WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1665
ตอนที่ 1665 : หลวงจีนลายบุปผา แห่งวัดฟ่านเทียน!
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาผู้คนทยอยกันมาถึงหุบเขาหลิงหลงกันอย่างคับคั่งหนาตา
คนเหล่านี้บ้างก็มาจากขุมพลังชั้น 5 ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง บ้างก็มาจากขุมพลังชั้น 6 ชั้น 7
สำหรับขุมพลังชั้น 8 ชั้น 9 นั้น แม้จะมาแต่ก็คงไม่มีใครรู้จักพวกมัน
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นยอดฝีมือของขุมพลังชั้น 8 ชั้น 9 แต่ก็ไม่มีใครกล้ามา…ต่างหวาดกลัวกันทั้งสิ้น!
การประมือระหว่างเซียนดั้งเดิมที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือ หรือการปะทะกันของเซียนขัดเกลา พลังสะท้อนคลื่นกระแทกอะไรย่อมไม่ใช่ชั่ว หากพลังฝึกปรือของพวกมันไม่สูงพอ และไม่เว้นระยะห่างให้มากเข้าไว้…เผลอๆพวกมันอาจจะพลอยซวยไปด้วย สถานเบาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนักหน่อยก็ตกตาย…
ในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมีขุมพลังชั้น 5 ที่ทรงพลังอยู่ทั้งสิ้น 3 ขุม
หลวงจีนลายบุปผา และ จิ้งชวีจื่อ ก็มาจาก 2 ใน 3 ขุมพลังดังกล่าว
หลวงจีนลายบุปผานั้น เป็นศิษย์ของขุมพลังชั้น 5 อย่างวัดฟ่านเทียน ส่วนจิ้งชวีจื่อนั้นเป็นศิษย์ของขุมพลังชั้น 5 ที่รู้จักกันในนามศาลเจ้าชุนหยาง
ทั้ง 2 ยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
กระทั่งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ยังถูกสะกดข่มเอาไว้ภายใต้ชื่อเสียงของทั้งคู่!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ตอนนี้จะมีคนของวัดฟ่านเทียน ทั้งศาลเจ้าชุนหยางมากันไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครเห็นหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อเลย
“ดูเหมือนว่าคนของวัดฟ่านเทียนกับศาลเจ้าชุนหยางจะมาที่นี่เพื่อตระเตรียมจุดพักสำหรับผู้ที่จะตามมาภายหลังสินะ…อย่างไรเสียการประลองก็กินเวลามากกว่า 1 วัน จักมีที่พักผ่อนก็มิแปลกอะไร”
นากจากอาวุโส 9 ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่ยึดครองสถานที่ๆดีที่สุดไปแล้ว วัดฟ่านเทียน ศาลเจ้าชุนหยาง และขุมพลังชั้น 5 ที่เหลือเองก็พยายามเฟ้นหาสถานที่ดีที่สุดที่พวกมันจะถือครองได้ทันที
ส่วนผู้ที่อยู่ก่อน พอถูกขับไล่ออกมาก็ไม่อาจกล่าววาจาอะไรได้
ในโลกนี้เข้มแข็งเป็นจ้าว…กำปั้นผู้ใดใหญ่กว่าก็คือคำตอบสุดท้าย
สองวันผ่านพ้นไป และตอนนี้การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบก็จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเหล่าผู้คนที่แห่กันมา ตอนนี้ก็เริ่มซาลง เหมือนหยาดน้ำค้างก๊อก ที่ค่อยๆร่วงหยด
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาถึงภายหลังนี้ นับว่ามีชื่อเสียงเลื่องลือกันไม่น้อย
“เฮ่! นั่นมันหลวงจีนลายบุปผานี่นา! คนอื่นๆของวัดฟ่านเทียนมากันแล้ว!!”
ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ร้องโพล่งออกมาคนแรก หากแต่เสียงของมันก็ดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนรอบๆเท่านั้น หุบเขาหลิงหลงนี้ไม่ใช่เล็กๆ แม้เสียงมันจะดัง แต่ก็ไม่อาจกึกก้องไปทั่ว
อย่างไรก็ตามคนที่ไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสัมผัสได้ไม่ได้ พอเห็นว่ามีผู้คนเริ่มหันไปมอง ทั้งหลายก็หันตามต่อๆกันไปอย่างไม่รู้ตัว
พอเห็นว่าไกลตามีร่างคนกลุ่มหนึ่ง ที่นำโดยชายชราหัวล้านในชุดจีวรสีทอง คิ้วทั้งคู่ลากยาวลงมาสีขาวโพลน ตอบรับกับเคราที่ยาวเฟื้อยสีขาวอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะค่อยๆลอยตัวมาในอากาศหากแต่กลับให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา ยากหยั่งถึง
“นั่นเจ้าอาวาสของวัดฟ่านเทียน ไต้ซือฮุ่ยฉือ!”
ไม่นานก็มีคนจดจำหลวงจีนชราผู้นี้ได้ กล่าวนามออกมา
เจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียน ก็คือผู้นำของวัดฟ่านเทียน เรียกว่ามีฐานะสูงที่สุดในวัด
ด้านหลังเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนก็มีหลวงจีนติดตามมาด้วยกันทั้งสิ้น 4 คน ในบรรดากลุ่มนี้มีหลวงจีนชรา 3 คนสวมใส่จีวรสีเงิน ทั้ง 3 แลดูอายุมากทั้งคล้ายมีบารมีไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่หลวงจีนธรรมดาๆสามัญ
ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ถัดไปจากหลวงจีนชราทั้ง 3 กลับเป็นหลวงจีนหนุ่มมาในชุดจีวรสีแดง รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดา ยากที่จะจดจำได้ออก หากมันปะปนไปกับฝูงชน อย่างไรก็ตามอาศัยความจริงที่มันสามารถยืนเคียงไหล่กับหลวงจีนชราทั้ง 3 ได้ ก็มากพอจะบอกแล้วว่ามันไม่ใช่ธรรมดา!
หลวงจีนหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันเป็นหลวงจีนที่รู้จักกันดีในนาม หลวงจีนลายบุปผา แห่งวัดฟ่านเทียน
ที่มันถูกเรียกหาว่าหลวงจีนลายบุปผานั้น เพราะมันละเว้นศีลข้อกาเม…ชมชอบอิสตรีและรักในการเชยชมบุปผาหลงใหลในหนั่นเนื้อนงคราญทั้งหลาย!
แน่นอนว่าถึงแม้มันจะเป็นหลวงจีนทุศีลที่ชมชอบเสพสังวาสกับสตรี แต่มันก็ไม่เคยบังคับหรือฝืนใจผู้ใดสักครั้ง กระทั่งด้วยฝีปากช่างเจรจากับพลังฝีมือของมัน ไม่ทราบมีอิสตรีมากมายเท่าใดที่ยินดีเสี่ยงลงนรก ทั้งเสียสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้อยู่กับมัน…!
ดังนั้นแล้วในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แม้ชื่อเสียงมันจะไม่ได้ดังในทางดีงามอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้าย
แน่นอนว่าหากมันเป็นศิษย์ธรรมดาๆทั่วไปของวัดฟ่านเทียน หากประพฤติตัวไม่เหมาะไม่ควรใต้ร่มกาสาวพัสตร์เช่นนี้ คงได้ถูกจับศึก ทั้งทำลายวรยุทธ์และขับไล่ออกจากวัดแน่แท้…
หากแต่หลวงจีนลายบุปผานั้นเป็นข้อยกเว้น…
ที่มันสามารถเป็นข้อยกเว้นได้ ก็เพราะอาจารยของมันก็คือเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียน ไต้ซือฮุ่ยฮือ! รวมถึงพลังฝีมือและความสามารถในเชิงยุทธ์ของมัน ที่ได้รับความเคารพจากหลวงจีนอาวุโสในวัดฟ่านเทียนจวบจนไปถึงศิษย์ทุกคน เช่นนั้นแม้มันจะละเมิดกฏก็ไม่มีใครว่าอะไรมัน!
จะให้ขับไล่มันไปได้ลงคอหรือ?
ต้องทราบด้วยว่าหลวงจีนลายบุปผานั้น มีศักยภาพพรสวรรค์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวัดฟ่านเทียน เรียกว่ามันคือผู้ที่จะนำพาวัดฟ่านเทียนให้ก้าวหน้าไปอีกระดับ อาจบรรลุได้ถึงขุมพลังชั้น 4!
ตัวตนเช่นนี้…จะให้ปฏิบัติเหมือนตัวตนธรรมดาในวัดฟ่านเทียนได้หรือ!?
“เดี๋ยวนะ…นั่นคือสามอรหันต์ทองคำแห่งวัดฟ่านเทียนมิใช่หรอ?!”
หลวงจีนหลายบุปผานั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรสำหรับผู้คนที่อยู่ในหุบเขาหลิงหลง เพราะอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบอยู่ประจำที่วัดสักเท่าไร มักเตร็ดเตร่อยู่ในสถานที่อโคจรของเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่ใดมีสาวงามที่นั่นย่อมมีมัน นอกจากนี้การกระทำของมันของมันยังเป็นที่รู้กันไปทั่ว ทำให้คนมากมายในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องรู้จักมันดี
เรียกว่าต่อให้ไม่พบพานตัวจริง ก็ต้องเคยได้ยินชื่อทั้งแลเห็นภาพเหมือน จึงมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักมัน
ส่วนหลวงจีนชราทั้ง 3 ในจีวรสีเงินนั้น มีน้อยคนนักที่จะจดจำพวกมันได้…
ไตรอรหันต์ทองคำของวัดฟ่านเทียนนั้น เป็นตัวตนที่รองก็แต่เพียงเจ้าอาวาสเท่านั้น เรียกว่าเป็นหลวงจีนอาวุโสสูงสุดของวัดฟ่านเทียนก็ได้ พลังฝีมือของพวกมัน 3 คนเป็นที่รู้กันดีในพื้นที่อิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกมันไม่ค่อยแสดงตัวเท่าไร่ จึงมีน้อยคนที่จดจำพวกมันได้
ทั้ง 3 นั้น คนเดียวอาจมีพลังฝีมือไม่เท่าไหร่ แต่ยามทั้ง 3 ออกกระบวนท่าสอดรับประสานถึงขีดสุด…พลังฝีมือของพวกมันนับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนเลย!
“นั่นน่ะหรือ ไตรอรหันต์ทองคำของวัดฟ่านเทียน ฮุ่ยฟง ฮุ่ยอวิ๋น ฮุ่ยหั่ว…”
“ใช่แล้ว!”
“กล่าวกันว่าตั้งแต่ที่ทั้ง 3 ได้เข้าบวชเรียนที่วัดฟ่านเทียน ทั้งหมดก็ฝึกปรือวรยุทธ์ทั้งอยู่ด้วยกันหลายร้อยปี ความคิดความอ่านจึงรู้เท่าทันกันอย่างดี”
“ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มา…ทั้ง 3 นั้นคล้ายสามารถประสานใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ยามลงมือพร้อมกันน่ากลัวพลังฝีมือจะถึงขั้นทัดเทียมกับเจ้าอาวาสวัดฟาดเทียน!”
“ทั้ง 3 แม้จะมิได้ร่วมมือกัน ทว่าแต่ละคนก็ล้วนบรรลุอริยะเซียนหมดสิ้นแล้ว นับเป็นยอดฝีมือระดับเสาหลักของวัดฟ่านเทียน!”
“ดูเหมือนว่าวัดฟ่านเทียนจักให้ความสำคัญกับการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เจ้าอาวาส…กระทั่งไตรอรหันต์ทองคำยังมาด้วยเช่นนี้!”
……
เสียงสนทนาดังอื้ออึงก้องไปทั่วหุบเขาหลิงหลง
สำหรับหลวงจีนชราและหลวงจีนในวัยกลางคนที่ติดตามมาอยู่ด้านหลังทั้ง 5 อีกทีนั้น แทบจะถูกผู้คนลืมเลือนไปเสียหมดสิ้น…
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนที่จดจำอัตลักษณ์ของหลวงจีนเหล่านั้นได้ เพราะกล่าวไปแล้วหลวงจีนที่อยู่ด้านหลังกลุ่มนี้ก็มิใช่ชนชั้นไก่กา บ้างก็มีพลังฝึกปรือและอาวุโสเหนือกว่าหลวงจีนของวัดฟ่านเทียนที่มาถึงเมื่อ 2-3 วันก่อนมากนัก!
หลวงจีนอาวุโสที่นำพาเหล่าศิษย์ทั่วไปมาถึงก่อนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีชื่อเสียงไม่น้อย ผู้คนเองก็รู้จักกันดี เรียกว่ายังได้รับความสนใจมากมาย
อนิจจาหลวงจีนอาวุโสและหลวงจีนที่ติดตามอยู่ด้านหลังนี้ กลับมาพร้อมเจ้าอาวาส ไตรอรหันต์ทองคำ และหลวงจีนลายบุปผา พวกมันจึงเป็นดั่งใม้สีเขียวรองฐาน ส่วนหลวงจีนทั้ง 5 รูปก่อนหน้า ก็คือบุปผาสีแดงสดใส…
ใบไม้เขียวรองชูดอกไม้แดง!