WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1643
ตอนที่ 1643 : จุดหมายปลายทาง คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!
ชายในชุดดำที่สวมหน้ากากปีศาจแสยะยิ้มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือจิ้งหยวน ผู้ที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 2 ในตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง!
พลังฝีมือของจิ้งหยวนนั้น เป็นรองก็แค่หงเจิ้นผู้เดียวเท่านั้น และหงเจิ้นนั่นก็เป็นผู้ฝึกมาร! หากจิ้งหยวนได้ตราผนึกมารมาล่ะก็ หงเจิ้นจะไม่มีวันสู้มันได้เลย!
ด้วยเหตุนี้จิ้งหยวนจึงบังเกิดความปรารถนาที่จะครอบครองตราผนึกมารนัก!
อย่างไรก็ตามยิ่งตั้งความหวังมากเท่าไร ก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
คนของจวนอ๋องเฉียนเมื่ออยู่ต่อหน้าจิ้งหยวนก็ไร้พลังอำนาจในการต่อสู้แม้แต่น้อย
ล้อกันเล่นหรือไร!
จิ้งหยวนคือเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ในประเทศฝูเฟิงมียอดฝีมือที่พอจะเทียบมันได้แค่คนเดียวเท่านั้น!
การมาถึงของยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ทำให้จวนอ๋องเฉียนไร้หนทางต่อสู้อย่างสิ้นเชิง อ๋องเฉียนยังยืนหน้าทุกผู้คนอย่างสงบเสงี่ยมปานแมวเซา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ
“ท่านผู้อาวุโสข้าได้สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไปแล้วว่าตราผนึกมารมิได้อยู่ในการครอบครองของข้า…ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข้าเองก็พยายามขบคิดเรื่องนี้เช่นกัน และทั้งหมดสมควรเป็นพลังวิเศษลึกลับบางอย่างของตราผนึกมารที่มีแต่ต้วนหลิงเทียนที่รู้”
อ๋องเฉียนกล่าวบอกต่อจิ้งหยวนด้วยรอยยิ้มขื่นขมใจ
“ต้วนหลิงเทียน?”
ใบหน้าจิ้งหยวนที่ถูกซ่อนใต้หน้ากากมืดคล้ำลงทันใด แววตายังเผยประกายเย็นเยียบวูบวาบ”แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ใด?”
“ท่านอาวุโสข้าน้อยไม่คิดปิดบังท่าน พวกเราเองก็กำลังระดมกำลังพลทั้งหมดที่มีออกตามล่าหาตัวมันอยู่เช่นกัน หากแต่พวกเราก็มิพบเบาะแสอันใดเลย…ข้าคิดว่ามันต้องออกจากเมืองหลวงไปวันนั้นแล้วแน่ ตอนนี้ผู้คนในประเทศฝูเฟิงมากมายล้วนออกตามหาตัวมันทั้งสิ้น ข้ากลัวว่าผ่านไปอีกระยะหนึ่งจะมีคนตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นข้าเกรงว่าประเทศฝูเฟิงจะไม่มีที่ให้มันยืนอีกต่อไปแล้ว”
อ๋องเฉียนกล่าวสันนิษฐาน”ถึงตอนนั้นข้าเชื่อวันมันต้องออกจากประเทศฝูเฟิงแน่”
จิ้งหยวนเองก็เห็นด้วยกับวาจานี้ของอ๋องเฉียน
เมื่อข่าวของตราผนึกมารแพร่ออกไป น่ากลัวจะดึงดูดสุดยอดฝีมือจากทุกทั่วสารทิศมายังประเทศฝูเฟิง
“จากที่เจ้ากล่าววันนั้น ต้วนหลิงเทียนมันทำราวกับส่งมอบตราผนึกมารให้แก่เจ้าโดยดี…เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับมันคงมิค่อยสู้ดีเท่าไรใช่หรือไม่?”
จิ้งหยวนถามออกมา
“ถูกแล้ว วันนั้นเป็นข้าเลอะเลือนไปเอง หากข้าตรวจสอบว่าตราผนึกมารอยู่ในแหวนแล้วหรือไม่ ต้วนหลิงเทียนคงมิอาจรอดพ้นไปได้ง่ายๆเช่นนี้…มานึกย้อนดูตอนนี้มันสมควรหยิบตราผนึกมารออกมาเพื่อเบนความสนใจจากทุกผู้คน และจากไปเงียบๆในขณะที่ความสนใจของผู้คนมาตกอยู่ที่ข้า”
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่อ๋องเฉียนก็ยิ่งกระจ่างในเรื่องราวมากขึ้นเท่านั้น”ดังนั้นสุดท้ายแล้วตราผนึกมารยังคงต้องอยู่ในมือของมันแน่! ข้ามั่นใจ!!”
ลูกตาจิ้งหยวนทอประกาบสว่างวาบออกมา นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไม่พูดอะไรออกมา
จังหวะนี้กลุ่มคนของจวนอ๋องเฉียนได้แต่หวาดกลัวจับใจ ด้วยกลัวว่าจิ้งหยวนจะบังเกิดความไม่พอใจอะไรขึ้นมาแล้วฆ่าพวกมันทิ้งทันที
พลังฝีมือของจิ้งหยวนกล้าแข็งเพียงใดพวกมันรู้ดี
ยามจิ้งหยวนมาถึง ซือถูหมิงก็ลงมือกับจิ้งหยวนทันที หมายเอาผลงานกับอ๋องเฉียน อนิจจา…ซือถูหมิงกลับถูกฆ่าในพริบตา!
ตั้งแต่ต้นจนจบจิ้งหยวนไม่ได้ลงมือทำอะไรมากมาย ไม่ขยับแม้ปลายนิ้ว เพียงใช้พลังงานจากเขตแดนสังหารซือถูหมิงทิ้งทันทีเท่านั้น
พลังฝีมือที่ทำให้สามารถฆ่าซือถูหมิงที่เป็นเซียนดั้งเดิมขั้นกลางได้ด้วยพลังดิบเถื่อนจนแลดูง่ายดายเช่นนี้…
มันบ่งบอกว่าจิ้งหยวนมีพลังฝีมืออยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางเป็นอย่างน้อย!
เรื่องนี้กระทั่งชายชราทั้ง 2 และขอบเขตเซียนคนอื่นในจวนอ๋องเฉียนก็ตระหนักได้ชัดเจน ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงว่านอนสอนง่ายต่อหน้าจิ้งหยวน ไม่กล้าไม่เชื่อฟังแม้แต่น้อย
ขวับ!
เมื่อเห็นว่าอยู่ๆจิ้งหยวนก็ยกมือขึ้น ใบหน้าอ๋องเฉียนและคนอื่นๆก็เริ่มเผยความหวาดผวาเสียขวัญออกมาทันที ด้วยกลัวว่าจิ้งหยวนคิดจะฆ่าล้างพวกมันแล้ว!
“ท่านอาวุโส ข้า…”
อ๋องเฉียนคิดร้องขอความเมตตา แต่ทว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็ทำให้มันรู้ว่าเป็นมันเข้าใจผิดไปเอง
ชายในชุดดำสวมใส่หน้ากากปีศาจแสยะยิ้มนั้น เพียงยกมือขึ้นมาหยิบม้วนกระดาษออกมาม้วนหนึ่งเท่านั้น
“พวกเจ้าทุกคนดูนี่…คนในภาพเหมือนใช่ต้วนหลิงเทียนที่พวกเจ้าเคยเจอหรือไม่?”
จิ้งหยวนกล่าวถามขณะคลี่กางม้วนกระดาษ
ภาพนี้เป็นภาพที่มันคัดลอกมาจากภาพเหมือนที่ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิงได้รับมาอีกที มันเป็นชายหนุ่มรูปงาม แลดูโดดเด่น คิ้วคมเข้มดวงตากระจ่างใส เพียงมองก็ให้ความรู้สึกสบายตาเหมือนดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากคลี่ม้วนภาพแล้ว จิ้งหยวนก็มองอ๋องเฉียนกล่าวถามออกมาเสียงเข้มอีกครั้ง”ใช่มันหรือไม่?”
“เป็นมัน! เป็นมันจริงๆ!!”
อ๋องเฉียนมองรูปเหมือนปราดเดียวก็เร่งรีบพยักหน้า ทั้งยังหยิบรูปเหมือนที่มันมีออกมาเช่นกัน”ท่านผู้อาวุโสลองดูภาพนี้ของข้า”
หลังจากนั้นอ๋องเฉียนก็คลี่ม้วนกระดาษ อันเป็นรูปเหมือนเช่นกันออกมา และคนในรูปก็ละม้ายคล้ายกันกับรูปในมือจิ้งหยวนกว่า 9 ส่วน เช่นนั้นใครก็บอกได้ทันทีว่าชายในรูปทั้ง 2 ใบเป็นคนๆเดียวกัน
“ไม่ผิดแน่! มันเป็นคนที่ตลาดมืดหยินชานของพวกเรากำลังตามหา”
มองไปยังภาพเหมือนในมือ ลมหายใจของจิ้งหยวนก็ถี่รัวขึ้นมาทันใด
ครู่ต่อมาหลังจากที่จิ้งหยวนปรับลมหายใจและสงบอารมณ์ได้แล้ว มันก็หันมาถามอ๋องเฉียนด้วยความเฉยเมย”ต้วนหลิงเทียนมีญาติสนิทมิตรสหายอื่นใดในประเทศฝูเฟิงอีกหรือไม่?”
“เรียนอาวุโส ข้าน้อยรู้แค่ว่าต้วนหลิงเทียนกับซือถูหัง คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูสนิทกันมาก อีกทั้งตอนนี้ซือถูหังก็ดูแลคนกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเข้าร่วมตระกูลซือถูอย่างดี”
อ๋องเฉียนเล่าออกทุกสิ่งที่มันล่วงรู้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดฝีมืออย่างจิ้งหยวนมันไม่กล้าเก็บงำอะไร ไม่เพียงเท่านั้นมันยังไม่กล้ากล่าววาจาใส่สีตีไข่เกินความจริงอีกด้วย…
หากล่วงเกินตอแยให้อีกฝ่ายขุ่นข้องใจ น่ากลัวว่าจะพบพานกับหายนะแล้ว!
หากอีกฝ่ายรู้สึกขัดใจขึ้นมากระทั่งลงมือสังหารมัน ตอนนั้นมันจะไปฟ้องร้องกับใครได้?
“ตระกูลซือถูงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินเบาะแสจากอ๋องเฉียน สองตาจิ้งหยวนก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทันไรร่างมันก็อันตรธานหายไปจากจวนอ๋องเฉียนทันที ย้อนกลับไปที่ตระกูลซือถูอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส”
เมื่อเห็นว่ายอดฝีมือในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางหวนกลับมา ซือถูฮ่าวก็เต็มไปด้วยความกังวลล้นใจ แต่มันก็เร่งทักทายออกไปด้วยท่าทางสุภาพทันที
“ข้าได้ยินมาว่าลูกชายของเจ้า ซือถูหัง นั้นสนิทสนมกับต้วนหลิงเทียนนัก นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนยังนำคนกลุ่มหนึ่งมาตั้งรกรากที่ตระกูลซือถู”
จิ้งหยวนหยีตามองซือถูฮ่าวกล่าวถาม
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างจิ้งหยวน แม้ซือถูฮ่าวจะไม่อยากให้บุตรชายของมันรวมถึงสหายของต้วนหลิงเทียนพลอยรับผลกระทบอะไรไปด้วย แต่มันก็ไร้หนทางเลือกอื่นใด
หากอีกฝ่ายเกิดขุ่นขึ้งหมองใจขึ้นมา ตระกูลซือถูคงตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่แล้ว
โชคดีที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางผู้นี้ก็ไม่ได้จิตใจเลวร้ายอะไร มันไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ซือถูหังและสหายคนอื่นๆของต้วนหลิงเทียน
หลังจากที่ทุกคนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาว่าไม่รู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะไปที่ไหน จิ้งหยวนก็จากไปทันที เพราะคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์มันพิสูจน์ได้เกินพอว่าทุกคนไม่ได้โกหก
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ด้วย คงต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกยกใหญ่
โชคดีนักที่เขาไม่ได้บอกป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเอาไว้ว่าจะไปที่ไหนกันแน่ หาไม่แล้วทุกคนคงต้องตกอยู่ในสถาณการณ์ยากลำบาก เพราะน่ากลัวว่าทั้งหมดคงเลือกที่จะตายดีกว่าทรยศเขา
เมื่อจิ้งหยวนออกจากเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง ข่าวการมาเยือนจวนอ๋องเฉียนของยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง แถมยังบังคับให้อ๋องเฉียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าก็เริ่มแพร่กระจายออกไป
แน่นอนว่าทุกผู้คนล้วนให้ความสำคัญกับถ้อยคำที่อ๋องเฉียนใช้กล่าวสาบานเป็นที่สุด!
“อ๋องเฉียนกลับสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่ามิได้ครอบครองตราผนึกมาร?”
หลายคนยังอดตกตะลึงไปเสียไม่ได้เมื่อรู้ข่าว
“ไม่กี่วันก่อนข้าเห็นต้วนหลิงเทียนมอบตราผนึกมารให้อ๋องเฉียนกับตา และอ๋องเฉียนก็เก็บตราผนึกมารลงแหวนพื้นที่แล้วชัดๆ…แต่ตอนนี้อ๋องเฉียนกลับบอกว่ามิได้ครอบครองตราผนึกมาร?”
คนอื่นอดไม่ได้ที่จะโพล่งถามออกมา
“แล้วเจ้าจะอธิบายที่อ๋องเฉียนสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าได้อย่างไร? รู้ๆกันอยู่หากผิดคำสาบานย่อมตกตายสถานเดียว ไม่มีผู้ใดหนีอัสนีทัณฑ์สวรรค์ได้!”
“ใช่แล้ว! ข้าเชื่อว่าที่อ๋องเฉียนกล่าวสาบานออกมาล้วนเป็นความจริง หาไม่ป่านนี้มันคงถูกฟ้าผ่าไปนานแล้ว!!”
……
นานเข้าเนื้อหาของคำสาบานก็ถูกผู้คนล่วงรู้กันไปทั่ว
จังหวะนี้กระทั่งคนที่คิดว่าอ๋องเฉียนไม่ได้ไม่มีตราผนึกมารอยู่กับตัว ก็จำต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้
หลังจากยอมรับความจริงแล้ว ทั้งหมดก็อดที่จะนึกถึงต้วนหลิงเทียนขึ้นมาไม่ได้
“ในวันนั้นต้วนหลิงเทียนส่งตราผนึกมารไปให้อ๋องเฉียน และอ๋องเฉียนก็รับมันและเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเรามัวแต่สนใจอ๋องเฉียน ไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนจากไปเมื่อใด”
“นั่นสิ ย้อนกลับมาคิดดูแล้ว…นี่ใช่แผนเบี่ยงเบนความสนใจของต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่! เขาสมควรมีกลวิธีเรียกคืนตราผนึกมารจากระยะไกล ดังนั้นเขาจึงจัดฉากให้เห็นว่าอ๋องเฉียนได้รับตราผนึกมารไปอย่างตั้งใจ ฉากลวงหลอกว่าอ๋องเฉียนได้รับตราผนึกมารนี้นับว่าดึงดูดความสนใจของพวกเราไปหมดสิ้น จึงมีโอกาสหลบหนี”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงมิใช่ว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจมากหรือ…กระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นยังกล้าเดินหมากเสี่ยงอย่างแยบคาย พวกเจ้าต้องรู้ด้วยว่าหากเรื่องนี้ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาต้องตาย!”
“ไม่ผิด! ตราบใดที่อ๋องเฉียนตรวจสอบแหวนพื้นที่แล้วทำการสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเสียตั้งแต่ตอนนั้น ทุกคนจะหันกลับมาสนใจต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง คงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะจากไปได้!”
……
ใประเทศฝูเฟิงนับว่าฮือฮากันใหญ่ วาจาทำนองเดียวกันดังขึ้นไปทุกที่ ผู้คนมากมายหลายคนยังชื่นชมต้วนหลิงเทียนจากใจ
พวกมันลองถามตัวเองดู หากเป็นพวกมันที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น น่ากลัวว่าคงไม่อาจหลบหนีจากไปได้แบบนี้…
แต่ต้วนหลิงเทียนทำได้
ต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมชาติที่จะไม่รู้เรื่องราวอะไรในประเทศฝูเฟิง เพราะตอนนี้เขาได้ออกนอกอาณาเขตของประเทศฝูเฟิงเข้าสู่พื้นที่อิทธิพลของคฤหาสนหลิ่งหนานหยวนแล้ว
แน่นอนว่าถึงประเทศฝูเฟิงก็จะเป็นพื้นที่ๆอยู่ภายใต้เขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน…กล่าวให้ชัดต้วนหลิงเทียนกำลังเข้าสู่ พื้นที่ส่วนกลาง ของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน
ที่นี่ไม่มีประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเป็นขุมพลังชั้น 6 อีก มีแต่ขุมพลังชั้น 6 อย่างตระกูล นิกายและสำนักเท่านั้น
แน่นอนว่าที่แข็งแกร่งที่สุดยังเป็นคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน
คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนอกจากได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่อิทธิพลแล้ว คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนยังเป็นขุมพลังชั้น 5 ที่ร้ายกาจและมีอิทธิพลต่อทุกขุมพลังในเขตพื้นที่ดังกล่าว
แน่นอนว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนก็เป็นแค่ทางผ่านของเขาเท่านั้น
จุดหมายปลายทางของเขาคือคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน
คฤหาสน์คลื่นขจี ก็เหมือนกันกับคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ล้วนเป็นขุมพลังชั้น 5 ที่ปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าดุจเดียวกัน
ฟุ่บ!
ร่างหนึ่งเหินท่องกระบี่ข้ามฟ้ามาด้วยความเร็วสูง ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นต้วนหลิงเทียนเอง
เขาค่อนข้างรีบไม่น้อย