WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1658
ตอนที่ 1658 : ขอบเขตเซียน…ต้วนหลิงเทียน!
หานเฉวี่ยไน่นั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าต้วนหลิงเทียนจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับนาง ก่อนที่นางจะเข้าพิธีวิวาห์…
อนิจจานางไม่อาจกล่าวออกมาได้..
นางจะบอกพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางได้อย่างไร ว่านางยอมจำนนฟ้าดินและโชคชะตาแล้ว…
“เฉวี่ยไน่ ข้ามีธุระต้องรีบไปจัดการ…ไม่ต้องกังวลนะ ไม่ช้าก็เร็วพี่ใหญ่หลิงเทียนจะกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้หานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะลูบหัวนางเบาๆอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเตรียมจากไป
แน่นอนว่าก่อนจากไปเขายังฝากบอกหานเฉวี่ยไน่ให้ไปร่ำลาหานเจิ้งเทียน และเจ้าตัวน้อยทั้ง 3 แทนเขาด้วย
ตอนนี้เขารีบร้อนไม่น้อย
การจากไปของต้วนหลิงเทียน ย่อมทำให้หานเฉวี่ยไน่รู้สึกอ้างว้างเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกนางคิดว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางจะอยู่กับนางในปีแห่งความทุกข์ยากนี้ อนิจจาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางจะรีบร้อนจากไปอย่างปุบปับ
แน่นอนว่านางไม่คิดถือโทษโกรธเคืองอะไรพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง
เพราะนางเชื่อว่าหากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางไม่มีเหตุผลสำคัญเร่งด่วนจริงๆ อีกฝ่ายคงไม่จากนางไปในช่วงเวลาแบบนี้แน่นอน…
หากเป็นต้วนหลิงเทียนล่ะก็ เรียกว่าหานเฉวี่ยไน่ไว้วางใจเสียจนหน้ามืดตามัวก็ไม่ปาน
การจากไปของต้วนหลิงเทียนย่อมคลายกังวลให้หานซิ่นและอาวุโสทั้งหลายไม่น้อย ต่างพาลกันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะไม่ต้องกลัวเรื่องที่หานเฉวี่ยไน่จะมีข่าวฉาวโฉ่อะไรจนทำให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องพิโรธอีก
“ดูเหมือนผู้นำจะไปหายาโถวน้อยนั่นและบอกให้นางขับไล่บุรุษผู้นั้นไปจริงๆ…อย่างที่คิด จะอย่างไรผู้นำก็ยังคงเป็นห่วงคฤหาสน์คลื่นขจี”
หานเค่อ มองกล่าวกับหานซิ่นดว้ยรอยยิ้มร่า
“จะอย่างไรเสียมันก็เป็นผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี คงยากที่จะยินดีล่วงเกินคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเพราะบุรุษหนุ่มแปลกหน้า!”
หานซิ่นไม่ได้แปลกใจกับเรื่องีน้สักเท่าไร
“ท่านอาวุโสสูงสุด ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นก็ออกเดินทางแล้ว พวกเราควร…”
หานเค่อกล่าวถึงจุดนี้ ก็ยกมือขึ้นทำท่าปาดคอตัวเอง เห็นได้ชัดว่าคิดฆ่าต้วนหลิงเทียน
“ในเมื่อมันไปแล้ว ก็ช่างหัวมันเถอะ”
หานซิ่นโบกมืดส่งๆอย่างไร้แยแส”มันก็แค่คนไร้สำคัญเท่านั้น”
แน่นอนว่าที่หานซิ่นกล่าวแบบนี้ได้เพราะมันไม่ได้รู้สักนิด ว่าคนที่ฆ่าหลานมันตายอนาถ ก็คือข้ารับใช้ของบิดาชายหนุ่มผู้นี้!
ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะปล่อยต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆ!
น่ากลัวว่าคงรีบแจ้นออกไปลงมือด้วยตัวเอง!
ส่วนอีกด้านหนึ่ง พอผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว อารมณ์ของมันก็ตื่นเต้นไม่น้อย
‘ข้าหวังว่าสหายของเสี่ยวเทียนจักมีพลังฝีมือกล้าแข็งพอที่จะเอาชนะและสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นได้…หากทำได้ข้าก็มิต้องลงมือให้คฤหาสน์คลื่นขจีตกอยู่ในความเสี่ยง’
หานเจิ้งเทียนลอบกล่าวในใจ
แน่นอนว่าหากเป็นแบบนั้นได้ก็นับเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด!
แต่มันก็ได้วางแผนรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว หากสหายของต้วนหลิงเทียนไม่อาจลงมือสังหารนายน้อยคฤหาน์ฟ้าลิ่วล่องได้จริง มันได้แต่ลงมือด้วยตัวเองเท่านั้น
หลังจากนั้นมันก็ไม่อาจมั่นใจว่าตัวเองจะปลอดภัย กระทั่งไม่กล้ารับประกันได้ว่าคฤหาสน์คลื่นขจีจะไม่เป็นอะไร
มันหวังเพียงให้บุตรีรอดชีวิตไปได้ และมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น แค่นี้ชั่วชีวิตมันก็ไม่มีอะไรให้ห่วงแล้ว
อย่างไรก็ตามหานเจิ้งเทียนคงไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าสหายจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ว่า จะเป็นต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมา!
แต่แน่นอนว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่าจะ 3 สังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลอง ไม่ใช่เรื่องที่กล่าวหลอกลวงแต่อย่างใด!
เพียงแค่คนที่จะลงมือไม่ใช่สหายที่เขาปั้นน้ำเป็นตัวสร้างขึ้น แต่เป็นตัวเขาเอง!
เหตุผลที่เขาไม่กล่าวบอกหานเจิ้งเทียนออกไปตามตรงว่าจะสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วลองในเวลา 1 ปีนั้น เพราะน่ากลัวว่าหานเจิ้งเทียนจะไม่มีวันเชื่อถือเขา
เพราะสุดท้ายแล้วในสายตาของหานเจิ้งเทียน เขามันก็แค่คนในขอบเขตสู่เซียนเท่านั้น!
ถึงแม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าสังหารคนในขอบเขตเซียนมาแล้ว แต่นั่นก็คือคนที่พึ่งทะลวงมาถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้นเท่านั้น ช่างเป็นอะไรที่ห่างไกลจากยอดฝีมือในขอบเขตเซียนขัดเกลาสุดฟ้า!
ดังนั้นคงไม่มีทางที่หานเจิ้งเทียนจะเชื่อได้ลงคอ ว่าเขาจะมีปัญญาฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วลองได้ในเวลาแค่ 1 ปี
อันที่จริงไม่ใช่หานเจิ้งเทียนที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร
ในระหว่างสนทนาหารือกับหานเจิ้งเทียน ต้วนหลิงเทียนจึงพอได้รับทราบกฏในการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาบ้าง
ในการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบนั้น ศาสตราเซียน ยันต์เต๋า และพลังภายนอกอื่นใดห้ามมิให้ใช้ทั้งสิ้น!
และด้วยความที่ไม่อาจใช้ศาสตราเซียนได้ เช่นนั้นอาคมเซียนจารึกทั้งหลายก็ใช้การไม่ได้เช่นกัน
และนั่นหมายความว่าอีก 1 ปีหลังจากนี้ งานประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ต้วนหลิงเทียนไม่อาจใช้ กระบี่นิลสวรรค์ได้!
อันที่จริงหลังจากที่พึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนเมื่อไม่กี่วันก่อน ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจเต็ม 10 ส่วนว่าหากเขาใช้กระบี่นิลสวรรค์ได้ล่ะก็ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด เขาก็ฆ่าได้ทันที!!
ไม่ต้องมากังวลอะไรกับอีแค่นายน้อยคฤหาสนฟ้าลิ่วล่อง ที่อาจจะบรรลุถึงแค่ขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางในการประลองด้วยซ้ำ!
ตอนนี้ด้วยอานุภาพของกระบี่นิลสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนเพียงจ่ายปราณแรกกำเนิดลงไปสัก 2 ส่วน เขาก็สังหารเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้ทันที!
กล่าวให้ชัด เพียงจ่ายปราณสุริยันแรกกำเนิดลงไป 2 ส่วน!
เพราะเมื่อไม่กี่วันที่แล้วหลังเขาทะลวงถึงขอบเขตเซียนได้เป็นผลสำเร็จ ปราณแท้ทั่วร่างของเขาก็ยกระดับพัฒนาสูปราณแรกกำเนิด และพริบตานั้นเองการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินพลันอุบัติขึ้น!
ผลประโยชน์จากการถ่ายทอดปัญญารู้แจ้งของผู้เฒ่าหั่ว เริ่มแสดงผลออกมาแล้ว!
ก่อนอื่นเลยก็คือ ปราณแรกกำเนิดของเขามันวิวัฒน์พัฒนาสู่ปราณสุริยันแรกกำเนิด ซึ่งเป็นอะไรที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าปราณแรกกำเนิดมากนัก อันที่จริงมันมีพลังอำนาจเหนือกว่าปราณแรกกำเนิดของผู้ฝึกตนคนอื่นๆไปคนละระดับเลย!!
เรียกว่าเพียงแค่เร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดออกมาเขาก็บดขยี้เซียนดั้งเดิมทั่วๆไปได้อย่างง่ายดาย!
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด แต่เขาก็มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกมันได้โดยไม่ต้องพึ่งกระบี่นิลสวรรค์!
แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่อาจเอาชนะเซียนขัดเกลาขั้นต้นได้หากไม่พึ่งกระบี่นิลสวรรค์ เพราะเขาพึ่งทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้นได้ไม่ทันไร ด่านพลังยังไร้ซึ่งความเสถียร…
และเป็นเพราะเขาพึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียน เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินกับการใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิด ตราบใดที่เขาปรับรากฐานให้มั่นคงแน่นหนาจนสามารถใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิดได้ตามใจ คราวนี้กระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นต้นหรือขั้นกลาง ก็ไม่อาจเป็นปัญหาให้เขาได้อีก…
เรียกว่าถึงตอนนั้นจริงๆ ไม่แน่ว่ากระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ก็อาจจะแพ้พ่ายด้วยน้ำมือเขา!
เพราะสุดท้ายแล้วพลังฝีมือของเขาก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปราณสุริยันแรกกำเนิดอย่างเดียว เขายังมีร่างกายอันทรงพลัง ม่านตาพิสดาร และ ยอดใจกระบี่!
น่าเสียดายด้วยความที่ยอดใจกระบี่ของเขายังพึ่งบรรลุถึงขั้นแรกเท่านั้น จึงไม่ได้มีพลังอำนาจเหนือไปกว่าวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีที่ตัวตนในขอบเขตเซียนนิยมฝึกปรือกันสักเท่าไร
‘ข้ายังมีเวลาอีก 1 ปี…ไม่สิ 5 ปี! ต่อให้หักเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปยังคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ยังเหลือเวลาอีก 4 ปี’
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างไสวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ถูกแล้ว
ถึงแม้ว่าการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะเริ่มขึ้นในอีก 1 ปีหลังจากนี้ หากแต่ต้วนหลิงเทียนที่มีชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เสมือนมีเวลา 5 ปี!
ถึงแม้จะหักเวลาเดินทางออกไป ก็ยังเหลืออีก 4 ปี!
เป็นเพราะเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงกล้ารับปากหานเจิ้งเทียน เพราะคิดว่าเขามีเวลาเหลือเฟือ!
แน่นอนว่าแม้จะมีเวลาเหลือเฟือ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะประมาทคู่ต่อสู้ เพราะอย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็คือนายน้อยของขุมพลังชั้น 4 วรยุทธ์เซียนที่มันฝึกปรือย่อมเหนือล้ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าๆทั่วๆไป หากไม่มีอาคมเซียนหรือยันต์เต๋าให้พึ่ง พลังฝึกปรือและวรยุทธ์เซียนที่มีก็แทบจะเป็นตัวชี้วัดพลังฝีมือ
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ชัดเจนดี!