WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1723
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1723
ตอนที่ 1,723 : กัวลู่
เมื่อเห็นว่าหวงจี้หนีจากไปพร้อมศีรษะล้านเลี่ยนเตียนโล่ง สารรูปนับว่าน่าอับอายขายหน้าถึงขีดสุด ศิษย์วังนภาหลายคนรู้สึกหน้าม้านไปทันใด…
แน่นอนว่าศิษย์วังนภาส่วนใหญ่รู้พลังฝีมือของกันและกันดี!
อย่างเช่นศิษย์วังนภา 2 คนที่เดินมาพร้อมกับหวงจี้หมายบุกบ้านต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ให้พวกมันลองถามตัวเองดูว่าสู้หวงจี้ได้ไหม ทั้งคู่ย่อมต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ได้! แต่ตอนนี้หวงจี้กลับแพ้พ่ายจากไปอับอาย พวกมันไหนเลยจะไม่ประสบชะตาอนาถได้หากทะลึ่งท้าตีท้าต่อยกับอีกฝ่าย?!
“อ๊ะ…จริงสิ ข้าลืมไปเลย ข้ามีเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการนี่นา!!”
หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองเบาๆทำท่าคล้ายนึกอะไรได้ออก ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเหินร่างแจ้นขึ้นไปบนฟ้าจากไปอย่างรีบร้อนคล้ายมีเรื่องด่วนจริงๆ…
เมื่อเห็นสหายที่เดินมาด้วยกันตีเนียนจากไปเช่นนี้ ศิษย์วังนภาที่เหลือย่อมไม่กล้าหาข้ออ้างโง่ๆจากไปเช่นนั้นอีกคน
ทว่ามันอาศัยความหน้าทน ยิ้มหวานให้ต้วนหลิงเทียนคราหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวอาดๆไปรวมตัวกับฝูงชนที่มุงออกันโดยรอบก่อนที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องราว…
“หลิงเทียนผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ!”
“ข้ามิเห็นว่าเขาจักใช้ปราณแรกกำเนิดมากมายอันใดด้วยซ้ำ ไฉนถึงได้บรรลุถึงความเร็วอัศจรรย์เช่นนั้นได้เล่า!? เมื่อครู่ข้ามองตามไม่ทันเลยนะ!”
“ข้าเกรงว่าหลิงเทียนคนนี้คงไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้วล่ะ…เขาสมควรเป็นเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ!!”
“อะไร!? เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ! อายุยังไม่ถึง 40 ปีนี่นะ!?”
“ข้าก็คิดว่ามันเหลือเชื่อ…แต่ความจริงที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเมื่อครู่ ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”
……
เหล่าศิษย์วังนภากล่าวกระซิบกันดังระงม สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งยังแฝงเร้นไปด้วยความยำเกรงทั้งนับถือ
ยังไม่ทัน 40 บรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ?
น่ากลัวว่าต่อให้มองผ่านไปทั่วทั้งประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับก็มีไม่กี่คนที่เป็นเช่นนี้
และตัวตนเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญของตำหนักฟ้าลี้ลับทั้งสิ้น ยังกลายเป็นยอดฝีมือที่มีอิทธิพลในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างสูง สุดท้ายก็เดินทางออกจากภูมิภาคเบื้องล่าง มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคเบื้องบนอันอุดมไปด้วยยอดฝีมือ…
‘เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ!?’
หวางเฟยเซวียนที่เดินเข้ามาปะปนในฝูงชน พอคืนสติกลับมาหลังตกตะลึงจากวาจาผู้คนโดยรอบ สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นซับซ้อนขึ้นมาทันที
“ยังมีศิษย์พี่คนไหนคิดชี้แนะข้าอีกบ้าง?”
ต้วนหลิงเทียนแย้มยิ้มทั้งว่ายตามองกล่าวไปยังฝูงชนด้วยท่าทีสุภาพ ทำให้ศิษย์วังนภาหลายคนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา หลายคนเลือกที่จะก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา…
เพราะสุดท้ายแล้วคงมีน้อยคนที่จะยังอารมณ์ดีอยู่ได้ หลังถูกผู้คนบุกมาปิดล้อมบ้านแบบนี้…เกิดอีกฝ่ายจำหน้าพวกมันไว้เพื่อมาหาเรื่องภายหลัง ไม่งานเข้าหรือ?
ด้วยเนตรเทวะ ต้วนหลิงเทียนพบว่าศิษย์วังนภาที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในที่นี้ เพียงมีด่านพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น และพวกมันก็มีอยู่ด้วยกันแค่ 4 คน…
สำหรับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดนั้น ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
ศิษย์วังนภาที่บรรลุด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ย่อมไม่มีใครคิดมาหาเรื่องหรือสร้างปัญหาอะไรให้ต้วนหลิงเทียน เพราะนั่นเสมือนการรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า…กระทั่งกริ่งเกรงว่าอาจจะทำให้รองจ้าววังไม่พอใจขึ้นมาได้!
และต่อให้พวกมันมา ทว่าอาศัยด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด เอาชนะหลิงเทียน ศิษย์เข้าใหม่ที่มีอายุไม่ถึง 40 ปี เรื่องพรรค์นี้มีประโยชน์อะไร? เอาไปใช้โอ้อวดได้หรือ? น่ากลัวจะถูกผู้คนรุมประนามเสียมากกว่า!!
ด้วยเหตุนี้ในบรรดาศิษย์วังนภาที่พากันมาหาต้วนหลิงเทียนนั้น เต็มที่ก็มีแค่เซียนขัดเกลาชั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวถามว่ามีใครคิดชี้แนะอีกหรือไม่ สายตาของศิษย์วังนภาทั้งหมดพลันหันไปรวมกันอยู่ที่คนๆหนึ่ง!
ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาปานกลาง ท่าทางจริงจังหนักแน่น เพียงใครมองก็บอกได้ว่าสมควรเป็นคนเถรตรงผู้หนึ่ง
‘ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ที่มาทั้งหมดงั้นสินะ…’
เมื่อพบว่าทุกสายตาของศิษย์ไปตกที่ร่างๆหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่านี่หมายความว่าอะไร
อย่างไรก็ตามสุดท้ายอีกฝ่ายก็แค่เซียนขัดเกลาชั้นเชี่ยวชาญ ซึ่งไม่นับว่าอยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย
“นี่…เจ้านั่นเรียกว่า กัวลู่ พลังฝีมือจัดว่าติด 3 อันดับแรกของเหล่าศิษย์วังนภาที่บรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงคุ้นหูหนึ่งส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหวางเฟยเซวียน
“หืม? ทำไมอย่างเจ้าถึงมาเตือนข้าได้?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองนางค่อยถามออกด้วยเสียงเฉยเมย
ตั้งแต่ที่หวางเฟยเซวียนหัวเราะเสียงใสออกมา ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นนางแล้ว นอกจากนี้เขายังรู้อีกด้วยว่านางสมควรแอบอยู่นอกลานแต่แรก หมายชมดูเรื่องราวสนุกสนาน
น่าเสียดายที่นางถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่อาจได้เห็น ‘เรื่องราวสนุกสนาน’ อะไร
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน การที่เขาเอาชนะหวงจี้ได้…สมควรสร้างความผิดหวังให้แก่นางแน่นอน! แต่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่านางจะเป็นฝ่ายกล่าวเตือนเขาเกี่ยวกับความเป็นมาของกัวลู่แบบนี้!!
“เฮอะ! ในสายตาเจ้าข้าดูเหมือนอันธพาลอย่างพวกนี้รึไง?”
หวางเฟยเซวียนกล่าวออกด้วยหน้าบูดบึ้ง น้ำเสียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เหมือน..”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวออกเสียงเรียบ
“โฮ่! งั่นนับว่าสายตาเจ้ายังใช้การได้อยู่!”
หวางเฟยเซวียนหัวเราะเบาๆ
“เจ้าอย่าพึ่งด่วนสรุป ข้ายังพูดจบ…เจ้าไม่เหมือน แต่เจ้ามันอันธพาลชัดๆ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเพิ่มมาเช่นนี้ ทำให้หวางเฟยเซวียนที่หัวเราะคิกคักอยู่หน้าบึ้งทันใด “เพ้ย! สหายหลิง! ท่านย่าผู้นี้หวังดีกล่าวเตือนเจ้าแท้ๆ แต่เจ้าไม่เพียงไม่รู้คุณยังแว้งกัดท่านย่าดั่งงูพิษ! ให้ข้าดูเจ้าถูกกัวลู่ทุบตีเถอะ ขอให้เจ้าแพ้กัวลู่อนาถยิ่งกว่าหวงจี้ไปเลย!”
หวงจี้ก็คือศิษย์วังนภาคนก่อนหน้าที่กล้าเข้ามาท้าต้วนหลิงเทียน ตอนนี้มันพ่ายแพ้ทั้งถูกกล้อนผม จึงรีบหนีกลับไปแล้ว…
“น่าเสียดายที่เจ้าคงต้องผิดหวัง เพราะข้าไม่แพ้หรอก…”
ต้วนหลิงเทียนยังคงส่งเสียงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมย หากแต่ในถ้อยคำกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
จังหวะนี้หวางเฟยเซวียนถึงกับไร้คำจะกล่าวตอบต้วนหลิงเทียน เพราะนางไม่อาจหยั่งถึงต้วนหลิงเทียนได้จริงๆ ว่าไฉนขนาดนี้แล้วถึงยังสงบใจอยู่ได้ ไม่คล้ายลนลานแม้แต่น้อย…
เหตุผลที่นางกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเรื่องกัวลู่ ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนถูกกัวลู่ทุบตี นางแค่อยากเห็นต้วนหลิงเทียนหวาดกลัวจนหน้าซีดเหงื่อตก ให้นางมีโอกาสกล่าวล้ออย่างสนุกสนานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง…
ไม่เพียงต้วนหลิงเทียนจะไม่หวาดกลัวหน้าซีดดั่งคาด ยังแลดูสงบทั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับไม่ได้กริ่งเกรงอะไรกัวลู่แม้แต่นิดเดียว!!
‘เจ้าทึ่มนี่มันใจว่าจะเอาชนะกัวลู่ได้งั้นเหรอ…’
ทันใดนั้นเอง ความคิดดั่งกล่าวพลันผุดขึ้นในใจหวางเฟยเซวียนอย่างไม่มีเหตุผล
‘ไม่จริงน่า! เป็นไปไม่ได้หรอก…’
อย่างไรก็ตามหวางเฟยเซวียนส่ายหน้าเบาๆทั้งปัดความคิดดังกล่าวให้ตกไปทันที นางหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนอีกครั้งค่อยกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ “เจ้าทึ่มนั่นจะยังไงก็อายุไม่ถึง 40 ปี ไม่มีทางมีพลังฝึกปรือทัดเทียมกับกัวลู่ได้หรอก…หาไม่แล้วเจ้าทึ่มนั่นก็มิได้ด้อยไปกว่าลี่เฟิงมากมายอะไรน่ะสิ…”
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหวางเฟยเซวียนไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟิงเป็นคนๆเดียวกัน หาไม่แล้วนางคงไม่มีความคิดอะไรพรรค์นี้
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของศิษย์วังนภาทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ในที่สุดกัวลู่ก็จำต้องก้าวออกมา มันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากระจ่าง “ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าสามารถบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญได้ด้วยอายุเท่านี้ ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมนัก! ข้านับถือเจ้าอย่างยิ่ง…ก่อนหน้าเป็นพวกเราประเมินเจ้าต่ำเกินไป มาตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าไฉนท่านรองจ้าววังถึงให้ความสำคัญกับเจ้านัก ที่แท้ด้วยพลังฝีมือของเจ้า มิว่าจะไปอยู่วังใดกระทั่งขุมพลังแห่งหนใด ล้วนสมควรได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้จริงๆ…”
“ถึงแม้ว่าโอกาสในการเข้าสระวิญญาณรอบนี้ของพวกเราจักถูกท่านรองจ้าววังริบไปให้เจ้า แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าการที่ท่านรองจ้าววังมอบมันให้เจ้า นับเป็นเรื่องที่สมควรและเหมาะสมแล้ว!”
ทันทีที่กัวลู่ก้าวออกมา มันก็ประสานมือทักทายต้วนหลิงเทียน ทั้งกล่าวชื่นชมด้วยน้ำเสียงเลื่อมไส
บางทีมันอาจไม่คิดว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะทำอะไรมันได้ แต่มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนอายุเท่าไหร่แล้วมันอายุเท่าไหร่?
การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถบรรลุความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เป็นอะไรที่ทำให้มันรู้สึกเลื่อมไสและนับถือจากใจจริงๆ!
“ศิษย์พี่กัวลู่ กล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ทั้งประสานมือรับคำ เขารู้สึกถูกชะตากับศิษย์พี่ที่แลดูซื่อๆคนนี้ไม่น้อย
กลับกัน ด้านหวางเฟยเซวียนรู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะนางไม่คิดเลยว่าไม่เพียงทั้งคู่จะไม่ฟาดฟันกันทันที ยังแลจะเข้ากันได้ดีเสียอีก…
“อย่างไรก็ตามตอนนี้พี่น้องมากมายใคร่ชมการประลองระหว่างข้ากับศิษย์น้องหลิงเทียน…เช่นนั้นข้าได้แต่ด้านหน้าขอประมือกับศิษย์น้องสักคราแล้ว แน่นอนว่าพวกเรามิต้องทุ่มสุดตัว”
เมื่อกัวลู่มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาพลันเผยจิตต่อสู้ออกมาให้เห็นเด่นชัด เพราะมันเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ประมือกับเซียนรุ่นเยาว์อัจฉริยะเช่นต้วนหลิงเทียน
มันเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่าหากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญทั้งๆที่ยังอายุไม่ถึง 40 ปีแพร่ออกไป อีกฝ่ายสมควรได้รับการยกย่องให้เป็นรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับแน่นอน!
เป็นธรรมดาที่มันจะรู้สึกตื่นเต้นยินดีสุดใจ ที่จะได้มีโอกาสประมือกับตัวตนเช่นนี้!
“ขอศิษย์พี่กัวลู่โปรดชี้แนะด้วย…เชิญท่าน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้กัวลู่คราหนึ่ง ก่อนที่จะสืบเท้าแยกออกผายมือให้สัญญาณกัวลู่ลงมือก่อน
เห็นฉากดังกล่าวหวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงออกมา “ฮึ่ย! เป็นเจ้าทึ่มแท้ๆไฉนถึงได้ลำพองตัวนักเล่า! ไม่คิดเลยว่ายังกล้าให้กัวลู่ลงมือก่อน…เจ้าทึ่มนี่มิรู้หรือไรว่าพลังฝีมือของกัวลู่หาได้เหมือนตัวไร้น้ำยาเช่นหวงจี้ไม่…”
อันที่จริงตอนนี้ไม่มีใครที่อยู่ในลานคิดต่างจากหวางเฟยเซวียนสักคน ทั้งหมดรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนจะอวดดีเกินไปหน่อย…
กัวลู่คือใคร?
นั่นคือตัวตนที่มีพลังฝีมือติด 3 อันดับแรกในบรรดายอดฝีมือที่บรรลุถึงด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ! เรียกว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมือของตำหนักฟ้าลี้ลับ!
เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญทั่วไปในตำหนักฟ้าลี้ลับ ไม่มีใครรับมือมันได้เกิน 10 กระบวนท่า!
ทว่าตอนนี้ศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วงวังนภาได้ไม่กี่วัน เผชิญหน้ากับคนอย่างกัวลู่แท้ๆ…กลับยังกล้าให้กัวลู่เป็นฝ่ายลงมือก่อน?!
ถึงแม้เหล่าศิษย์วังนภาที่มารวมตัวกันจะรู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนสมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ หากแต่พวกมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งพอประชันกับกัวลู่ได้ เพราะชื่อเสี่ยงในวังนภาของกัวลู่นั้นได้มาเพราะใช้หมัดเท้าเข้าแลกทั้งสิน…
อย่างไรก็ตามเรื่องราวตรงหน้ากลับสร้างความประหลาดใจให้พวกมันทุกคน เผชิญหน้ากับการเชื้อเชิญอย่างสงบของต้วนหลิงเทียน กัวลู่กลับไม่คิดปฏิเสธ
ด้านกัวลู่หลังจากพัยกหน้ารับ มันก็พุ่งร่างเข้าไปซัดออกด้วยกระบวนท่าฝ่ามือเปี่ยมพลังแข็งกร้าว ทว่าเมื่อซัดออกไปแล้ว มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนที่ลงมือทีหลัง เหมือนจะรับได้ลำบากแค่เล็กน้อย แถมอีกฝ่ายให้ความรู้สึกดั่งกิ่งหลิวลู่ลม เรี่ยวแรงที่ซัดออกกว่า 8 ส่วนคล้ายสาบสูบไปหมดสิ้น ทั้งๆที่เพียงแค่สลับเท้าเอียงตัวแค่เล็กน้อย…
หลังจากนั้นกระบวนท่าต่อมา ยิ่งมายิ่งพิกลในใจแล้ว! เพราะไม่เพียงอีกฝ่ายจะไม่เสียเปรียบอะไรอีกต่อไป กลับลงมือต้านทานรับได้ด้วยความรู้สึกไม่ยากเย็น!
หลังจากนั้นไม่ทันไร มันรู้สึกเสมือนมือเท้าถูกเชือกล่องหนค่อยๆ ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด ไม่รู้จะลงมือเอาชัยจากอีกฝ่ายอย่างไรดี ทำได้แต่จ่ายกระบวนท่าไปปะทะต้านทานกันท่าแล้วท่าเล่า
ใจกัวลู่ตื่นตระหนกไปไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายแม้ยังเยาว์วัยแท้ๆ! แต่กลับให้ความรู้สึกร้ายกาจ สู้ยากยิ่งกว่าศัตรูคนใดที่มันเคยเจอ!!
‘ให้ตายเถอะ! มิรู้ศิษย์น้องผู้นี้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังมาอย่างไรกันแน่….’
กัวลู่ได้แต่สูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บลอบคิดไปในใจอย่างหวาดหวั่น
อันที่จริงเพราะกัวลู่สังหรณ์ได้ถึงความไม่ธรรมดาจากศิษย์น้องเบื้องหน้าแต่แรก มันจึงไม่คิดปฏิเสธที่อีกฝ่ายให้มันลงมือก่อนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ…
และฉากเรื่องราวตั้งแต่เริ่มประมือกันมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แถมยิ่งมาก็ยิ่งทำให้เหล่าศิษย์ที่ดูอยู่ตกตะลึงพรึงเพริดแล้ว!
นั่นเพราะในสายตาผู้ชม ไม่ว่ากัวลู่จะลงมืออย่างไร ต้วนหลิงเทียนก็ต้านทานรับได้ทุกกระบวนท่า แม้ช่วงแรกจะแลดูเสียเปรียบเล็กน้อย แต่หลังๆมากลับไม่อาจบอกได้แล้วว่าที่แท้ผู้ใดมีเปรียบ เพราะแลดูแลกหมัดกันอย่างทัดเทียม!
หลังจากที่ผ่านไป 2 เค่อ ผลการประมือก็เป็นอันสิ้นสุด…จบลงด้วยการเสมอ!
เหตุผลที่การประลองยุติลงด้วยการเสมอ เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนที่ถูกชะตากัวลู่คิดมอบทางลงดีๆให้กัวลู่ แม้เขาจะออมมือให้และแสร้งทำเป็นสู้เสมอทัดเทียมแล้ว แต่หากนานกว่านี้น่ากลัวจะทำให้กัวลู่ขายหน้าต่อผู้คนมากมาย…
“กลับจบลงด้วยการเสมอจริงๆหรือ…”
เหล่าศิษย์วังนภาทั้งหลายไม่เว้นหวางเฟยเซวียนถึงกับประหลาดใจไปกันใหญ่ เพราะไม่มีใครคิดฝันเลยว่าผลการประลองจะจบลงอีหร็อบนี้ เรื่องนี้นับว่าสุดที่พวกมันจะจินตนาการได้ออกจริงๆ
แน่นอนว่าหากเทียบกับศิษย์วังนภาทั้งหลาย ตัวกัวลู่เองเป็นผู้ที่ตื่นตระหนกทั้งประหลาดใจยิ่งกว่าใครเป็นไหนๆ!
นั่นเพราะมันตระหนักได้ชัดเจนว่า เมื่อครู่กระทั่งต่อให้มันลงมือเต็มกำลัง อีกฝ่ายก็สมควรสยบมันได้ง่ายดาย! นอกจากนี้ในระหว่างการประมือ ไหนเลยมันจะไม่รู้ว่าความสามารถทั้งเชิงยุทธ์อีกฝ่ายอยู่เหนือมันคนละชั้น! กระทั่งมีหลายครั้งที่หากอีกฝ่ายไม่ออมมือให้โดยการปล่อยผ่านไปเลยไม่สวนกลับ..มันคงแพ้พ่ายไปนานแล้ว!!
ด้วยเหตุนี้มันจึงได้ตกตะลึงพรึงเพริดถึงขีดสุด!
หลิงเทียน ศิษย์ใหม่เยาววัย์ผู้นี้…ที่แท้มีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน!!