WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1705
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1705
ตอนที่ 1,705 : ร่างอวตาร!
“ห่านซิ่นเจ้าคิดจะทำอะไร!?”
เมื่อเห็นว่าอยู่ๆหานซิ่นก็ปรากฏตัวขึ้นทั้งยังลงมือซัดพลังหมายสังหารนาง กระทั่งเป็นิงหนูที่เข้ามาขวางจนตกตายไปแทน สีหน้าของหานเฉวี่ยไน่ก็แปรเปลี่ยนไป ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงคับแค้น
“ข้าคิดจะทำอะไร?”
หานซิ่นกล่าวเย้ยหยัน “หานเฉวี่ยไน่ ในอดีตข้าเคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าจักรู้บุญคุณคน…ที่ข้าต้องการก็แค่ที่มาที่ไปของคนที่สังหารหลานชายข้าเท่านั้น แต่เจ้ากลับบ่ายเบี่ยงมิเลิกรา! ความอดทนของข้าย่อมมีจำกัด! คราวนี้หากเจ้ายังไม่คายความเป็นมาของมันออกมา ข้าจะส่งเจ้าไปหาชิงหนูในนรก!!”
วาจาท้ายประโยคที่หานซิ่นกล่าวออก สองตายังเผยจิตสังหารอำมหิต
“ชิงหนู! ชิงหนู!!”
หานเฉวี่ยไน่ไม่สนใจหานซิ่นเพียงทั้งตัวก้มลงไปกอดร่างชิงหนู ร่ำร้องเรียกหาออกมาแทบขาดใจ สองตาของนางแดงฉานปานโลหิต
ชิงหนูนั้นคอยดูแลอยู่เคียงข้างรวมถึงเล่นกับนางมาตั้งแต่นางยังเล็กเป็นเด็กน้อย นางจึงยึดถือชิงหนูเป็นดั่งคนสำคัญในครอบครัวมานานแล้ว
ทว่าวันนี้ชิงหนูกลับต้องมาตกตายเพราะปกป้องนาง!
ใจของหานเฉวี่ยไน่รู้สึกเจ็บปวดนัก!
เมื่อเห็นว่าหานเฉวี่ยไน่ไม่สนใจ สีหน้าหานซิ่นยิ่งมืดลง “อย่าได้คิดว่าเจ้าจะถ่วงเวลาอันใดให้คนมาช่วยเหลือได้ทัน…ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ไม่ว่าจะบิดาของเจ้า หรืออามู่ของเจ้า พวกมันล้วนกำลังหารือกับคนของข้าเรื่องที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่ส่งคนมารับตัวเจ้า…”
“เช่นนั้นเร็วๆนี้คงยากจะมีใครมาช่วยเจ้าได้!”
ยิ่งมาวาจาของหานซิ่นยิ่งคล้ายจะเย็นลงทุกขณะ ยังเสมือนผุดซึมขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง พาลให้ผู้ที่ได้ยินหนาวใจนัก
“ฮึก..ชิงหนู…”
เมื่อเห็นร่างชิงหนูที่แน่นิ่งไปไร้ความเคลื่อนไหว แววตาของหานเฉวี่ยไน่ก็เริ่มกลายเป็นเลื่อนลอย
ก่อนที่นางจะทันรู้ตัว ภาพอาจารย์ของนางพลันแง่บขึ้นมาในหัว “เฉวี่ยไน่ผู้บ่มเพาะพำเพ็ญพลังด้วยเคล็ด ธุลีแดง อย่างพวกเรา จำต้องใช้อารมณ์ทางโลกมาเคี่ยวกรำขัดเกลาจิตใจ ต้องผ่านพ้นเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา สัมผัสถึงทุกห้วงอารมณ์ในโลกียะ รู้สำนึกถึงชีวิตและความตาย…จึงจะเข้าใจเคล็ด ธุลีแดง ได้อย่างถ่องแท้…”
หลังจากนั้นวาจาที่อาจารย์ของนางกำชับไว้ก่อนที่จะจากไป ก็ดังขึ้นในหู “หากเจ้าพบคนของเผ่าพันธุ์มังกรมาตอแยเจ้า เพียงจ่ายพลังปราณแท้ลงไปในนี้…สำหรับเรื่องราวหลังจากนั้น เจ้ามิต้องเป็นกังวลอันใดอีก”
ตอนนั้นอาจารย์ของนางกลัวว่านางจะเผลอไปปะทะเข้ากับเผ่าพันธุ์มังกร ยามไปยังทวีปเมฆาล่อง จึงได้มอบมีดสั้นที่แลดูงดงามให้นางไว้เล่มหนึ่ง…
และเป็นเพราะครั้งสุดท้ายที่ออกเดินทางไปยังทวีปเมฆษล่อง นางไม่ได้เจอคนของเผ่าพันธุ์มังกร นางจึงลืมเลือนมีดสั้นเล่มนี้ไปหมดสิ้น
สำหรับอาจารย์นั้น หานเฉวี่ยไน่เองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
สิ่งเดียวที่หานเฉวี่ยไน่รู้ก็คือ อาจารย์ของนางอ้างตัวว่าเป็นผู้สืบทอด ธุลีแดง และเป็นอะไรที่นางจะต้องสืบทอดมันเป็นคนต่อไป
ในตอนแรกอาจารย์ของนางยังไม่อนุญาตให้นางบำเพ็ญพลังด้วยเคล็ด ลีแดง ด้วยกล่าวบอกว่ายังไม่ถึงเวลา…และในวันที่อาจารย์ของนางจากไป ในที่สุดอีกฝ่ายก็อนุญาตให้นางฝึกฝนบ่มเพาะมันได้
อย่างไรก็ตาม เคล็ดบำเพ็ญจิต ธุลีแดง เป็นอะไรที่ลึกซึ้งสุดที่นางจะเข้าใจได้นัก เพราะนางพึ่งเริ่มบ่มเพาะมันได้ไม่นาน และนางก็ยังไม่เข้าใจถึงอารมณ์หลายๆอย่าง
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ตอนนี้ในมือของหานเฉวี่ยไน่กลับปรากฏมีดสั้นแลดูสวยงามขึ้นมา
“หืม?”
แม้ความเคลื่อนไหวของเฉวี่ยไน่จะไม่ได้มากมาย แต่หานซิ่นก็ค้นพบได้แทบจะทันที เพราะไม่ว่าจะอย่างไรหานซิ่นก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียน!
“อะไร? เจ้าคิดจะขัดขืนข้าด้วยมีดกระจ้อยร่อยนั่นหรือ?”
หานซิ่นหัวเราะเยาะ
หานเฉวี่ยไน่เร่งเร้าปราณแท้ขึ้นมาก่อนที่จะถ่ายทอดลงสู่มีดเล่มเล็กๆดังกล่าวทันที
และทันใดนั้นเอง เมื่อปราณแท้ของนางถ่ายทอดลงมีดสั้นเล่มเล็กได้ไม่ทันไร มีดเล่มดังกล่าวก็แตกสลายกลับกลายเป็นละอองแสงปานฝุ่นนับล้านๆชิ้น!!!
ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
ที่สำคัญที่สุดก็คือทันทีที่มีดเล่มเล็กๆดังกล่าวแตกระเบิดออกมา พลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างๆหานเฉวี่ยไน่
เงาร่างดังกล่าวนั้นมีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ หากมองให้ชัดจะพบว่าเป็นอิสตรีนางหนึ่ง ทั้งยังเป็นอิสตรีที่เลอโฉมนัก!
“เฉวี่ยไน่”
ทันทีที่ร่างสตรีเลอโฉมปรากฏกายนางก็มองไปยังหานเฉวี่ยไน่ด้วยรอยยิ้มบางๆ ทว่าครู่ต่อมาพอเห็นร่างที่หานเฉวี่ยไน่กอดอยู่นางพลันขมวดคิ้วทันใด…
เห็นชัดว่านางรู้จักชิงหนูด้วย
“ท่านอาจารย์…ท่านอาจารย์”
เมื่อเห็นเงาร่างที่ปรากฏขึ้นข้างกาย หานเฉวี่ยไน่ก็จดจำได้ทันทีว่านี่คืออาจารย์ของนาง กระทั่งยังอึ้งตะลึงไปพักหนึ่ง จนเมื่ออาจารย์ของนางเรียกหา ค่อยได้สติ
หากแต่ในใจของหานเฉวี่ยไน่กำลังเต็มไปด้วยความสับสนนัก
การใช้พลังสร้างเงาร่างออกมาแบบนี้ ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋าที่บรรลุจุดสูงสุดขอบเขตสู่ธรรมชาติก็สามารถกระทำได้ทั้งสิ้น และสิ่งนี้ยังเรียกว่าภาพฉายสู่ธรรมชาติ
ภาพฉายสู่ธรรมชาติ ก็ทำได้แค่สร้างร่างเงาเสมือนจริง บ้างยังทำให้เลือนรางคล้ายภูตผี แต่นอกจากทำให้ผู้อื่นสับสนแล้วก็ไร้ความสามารถอื่นใดอีก
แถมภาพฉายสู่ธรรมชาติ ก็มีระยะการใช้งานอันจำกัดนัก
ทว่าอาจารย์ที่ไม่รู้อยู่แห่งหนตำบลใด กลับส่งภาพฉายสู่ธรรมชาติมาปรากฏร่างเบื้องหน้าของนาง อีกทั้งยังคล้ายใช้มีดสั้นเป็นสื่อนำ?
“อาจารย์รู้ว่าตอนนี้ในใจเจ้าคงมีคำถามมากมาย แต่ร่างอวตารของอาจารย์มีเวลาจำกัด…ให้ข้าฆ่ามันก่อน ค่อยอธิบายให้เจ้าฟัง”
สตรีเลอโฉมพยักหน้าให้หานเฉวี่ยไน่เบาๆ ก่อนที่จะหันไปมองหานซิ่น
ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากเจตนาฆ่าฟันที่เผยออกในแววตาหานซิ่น นางย่อมรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดฆ่าศิษย์ของนาง!
แววตาคู่งามของนางพลันเผยความดุร้ายออกมาทันที
ขุมพลังอย่าง 7 ทวาราเที่ยงแท้ นับว่ามีคนอยู่น้อยนิดนัก…ดังนั้นทุกคนจึงปกป้องดูแลผู้สืบทอดของตัวเองอย่างดี กระทั่งนางก็ไม่เว้น
“ร่างอวตาร?”
หานซิ่นเผยความตื่นตระหนกไม่น้อย ตั้งแต่เห็นมีดสั้นของหานเฉวี่ยไน่แตกตัวเป็นจุดแสง ก่อนที่จะปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมา
ภาพฉายสู่ธรรมชาติเป็นกลพลังของผู้บรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตสู่ธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเมื่อบรรลุถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ พลังงานต้นกำเนิดในร่างจะแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้ และทำให้ไม่อาจใช้ภาพฉายสู่ธรรมชาติได้อีกต่อไป..
(สูงสุดขอบเขตสู่ธรรมชาติ = จักพรรดิขั้นสูงสุด)
ดังนั้นมันจึงไม่คิดว่าเงาร่างดังกล่าวจะเป็นภาพฉายสู่ธรรมชาติ!
ตอนนี้พอมาได้ยินสตรีโฉมงามกล่าวออกด้วยตัวเองว่า ‘ร่างอวตาร’ หานซิ่นจึงรู้สึกคุ้นหูไม่น้อย และหลังจากคิดทบทวนอยู่พักหนึ่งในที่สุดมันก็จดจำได้!
ผู้ฝึกเต๋าที่ข้ามผ่านขอบเขตอริยะเซียนไป จะได้รับความสามารถในการสร้างร่าง อวตาร ขึ้นมา!
ความสามารถนี้หากนำไปใช้ต่อสู้ค่อนข้างไร้ประโยชน์ การใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดสมควรเป็นผนึกพลังสร้างร่างอวตารนี้ไว้ในเครื่องรางที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ทันทีที่มีการจ่ายพลังลงไปก็จะปลดปล่อยร่างอวตารออกมา
ผู้ฝึกเต๋าระดับสูงๆ มักผนึกพลังสร้างร่างอวตารเอาไว้ในเครื่องรางของขลัง ที่มอบไว้ให้ศิษย์หรือลูกหลาน เป็นสิ่งที่จะช่วยปกป้องในยามฉุกเฉิน
เมื่อทราบถึงจุดนี้สีหน้าหานซิ่นพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง “จะ…เจ้าเป็นผู้ฝึกเต๋าที่ก้าวข้ามขอบเขตอริยะเซียน!?”
มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆว่าหานเฉวี่ยไน่จะมีอาจารย์ระดับนี้!
สวรรค์!
ผู้ฝึกเต๋าที่ก้าวข้ามขอบเขตอริยะเซียนไป…ไม่ใช่ว่าสามารถฆ่ามันให้ตายได้ง่ายดายเลยหรือ?
“เจ้านับว่ารู้มากเหมือนกันนี่ ถึงกับรู้จักร่างอวตารด้วย”
สตรีโฉมงามหัวเราะเบาๆ
ทว่าทันใดนั้นเองหานซิ่นคล้ายตระหนักอะไรได้บางอย่าง สีหน้าตึงเครียดของมันค่อยๆผ่อนคลายลง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงดุร้าย “ฮึ่ม! เจ้าจะเป็นผู้ฝึกเต๋าที่ข้ามผ่านอริยะเซียนแล้วอย่างไร? ในเมื่อเจ้าทำได้แค่ทิ้งร่างอวตารไว้ให้หานเฉวี่ยไน่ เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้ามิอาจกลับมาช่วยเหลือนางได้ทัน…เจ้าคิดว่าจะหยุดข้าหานซิ่นด้วยร่างอวตารนี่งั้นหรือ?”
หานซิ่นกล่าวเย้ยหยันออกมา
ร่างอวตารของผู้ฝึกเต๋าระดับสูงที่กล่าวกันว่าไร้ประโยชน์ในการต่อสู้จริงนั้น ไม่ใช่เพราะอะไรที่ไหนแต่เป็นเพราะมันอ่อนแอเกินไป…
รางอวตาร ของผู้ฝึกเต๋านั้น โดยมากแล้วจะมีพลังฝึกปรือด้อยกว่าเจ้าตัวถึง 2-3 ขอบเขต
ตัวอย่างเช่นผู้ฝึกเต๋าที่มีพลังฝึกปรือก้าวข้ามขอบเขตอริยะเซียนไปขอบเขตหนึ่งจนบรรลุขอบเขตเซียนมนุษย์ ยามใช้ออกด้วยร่างอวตาร หากพลังฝีมือร้ายกาจเข้าหน่อยร่างอวตารของมันจะมีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนขัดเกลา แต่หากพลังฝีมือไม่ได้ร้ายกาจอะไร ร่างอวตารอาจจะมีพลังฝึกปรือแค่เซียนดั้งเดิม
มีเพียงผู้ฝึกเต๋าที่บรรลุขอบเขตพลัง เซียนปฐพี หรือเหนือกว่าเท่านั้น ที่จะสร้างร่างอวตารให้มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนได้…
หานซิ่นเองก็เป็นถึงอริยะเซียนขั้นกลางคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วหากผู้ฝึกเต๋าเบื้องหน้า มิได้มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนนภา ก็ไม่มีทางที่ร่างอวตารของอีกฝ่ายจะทำอะไรมันได้
ผู้ฝึกเต๋าขอบเขต เซียนนภา น่ากลัวว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้จะไม่มี!
เพราะต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดของขุมพลังกึ่งชั้น 3 หากแต่พลังฝึกปรือก็สมควรอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพี เท่านั้น!
เหนือขอบเขตอริยะเซียน คือ เซียนมนุษย์
เหนือขอบเขตเซียนมนุษย์ คือขอบเขตเซียนปฐพี
เหนือขอบเขตเซียนปฐพี ก็คือขอบเขตเซียนนภา
ส่วนตัวตนที่มีขอบเขตพลังเหนือกว่าเซียนนภานั้น น่ากลัวว่าคงมีดำรงอยู่แต่ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น อย่างน้อยๆ เท่าที่หานซิ่นรู้มาภูมิภาคเบื้องล่างก็มีแค่เซียนปฐพีเท่านั้น ไม่มีแม้แต่เซียนนภาด้วยซ้ำ
“กบน้อยก้นบ่อ!”
ได้ยินวาจาปรามาสของหานซิ่น ร่างอวตารของสตรีเลอโฉมพลันเผยยิ้มเย็นชา
หลังจากนั้นไม่เห็นว่าที่แท้นางลงมืออย่างไรกันแน่ ทว่าความว่างเปล่ารอบๆกายของหานซิ่นคล้ายกำลังสะท้านสะเทือน และพวกมันเสมือนหดตัวลงกระทันหันราวถูกพลังมหาศาลบีบอัด!!
จังหวะนี้หานซิ่นที่เผยความเย้ยหยันดูแคลน ถึงกับต้องหรี่ตามองนางด้วยความตื่นตระหนก ในแววตายังฉายชัดถึงความสิ้นหวังอันล้นปรี่!
เพราะตอนนี้หานซิ่นพบว่าตัวมันไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรได้เลย ราวกับพื้นที่รอบกายของมันถูกผนึกไว้อย่างไรอย่างนั้น! ปราณแรกกำเนิดในร่างยังไม่อาจโคจรใช้ออก!!
มาตอนนี้หานซิ่นพึงตระหนัก ว่าร่างที่แท้จริงของนางทรงพลังน่าพรั่นพรึงปานใด…เพราะลำพังแค่ร่างอวตารมันก็จนปัญญาจะต้านทานแล้ว!!
“ใต้เท้าไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย! ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ได้โปรดเมตตาละเว้นผู้น้อยด้วย!!”
เผชิญหน้ากับความตาย ความหยิ่งผยองลำพองของหานซิ่นราวกับจะมลายหายไปสิ้น คงเหลือก็แต่ความหวาดกลัวเท่านั้น
ในฐานะตัวตนที่ดั้นด้นบุกฝ่ามาถึงขอบเขตพลังอริยะเซียน มันย่อมรู้ดีว่าต้องเผชิญหน้ากับความลำบากมากี่มากน้อย …
และในห้วงแห่งความเป็นตาย ในหัวมันพลันปรากฏฉากเรื่องราวมากมายครั้งอดีตแล่นวาบขึ้นมา ย้ำเตือนให้รู้ว่ามันเดินมาไกลถึงเพียงใดแล้ว…
ด้วยเหตุนี้มันจึงหวาดกลัว
หากมันตายไปทุกสิ่งทุกอย่างล้วนว่างเปล่า พลังฝึกปรือ สำนึกสติ ไม่เหลือแล้ว…
เช่นนั้นมันจึงละทิ้งความถือดีหยิ่งผยอง ความคิดเดียวในใจที่เหลือคืออยากมีชีวิตอยู่
น่าเสียดายแค่มันอยากมีชีวิตอยู่แล้วมันจะมีชีวิตอยู่ได้งั้นหรือ?
“ฮึ!”
ทันใดนั้นเองมือที่เรียวเล็กแลดูบอบบางของสตรีเลอโฉมพลันหุบลงกลายเป็นกำหมัด
และทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบๆร่างหานซิ่นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงดั่งมีคนทุ่มหินลงสระ พาลให้ผิวสระสงบก่อเกิดคลื่นระลอก กระเพื่อมพัดไปทั่ว
ความว่างเปล่าสะเทือนอย่างรุนแรง มองไปเป็นภาพอันน่าหวาดกลัว เพราะสรรพสิ่งคล้ายจะวูบหดลงเข้าสู่จุดศูนย์กลาง จากนั้นภาพความว่างเบื้องหน้ากลายเป็นบิดเบือน ก่อนที่จะแตกระเบิดออกปานพลุไฟสว่างวาบ หลังจากนั้นก็คงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า…
นอกจากความว่างเปล่าแล้วไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย…
ฟืด!
ได้เห็นฉากเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจเบื้องหน้า หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ มองไปยังร่างอาจารย์ของนางอีกครั้ง แววตายังคล้ายมองคนแปลกหน้าเล็กน้อย