WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1668
ตอนที่ 1668 : กระดานหมากหลิงหลง
ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั้นถึงแม้ฉีจิ้งจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดเป็นเพราะฐานะของมันทั้งสิ้น!
ในแง่ของพลังฝีมือมันมิอาจเทียบชั้นหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อได้เลย
กระทั่งผู้คนยังมองว่ามันไม่อาจเทียบกับจงกู้ได้ด้วยซ้ำ!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าที่ถือผู้มีพลงัฝีมือเป็นที่สุด มันที่เทียบกับหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อไม่ได้ พอมากระทำหยิ่งผยองแสร้งมาสายเพื่อเป็นจุดสนใจเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนไม่พอใจนัก!
ในสายตาของทุกคน ที่ฉีจิ้งมีวันนี้ได้เป็นเพราะชาติกำเนิดของมันทั้งสิ้น!!
หากไม่ใช่เพราะมันคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดในฐานะนายน้อย มันจะยังเป็นตัวอะไรได้? กระทั่ง 10 อันดับแรกในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องอาจไม่มีชื่อมันติดโผด้วยซ้ำ!
เมื่อได้ยินเสียงความเห็นจากปากผู้คนมากมายในหุบเขาหลิงหลง ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสหลักหรืออาวุโส 9 ที่มาถึงก่อนหน้า ก็ชักสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทั้งสิ้น!
หากเป็นสถานการณ์ปกติ พวกมันคงส่งคนไปไล่ตบปากทั้งหมดให้ฟันร่วงแล้ว!
อนิจจาตอนนี้มียอดฝีมือจากขุมพลังชั้น 4 อีก 2 คนที่ไม่ได้เป็นคนของพวกมันมาด้วย แม้มันจะมีโมโหวาจาเหลวไหลรอบด้านมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจลงมือทำอะไรได้
“นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกเรา ได้ออกเดินทางไปฝึกฝนนอกคฤหาสน์…การประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องคราวนี้ นายน้อยเราย่อมมาแน่…ไม่ลำบากให้พวกเจ้าทุกคนต้องเป็นห่วง!!”
สุดท้ายฉีเสิ่นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
ทันทีที่มันกล่าวจบ เสียงของมันก็ควบผนึกไปกับปราณแรกกำเนิดกึกก้องไปทั่วหุบเขาหลิงหลง
ตอนนี้ผู้คนที่กำลังกล่าวนินทากันอยู่ก็จำต้องหุบปากลงทันที
เพราะพวกมันสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์ที่แฝงเร้นมาในน้ำเสียง!
แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าตอนนี้มียอดฝีมือจากขุมพลังชั้น 4 อื่นมาควบคุมสถานการณ์ และอาวุโสของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่กล้าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา พวกมันจึงยังกระซิบกล่าวนินทากันต่อ!
เนื้อหาที่กระซิบนินทาก็ไม่พ้นเรื่องฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
“อาวุโสฉีเสิ่น ดูเหมือนว่านายน้อยของพวกท่าน คงมาถึงหลังจากที่เริ่มประลองไปแล้ว?”
ตอนนี้ซ้ายมือของกลุ่มคนที่มาพร้อมอาวุโสหลักอย่างฉีเสิ่น ปรากฏร่างชายชราคนหนึ่งกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
ชายชราผู้นี้มาในชุดจอมยุทธ์ผ้าเนื้อดีสีเขียว ในมือถือไว้ด้วยไม้เท้า แววตารอยยิ้มแลดูอ่อนโยนประหนึ่งคุณตาใจดีข้างบ้าน…
ฉีเสิ่นที่ได้ยินวาจานี้ทำได้แค่ยิ้นเจื่อนๆตอบไปเท่านั้น”สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว”
“พวกท่านทั้งสองไปพักผ่อนด้านนั้นก่อนเถอะ”
ฉีเสิ่นผายมือไปทางพื้นที่ๆแลดูสงบและตกแต่งไว้อย่างดีทางหนึ่งของหุบเขาหลิงหลง กล่าวบอกกับชายชราในชุดสีเขียวพร้อมผู้นำคนอีกกลุ่มหนึ่งด้วยน้ำเสียงสุภาพไม่กล้าหย่อนท่าที
ชายชราในชุดจอมยุทธ์สีเขียวกับชายผู้นำอีกกลุ่มหนึ่งนั้น ล้วนมาจากขุมพลังชั้น 4 ทั้งคู่ พลังฝีมือของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่นแม้แต่น้อย
สถานที่ๆฉีเสิ่นผายมือไปก็เป็นสถานที่ๆ อาวุโส 9 ล่วงหน้ามาจัดไว้ให้
คนจากขุมพลังชั้น 4 ทั้ง 3 จะพักกันในบริเวณนี้
‘ขุมพลังชั้น 4 อีก 2 ขุมนั่น สมควรเป็น คฤหาสน์ข้ามฟ้า กับคฤหานสน์คลื่นคลั่งสินะ..’
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้อะไรมากมายเกีย่วกับขุมพลังชั้น 4 ที่จะมาเป็นผู้ควบคุมการประลอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่มารออยู่ในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสักพัก แค่ชื่อขุมพลังเขายังพอรู้มาบ้าง
ทั้งคฤหาสน์ข้ามฟ้า กับคฤหาสน์คลื่นคลั่ง เป็นขุมพลังชั้น 4 ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย และพวกมันก็อยู่ใกล้ๆกับคฤหาสน์คลื่นขจีเช่นกัน
กล่าวให้ชัดคฤหาสน์คลื่นขจีอยู่ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์คลื่นคลั่ง
‘พลังฝึกปรือของอาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นข้ากลับมองไม่ออก…สมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียนสินะ’
ต้วนหลิงเทียนมองแผ่นหลังที่ค่อยๆหายลับตาไป ขณะครุ่นคิดในใจ
ได้เห็นอาวุโสหลักอย่างฉีเสิ่นนั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง แรงกดดันที่ว่ายังเหนือกว่าตอนที่เขาพบเจอหานเจิ้งเทียน ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นครั้งแรกเสียอีก
ดังนั้นเขาสรุปได้ทันทีว่าอาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมีพลังฝีมือสูงส่งกว่าหานเจิ้งเทียน!
หลังจากที่ขุมพลังชั้น 4 ทั้ง 3 เริ่มเข้าที่พักอะไรดีแล้ว เหล่าขุมพลังชั้น 5 ทั้งหลายก็เร่งรุดเข้ามาเพื่อทักทายคารวะทันที ไม่กล้าละเลยทีท่าอะไร ด้วยกลัวว่าจะเกิดหายนะหากพวกมันไม่สนใจอีกฝ่าย!
แม้ในฐานะขุมพลังชั้น 5 พวกมันจะมีพลังอำนาจแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว แต่ยังไม่นับเป็นอะไรต่อหน้าขุมพลังชั้น 4!
สุดท้ายยามโพล้เพล้ก็ผ่านพ้นไปจนมืดค่ำ
แต่กระทั่งมืดค่ำแล้ว ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา!
“ฉีจิ้งนั่นมันคิดมาเข้าร่วมการประลองหลังจากเริ่มประลองไปแล้วจริงๆงั้นเหรอ?”
ในซอกหุบเขาแห่งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนเพียงมองไปยังจุดพักของขุมพลังชั้น 4 พร้อมขมวดคิ้วกล่าวบ่นกับตัวออกมาเบาๆ
ต้องทราบด้วยว่าจุดประสงค์ของเขาคือฉีจิ้งคนเดียวเท่านั้น!
ด้วยไม่เห็นฉีจิ้งโผล่หัวมาสักทีแบบนี้ อารมณ์ของเขาย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา
เมื่อย่ำค่ำแม้ในหุบเขาหลิงหลงจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หากแต่บรรยากาศกลับดำเนินไปอย่างสงบเงียบไร้ผู้ใดสนทนากัน
ตลอดทั้งคืนไม่มีแม้แต่ครึ่งคำ
เมื่ออรุณรุ่งมาเยือน แสงอัสดงแรกของวันพลันสาดส่องออกมาจากช่องเขาทิศตะวันออก ทุกผู้คนก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนที่จะเหินลอยขึ้นฟ้าทันที
ครืนนน!!
เสียงสนั่นหนึ่งดังขึ้น เป็นชายชราของคฤหาสน์ข้ามฟ้า ยกมือขึ้นก่อนที่จะชี้ไปยังน่านฟ้าที่อยู่ใจกลางคฤหาสน์หลิงหลง!
และทันใดนั้นความว่างเปล่าประหนึ่งจะสั่นสะเทือน ระลอกพลังดั่งคลื่นน้ำเริ่มปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
‘นั่นมันกำลังทำอะไรอยู่กัน?’
เห็นฉากนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะฉงนใจ
และพริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่ายอดฝีมือจากขุมพลังชั้น 4 อีกคนเริ่มลงมือเคลื่อนไหวเช่นกัน
อีกฝ่ายเป็นชายศีรษะโล้นเลี่ยนรูปร่างอ้วนท้วมในชุดสีน้ำเงิน เพียงมันยกมือขึ้นเบาๆก็ปรากฏค้อนธรรมดาไร้ลวดลายอันเขื่องผุดขึ้นจากความว่าง มันคว้าค้อนดังกล่าวก่อนที่จะเหวี่ยงฟาดออกไปทันที!
เป้าหมายที่ค้อนฟาดทุบออกไป สมควรเป็นจุดที่บังเกิดระลอกคลื่นพลังแผ่กำจายออกมาของชายชราชุดเขียวก่อนหน้า!
ทั้งคู่พลันลงมือไปยังจุดเดียวกัน!
ระลอกพลังดั่งคลื่นที่กำจายออกมาจากความว่างไม่หยุดเมื่อถูกค้อนฟาดทุบ มันก็กระจัดกระจายสลายไปทันที
ทว่าจุดกึ่งกวางความว่างนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนแลเห็นเสมือนรอยปริร้าว ปานกระจกแตก อยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นกลางอากาศ แถมรอยแตกดังกล่าวยังเริ่มปริร้าวขยายออกไปเรื่อย พาลให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสะท้านไปถึงไขสันหลัง ด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
อันที่จริงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลายคนในหุบเขาหลิงหลงเองก็บังเกิดความหวาดกลัวไม่ต่างกัน!
แน่นอนว่ามีบางคนที่ไม่ได้แปลกใจกับภาพนี้
และคนที่ไม่แปลกใจเหล่านี้ก็คือผู้ที่มาเข้าร่วมงานประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
‘ที่แท้เป็นผลกระทบของค่ายกล!’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ ว่าฉากน่ากลัวที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไรนั้น สมควรเกิดจากค่ายกลอะไรสักอย่าง!
กล่าวให้ชัด ภาพท้องฟ้าเหนือหุบเขาหลิงหลงนั้น ที่แท้เป็นภาพมายาที่เกิดจากค่ายกล!
ยอดฝีมือจากคฤหาสน์คลื่นคลั่งและคฤหาสน์ข้ามฟ้านั้น ได้ร่วมกันลงมือทำลายค่ายกลอะไรบางอย่างนั่น จนมันปริแตกแยกร้าวเช่นนั้น และตอนนี้สิ่งที่ค่ายกลปกปิดอยู่ก็กำลังจะเผยตัวออกมา!
และไม่นานฉากที่อยู่เบื้องหลังค่ายกลนั่นก็เปิดเผยออกมาให้ต้วนหลิงเทียนและทุกคนประจักษ์…มันคือกระดานหมาก! ทั้งกระดานหมากดังกล่าวยังเสมือนกำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆต่อหน้าต่อตาทุกคน…แรกเห็นมันมีขนาดเท่าจุด ต่อมาก็ใหญ่ขึ้นจนเท่ากำปั้น
และตอนนี้ไม่นานมันก็ใหญ่เท่าผู้คน
อีกสักพักมันก็ใหญ่จนให้ผู้คนนับร้อยไปยืนบนกระดานได้!!
เมื่อมันขยายใหญ่ออกจนคนนับรอยไปยืนบนนั้นได้ไม่แออัด มันก็หยุดการขยายขนาดทันที!
‘นี่พวกเราอยู่ในค่ายกลลวงตาตั้งแต่เมื่อไหร่!’
เมื่อต้วนหลิงเทียนหายจากอาการตื่นตระหนก เขาก็พบว่าตอนนี้ไม่ทราบตัวเขามายืนอยู่บนกระดานหมากที่แผ่ขยายออกไปจนสุดสายตาตั้งแต่เมื่อไหร่! เรียกว่าใต้เท้าของเขาเป็นกระดานหมากขนาดมหึมา ให้ 200 คนมายืนรวมบนนี้ยังได้ หากไม่ถือเรื่องที่อาจจะแออัดเบียดไหล่เล็กน้อย
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ว่ากระดานหมากยามนี้คล้ายแผ่ขยายออกไปไร้จุดจบ เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าอีกครั้ง
ตอนนี้เขาเห็นว่าเหนือขึ้นไปบนฟ้ากลับเป็นฟ้าที่มืดครึ้ม ราวกับเมฆฝนกำลังแผ่ขยายปกคลุมทุกผู้คนบนกระดานหมากนี้ก็ไม่ปาน!
“นี่น่ะหรือ กระดานหมากหลิงหลง!?”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ‘กระดานหมากหลิงหลง?’
ไม่นานหลังจากที่ได้ฟังเสียงสนทนาเซ็งแซ่โดยรอบต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่ากระดานหมากหลิงหลงที่ว่าคืออะไร ที่แท้มันเป็นค่ายกลกระดานหมากหลิงหลงที่ถูกจัดตั้งขึ้นไว้ในหุบเขาหลิงหลง!
กล่าวได้ว่ากระดานหมากหลิงหลงที่เขายืนอยู่ตอนนี้ สมควรเป็นค่ายกลมายาลวงตาอะไรสักอย่าง
แถมกระดานหมากหลิงหลงที่ว่ายังเป็นเวทีประลองสำหรับการจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง อันที่จริงแล้วที่หุบเขาหลิงหลงแห่งนี้ถูกเรียกว่าหุบเขาหลิงหลง ก็สืบเนื่องมาจากกระดานหมากหลิงหลงนี้นั่นเอง!
ตอนนี้หลังจากได้ฟังข้อมูลโดยรอบต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้เรื่องราวเสียที
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เสียงแหวกฝ่าสายลมเสียดหูดังขึ้นกลางหาว พอมองไปเขาก็พบว่าชายชราจากคฤหาสน์ข้ามฟ้า กลับชายอ้วนหัวล้านจากคฤหาสน์คลื่นคลั่งได้เหินลอยขึ้นไปบนฟ้าสูง พริบตาก็พุ่งขึ้นไปสุดลูกหูลูกตา
ถึงกระนั้นผู้คนบนกระดานหมากหลิงหลงมากมายก็ยังคงอื้ออึงด้วยไม่เข้าใจเรื่องราว
เพราะฉากเบื้องหน้าทำให้พวกมันตกตะลึงกันไม่น้อย
ส่วนผู้ที่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นและยังดูสงบสติอยู่ได้ ล้วนเป็นผู้ที่เคยมาเข้าร่วมการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบแล้วทั้งสิ้น!
“ทั้งหมดจงฟัง เนื่องจากกฏที่ท่านบรรพบุรุษได้ตราไว้ คฤหาสน์ข้ามฟ้าของข้าจักส่งคนมาควบคุมการประลองจัดอันดับรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องทุกๆ 50 ปี ซึ่งคราวนี้ ผู้ที่คฤหาสน์ข้ามฟ้าส่งมาก็คือข้า!”
ชายชราในชุดจอมยุทธ์สีเขียวที่ถือไม้เท้ากล่าวออกเสียงดังฉะฉาน
แม้ดูเหมือนมันจะชราแล้ว หากแต่วาจาของมันก็ดังลั่นเต็มไปด้วยพลังอำนาจไม่คล้ายผู้ชราใกล้ลงดลงอะไร!
“ข้าเรียกว่า เริ่นจง เป็นรองผู้นำของคฤหาสน์ข้ามฟ้า…พวกเจ้าจักเรียกหาข้าว่ารองผู้นำคฤหาสนืเริ่ม หรืออาวุโสเริ่นก็แล้วแต่พวกเจ้าจะสะดวกเถอะ”
ชายชรากล่าวสืบต่อ
เปรี๊ยง!
หากแต่ถ้อยวาจานี้ของชายชรากลับทำให้ทั้งหุบเขาหลิงหลงแตกตื่นกันไม่น้อย
รองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้างั้นเหรอ?!
ผู้คนส่วนใหญ่นั้นไม่ค่อยรู้จักคฤหาสน์ข้ามฟ้ากันดีสักเท่าไร เพราะพวกมันอยู่ในเขตของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็ยากจะมีสัมพัสธ์หรือติดต่ออะไรกับขุมพลังระดับคฤหาสน์ข้ามฟ้า
แต่แน่นอนว่าถึงแม้พวกมันไม่มีโอกาสติดต่อกับขุมพลังระดับนั้น แต่พวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เดียงสาจนไม่ทราบอะไรเลย!
นั่นคือขุมพลังชั้น 4!
ในสายตาของพวกมันคฤหาสน์ข้ามฟ้าก็มีพลังอำนาจทัดเทียมกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกมัน รองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า ย่อมมีฐานะไม่ต่างอะไรจากรองผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกมัน!!
“ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้ท่านผู้เฒ่าคนนั้นจักเป็นถึงรองผ็นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า!!”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ด้วยไม่คิดเลยจริงๆว่าชายชราแลดูใจดีเหมือนคุณตาข้างบ้านผู้นี้ ที่แท้จะมีศักดิ์ฐานะยิ่งใหญ่เป็นถึงรองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า! ตัวตนที่พวกมันยากจะเข้าถึง!!