WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1685
ตอนที่ 1685 : ฉีเสิ่นคุ้มคลั่ง
“ขะ…เขายังมิตาย?”
“ที่แท้ลี่เฟิงเป็นผู้ใดกันแน่!? ยังเป็นผู้คนอยู่อีกหรือ ทานรับแรงระเบิดเช่นนั้นแล้วยังรอดมาได้เนี่ยนะ!?”
“นอกจากสีหน้าที่แลดูซีดลงเล็กน้อยกับชุดใหม่…ก็คล้ายมิได้รับบาดเจ็บอะไร!”
“หรือเขาจะใช้ยันต์เต๋าป้องกันระดับสูง?”
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีความผันผวนของพลังจากยันต์เต๋าหรืออาคมเซียนใดๆเลย…ข้ามิคิดว่าเขาจักใช้ความช่วยเหลือจากภายนอก!”
……
ผู้คนที่อื้ออึงก่อนหน้าค่อยๆคืนสติกลับมาอีกครั้ง และเริ่มสนทนาถามไถ่กันไปมาด้วยความเหลือเชื่อทันที
หลวงจีนลายบุปผาเองก็ประหลาดใจไปไม่น้อย มันมองต้วนหลิงเทียนอย่างตกตะลึง”ละ…ลี่เฟิงมิเป็นอันใดเลย?”
เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนตายไปแล้ว พอเห็นเขายังอยู่ดีทั้งหมดก็เผยยิ้มเริงร่าออกมาทันที
เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรยังยินดีถึงขั้นกู่ร้องเรียกชื่อต้วนหลิงเทียนออกมาไม่ขาดปาก แน่นอนว่าชื่อที่พวกมันตะโกนก็คือ ลี่เฟิง
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่งค่อยผ่อนออก
‘คิดไม่ถึงจริงๆว่ากระบวนท่า หยวนปะทุทลายว่างเปล่าของฉีค่านมันจะรุนแรงขนาดนี้…’
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างในอ้อมแขนฉีเสิ่น ก่อนที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อครู่อย่างหวาดเสียว ร่างดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นฉีค่านที่ตกตาย…
‘หากไม่ใช่เพราะร่างกายข้าแข็งแกร่งกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บ ข้าตายอนาถแน่…’
นึกถึงฉากก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะใจหายวาบ
ทันทีที่บอลพลังทำลายล้างจากท่าหยวนปะทุทลายว่างเปล่าระเบิดออก พลังมหาศาลที่แผ่พุ่งออกมาทำลายสรรพสิ่งโดยรอบ ทั้งคลื่นกระแทกที่สาดมากระทบเข้าร่างเขา ก็ทำให้เขารับทราบถึงพลังทำลายล้างนั่นดีว่ามันมากมายขนาดไหน
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เขาถูกแรงระเบิดกระแทกใส่ ชุดคลุมของเขาก็สลายหายไปทันที ทั่วร่างยังรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกค้อนหนักพันหมื่นชั่งระดมหวดฟาดไปทุกอณู…
ยังดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากพอ หาไม่แล้วคงได้ถูกพลังทำลายนั่นป่นละเอียดเป็นผงแน่!
เมื่อมองไปยังฉีเสิ่นที่ตัวสั่น ทั้งสองตาแดงฉาน มุมปากต้วนหลิงเทียนพลันแสยะยิ้มสมน้ำหน้าออกมา
ในสายตาของเขา ฉีค่านนั่นไม่ต่างอะไรจากทุ่มหินทับเท้าตัวเองแท้ๆ…!
อยู่ดีๆก็แส่มารนหาที่เอง!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันหันไปส่งเสียงผ่านปราณกล่าวขอบคุณเริ่นจงกับหลิวหงกวงอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีทั้งคู่กล่าวเตือน เขาก็ไม่ได้เห็นฉีค่านที่มีขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลางอยู่ในสายตา แต่ในเมื่อทั้งคู่หวังดีเขาเองก็ต้องตอบแทนความปรารถนาดีดังกล่าว
“สหายน้อยลี่เฟิงข้ามิคิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะร้ายกาจขนาดนี้…เมื่อครู่เจ้ารอดมาได้อย่างไรหรือ?”
เริ่นจงตอบสนองคำขอบคุณของต้วนหลิงเทียนด้วยความดีใจ ยังเผลอกล่าวถามออกไปด้วยความอยากรู้ทันที
เมื่อหลิวหงกวงรู้สึกตัว มันก็กล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาคล้ายๆกัน
เผชิญหน้ากับความสงสัยอยากรู้ของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้ตอบคำอะไรกลับไป
เห็นเช่นนี้ทั้งคู่จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากลบกลื่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าว ด้วยรู้ตัวว่าพวกมันละลาบละล้วงเกินไปแล้ว
เมื่อพวกมันเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดตอบ พวกมันจึงไม่คิดจะเซ้าซี้จี้ถามอะไรอีก ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง แม้พวกมันจะจี้ถามไปเกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับคำตอบเหมือนเดิม แต่ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนเสียความประทับใจอีกด้วย
ตอนนี้พวกมันหมายมั่นปั้นใจว่าจะชวนต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมขุมพลังของพวกมันให้จงได้ แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่อยากผิดใจกับต้วนหลิงเทียน
“ไม่ตาย?”
ตอนนี้เองฉีเสิ่นค่อยๆฟื้นคืนจากความโศกเศร้าที่สูญเสียหลานชาย และในที่สุดมันก็ได้ยินบทสนทนาโดยรอบ ยังอดตกใจไปกับเนื้อหาในบทสนทนาเสียไม่ได้…
ร่างมันที่ยังคงสั่นระริก ค่อยๆหันไปมองทิศทางหนึ่ง ไม่นานมันก็เห็นต้วนหลิงเทียนที่ปลอดภัยไร้เรื่องราวลอยล่องอยู่…
ลูกตาของมันแทบถลนออกจากเบ้า แววตายังเต็มไปด้วยโทสะอันล้นปรี่
“เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดีไม่ได้ตายตก ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของมันก็คือเป็นไปไม่ได้!
แรงระเบิดเมื่อครู่มันเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันมหาศาล ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางจะต้านทานรับมือได้เลย! ต่อให้มีวรยุทธ์สายป้องกันสูงล้ำอย่างไรก็ไม่ได้!!
เพราะอาศัยเลือดเนื้อของมนุษย์ในขอบเขตพลังเท่านี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานแรงระเบิดนั่นไหว!
“เจ้าใช้ยันต์เต๋างั้นเรอะ!?”
ความคิดแรกของฉีเสิ่นคือต้วนหลิงเทียนสมควรใช้ยันต์เต๋าเอาตัวรอดมาแน่ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปหายันต์เต๋าระดับสูงแบบนั้นมาจากไหนก็ตาม เพราะกระทั่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของมันยังมียันต์เต๋าไม่กี่แผ่นที่สามารถต้านทานการโจมตีระดับนี้ได้
ได้ยินคำถามเสียงแข็งด้วยโทสะของฉีเสิ่น ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งเฉยคร้านจะตอบ
“อาวุโสฉีเสิ่น…ลี่เฟิงมิได้ใช้ยันต์เต๋าหรือกำลังภายนอกอื่นใด…หากใช้กำลังภายนอกอันใด สำนึกเทวะของอริยะเซียนเช่นท่านมีหรือจะสัมผัสมิได้?”
เริ่นจงขมวดคิ้วมองถามฉีเสิ่น
“ถูกแล้วอาวุโสฉีเสิ่น ลี่เฟิงไม่ได้ใช้ยันต์เต๋าหรืออาคมเซียนใดๆทั้งสิ้น!”
หลิวหงกวงยังกล่าวย้ำออกมาอีกคน
ที่ฉีเสิ่นถามว่าต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์เต๋าหรือไม่ เป็นมันกล่าวถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนใช้ตัวช่วยอะไรหรือไม่ เพียงใช้สติคิดดูมันก็รู้คำตอบดีแล้ว เพราะสำนึกเทวะมันที่แผ่ไปตรวจสอบตลอด ไม่อาจจับความเคลื่อนไหวของพลังอื่นใดได้เลย
ฉีเสิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่งมันก็มองเริ่นจงกับหลิวหงกวงด้วยสายตาเย็นเยียบ ทว่าพริบตานั้นเอง อยู่ดีๆร่างฉีเสิ่นพลันไหววูบเป็นเงาติดตา พุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนอย่างไร้ซึ่งการเตือนล่วงหน้า!
ทันใดนั้นปราณแรกกำเนิดอันน่ากลัวก็ปะทุออกมาจากร่างฉีเสิ่น!
แรงกดดันพลังอันมหาศาลของขอบเขตอริยะเซียนปะทุออกฉับไว พาลให้ความว่างเปล่าถึงกับสั่นสะเทือน ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังกระแทกอันร้ายกาจขุมหนึ่งแผ่กวาดออกไปทั่วสารทิศ!
ผู้ฝึกตนโดยรอบที่ยังไม่บรรลุถึงเซียนดั้งเดิมถึงกับถูกคลื่นพลังดังกล่าวซัดจนบาดเจ็บสาหัส บ้างก็สิ้นสติทันใด!
ส่วนเหล่าตัวตนที่บรรลุขอบเขตเซียนดั้งเดิมหรือสูงกว่า ต่างก็ถูกคลื่นพลังนี้ทำร้าย ร่างผงะถอยไปหลายก้าวใหญ่
“นี่…”
การลงมืออย่างฉับพลันของฉีเสิ่นนั้น ทำให้ทุกคนไม่อาจตั้งตัวได้ทัน ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าอยู่ดีๆฉีเสิ่นก็วูบหายไปต่อหน้าต่อตา
และผู้ที่สามารถมองเห็นร่างฉีเสิ่นได้ชัดเจน ก็มีเพียง 3 ผู้นำของขุมพลังชั้น 5 และยอดฝีมืออาวุโสของขุมพลังชั้น 4 เท่านั้น
แรงกดดันพลังของขอบเขตอริยะเซียน ทั้งปราณแรกกำเนิดอันน่าหวาดกลัว ถูกควบคุมบังคับให้ซัดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที
พริบตานี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนว่าร่างของเขาถูกผนึกแช่! ปราณสุริยันทั่วกายยังคล้ายถูกสะกดเอาไว้ให้ไม่อาจใช้ออก!!
ที่บังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นไม่ใช่เพราะกลิ่นอายพลังของฉีเสิ่นสะกดข่มเขาได้แต่อย่างไร หากแต่เป็นเพราะฉีเสิ่นมันลงมือรวดเร็วเกินไป! รวดเร็วเสียจนต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนร่างกายกลายเป็นเชื่องช้า ปราณสุริยันยังยากที่จะโคจรเร่งเร้าออกมาได้ทัน!!
ตอนนี้ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสิ้นหวังไม่ยินยอมขึ้นมา
ความคิดเดียวในใจของต้วนหลิงเทียนคือใช้พลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์สังหารฉีเสิ่นไปเสีย…ทว่าพอเขาเรียกกระบี่นิลสวรรค์ออกมา ฝ่ามือเปี่ยมแน่นไปด้วยพลังสังหารของฉีเสิ่นก็เจียนบรรลุถึงตัวเขาอยู่รอมร่อแล้ว!
เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะถ่ายทอดปราณสุริยันแรกกำเนิดลงตัวกระบี่นิลสวรรค์ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับใช้พลังกระบี่สวนกลับ!
‘ระยำเอ๊ย ข้าจะตายแบบนี้งั้นเหรอ!?’
ใจของต้วนหลิงเทียนล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ตอนนี้ขอเพียงมีเวลาอีกเสี้ยวของเสี้ยวอึดใจ ปราณสุริยันหลั่งไหลถ่ายทอดลงกระบี่พอให้ปลดปล่อยพลังอำนาจล่ะก็ เขาจะกุดหัวฉีเสิ่นนี่เสีย!!
และต่อให้เขาไม่อาจสังหารฉีเสิ่นได้ แต่กับอีกแค่สลายพลังฝ่ามือที่มันตบฟาดออกมา ย่อมเป็นเรื่องราวง่ายดายนัก!
หลังจากนั้น เขาก็รอดพ้นแล้ว!
ด้วยพลังฝีมือที่เขาเผยออก เขาเชื่อมั่นว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเขา เพื่อหวังให้เขาเข้าร่วมขุมพลังของพวกมันแน่!
น่าเสียดายแต่เกรงว่าคงสายไปแล้ว
บางทีหากเขาถือกระบี่นิลสวรรค์ไว้กับตัวแต่แรก คงสามารถจ่ายปราณสุริยันแรกกำเนิดลงกระบี่ได้ทัน และคงไม่เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น…
กล่าวให้ชัด เขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าฉีเสิ่นมันจะกล้าลงมือกับเขาโต้งๆต่อหน้าผู้คนทั้งมวลแบบนี้!
เพราะสุดท้ายแล้ว ฉีเสิ่นก็ไม่มีสิทธิ์ลงมือทำร้ายใคร
การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ขณะประลองไม่สนว่าจะเป็นหรือตาย นี่คือกฏเหล็ก!
“เหอะ!”
“ฮึ่ม!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทำได้แค่ยกกระบี่ขึ้นมาและคิดว่าคงตกตายแน่แท้ หูเขาพลันได้ยินเสียง 2 เสียงแค่นสบถดังขึ้น
และพริบตานั้นเองต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกว่ากลิ่นอายพลังที่เพ่งเล็งมายังตัวเขาได้สลายหายไป
อีกทั้งแรงกดดันจากพลังฝ่ามือที่กำลังจะซัดร่างเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันเห็นร่าง 2 ร่างบังขวางด้านหน้าเขาเอาไว้ ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเริ่นจงกับหลิวหงกวง รองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า กับอาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่ง! ทั้งคู่พร้อมใจกันปรากฏตัวต้านทานรับการโจมตีของฉีเสิ่นให้เขา!!
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งคู่ยังซัดฝ่ามือกระแทกพลังกลับไปอย่างพร้อมเพีรยง จนฉีเสิ่นหน้าหงาย!
“อั๊คคค!!”
ฉีเสิ่นที่ถูกซัดหน้าหงาย ร่างของมันพลันลังกาม้วนหลังไปหลายตลบ คนยังปลิวกระเด็นไปราวว่าวสายป่านขาด! ขณะกระเด็นโลหิตยังกระอักทะลักออกปากเป็นสาย…ลากม้วนไปเป็นทางกลางหาว จนเมื่อหยุดร่างลงได้ค่อยแลเห็นสีหน้าซีดเซียวทั้งสภาพอนาถาของมัน!
“อาวุโสฉีเสิ่น ท่านมันจะมากเกินไปแล้ว!!”
น้ำเสียงของเริ่นจงนั้นเต็มไปด้วยโทสะอารมณ์ขุ่นมัวนัก นอกจากละเมิดกฏการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องแล้ว การที่ฉีเสิ่นกล้าลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียนต่อหน้าต่อตามันแบบนี้ ยังต่างอะไรกับตบหน้ามันท่ามกลางผู้คน!?
เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็ทำหน้าที่ผู้จัดการประลองร่วมกับหลิวหงกวง ในการประลองครั้งนี้!!
หากเรื่องนี้มันยังไร้สามารถกระทั่งมิอาจควบคุมดูแลได้ มันยังจะมีคุณสมบัติอะไรเป็นผู้จัดการประลอง? กระทั่งต่อไปคงต้องห้ามผู้ฝึกตนพเนจรเข้าร่วมแล้ว เพราะมิแคล้วคงต้องถูกผู้มีอำนาจจากขุมพลังใหญ่ๆรังแก แม้จะชนะได้รางวัลก็ตามที!!
ด้านหลิวหงกวงแม้ไม่พูดอะไรออกมา แต่จากแววตาดุร้ายเอาเรื่องนั่น ก็เผยให้ทราบว่ามันโมโหมากขนาดไหน
ตอนนี้เองด้านต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหลังของเริ่นจงกับหลิวหงกวง ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ด้วยทราบดีว่าสถานการณ์วิกฤตได้ถูกคลี่คลายแล้ว เขารีบเก็บกระบี่นิลสวรรค์กลับไปทันที
แต่หลังจากเก็บกระบี่ไปแล้ว เขาก็สัมผัสได้ชัดว่ามือข้างที่กุมกระบี่มันชุ่มเหงื่อจนเหนียวเหนอะหนะขนาดไหน
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ความรู้สึกที่เสมือนเดินผ่านประตูผีไปแล้วครึ่งตัว แต่สุดท้ายกลับถูกฉุดกลับมายังโลกมนุษย์แบบนี้ มันอดทำให้เขาหลั่งเหงื่อเย็นออกมาไม่ได้จริงๆ
“ขอบคุณท่านทั้ง 2 ที่ช่วยเหลือข้า”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกเฮือกหนึ่ง ค่อยมองแผ่นหลังของเริ่นจงและหลิวหงกวงพร้อมกล่าววาจาขอบคุณออกมา
“สหายน้อยลี่เฟิง เรื่องนี้ข้าจักทวงความเป็นธรรมให้เจ้า!”
เริ่นจงพยักหน้ารับแม้จะไม่ได้หันหลังไปมอง สายตาที่จ้องฉีเสิ่นยิ่งมายิ่งเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน
เมื่อหลิวหงกวงได้ยินวาจานี้ของเริ่นจงมันอดไม่ได้ที่จะเสียใจ ไฉนมันไม่รีบกล่าวออกไปก่อนนะ? ตอนนี้มิใช่เริ่นจงได้หน้า ทำคะแนนนำมันไปแล้วหรือ?
ทันใดนั้นหลิวหงกวงจึงเร่งกล่าวออกมาทันที”น้องชายลี่เฟิง ข้าหลิวหงกวงรับรองว่าจะมอบคำอธิบายที่ดีให้เจ้าพอใจ!”
ได้ยินวาจานี้ของเริ่นจงและหลิวหงกวง ฉีเสิ่นที่กระเด็นออกไปไกลจนหน้าซีด ยิ่งมาสีหน้ามันก็ยิ่งซีดลงหนักข้อ
ไหนเลยมันจะมองไม่ออก ว่าไฉนเริ่นตงกับหลิวหงกวงและดูเป็นห่วงเป็นใยต้วน หลิงเทียนนัก…ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะศักภาพพรสวรรค์อันเด่นล้ำของต้วนหลิงเทียน!