WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1692
ตอนที่ 1692 :กลิ่นอายปราณมาร อันชั่วร้ายน่าสะอิดสะเอียน!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพายุพลังที่ควบรวมก่อเกิดจากเขตแดนของฉีจิ้ง หลวงจีนลายบุปผาก็เร่งใช้ปราณแรกกำเนิดของตัวก่อเขตแดนขึ้นมาทันที!
เขตแดนของหลวงจีนลายบุปผานั้น มันทอประกายแสงสีทองสว่างไสวออกมาราวกับรัศมีธรรมอันศักดิ์สิทธิ์!
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับแสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาด้วยพลังปราณสุริยันของต้วนหลิงเทียนอันคล้ายแสงแรงกล้าของดวงตะวัน! เขตแดนของหลวงจีนลายบุปผาคล้ายเขตแดนสีตกไปทันใด!!
สีทองของเขตแดนหลวงจีนลายบุปผาสว่างเจิดจ้าไม่เท่า พลังสภาวะก็ไม่เท่า
แน่นอนว่าพลังสภาวะทั้งแสงสีทองจะสว่างเจิดจ้าไม่เท่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขตแดนของหลวงจีนลายบุปผาจะอ่อนด้อย!
ภายในเขตแดนของลายบุปผาทุกคนแลเห็นได้ชัดเจนว่าปรากฏพระพุทธรูปมากมายกลางอากาศ บ้างก็อยู่ในปางสมาธิ บ้างก็อยู่ในปางประทานพร กระทั่งปางปรินิพพาน ฯลฯ เรียกว่ามีทั้งท่านั่งยืนและนอนครบครัน
และพระพุทธรูปเหล่านี้ยังมีมากมายนับพัน!
“เขตแดนพันพุทธองค์!!”
เมื่อเห็นพระพุทธรูปมากมายในปางต่างๆในเขตแดนของหลวงจีนลายบุปผา ผู้คนที่รับทราบนามของเขตแดนนี้พลันโพล่งออกมาด้วยความชื่นชม!
“เขตแดนพันพุทธองค์งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นทันใด แม้จะอยู่ไกลห่างแต่เขายังสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของเขตแดนพุทธองค์ แม้ว่ากลิ่นอายพลังจะไม่รุนแรงดุร้ายเหมือนเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขา แต่หากเทียบกับเขตแดนทั่วไปยังนับว่าร้ายกาจนัก!
แถมแต่ละอริยาบทหรือปางต่างๆของพระพุทธรูปยังให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป
บางรูปเผยใบหน้าอารีย์เปี่ยมเมตตา บางรูปให้ความรู้สึกเกรี้ยวกราดดุร้าย บ้างยิ้มราวกับยินดีมีสุข บ้างร่ำไห้ราวกับเวทนาเศร้าหมอง บ้างก็บูดบึ้งปานมีคนติดหนี้แล้วไม่ยอมชำระ…
ขณะเดียวกันนั้นเองเขตแดนของจิ้งชวีจวี่ก็ก่อเกิดแล้วเสร็จเช่นกัน
เขตแดนของจิ้งชวีจื่อนั้น ภายในเขตแดนกลับเต็มไปด้วยไอพลังสีน้ำเงินอันคล้ายคลึงกับสีชุดนักพรตของมัน
และภายในเขตแดนอันเต็มไปด้วยไอพลังสีน้ำเงินนั้น ทุกคนสามารถแลเห็นกระบี่พลังเล่มเขื่อง 2 เล่มที่กำลังเคลื่อนไหววนเวียนไปมาเป็นวงได้ชัดถนัดตา
กระบี่แต่ละเล่มนั้นเรียกว่า มีความยาวมากกว่า 30 หมี่ ทั้งกว้างราว 2 หมี่ พวกมันโคจรรอบกายจิ้งชวีจื่อด้วยความเร็วที่ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป คล้ายกำลังปกป้องคุ้มครองจิ้งชวีจื่อ
“เขตแดนทวิภาวะ!!”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงอุทานด้วยความชื่นชมจากผู้คน
“หืม? เขตแดนทวิภาวะงั้นเหรอ!?”
ต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันใด สำหรับคำ ‘ทวิภาวะ’ นั้น ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขาเลย!
ในโลกเก่าของเขาประเทศหัวเซี่ย และทวีปทางตะวันออกนั้นมีคำกล่าวถึงหลัก ทวิภาวะเอาไว้ชัดเจน! หนังสือของนักพรตเต๋าต่างๆก็บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด
แรกกำเนิด, ทวิภาวะ, สามองค์ประกอบ, สี่ลักษณะ, ห้าธาตุ, การภาคีลักฮะ, เจ็ดนักษัตร, ปากว้า, เก้าวัง
เรื่องราวเหล่านี้ล้วนมีบันทึกไว้ในตำราเต๋ามากมาย ในคัมภีร์อี้จิ้งเองก็มีกล่าวถึง
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรพวกมันมากนัก แต่ก็ยังพอจดจำได้บ้าง
“ถึงแม้เขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อจักมิได้แลดูอลังการเหมือนเขตแดนพันพุทธองค์ของหลวงจีนลายบุปผา หากแต่กระบี่คู่หยินหยางในเขตแดนทวิภาวะนั่นกลับมีพลังอำนาจที่ร้ายกาจนัก! ก่อนหน้านี้จิ้งชวีจื่อยังเคยใช้กระบี่หยินหยาง ทวิภาวะคู่นี้ เอาชนะเขตแดนพันพุทธองค์ของหลวงจีนลายบุปผามาแล้ว! กระทั่งสุดท้ายยังเอาชนะหลวงจีนลายบุปผาไปได้อย่างเฉียดฉิว!!”
ไม่นานก็มีเสียงหนึ่งดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน
“พอเจ้ากล่าวขึ้นมาข้าก็นึกขึ้นได้…การประลองครั้งนั้นข้าก็เคยได้ยินมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้าเคยได้ยินมาว่าหลวงจีนลายบุปผาเองก็เคยควบรวมเขตแดนพันพุทธองค์เอาชนะกระบี่หยินหยางจากเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อได้เช่นกัน และยังเป็นการเอาชนะได้เพราะมีปราณแรกกำเนิดสูงล้ำกว่าเล็กน้อย!”
จากนั้นก็มีคนกล่าวขึ้นมา
“พลังฝีมือของหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ ล้วนคู่คี่ทัดเทียมกันมาเช่นนี้นานแล้ว ยามประลองกันคราใดหากไม่เสมอ ก็ล้วนมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียดทุกครา เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรในเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกเรา”
“ที่เจ้าว่าก็ใช่ แต่หากเปรียบเทียบเขตแดนกันแล้ว ในแง่ของพลังทำลายข้าว่าเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อแข็งแกร่งกว่า!”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น กระบี่คู่หยินหยางในเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อ นั้นมิได้ด้อยไปกว่าศาสตราเซียนด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้ว! สำหรับในการประลองที่ห้ามมิให้ใช้ศาสตราเซียนเช่นนี้ จิ้งชวีจื่อนับว่ามีเปรียบในเรื่องศาสตราจากการใช้กระบี่คู่หยินหยางในเขตแดนทวิภาวะของมัน!”
……
เสียงกระซิบกระซาบโดยรอบล้วนดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนไม่หยุด ทำให้เขาได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบี่เล่มเขื่องทั้ง 2 ที่ลอยล่องในเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อ
“กระบี่คู่หยินหยาง? เขตแดนทวิภาวะ? น่าสนใจจริงๆ”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สายตาของต้วนหลิงเทียนกลับจดจ้องไปยังกระบี่ทั้ง 2 เล่มในเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อไม่วางตา
ตอนนี้เองไม่ว่าพะพุทธรูปนับพันในเขตแดนพันพุทธองค์ของหลวงจีนลายบุปผา และกระบี่คู่หยินหยางในเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
เผชิญหน้ากับพายุพลังอันน่ากลัวของฉีจิ้ง พระพุทธรูปนับพันของหลวงจีนลายบุปผาพลันเปล่งแสงสว่างไสวเรืองอร่ามออกมา
ทันใดนั้นประหนึ่งปรากฏดวงไฟนับพันเปล่งแสงแรงกล้าปานดวงตะวันพุ่งเข้าไปยังจุดหนึ่ง! เป็นพระพุทธรูปนับพันที่เริ่มพุ่งเข้าหากัน!!
ทันใดนั้นพระพุทธรูปนับพันเริ่มควบรวมผสานกัน!
แสงสีทองสว่างไสวพลันปะทุออกมาทันใด เมื่อผู้คนกลับมาแลเห็นเรื่องราว ทั้งหมดก็เห็นพระพุทธรูปทองคำแลดูไม่ธรรมดาตระหง่านอยู่เบื้องหน้า!!
ยังเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่โตมหึมาปานขุนเขา!!
กระทั่งพายุพลังที่ฉีจิ้งควบรวมก่อเกิดจากแขตแดนมหาพายุ ก็ยังคล้ายจะกลายเป็นพายุอันจิ๋ว เรียกว่ามันมีความสูงไม่ถึงเอวของพระพุทธรูปทองคำมหึมาด้วยซ้ำ!!
“นี่มัน…”
เห็นฉากนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็อดตกตะลึงไปเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นลักษณ์พลังรูปพระพุทธรูปที่เกิดจากการรวมตัวกันของพลังในเขตแดนหลวงจีนลายบุปผาก็ตามที แต่เขาอดตกใจไม่ได้
เพราะว่าพระพุทธรูปนี้นับว่าสูงใหญ่เทียมฟ้าจริงๆ แรกเห็นก็ให้ความรู้สึกกดดันอันใหญ่หลวงแล้ว
แน่นอนว่าความรู้สึกกดดันนั้นไม่ได้มาจากพลังอำนาจของมัน หากแต่เป็นขนาดที่ใหญ่โตมหึมาต่างหาก!!
ความรู้สึกที่ว่า ก็เสมือนอยู่ดีๆมีขุนเขามหึมาลูกหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาตรงหน้าของท่าน!
ในขณะที่หลวงจีนลายบุปผาควบรวมพันพุทธองค์ก่อเกิดพระพุทธร์องค์มหึมา กระบี่คู่หยินหยางของจิ้งชวีจื่อก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกมันพุ่งแยกย้ายไปยังขอบของเขตแดนตรงข้ามกัน
และเมื่อพวกมันใกล้ถึงขอบของเขตแดนแต่ละฝั่ง พวกมันก็เริ่มกลืนกินพลังของเขตแดนทวิภาวะอย่างบ้าคลั่ง ไอพลังสีน้ำเงินถูกกระบี่แต่ละเล่มสูบกลืนด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า เรียกว่าไอพลังหลั่งไหลเข้าสู่กระบี่ปานธารน้ำไหลเชี่ยวก็ไม่เกินเลย!
ขณะเดียวกัน กระบี่คู่หยินหยางก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน!
ประการแรกขนาดของมันกลับกลายเป็นขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก ถึงแม้จะไม่เท่ากับพระพุทธรูปมหึมาของหลวงจีนลายบุปผา แต่ก็ยังใหญ่กว่าพายุพลังของฉีจิ้ง!!
แน่นอนว่าที่แปรเปลี่ยนไปไม่ใช่ขนาดของกระบี่เท่านั้น!
เพราะนอกจากขนาดแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่หยีตามองอยู่ยังสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของพลัง และสีของกระบี่คู่หยินหยางได้ชัดเจน
กระบี่เล่มหนึ่งเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แผ่พุ่งหมอกพลังมืดทะมึนออกมาห้อมล้อมดั่งไอเย็น แลดูน่ากลัวพิกล!
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังสีดำนั่นกลับเต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กลิ่นอายพลังชั่วร้ายดั่งมารปีศาจอะไร
ส่วนอีกเล่มนั้นเริ่มกลับกลายเป็นขาวกระจ่าง ยังส่องแสงพลังสว่างไสวออกมาบาดตา ยากที่ผู้คนจะมองจ้องตรงๆได้นาน!
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่มันถูกเรียกว่ากระบี่คู่หยินหยาง และเขตแดนทวิภาวะ! ที่แท้รูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันกลับเป็นดั่งหยินหยาง 2 ภาวะที่อยู่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง!!”
เห็นฉากเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจได้
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนพลันส่องประกายสว่างวาบ เพราะพระพุทธรูปหึมาอันเป็นลักษณ์พลังที่ก่อเกิดจากเขตแดนพันพุทธองค์ของหลวงจีนลายบุปผา พลันยกมือขวาง้างขึ้นแล้วฟาดออก! เป็นการตบฟาดอันน่ากลัวนัก!!
ฝ่ามือที่ตบฟาดลงมาด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่มโถมทับ! จี้ตรงไปยังพายุพลังของฉีจิ้ง ราวกับจะตบฟาดทำลายให้มันสลายหายไปเสีย!!
ทันใดนั้นเสียงสนั่นพลันดังสะท้านขึ้นมากึกก้องในอากาศ ฝ่ามือของพระพุทธรูปองค์เขื่องปะทะเข้ากับพายุพลังของฉีจิ้งอย่างจัง!!
ทั้งสองปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงออกมาต่อต้านปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร คลื่นกระแทก ทั้งพลังสะท้อนกำจายออกไปเป็นวงระลอกแล้วระลอกเล่า มวลอากาศฟุ้งตลบสายลมอันรุนแรงซัดกวาดออกไปทั่วสารทิศ! ยังรุนแรงปานอุบัติใต้ฝุ่นถล่มออก!!
หลังปะทะหักหาญไปได้ครู่หนึ่ง อัศจรรย์พลันบังเกิด! ฝ่ามือมหึมาอันเต็มไปด้วยพลังอำนาจปานเขาถล่มของหลวงจีนลายบุปผากลับปริร้าวปานกระจกแก้ว แถมรอยร้าวยังลุกลามไปทั่วร่างมหึมาอย่างฉับไว! และพริบตาต่อมาร่างมหึมาปานขุนเขาพลันแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ!!
“อั๊ค!!”
ทันทีที่พระพุทธรูปใหญ่โตปานขุนเขาแตกระเบิด หลวงจีนลายบุปผาพลันกระอักโลหิตสีเข้มออกมาคำใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามันบาดเจ็บภายในสาหัสแล้ว!!
สำหรับพายุพลังนั้น มันเพียงจางลงจนแทบจะสลายตัว หลังจากปะทะหักหาญกับฝ่ามือของพระพุทธ์รูปองค์เขื่อง!!
ทว่าที่แปลกประหลาดก็คือฉีจิ้งที่สมควรอยู่ในขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญเหมือนกัน กลับไม่ได้รับผลกระทบของการปะทะพลังกันจนพายุพลังจางลงแม้แต่น้อย!
“นี่มันอะไรกัน…”
เห็นฉากดังกล่าวไม่ใช่แค่เพียงหลวงจีนลายบุปผาจะเบิกตากว้างปานลูกวัวแรกเกิดด้วยความเหลือเชื่อ ผู้ชมโดยรอบเองยังเผยความสันสนงุนงงออกมาเต็มใบหน้า
เรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
นั่นหมายความว่าแม้จะเป็นเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญดุจเดียวกัน แต่พลังความแข็งแกร่งของฉีจิ้งกลับเหนือล้ำกว่าหลวงจีนลายบุปผาอย่างไรเล่า!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึงกับเรื่องราวอยู่นั้นเอง พลันมีเสียงแหวกฝ่าอากาศฉับไว 2 เสียงดังขึ้นดึงสติทุกคนให้กลับมาอยู่กับเรื่องราวอีกครั้ง! เป็นจิ้งชวีจื่อที่ควบคุมกระบี่หยินหยางทั้ง 2 เล่มให้พุ่งแหวกอากาศไปฉับไว!
หนึ่งสีดำ หนึ่งสีขาว พุ่งทะลวงแหวกฟ้าออกไปปานอัสนีฟาด ก่อให้เกิดคลื่นเสียงระเบิดดังลั่นไม่หยุด! ตัวกระบี่ฉีกกระชากสายลมอากาศที่ผ่านพ้นจนแยกออก! ทว่าพริบตานี้แม้แต่สายลมก็เหมือนจะหยุดเคลื่อนไหว!!
แน่นอนว่าไม่ใช่สายลมมันหยุดเคลื่อนไหวจริงๆ!
หากแต่ความเร็วของกระบี่เล่มเขื่องกลับรวดเร็วฉับไวเสียจน ผู้คนรู้สึกเสมือนสายลมยังหยุดนิ่ง!!
พริบตาต่อมากระบี่หยินหยางจากเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อ ก็พุ่งไปปะทะกับพายุพลังของฉีจิ้ง ที่จางลงทันใด!!
ต้องกล่าวเลยว่าในแง่ของการโจมตีแล้ว อำนาจทำลายของกระบี่หยินหยางจากเขตแดนทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อ แลดูจะมีภาษีเหนือกว่าลักษณ์พลังมหึมาของหลวงจีนหลายบุปผาอยู่บ้าง!
ด้วยกระบี่พลังทรงฤทธิ์เดชทั้ง 2! พายุพลังที่จางลงก็ยากจะต้านทานรับได้ไหว เพียงแข็งขืนได้เสี้ยวพริบตา มันก็แตกระเบิดกระจัดกระจายเป็นไอพลังปั่นป่วน พุ่งหายไปในอากาศ!!
กระบี่พลังมหึมาสีขาวดำ หลังทำลายพายุพลังไปแล้ว ก็พุ่งแหวกฟ้าตัดอากาศจี้ตรงไปยังร่างฉีจิ้ง หมายพิฆาตเผด็จศึก!!
“ทำลายได้ดี!!”
เห็นฉากนี้ผู้คนพลันโพล่งคำออกมาด้วยความตื่นเต้น
กระบี่คู่หยินหยางของจิ้งชวีจื่อนับว่าเปิดหูเปิดตาให้พวกมันแล้ว!!
จังหวะนี้คนของศาลเจ้าชุนหยางอดไม่ได้ที่จะหัวร่อออกมาอย่างถูกใจ!
ไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหลวงจีนลายบุปผาด้วยซ้ำ อันที่จริงลำพังแค่จิ้งชวีจื่อผู้เดียวก็มีพลังมากพอจะสยบฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่สำคัญตัวผิดคิดเหิมเกริมผู้นี้แล้ว!!
ท้าประลองพร้อมกันหรือ? เหลวไหลสิ้นดี!
“จิ้งชวีจื่อ กระบี่คู่หยินหยางของเจ้านับว่าทรงพลังไม่ใช่ชั่วจริงๆ…น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ได้เวลาจบเรื่องแล้ว!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าฉีจิ้งไม่แคล้วต้องถูกกระบี่คู่หยินหยางสยบได้แน่ๆ เสียงเย็นเยือกเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของฉีจิ้งพลันดังขึ้น!
อย่างไรก็ตามเสียงเย็นเยือกนี้ของฉีจิ้ง กลับมาพร้อมความรู้สึกชั่วร้ายอันตรายประการหนึ่ง พาลให้ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงไขสันหลังยามได้ฟัง!
และในขณะเดียวกันนั้นเอง ก่อนที่ทุกผู้คนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราวอะไร กลิ่นอายพลังอันชั่วร้ายน่าสะอิดสะเอียนขุมหนึ่งพลันปะทุพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของฉีจิ้ง!!
พริบตานั้นเอง พายุพลังอีกลูกอันเปี่ยมล้นไปด้วยปราณมารอันน่าพรั่นพรึงพลันอุบัติขึ้นเบื้องหน้าฉีจิ้งในทันทีทันใด! ทั้งยังพัดพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว!!
ความเร็วดังกล่าว..กระทั่งหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อยังไม่อาจ ตอบสนองได้ทันเวลา!!