WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1661
ตอนที่ 1661 : นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ในฐานะขุมพลังชั้น 4 แน่นอนว่าเขตที่ดินของสถานที่ตั้งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมใหญ่โตกว้างขวางยิ่งกว่าคฤหาสน์คลื่นขจี…
หากจะกล่าวบอกว่าอาณาบริเวณสถานที่ตั้งคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเปรียบได้ดั่งประเทศเล็กๆแล้วล่ะก็…
เช่นนั้นอาณาบริเวณพื้นที่ตั้งของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็เสมือนประเทศใหญ่! มองไปสุดสายตาไม่อาจมองเห็นอีกด้าน หากแต่มองไปทางใดก็เห็นผู้คนอยู่ทุกแห่งหน!!
หากทว่าแม้บรรยากาศในเขตคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวิต กลับมีเสียงประหลาดดังขึ้นในคฤหาสน์หลังเล็กๆหลังหนึ่งที่แลดูไม่สะดุดตาสักเท่าไหร่…
คฤหาสน์หลังเล็กนี้แลดูเก่าแก่ทรุดโทรม แถมยังรกร้างมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยใยแมงมุม ราวกับคฤหาสน์ร้างที่ไม่มีใครมาอาศัยอยู่เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามหากสังเกตให้ละเอียดจะพบว่า ส่วนตะวันออกของคฤหาสน์ ตามทางเดินตรงไปห้องหับใหญ่โตห้องหนึ่งนั้นไร้ใยแมงมุมอันใด ราวกับมีผู้คนทำความสะอาดส่วนนี้ไว้ใช้งาน…
และเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางเดิน ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มที่คล้ายผู้พิทักษ์กำลังปกปักษ์รักษาประตูห้องสุดทางดังกล่าวเอาไว้… พิกลนักชายหนุ่มผู้นี้กลับมีหลังคดงอ หากแต่แววตากลับทอประกายคมกล้าแฝงเล่ห์ เพียงใครได้เห็นก็บอกได้ว่ามิใช่ตัวดีอันใด
“อย่า…อย่าทำข้า…อย่า!! อ๊าาาา…!!”
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจากภายในห้องใหญ่ดังกล่าว เพียงได้ยินปรากเดียวไม่ว่าใครก็บอกได้ว่านี่เป็นเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของอิสตรี
หลังจากนั้นไม่นานเสียงกรีดร้องดังกล่าวก็เงียบดับไปเสียดื้อๆ คล้ายนางมิเคยมีตัวตน…
“เอาไปทิ้งเสีย!”
สิ้นเสียงกรีดร้องได้ไม่ทันไรพลันมีเสียงเย็นเยือกไร้อารมณ์หนึ่งดังขึ้น! เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นมาร่างชายหนุ่มหลังโค้งคดงอก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ พอมันคืนสติมันก็เร่งเปิดประตูและเข้าไปในห้องใหญ่ทันที
มองไปพบเห็นเป็นร่างแห้งเหี่ยวไร้ชีวิตร่างหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้น
หากสังเกตให้ดีใครก็บอกได้ว่านี่สมควรเป็นซากศพของอิสตรี ศพนี้แม้จะแลดูแห้งกรังแต่ยังมีความอุ่นร้อน เห็นได้ชัดว่านางพึ่งตกตายไปได้ไม่ทันไร
ส่วนถัดไปจากศพแห้งกรังที่กองอยู่บนพื้นก็ปรากฏเตียงใหญ่หลังหนึ่ง บนเตียงมีผู้ฝึกมารกำลังนั่งขัดสมาธิเดินพลัง ไอพลังทมิฬมืดฟุ้งตลบไปทั่วกาย ยังมีกลิ่นอายปราณโลหิตคาวคลุ้งแผ่กำจายไปรอบๆ และเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักก็พบว่าไอพลังทมิฬนั่นกำลังชักนำปราณโลหิตคาวคลุ้งให้เข้าสู่ร่างกายของมัน!
ขณะเดียวกันไม่ว่าเป็นผู้ใดก็สามารถมองออกทันที ว่ายามที่ปราณโลหิตถูกไอพลังทมิฬมืดชักนำเข้าร่าง ชายหนุ่มที่เดินพลังอยู่บนเตียง ก็ยิ่งเปล่งกลิ่นอายพลังของตัวออกมาอย่างรุนแรง ยังคล้ายสดชื่นแจมใสมากขึ้นเรื่อยๆปานได้รับยาชูกำลัง!!
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่เดินพลังบนเตียงพลันลืมตาออกมาเผยประกายตาดั่งฟ้าฟาด จับจ้องไปยังชายหนุ่มหลังค่อมที่พึ่งเดินเข้ามาตาเขม็ง ด้วยอีกฝ่ายเอาแต่ยืนจ้องไม่ทำตามคำสั่ง…
“นายน้อย”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายจับจ้องมองมาทั้งย่นคิ้วด้วยคล้ายจะไม่พอใจ ชายหนุ่มหลังค่อมเร่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว แถมมันยังผงะไปด้วยความตกใจ สุดท้ายสองขาคล้ายไร้เรี่ยวแรงจึงหกล้มลงไปทั้งอย่างนั้น
“ขออภัยด้วยนายน้อย! ข้ามิได้ตั้งใจ! ข้ามิได้ตั้งใจ!!”
เมื่อเห็นชายหนุ่มบนเตียงที่กำลังเดินพลังดูดซับปราณโลหิตขมวดคิ้ว เผยแววตาเย็นเยือก ชายหนุ่มหลังค่อมเร่งร่ำร้องออกมาเสียงหลง มันยังลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉงแม้แผ่นหลังพิกลพิการ มือสะบัดใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วศพแห้งกรังให้วูบเข้ามาหาตัว ก่อนที่จะพุ่งร่างออกประตูไปพร้อมสพดังกล่าว แล้วปิดประตูลงทันที…ประตูปิดแล้วมันก็มองไปยังประตูด้วยใบหน้าโล่งใจมือยังยกขึ้นมาลูบอกพร้อมพ่นลมเบาๆปานกำลังปลอบขวัญตัว
ทำราวกับชายหนุ่มบนเตียงในห้องเป็นสัตว์ร้ายที่น่าหวาดกลัวอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ชายหนุ่มหลังค่อมพาศพแห้งกรังจากไป ชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิเดินพลังบนเตียงพลันค่อยๆคลายคิ้วที่ขมวดลง ก่อนจะพึมพำกับตัวเบาๆ”หลังจากนี้อีก 10 เดือน ตราบใดที่มีสตรีมากพอให้ข้าดูดซับพลังหยิน อย่างน้อยๆข้าสมควรทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้ทันก่อนจะเริ่มการประลอง…”
“แถมด้วยเคล็ดมารกลืนหยิน หากข้าได้สตรีพรหมจรรย์ด่านพลังสูงเจ้าหน่อยมาสูบกลืนพลังหยินมากพอล่ะก็…กระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญก็ไม่ใช่ว่าจะทะลวงผ่านไม่ได้”
ยามกล่าวคำพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงอำมหิต สองตาของมันก็ทอประกายออกมาดั่งดารากลางฟ้าค่ำ
“10 เดือนหลังจากนี้…อันดับที่ 1 ในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง ถูกลิขิตให้เป็นของข้า ฉีจิ้ง!!”
ยิ่งมาสองตาชายหนุ่มดังกล่าวยิ่งทอประกายดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในวาจายังเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจอย่างหาตัวจับยาก!
ฉีจิ้ง!
ชายหนุ่มที่แลดูชั่วร้ายดั่งมารปีศาจนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ขณะเดียวกันมันก็คือคนเดียวกันกับที่จะเข้าพิธีวิวาห์กับเฉวี่ยไน่หลังจากนี้อีก 1 ปี
อย่างไรก็ตามฟังจากวาจาที่มันกล่าวพึมพำ ท่าทางมันกำลังบ่มเพาะฝึกฝนด้วยเคล็ดวิชาสายมาร มารกลืนหยิน!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้นมีผู้ฝึกมารนับไม่ถ้วน เคล็ดบ่มเพาะของสายมารองก็มีมากมายร้อยแปดพันเก้า
หากพูดถึงเคล็ดบ่มเพาะมารทั่วไป น่ากลัวคงไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือเคยได้ยิน
อย่างไรก็ตาม หากกล่าวถึงเคล็ด ‘มารกลืนหยิน’ แล้วล่ะก็…ขอเพียงเป็นผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าก็ตามที ถ้าไม่รู้จักก็ถือว่าแปลก!
แม้ว่าเคล็ดมารกลืนหยินจะไม่ได้แพร่หลายอะไรมากมาย แต่มันก็ได้เพาะสร้างผู้ฝึกมารที่ทรงพลังน่ากลัวขึ้นมา ซึ่งมารร้ายที่ว่าก็สร้างความหายนะและความวุ่นวายให้ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเอาไว้มาก ดังนั้นทุกคนจึงรู้จักนามเคล็ดวิชามารอย่าง มารกลืนหยิน ดี!
เมื่อหลายปีก่อนมีผู้ฝึกตนธรรมดาๆคนหนึ่ง ได้บ่มเพาะเคล็ดมารกลืนหยินนี้เข้า ทำให้พลังฝีมือของมันก้าวหน้าขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว เรียกว่าในเวลาเพียงไม่กี่สิบปีมันก็สามารถเปลี่ยนจากผู้ฝึกตนในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในขุมพลังชั้น 9 แห่งหนึ่ง ให้กลายเป็นสุดยอดฝีมืออันร้ายกาจยากหาคู่เปรียบ! พลังฝีมือของมันเพียงผู้เดียวสามารถกวาดล้างทำลายขุมพลังชั้น 4 ลงได้! เรื่องนี้นับเป็นอะไรที่ทำให้ทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตกตะลึง!!
อาศัยความสำเร็จดังกล่าว แน่นอนว่าย่อมมากพอให้ผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายกย่องสรรเสริญ…!
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ฝึกตนทั้งหลายพบว่า ยอดฝีมืออันร้ายกาจที่ผงาดขึ้นมาผู้นี้ ที่แท้กลับฝึกฝนบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชามารอันน่ารังเกียจอย่าง มารกลืนหยิน…เพื่อยกระดับพลังฝีมือได้ในเวลาอันสั้น ทั้งหมดก็รู้สึกยากทานทน!!
มารกลืนหยินนั้น เมื่อเริ่มต้นฝึกฝนบ่มเพาะ จำเป็นต้องดูดกลืนพลังหยินจากสตรีรวมถึงแก่นแท้โลหิตและพลังชีวิตเพื่อยกระดับพลังฝึกปรือ!!
หากมีสตรีให้ดูดซับมากพอ..ผู้ใดก็ตามที่ฝึกปรือด้วยเคล็ดวิชา มารกลืนหยิน ย่อมสามารถยกระดับพลังฝึกปรือได้มหาศาลในเวลาอันสั้น!!
เคล็ดวิชามารประเภทนี้ ไร้ซึ่งจุดรอคอยอันใด ตราบใดที่พลังฝึกปรือของสตรีที่จะดูดซับสูงส่งและมีจำนวนมากพอ ด่านพลังฝึกปรือจะก้าวหน้าด้วยความเร็วดั่งพุ่งทะยาน บรรลุสู่ขอบเขตสูงล้ำในเวลาอันสั้นอย่างอัศจรรย์!
ยิ่งไปกว่านั้นเคล็ดบ่มเพาะนี้ ไม่เกี่ยวกับศักยภาพพรสวรรค์ของผู้ฝึกแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่เคล็ดมารกลืนหยินถูกเปิดโปงออกมา ก็ทำให้ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าโกลาหลวุ่นวายกันยกใหญ่ ยังทำให้ยอดฝีมือฝ่ายธรรมะไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋าจำนวนมากคับแค้นชิงชัง!
ในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้น รวมถึงสุดยอดฝีมือที่เป็นผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายยอดฝีมือจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 และยอดฝีมือเพนจรในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ได้มารวมตัวผนึกกำลังกันเพื่อขจัดมารร้ายให้หมดไปจากทั่วหล้า แน่นอนว่ามารร้ายที่ว่าก็คือผู้ฝึกมารที่ฝึกปรือด้วยเคล็ดมารกลืนหยิน!
การต่อสู้ครั้งนั้นนับว่าสร้างมรสุมโลหิตมืดฟ้ามัวดิน กระทั่งตะวันจันทรายังคล้ายจะหม่นแสงลง
สุดยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียนระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าที่มาผนึกกำลังกัน ในที่สุดหลังจากที่ต้องจ่ายราคาออกไปด้วยการสละชีวิตสหายร่วมรบขอบเขตอริยะเซียนไปถึง 3 คน…ก็สามารถซัดทำร้าย สุดยอดฝีมือที่บ่มเพาะด้วยเคล็ดมารกลืนหยินให้บาดเจ็บสาหัสได้สำเร็จ! อนิจจากลับไม่สามารถสังหารมันได้!!
นั่นเพราะวรยุทธ์หลบหนีของเคล็ดมารกลืนหยินเป็นอะไรที่ร้ายกาจนัก! แม้จะจ่ายออกด้วยราคามหาศาลแต่ก็ทำให้มันหลบหนีความตายภายใต้การปิดล้อมของสุดยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียนทั่วหล้าได้อย่างปาฏิหาริย์!!
ต่อมามารร้ายอันเป็นสุดยอดฝีมือที่บ่มเพาะด้วยเคล็ดมารกลืนหยินผู้นั้น ก็หายสาบสูญไปจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า และไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย…
หลายคนกล่าวกันว่ามันสมควรขึ้นไปสู่ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว…
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้มันจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง แต่เคล็ดบ่มเพาะสายมารที่มันฝึกปรืออย่าง เคล็ดมารกลืนหยิน ก็เป็นเคล็ดวิชาสายมารที่ผู้คนทั่วภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังจดจำนามกันได้เป็นอย่างดี…