคนไม่เว้นขอบเขตเซียนล้วนจับจ้องไปยังระฆังศรที่ถูกห่ารังสีพลังกรงเล็บนับร้อยพันถาโถม พวกมันจึงไม่ทันสังเกตเรื่องราวอื่นใดอีก
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ากระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มในเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็วูบหายไปอย่างอัศจรรย์! มันพุ่งมาหลอมรวมเป็นหนึ่งใต้เท้าและพาร่างต้วนหลิงเทียนเหินหลบออกมาด้วยความเร็วสูง!
ทำให้การโจมตีชุดนี้ของหลินตง นับว่าจั่วลมไปเต็มๆ!
เห็นฉากนี้ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ
“ท่านปรมาจารย์ต้วน!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังอยู่รอดปลอดภัยไร้แม้แต่รอยขีดข่วน ซือถูหังก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก!
ซือถูฮ่าวกับซือถูโฮ่ว ก็โล่งใจไม่น้อยเช่นกัน
ส่วนอีกด้านนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนของจวนอ๋องเฉียนต่างขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องราวเหลวไหลพรรค์นี้ขึ้นได้!
ภายใต้การโจมตีอันดุร้ายทรงพลังของหลินตง…แต่ต้วนหลิงเทียนกลับหลบได้!?
“ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนี่มันโชคดีนัก! มันรอดไปได้ยังไงกัน!?”
อี้เฟิงขบฟันแน่นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน
“มันก็โชคดีหลบได้ครั้งเดียว อย่าหวังว่าจะรอดได้เป็นครั้งที่ 2!”
ซือถูหมิงกล่าวออกด้วยความอาฆาต
แม้อ๋องเฉียนกับเยี่ยมู่ไป๋จะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่คิ้วที่ยู่ย่นเป็นปมก็บอกอาการของพวกมันได้เป็นอย่างดี
“เร็วยิ่งนัก!”
“เร็วเกินไปแล้ว! กระทั่งขอบเขตเซียนหลายคนยังมิอาจมองเห็นด้วยซ้ำ!”
“ก็ทุกคนกำลังตั้งใจชมดูว่าต้วนหลิงเทียนจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆหรือไม่ แน่นอนย่อมมิมีผู้ใดมัวมาสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเขตแดนเขา…ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าเขตแดนของเขาจักทำอะไรเช่นนี้ได้!”
“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง…ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้นยังเอาตัวรอดมาได้!”
“ตอนนี้อันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ใช่กำลังจะลำบากแล้วหรือไม่?”
……
ทันทีที่ว่าจานี้ของใครก็ไม่ทราบดังขึ้น ทุกสายตาก็หันไปชมมองหลินตงทันที
ทุกสายตายังเผยความสงสัยออกมา
สัมผัสได้ถึงสายตาเหล่านี้ หลินตงย่อมรู้สึกไม่พอใจนัก!
มันไม่คิดเลยว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน จะถูกต้วนหลิงเทียนหลบรอดไปได้แบบนี้! สำหรับมันแล้วเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย!!
“เขตแดนของมันใช้แบบนี้ก็ได้หรือ?”
ตอนนี้หลินตงยังตระหนักได้ถึงเหตุผลว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงหลบการโจมตีของมันได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกระบี่เล่มนั้นที่ควบรวมจากกระบี่หมื่นเล่มในเขตแดน!!
“ในเมื่อเจ้ารวมกระบี่แล้ว เขตแดนของเจ้าก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป! เช่นนั้นข้าจะใช้วังวนพลังของเขตแดนข้าป่นร่างเจ้าให้แหลก!!”
หลินตงมองต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนกระบี่ที่พาเหินหลบไปบนฟ้า ด้วยสายตาเยียบเย็น ตอนนี้นับว่าต้วนหลิงเทียนได้ยั่วให้โทสะมันลุกโหมขึ้นมาจริงๆแล้ว!
และบัดนี้ เขตแดนของหลินตงก็ไม่ได้ถูกกระบี่พลังมีสภาพจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียนต้านทานอีกต่อไป! วังวนพลังทั้งหมดของมันหวนคืนสู่อิสระเสรี!
เช่นนั้นแล้วยามหลินตงพุ่งร่างเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน วังวนพลังนับร้อยขุม ก็โถมถันเข้าล้อมกรอบต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง!!
และวังวนพลังของหลินตงไม่เพียงจะรวดเร็วเท่าตัวมัน พวกมันยังหนุนเสริมสอดประสานกันเป็นอย่างดี อาศัยแรงหมุนวนของกันและกันปรี่เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว!
ด้วยการโจมตีที่มาจากตัวหลินตง และวังวนพลังนับร้อยสายที่กลุ้มรุม กลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่ากลัวทั้งหมดก็เพ่งเล็งมายังต้วนหลิงเทียนเป็นจุดเดียว…แต่ละวังวนล้วนเต็มไปด้วยพลังฉีกกระชากแสนอันตรายน่ากลัว มวลอากาศยังเริ่มบิดเบี้ยวส่งเสียงแตกระเบิดไม่หยุดหย่อน!
“หลินตงมันเอาจริงแล้ว!”
เห็นฉากนี้ ทุกคนก็รู้ดีว่าหลินตงไม่ออมรั้งยั้งมืออะไรสืบไป!
อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญหน้ากับหลินตงที่ลงมือเต็มกำลังไม่คิดออมรั้งอะไร ต้วนหลิงเทียนยังไม่แยแส คนท่องกระบี่เหินหลบหลีกซิกแซกซ้ายขวาหน้าหลัง หลบวังวนพลังที่โถมถันเข้ามา 4 ทิศ 8 ทางได้อย่างอัศจรรย์! ยังเอี้ยวตัวปานไร้กระดูกหลบหลีกรังสีพลังมีสภาพที่หลินตงซัดพุ่งออกมาหมายสังหารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ!!
ต้องทราบด้วยว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนยามท่องกระบี่เหินจากเขตแดนนี้…เทียบได้กับความเร็วของขอบเขตเซียนที่พึ่งบรรลุเข้าไปแล้ว!!
เกรงว่าหากไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน คงยากที่จะจับได้ไล่ทัน!!
“อะไรกัน!? ต้วนหลิงเทียนกลับหลบทุกการโจมตีของหลินตงได้!? หมื่นกระบี่รวมหนึ่งจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียน จักมิพิสดารเกินไปหน่อยหรือ!?”
“ดูเหมือนว่าการประลองเป็นตายวันนี้ หลินตงคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนจักมิได้ง่ายดายแล้ว!”
“ข้าว่าไม่เพียงแต่ไม่ง่าย…ในเมื่อมันมิอาจแตะต้องได้แม้แต่ชายเสื้อต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ มันไม่มีวันทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย…นับประสาอะไรกับฆ่าให้ตาย! แถมต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนกระแสการรบได้ง่ายดายนัก หากอาศัยความเร็วนั่นในการลงมือจู่โจมสังหารหลินตงล่ะก็…!!”
“ฆ่าหลินตงหรือ…หากทำได้จริงชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนย่อมโด่งดังทะลุฟ้าแน่แล้ว!!”
“ข้าล่ะอยากเห็นเหลือเกิน…ว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิงเรา กลายเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภา!!”
……
ตอนนี้สถานการณ์การสู้รบเรียกว่าพลิกตลบปานตีลังกาหงายหลัง ความเปลี่ยนแปลงฉับไวนี้ยากจะทำให้ผู้คนตั้งตัวได้ทันจริงๆ
“ดี! ดีมาก! ฮ่าๆๆๆ!”
ในขณะที่ทุกคนเห็นว่าหลินตงลงมืออย่างไรต้วนหลิงเทียนก็เหินกระบี่หลบได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ทางด้านหลินตงกลับไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างไร อยู่ๆมันก็หัวเราะร่าออกมาอย่างประหลาด
“ขนาดนี้แล้วหลินตงยังหัวเราะได้อยู่อีกหรือ?”
เห็นฉากนี้สายตาของทุกคนแปลกไปทันที
“มันคงมิได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ?”
หลายคนกระซิบคาดเดาออกมา
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามนภาพอจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจึงกลายเป็นเสียสติไปแล้ว? มันรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือ?”
หลายคนเริ่มหัวเราะเยาะออกมา
“มิน่าแปลกใจเลยที่ท่านปรมาจารย์ต้วนมิเลือกหลบเลี่ยงการประลองเป็นตายกับหลินตง…ที่แท้ในน้ำเต้ากลับมียาวิเศษเช่นนี้!!”
เมื่อเห็นความเร็วในการเหินกระบี่ท่องเวหาของต้วนหลิงเทียน ซือถูหังรู้สึกสบายใจขึ้นมามาก!
“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าศิษย์น้องจะมีเปรียบได้ถึงขนาดนี้แม้จะไม่ใช้กระบี่วิเศษนั่น!”
ป๋ายลี่หงเผยยิ้มออกมา
วรยุทธ์วิชาใต้หล้า ความเร็วนับเป็นที่สุด!
การที่มีความเร็วเหนือล้ำกว่า หากไม่เพลี่ยงพล้ำ ย่อมอยู่ในตำแหน่งที่คงกระพันเสมอ!
ซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆเองก็เผยยิ้มโล่งใจออกมาเช่นกัน
“เจ้าต้วนนี่จริงๆเลย พอมันเผยความสามารถออกมาให้เห็นทีไร ล้วนทำให้ผู้คนตะลึงทุกที…”
เฉินเฉ่าช่วยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“จริง!”
หนานกงยี่ก็คิดเหมือนกัน
ส่วนทางด้านจวนอ๋องหรงนั้น ตอนนี้ตัวอ๋องหรงเองเริ่มเผยสีหน้ามืดดำขึ้นมาแล้ว!
เรื่องราวกลับแปรเปลี่ยนไปเหนือคาดคิดนัก เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ จึงอุตส่าห์คิดหาวิธีใช้ประโยชน์จากการตายขอต้วนหลิงเทียนอย่างวุ่นวาย หมายสร้างความร้าวฉานให้นิกายอัคคีล่องลอยกับจวนอ๋องเฉียน!!
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า สุดท้ายคนที่จะตายในวันนี้ อาจไม่แน่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียน!
หากต้วนหลิงเทียนยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู มันอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ เพราะอย่างน้อยๆในระดับหนึ่งมันก็กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นทรัพยากลบุคคลของจวนอ๋องหรงมัน!
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถูแล้ว สิบในสิบก็เหมือนกับออกจากฝ่ายจวนอ๋องหรง!
แน่นอนว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่มีความรู้สึกดีๆให้จวนอ๋องหรงอีกแน่!
ไม่ต้องคิดอ๋องหรงก็ทราบเรื่องนี้ดี!
ด้วยเหตุนี้มันจึงหวังให้ต้วนหลิงเทียนตายๆไปเสีย หากไม่ตายก็นับว่าขัดใจมันนัก!
“หืม? เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไฉนน้องสี่ยังนิ่งนัก?”
ไม่นานอ๋องหรงก็พบว่าศัตรูที่ยากจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อย่างอ๋องเฉียนยังคล้ายไม่กังวลกับเรื่องราว คิ้วไม่ขมวดแม้แต่น้อย ทำราวกับไม่กังวลเรื่องความเร็วของต้วนหลิงเทียนเลย…
‘หรือบางที หลินตงอาจจะยังไม่ได้ใช้ทุกสิ่งที่มี?’
ขณะที่อ๋องหรงคิดเช่นนี้มันก็สังเกตสีหน้าของหลินตงทันที และพบว่าขนาดนี้แล้วหลินตงยังสามารถหัวเราะออกมาได้
และด้วยแววตาคมกล้าของหลินตงที่คล้ายจะมั่นใจนั่น ก็ทำให้มันสงสัยขึ้นมาทันที
“หลินตงไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากที่ใดกัน?”
ใจอ๋องหรงเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ขณะเดียวกันมันก็ตั้งหน้าตั้งตารอชมนัก
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในที่สุดเสียงหัวเราะของหลินตงก็หยุดลง รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเรียบ”ต้วนหลิงเทียนข้าต้องยอมรับเลยว่าเจ้าแข็งแกร่งนัก…แต่เจ้าอย่าพึ่งได้ใจให้มันมากไป! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าไม่มีหนทางทำอะไรแล้ว?”
“หืม?”
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าใช่หลินตงเสียสติไปแล้วหรือไม่ หลินตงพลันหยุดหัวเราะ และกล่าววาจาออกมาอย่างถือดี
“กระทั่งตอนนี้หลินตงยังกล่าวออกมาแบบนั้นได้…หรือว่ามันยังมีพลังฝีมือย่อยอันใดซุกซ่อนอยู่?”
“ก่อนหน้านี้หลินตงก็ลงมือเต็มที่แล้ว คงเหลือก็แต่ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรากับปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เท่านั้น หรือหลินตงคิดอาศัย 2 กลพลังนี้เอาชนะต้วนหลิงเทียน?”
“เจ้าล้อเล่นหรือ กระทั่งเขตแดนของหลินตงร้ายกาจถึงปานนั้นยังแตะมิถูกชายเสื้อของต้วนหลิงเทียน! ต่อให้ใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรากับสรรพสัตว์ยังจะไปสร้างความแตกต่างอันใดได้ มิมีทางพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย!”
“นั่นสิ กระทั่งศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 4 ดาวจารึกไว้ 2 อาคมยังไม่ได้ผล…หลินตงยังเหลืออันใดให้พึ่งอีก?”
……
ตอนนี้ทุกผู้คนหันไปจับจ้องมองหลินตงด้วยสีหน้าแปลกๆ ต่างสงสัยว่าหลินตงจะยังมีพลังฝีมือย่อยอันใดเก็บงำไว้อยู่อีก!
หากมีจริง…แล้วมันคืออะไรกันแน่ ถึงทำให้มั่นใจขนาดนี้!
พวกมันต่างคาดไม่ถึงจริงๆ!
เห็นหลินตงมั่นใจแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็โค้งคิ้วขึ้นด้วยสงสัย แต่ไม่ได้กลัวอีกฝ่ายแต่อย่างไร”ในน้ำเต้าเจ้ามีอะไรก็รีบเผยเถอะ เดี๋ยวจะตายก่อนได้ใช้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไปด้วยความมั่นใจ
“เจ้าจักได้เห็นมันเดี๋ยวนี้!”
หลินตงแสยะยิ้มร่า จากนั้นปราณแท้ในร่างของมันจะปะทุออกมา จากนั้นมันก็เริ่มดูดกลืนปราณแท้ที่แผ่พุ่งออกมากลับคืนทั้งเริ่มชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ร่าง!
ทันใดนั้นเอง ความว่างรอบกายของหลินตงก็บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา!
วังวนพลังอันน่ากลัวนเขตแดนของหลินตง ไม่ทราบพุ่งไปห้อมล้อมกำบังหลินตงตั้งแต่เมื่อใด! ยังซ้อนเป็นชั้นๆยากที่จะฝ่าเข้าไปถึงตัวมันนัก!!
ส่วนร่างหลินตงที่อยู่ใจกลางวังวนพลังนั้น ตอนนี้ก็กำลังชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่าง หมุนเวียนไปตามเส้นชีพจรเซียน โคจรพลังตามเคล็ดบ่มเพาะ เรียกว่าการดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินของมันยังรวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า!!
“นั่น…มันกำลังบ่มเพาะพลังงั้นเหรอ?”
เห็นฉากนี้ ผู้คนทั้งหมดที่ชมดูอยู่ก็อื้ออึง ทั้งพูดไม่ออก
จวนตัวก็มากอดเท้าพระเช่นนี้ยังจะมีประโยชน์อันใด?
(จวนตัวก็มากอดเท้าพระ = มีเรื่องลำบากเดือดร้อน ถึงจะมาขอความช่วยเหลือ…ปกติไม่เตรียมตัว พอจวนตัวจึงหาทางรับมือ)
หลายคนอดคิดพิเรนทร์ขึ้นมาไม่ได้ พลันกล่าวออกมาอย่างขบขัน”หรือหลินตงมันคิดจะทะลวงไปยังขอบเขตเซียนตอนนี้กัน?”
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
หลายคนได้ยินก็หัวเราะออกมา เพราะคิดว่าหลินตงเหลวไหลใหญ่แล้ว!
ทว่าไม่นานพวกมันก็หัวเราะไม่ออก
เพราะครู่ต่อมา เมื่อวังวนพลังวิญญาณฟ้าดินมหาศาลที่ถูกชักนำเข้าร่างหยุดลง ทั่วร่างหลินตงพลันเปล่งกลิ่นอายพลังน่ากลัวเกรี้ยวกราดออกมาขุมหนึ่ง มวลอากาศรอบกายยังแตกระเบิดออกไปเป็นวงกว้าง! พาลให้หลายคนที่ชมดูอยู่อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวกับกลิ่นอายพลังดังกล่าว!!
“ขอบเขตเซียน! นั่นมันกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียน!!”
จังหวะนี้เองเหล่าผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตเซียนแล้ว อดไม่ได้ที่จะหรี่ตากล่าวออก ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลินตงจะทะลวงด่านเซียนได้ในสถานการณ์เช่นนี้!!