WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1689
ตอนที่ 1689 : ท้าทายพร้อมกัน!
ตอนนี้เองผู้คนโดยรอบก็ทยอยกันคืนสติทีละคนๆ
หลายคนยังเอื้อมมือไปหยิกต้นขาตัวเองทันที พอรู้สึกเจ็บจี๊ดจึงได้รู้ว่าที่สองตาแลเห็นไม่ใช่ความฝัน!
นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิ้ง อาศัยกระบวนเดียวฆ่าจงกู้ได้อย่างง่ายดาย!
“ฉีจิ้ง…มันมิได้อยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางงั้นเหรอ?”
ถึงแม้หลายคนอาจจะไม่ได้มีสายตาเลิศล้ำอะไรเหมือนเริ่นจง หลิวหงกวงและฉีเสิ่น แต่พวกมันก็พอเดาเรื่องราวได้จากภาพตรงหน้า
ด้วยเหตุนี้ใจของพวกมันจึงท่วมท้นไปด้วยความตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
แน่นอนว่าหลังจากตะลึงทุกคนก็คิดว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!
ปีที่แล้วฉีจิ้งพึ่งมีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น ไฉนใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวถึงบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญได้?
พวกมันไม่เข้าใจว่าตลอดปีที่ผ่านฉีจิ้งไปบ่มเพาะพลังอีท่าไหนกันแน่ ถึงได้มีพลังฝึกปรือเกินจริงไปได้แบบนี้!
บรรดาผู้ฝึกตนพเนจรตอนนี้ก็ได้แต่มองฉีจิ้งด้วยสองตาแดงฉาน
ในฐานะที่จงกู้เป็นดั่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ฝึกตนพเนจรในรุ่นนี้ มันย่อมมีอิทธิพลต่อใจของผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่น้อย หลายคนจึงเห็นมันเป็นดั่งเสาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ
เพราะในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่ก่อนไร้ผู้ฝึกตนพเนจรที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งโดดเด่นปรากฏตัวออกมาเลย เรียกว่าคราวนี้ทั้งหมดจึงฝากความหวังเอาไว้ที่มัน…
แน่นอนว่าผู้ที่จะเป็นจุดศูนย์รวมความหวังของมันได้ ต้องมีพลังฝึกปรือกล้าแข็งเหนือใครแบบนี้!
อนิจจาความหวังของเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหมดทั้งมวล ทั้งยังเป็นผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงสุดดั่งอัจฉริยะที่พวกมันรอคอยมานาน และคิดว่าสักวันอาจจะรวบรวมผู้ฝึกตนพเนจรให้เป็นปึกแผ่นดั่งสหภาพไม่ต้องกระจัดกระจายเหมือนเม็ดทราย…
จงกู้ผู้นั้น…กลับตกตายเสียแล้ว
การตายของจงกู้ ก็หมายความว่าความหวังและความฝันของพวกมันได้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
จังหวะนี้ผู้ฝึกตนพเนจรหลายคนได้แต่หันมองมาทางต้วนหลิงเทียนในคราบลี่เฟิง ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ ลี่เฟิง ไร้หัวนอนปลายเท้าไม่มีใครรู้จักมาก่อน อาศัยเรื่องที่อีกฝ่ายคล้ายจะตัดสินใจรับข้อเสนอของเริ่นจงและหลิวหงกวง ผู้ฝึกตนพเนจรก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะละทิ้งความมั่นคั่ง หันมารวมเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรให้เป็นปึกแผ่น
ดังนั้นจึงไร้ผู้ฝึกตนพเนจรคนใดคิดให้เขามาแทนจงกู้
มาถึงจุดนี้ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายก็ได้แต่หันไปมองฉีจิ้งด้วยสายตาอาฆาต ปานจะฉีกร่างฉีจิ้งให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ!
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายฉีจิ้งก็สังหารจงกู้ด้วยพลังฝีมือของตัวเอง ลบล้างสามัญสำนึกก่อนหน้าของผู้คนก่อนหน้าหมดสิ้น…
มันไม่เพียงแต่จะไม่อ่อนแอกว่าจงกู้ แต่ยังอาศัยเพียงกระบวนเดียวฆ่าจงกู้!
หากจะถามว่าใครที่ยากจะเชื่อเรื่องราวนี้ได้มากที่สุด เห็นทีจะเป็นหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ!
ในฐานะคนรุ่นเดียวที่ขันแข่งกับฉีจิ้งมาโดยตลอด ทั้งหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อย่อมล่วงรู้พลังฝีมือทั้งศักยภาพพรสวรรค์ของฉีจิ้งดี และเข้าใจว่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคนนี้มีขีดความสามารถอะไรแค่ไหน
ทว่าพลังที่ฉีจิ้งเผยออกวันนี้ นับว่าทำให้พวกมันประหลาดใจนัก!
อา! โอ!
พอพวกมันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง พวกมันถึงกับสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ”เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ..ฉีจิ้งทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแล้วเป็นแน่”
ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งพวกมันทั้งคู่ก็พึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญได้ไม่นานมานี้!
ทว่าฉีจิ้งที่พวกมันเคยครอบงำด้วยพลังอันเหนือชั้นกว่ามาโดยตลอด กลับไล่ตามพวกมันทันแล้ว?
เรื่องนี้จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว?
หลังจากที่ฆ่าจงกู้ไปแล้ว ฉีจิ้งก็ก็กลายเป็นจ้าวเวทีคนใหม่
และตอนนี้เองพลันมีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก้าวออกมาคนหนึ่ง ยังเป็นคนที่พายแพ้ในการประลองชิงจ้าวเวทีไปนานแล้ว
เมื่อเห็นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องออกมาแบบนี้ไม่มีใครหัวเราะอะไรมันแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทางทุกคนกลายเป็นมืดดำแทน
ฉากเรื่องราวตอนนี้ กับตอนฉีกังก้าวออกมา…ไม่ใช่ว่าเหมือนกันอย่างกับแกะเลยหรือ?
ตอนนี้เองทุกสายตาพลันหันไปจับจ้องมองยังฉีจิ้ง
“ฉีจิ้งยังคิดฆ่าคนอื่นอีกงั้นเหรอ?”
“นี่มันเสพย์ติดการฆ่าหรือไร?”
……
แตกต่างจากกาลก่อนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อฉีจิ้งเผยพลังฝึกปรืออันเข้มแข็งที่เหมือนจะทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญออกมา ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกมันอีก!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ก่อนหน้านี้พวกมันไม่รู้พลังของฉีจิ้ง แต่จากการฆ่าจงกู้ได้อย่างง่ายดายนั่น น่ากลัวว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อแล้ว!
ตอนนี้ผู้คนยังเริ่มรู้สึกได้ ว่าที่ฉีจิ้งลังเลอยู่นานก่อนหน้า…ไม่ใช่เพราะกลัวหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ!
ในขณะที่ทุกคนคิดเรื่องนี้ คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็มาหยุดยืนบนเวทีประลองเม็ดหมากของฉีจิ้งและกล่าวท้าทายออกมา
เป็นดั่งที่ทุกคนคิด ฉีจิ้งยอมแพ้
ทันทีที่ฉีจิ้งยอมแพ้ มันก็เป็นอิสระทันที
ตอนนี้มันไม่ได้เป็นจ้าวเวทีอีกต่อไป แต่เป็นผู้ท้าชิงอิสระที่จะเลือกท้าทายผู้ใดก็ได้!
สายตาของฉีจิ้งพลันเบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนเผยประกายตาขึงขังขึ้นมา
ตอนนี้เขาพอเข้าใจหนทางบรรลุขั้นที่ 2 ของเคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ อย่างเงากระบี่สัมพันธ์ใจแล้ว ทำให้พลังกระบี่ของเขามีอานุภาพมากขึ้นและก้าวหน้าจากเดิม! ถึงขั้นหากปะทะกับเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือเขาพอรับมือได้ไม่แพ้พ่าย…
ถึงพลังฝีมือของฉีจิ้งเมื่อครู่จะน่ากลัวว่าไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญธรรมดาๆ และอาจจะเป็นชนชั้นยอดฝีมือที่ว่า แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้กลัวมันแต่อย่างใด
ดังนั้นการที่ต้องเผชิญหน้ากับฉีจิ้งตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงไม่กลัว หากแต่ต้องเพิ่มความระวังให้มากขึ้น
“มันคิดท้าทายลี่เฟิงงั้นเหรอ?”
เมื่อทุกคนเห็นฉีจิ้งมองไปยังต้วนหลิงเทียน ต่างก็คิดว่ามันจะท้าทายต้วนหลิงเทียน
หากมีคนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พวกมันไม่คิดว่าฉีจิ้งจะเป็นคู่มือของลี่เฟิงได้ล่ะก็ มาตอนนี้ทั้งหมดพากันคิดว่าลี่เฟิงอาจจะไม่ใช่คู่มือของฉีจิ้งแทน!
จังหวะนี้สีหน้าของผู้ฝึกตนพเนจรกลายเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทันที
“นายน้อยคฤหาสน์ ลี่เฟิงผู้นี้พลังฝีมือร้ายกาจกว่าจงกู้เสียอีก! มันยังฆ่ายอดฝีมือของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกเราไปแล้วถึง 2 คน!!”
เมื่อเห็นฉีจิ้งมองต้วนหลิงเทียน ฉีเสิ่นเร่งส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปยุฉีจิ้งทันที!
ฉีเสิ่นกล่าวมาแบบนี้ หรือฉีจิ้งยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดใช้มันล้างแค้นให้หลานชาย?
ตอนแรกมันก็คิดจะท้าทายต้วนหลิงเทียนจริงๆนั่นแหล่ะ…
อย่างไรก็ตามพอฉีเสิ่นส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดมาแบบนี้ มันจึงล้มเลิกความคิดดังกล่าวทันที!!
ล้อเล่นหรือไร!?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันเป็นนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ผู้ที่จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปด้วยซ้ำ! อาศัยเคล็ดบ่มเพาะ มารกลืนหยิน อนาคตของมันก็กลายเป็นไร้จำกัด! แล้วมันจะปล่อยให้คนอย่างอาวุโสหลักจูงจมูกได้หรือ?!
เช่นนั้นฉีจิ้งไม่เพียงแต่ไม่กระทำตามที่ฉีเสิ่นหวัง มันยังเลิกสนใจจะสู้กับต้วนหลิงเทียนไปทันที หันหน้าเมินไปทันใด!
จังหวะนี้ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา
สีหน้าฉีเสิ่นเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันใด มันไม่คิดว่าฉีจิ้งจะไม่สนใจมันแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเผยท่าทางคล้ายไม่คิดจะท้าทายลี่เฟิงอีก!
แต่ให้มันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟปานใด มันยังจะทำอะไรได้อีก?
ถึงแม้มันจะมีฐานะเป็นถึงอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่ฉีจิ้งคือนายน้อย!
ฉีจิ้งในฐานะนายน้อยคฤหาสน์ ยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้นำคฤหาสน์! เช่นนั้นฐานะทางสังคมของฉีจิ้งย่อมเหนือกว่ามันมาก!!
ไม่นานสายตาของฉีจิ้งก็ไปตกที่หลวงจีนลายบุปผา
ขณะเดียวกันร่างมันก็ไหววูบขึ้นไปอยู่บนเวทีประลองของหลวงจีนลายบุปผาทันที”หลวงจีนลายบุปผากาลก่อนข้าไม่อาจเทียบเจ้า…แต่วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าข้า ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น!”
วาจาของฉีจิ้งเปี่ยมล้นไปด้วยพลังทั้งความมั่นใจในตัวเองอันสูงล้ำ
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับความมั่นใจนี้ของฉีจิ้ง หลวงจีนลายบุปผาเพียงแย้มยิ้มออกมาบางๆ”นายน้อยคฤหาสน์ฉี วิเศษมากที่ประสพสามารถทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ…แต่หากประสพคิดว่าอาศัยเรื่องที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแล้วจักเอาชนะอาตมาได้ เช่นนั้นประสพผิดแล้ว!”
ทันทีที่กล่าวจบคำ จีวรของหลวงจีนลายบุปผาพลันกระพือไหวขึ้นมาทันที ปราณแรกกำเนิดพลันซัดกวาดออกมา!
โดยมีหลวงจีนลายบุปผาเป็นจุดศูนย์กลาง ความว่างโดยรอบพลันสั่นไหว! คลื่นพลังไร้สภาพขุมหนึ่งเอ่อล้นแปลบปลาบในบรรยากาศ!!
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่ปะทุออกมาจากหลวงจีนลายบุปผา เริ่นจง หลิวหงกวง และฉีเสิ่น พลันหยีตากล่าวออกมาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม”เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ”
ถึงแม้เสียงของทั้ง 3 จะแผ่วเบาทุ้มต่ำ หากแต่โสตประสาทรับฟังของผู้คนโดยรอบย่อมไม่ใช่ธรรมดา จึงได้ยินคำของทั้ง 3 ชัดเจน!
ผู้คนทั้งหลายจึงหันไปมองหลวงจีนลายบุปผาด้วยความตกตะลึง”หลวงจีนลายบุผา…ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว!?”
“สมแล้วที่เป็น 1 ใน 2 สุดยอดอัจฉริยะของเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเรา…ความสามารถของหลวงจีนลายบุปผานั้นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือนัก!”
“หลวงจีนลายบุปผาทะลวงด่านแล้ว ข้ามิรู้ว่าจิ้งชวีจื่อทะลวงด่านแล้วเช่นกันหรือไม่?”
……
เมื่อเปรียบเทียบกับการทะลวงด่านพลังของฉีจิ้ง การที่หลวงจีนลายบุปผาทะลวงด่านได้แลจะเป็นเรื่องที่ธรรมดากว่ากันมาก จึงไม่ค่อยฮือฮากันสักเท่าไร
เพราะในสายตาของทุกคนหลวงจีนลายบุปผาคือผู้ที่โดดเด่นและเหนือชั้นอยู่เสมอ และยังเหนือกว่าฉีจิ้งมาโดยตลอด
เช่นนั้นพอได้รู้ว่ามันทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญเช่นกัน ถึงจะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ต่างพากันสนใจเรื่องที่ในเมื่อหลวงจีนลายบุปผาทะลวงด่านพลังถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว ทางด้านจิ้งชวีจื่อเล่า ทะลวงผ่านหรือยังแทน?
“หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าเองก็ทะลวงถึงแล้วใช่หรือไม่?”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร ฉีจิ้งพลันลอยร่างขึ้นมากลางอากาศ มองไปยังนักพรตหนุ่มบนเวทีประลองเม็ดหมากข้างๆ กล่าวถามออกมาเสียงดัง
ตั้งแต่ต้นจนจบฉีจิ้งไม่คล้ายแปลกใจอะไรที่หลวงจีนลายบุปผาทะลวงด่านพลังถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ยังคล้ายล่วงรู้มานานแล้วด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแต่จะไม่แปลกใจกับด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญของหลวงจีนลายบุปผา มันยังมีกะใจหันไปถามจิ้งชวีจื่อเช่นกัน
เผชิญหน้ากับคำถามไถ่ของฉีจิ้ง จิ้งชวีจื่อไม่กล่าวคำใดเพียงพยักหน้ารับ
ทันใดนั้นผู้คนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
กระทั่งจิ้งชวีจื่อก็ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว?
เช่นนั้นการประลองจัดอันดับยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องคราวนี้ ก็มียอดฝีมือขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญถึง 3 คนเลย?
“ประเสริฐ นัก!”
ฉีจิ้งพอใจกับการตอบสนองของจิ้งชวีจื่อไม่น้อย
หลังจากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นไปมองเริ่นจงกับหลิวหงกวง ผู้ที่เป็นควบคุมดูแลการจัดการประลองครั้งนี้”รองผู้นำเริ่น อาวุโสหลิว…ข้าอยากจะท้าทายหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจวี่พร้อมๆกัน!”