WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1691
ตอนที่ 1691 : ความมั่นใจของฉีจิ้ง!
ฉีจิ้งมองไปยังหลวงจีนลายบุปผาที่ยืนเคียงข้างจิ้งชวีจื่อเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน สองตาทอประกายคมกล้าสว่างไสว
ในอดีต ชายทั้ง 2 เบื้องหน้าดั่งผาสูงที่มันมิอาจข้าม พลังฝีมือล้วนกดดันมันแทบตาย!
ทว่าวันนี้มันกลับยืนหยัดเผชิญหน้ากับทั้งคู่!
และนี่ยังเป็นมันที่ริเริ่มท้าทายอีกฝ่าย!
เหตุผลที่มันหาญกล้ากระทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามันกระทำอย่างขอไปที แต่บ่อเกิดของความมั่นใจมันนั้นล้วนมากจาก สุดยอดอวิชาอย่าง มารกลืนหยิน!
ตลอดปีที่ผ่าน ตัวมันพบพานกับความก้าวหน้าอันใดมามันย่อมรู้ดีที่สุด!
ด้วยเหตุนี้แต่ต้นจนจบมันจึงสงบนัก แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความร่วมืมอกันของหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อก็ตามที! เพราะมันรู้ว่าต่อให้ทั้งคู่ร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่มือมันเลย!!
เพราะทั้งคู่ก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ!
เมื่อเห็นว่า ฉีจิ้ง และหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อเผชิญหน้ามองตาเขม่นกัน ทั้งหมดก็ลุ้นระทึกนัก
กระทั่งเริ่นจงและหลิวหงกวง ผู้ยิ่งใหญ่จากขุมพลังชั้น 4 ทั้งสอง อันเป็นผู้ควบคุมดูแลการจัดการประลอง ก็กำลังมองพวกฉีจิ้งทั้ง 3 อย่างสนใจ
กล่าวให้ชัดทั้งคู่ล้วนมองจ้องไปที่ฉีจิ้งเป็นส่วนใหญ่
สำหรับพวกมันแล้ว ฉีจิ้งไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร
ฉีจิ้งเป็นนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่พวกมันเคยพบพานในอดีตมามากกว่าหนึ่งครั้ง เช่นนั้นพวกมันจึงรู้ถึงศักยภาพพรสวรรค์แต่กำเนิดของฉีจิ้งดี
“วันนี้ฉีจิ้งเผยให้เห็นความก้าวหน้าที่รวดเร็วจนผิดปกติจนน่าประหลาดใจ…มาตอนนี้มันยังท้าหลวงจีนลายบุผากับจิ้งชวีจื่อพร้อมกันอีก ในฐานะรองผู้นำคฤหาน์ข้ามฟ้า ท่านคิดว่าใช่มันผยองเกินไปหรือไม่?”
หลิวหงกวงหันไปมองถามเริ่นจง
“ปีที่แล้วมันยังพึ่งเป็นเซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น…ทว่ามาตอนนี้มันกลับทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ นี่มิใช่ความช่วยเหลือที่ทรัพยากรบ่มเพาะของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะกระทำได้ ข้ามั่นใจว่าปีที่แล้วมันต้องบังเอิญพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อะไรบางอย่างมา พลังฝีมือของมันจึงก้าวหน้าอย่างด้าวกระโดด เป็นธรรมดาที่มันจะมีความมั่นใจแบบนี้”
เริ่นจงกล่าวผ่านปราณแรกกำเนิด”หากมันท้าทายหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อทีละคน มันยังพอมีหวังว่าจะชนะ แต่มันกลับท้าทายทั้งคู่พร้อมกัน…นี่เผยให้เห็นว่ามันมีความมั่นใจถึงขีดสุด!”
“อืม ข้ามิรู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้มันมั่นใจได้ถึงเพียงนี้…ยังมั่นใจถึงขั้นคิดว่าสามารถเอาชนะทั้งคู่ที่ร่วมมือกันได้!”
หลิวหงกวงกล่าวเสริม
“ก่อนหน้ามิว่าจะเป็นหลวงจีนลายบุปผาหรือจิ่งชวีจื่อคนใดคนหนึ่งก็ยากที่ฉีจิ้งจะเทียบได้…ทว่าวันนี้พลังฝีมือของมันกลับก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้มันถือดีและลำพองตัวเป็นธรรมดา อย่างไรเสียเป็นไปมิได้ที่มันจะชนะ! แต่จะว่าไปก็มิใช่เรื่องไม่ดีอันใดที่มันจะได้รับบทเรียนสักครา วันหน้ามันจะได้มิกล้าประมาทผู้ใดอีก”
เริ่นจงกล่าวบ่นเพิ่มเติม
หลิวหงกวงพยักหน้าเห็นด้วย
‘ตัวโง่งมไร้สมอง!’
ฉากที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ฉีเสิ่นชักสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
ถึงแม้มันไม่สนใจเรื่องที่ฉีจิ้งกำลังจะแพ้พ่ายก็ตามที
อย่างไรก็ตาม ในระดับหนึ่งฉีจิ้งก็ถือเป็นดั่งตัวแทนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง การที่หยิ่งผยองเช่นนี้ หากชนะได้ก็โชคดีไป แต่ถ้ามันแพ้พ่ายอนาถขึ้นมา เช่นนั้นคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็คงเป็นดั่งตัวตลกให้อับอายขายหน้าผู้คนแล้ว!
ในฐานะอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีเสิ่นย่อมไม่อยากให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกลายเป็นตัวตลกที่ผู้คนพากันหัวเราะเยาะ!
อนิจจาดั่งคำสุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป เรื่องราวครั้งนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของมันแล้ว
ขณะเดียวกันผู้ชมโดยรอบก็ยังกระซิบกระซาบสนทนากันไม่หยุด
ถึงแม้ฉีจิ้งจะเผยความมั่นใจขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครดูดีมัน
มีเพียงต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้น ที่เผยสีหน้าแววตาจริงจังขรึมเคร่ง
ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นหลวงจีนเนื้อสุรา อวีชวีจื่อ หยินชวีจื่อ และคนอื่นๆ ในแววตาเผยความดูแคลนออกมาให้เห็นชัดเจนยามมองไปยังฉีจิ้ง ทั้งหมดไม่มีใครคิดว่าฉีจิ้งจะมีพลังฝีมือสูงพอต้านทานหลวงจีนลายบุปผาที่ร่วมมือกับจิ้งชวีจื่อได้
“ฉีจิ้ง ในเมื่อประสพคิดรับมือพวกอาตมาสองคน เช่นนั้นพวกอาตมาก็มิคิดเอาเปรียบประสพ…เชิญป้อนกระบวนท่าก่อนเถอะ!”
ประกายตาเย็นเยียบส่องสว่างในลูกตาหลวงจีนลายบุปผา ขณะกล่าวออก
และทันทีที่สิ้นคำ จีวรของมันพลันโบกสะบัดกระพือขึ้นมาแม้ไร้ลม รอบกายปรากฏสนามพลังแกร่งกร้าว เผยกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามกดดันในบรรยากาศ
ผู้ที่มีโมโหไม่ใช่แค่หลวงจีนลายบุปผาเท่านั้น
แม้จิ้งชวีจื่อจะเป็นนักพรตเต๋าและเป็นคนที่สำรวมอยู่เสมอ แต่เมื่อเจอการท้าทายยั่วยุหยามหมิ่นไม่เลิกของฉีจิ้ง จิ้งชวีจื่อก็ไม่อาจระงับโทสะในใจได้สืบไป
“หลวงจีนลายบุปผา จิ้งชวีจื่อ ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้ากำลังคิดว่าข้าดูถูกพวกเจ้าอยู่…แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าก็คือข้าไม่ใช่คนเก่าอีกแล้ว! เช่นนั้นจักเป็นการดีเสียกว่าที่พวกเจ้าจะลงมือเต็มกำลังด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามี หาไม่แล้วอย่าได้ตำหนิข้าว่าไม่กล่าวเตือนยามพวกเจ้าตายตก!”
ฉีจิ้งเผยยิ้มแสยะให้หลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อ
ในวาจาเผยให้เห็นชัดว่ามันไม่ได้เห็นทั้งคู่อยู่ในสายตา กระทั่งยังคิดลงมือสังหารทั้งคู่ให้ตาย!
หลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อดว้ยรู้ดีว่าฉีจิ้งมีคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอยู่เบื้องหลัง พวกมันจึงไม่กล้าที่จะลงมือสังหารฉีจิ้ง ด้วยกลัวขุมพลังของพวกมันจะเดือดร้อนจากการตอบโต้ด้วยความพิโรธคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง
ทว่าฉีจิ้งนั้นแตกต่างกัน!
เบื้องหลังฉีจิ้งก็คือคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอันเป็นขุมพลังชั้น 4 แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกลัวขุมพลังชั้น 5 ที่อยู่เบื้องหลังลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อแม้แต่น้อย!!
เพราะต่อให้วัดฟ่านเทียนผนึกกำลังกับศาลเจ้าชุนหยาง ก็ไม่อาจเทียบอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้เลย…นี่คือความต่างชั้นระหว่างขุมพลังชั้น 5 กับชั้น 4!
“หากเจ้าคิดให้พวกเราลงมือเต็มกำลัง เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีพลังสามารถหรือไม่!”
จิ้งชวีจื่อที่มักสงบสำรวม ตอนนี้กล่าวออกด้วยโทสะแล้ว
“ข้าจะมีพลังสามารถรึเปล่า เดี๋ยวพวกเจ้าจะได้รู้”
ฉีจิ้งแสยะยิ้มออกมาอีกครา
และทันทีที่สิ้นคำ อาณาบริเวณพื้นที่กินรัศมี 100 หมี่โดยมีมันเป็นจุดศูนย์กลาง พลันสั่นไหวสะท้านไปทันใด
ปราณแรกกำเนิดอันทรงพลังปะทุพวยพุ่งออกมาดั่งไอน้ำ ควบรวมก่อเกิดเป็น พายุพลังอีกครั้ง!
พายุพลังนี้เป็นแบบเดียวกันกับที่มันใช้สังหารจงกู้ เป็นกลพลังจากเขตแดนของมัน!
เขตแดนของมันเรียกว่า แดนมหาพายุ!
ทุกผู้คนที่ย่างกรายเข้ามาในเขตแดนของมัน จะรู้สึกเสมือนถูกพายุพลังไร้สภาพพัดกระหน่ำปะทะเคี่ยวกรำร่างตลอดเวลา! และพายุจะรุนแรงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปราณแรกกำเนิดที่มันจ่ายออก!!
และพายุพลังลูกหนึ่งที่มันควบรวมสร้างขึ้นเบื้องหน้าเช่นนี้ ก็เป็นกลพลังอันคล้ายคลึงกับ หมื่นกระบี่รวมหนึ่งของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง เพราะของมันจะควบรวมพลังปั่นป่วนทั้งหมดในเขตแดน มาควบรวมเป็นพายุพลังที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง!
ต่างจากการลงมือสังหารจงกู้ คราวนี้ฉีจิ้งเลือกใช้พลังอำนาจขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญเต็มกำลังทันที!
เรียกว่าพายุพลังที่ก่อเกิดขึ้นตอนนี้มีพลังอำนาจดุจเดียวกันกับพายุพลังที่ปะทุพลังสังหารอันแกร่งกล้าวินาทีที่ฆ่าจงกู้!
เผชิญกับพายุพลังรุนแรงเบื้องหน้า กระทั่งหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อจำต้องชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันใด
หลังจากนั้นทั่วร่างของทั้งคู่ก็พลันสั่นไหวสะท้านไปอย่างพร้อมเพรียง
ทันใดนั้นจีวรชุดพรตของหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อที่กระพือไหวด้วยปราณแรกกำเนิดก่อนหน้า ยิ่งมายิ่งกระพือสะบัดไหวแรง สนามพลังกินอาณาบริเวณรัศมี 100 โดยมีทั้งคู่เป็นจุดศูนย์กลางพลันแผ่กางออกมาอย่างพร้อมเพรียง!
พริบตาเขตแดนกินรัศมี 100 หมี่รอบกายหลวงจีนลายบุปผาก็ควบรวมก่อเกิดขึ้น!
ทั้งเขตแดนที่มีรัศมี 100 หมี่โดยยึดจิ้งชวีจื่อเป็นจุดศูนย์กลางก็ก่อตัวขึ้นเช่นเดียวกัน!