WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1737
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1737
ตอนที่ 1,737 : 2 ตัวภาระ?
หลังจากกล่าวปฏิเสธหวางเฟยเซวียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินเข้าบ้านทั้งปิดประตูหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจหวางเฟยเซวียนที่ยังยืนอึ้งอยู่แม้แต่น้อย
‘จะว่าไปถ้าพูดถึงเรื่องร่วมมือ…ข้าก็ชวนพวกหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยให้มาร่วมมือด้วยได้นี่นา’
หลังจากที่กลับเขามาในบ้านได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟย ที่เข้าตำหนักฟ้าลี้ลับทั้งวังนภาพร้อมเขาขึ้นมา
หลิวเจี้ยนนั้นมาจากคฤหาสน์คลื่นคลั่ง แถมยังเป็นหลานชายของหลิวหงกวง อาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่งอีกด้วย
ส่วนเริ่นเฟยนั้นเป็นคนจากคฤหาสน์ข้ามฟ้า และดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีสัมพันธ์อันดีกับเริ่นจง รองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้าไม่น้อย
และไม่ว่าจะเป็นหลิวหงกวงหรือเริ่นจง ต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกติดค้างทั้งคู่อยู่ จนป่านนี้ยังรู้สึกผิดในใจไม่น้อยที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอเก้อเช่นนั้น เขาจึงคิดอยู่เสมอว่าจะตอบแทนบุญคุณทั้งคู่ทันทีที่มีโอกาส
พอได้รู้ถึงสถานการณ์ในแดนลับเซียน ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะตอบแทนบุญคุณแล้ว!
ตราบใดที่เขาให้ความร่วมมือกับหลิวเจี้ยนและเริ่นเฟย ช่วยเหลือให้ทั้งคู่ได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังในแดนลับเซียน ก็ถือได้ว่าเขาตอบแทนบุญคุณของหลิวหงกวงกับเริ่นจงทางอ้อม!
เขา ต้วนหลิงเทียน ไม่ชอบติดค้างผู้ใด หากเป็นไปได้ย่อมชดใช้ทันที!
“จะว่าไปพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ต้องขอบคุณหวางเฟยเซวียนล่ะนะที่มาบอกสถานการณ์ภายในแดนลับเซียนให้ข้า…ในเมื่อข้าจะร่วมมือกับหลิวเจี้ยนและเริ่นเฟยแล้ว งั้นเพิ่มนางไปด้วยอีกคนก็ไม่เป็นไร…”
เมื่อคิดได้แบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็หันหลังกลับทันที พอเปิดประตูออกมาก็ได้เห็นหวางเฟยเซวียนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหวางเฟยเซวียนกลับยืนเหม่อปานวิญญาณหลุดลอย ไม่รู้สึกตัวอยู่นานสองนาน
หวางเฟยเซวียนนั้น นางคือหลานสาวคนดีของผู้นำคฤหาสน์ดาบทรราชและยังเป็นเหมือน วีรสตรีน้อย ของคฤหาสน์ดาบทรราช ไม่ว่าผู้ใดก็มักเอาอกเอาใจนาง ยกย่องนางปานบรรพบุรุษ ศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหลายโดยเฉพาะบุรุษหมายถวายตัวรับใช้นางทั้งสิ้น
เรียกได้ว่าประหนึ่งนางเป็น ธิดาสวรรค์ ของคฤหาสน์ดาบทรราชก็ว่าได้!
แน่นอนว่าแม้จะเป็นนอกคฤหาสน์ดาบทรราช ก็ไม่เคยมีใครในรุ่นกล้าเมินเฉยนาง!
เรียกว่ายามพบพานคนในรุ่นเดียวกัน ไม่ว่านางจะหันไปหน้าไปทางใด ในสายตาคล้ายมีผู้คนที่ยินดีเป็นสุนัขรับใช้วิ่งมาเสนอตัว และยากจะมีใครปฏิเสธคำขอของนางไม่ว่าจะอะไรก็ตามที
ทว่าหลังจากมาอยู่ตำหนักฟ้าลี้ลับได้ไม่ทันไร หวางเฟยเซวียนก็ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจปานถูกจู่โจมอย่างรุนแรงจากชายนาม หลิงเทียน ครั้งแล้วครั้งเล่า แถมอีกฝ่ายยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะปานบุตรแห่งสวรรค์ที่ร้ายกาจที่สุดในบรรรดารุ่นเยาว์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ!
วันนี้นางก็ตั้งใจมาหาหลิงเทียนด้วยคิดว่าหลิงเทียนจะเห็นด้วยกับคำขอของนาง ให้ความร่วมมือกับนางแต่โดยดี อนิจจาอีกฝ่ายคล้ายไม่อยากร่วมมือกับนางแม้แต่น้อย
ถึงแม้นางจะเข้าใจเหตุผลเรื่องนี้ชัดดี แต่นางก็รู้สึกยากยอมรับ
เหตุผลที่นางเข้าใจก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพราะนางรู้ตัวดีว่าหากอยู่ต่อหน้าหลิงเทียน พลังฝีมือของนางไม่อาจนับเป็นอะไรได้ ทว่าเรื่องนี้สำหรับนางยังไม่เท่าไหร่!!
แต่ที่ทำให้นางรู้สึกยากยอมรับอย่างถึงที่สุดนั้น เพราะนางเป็นสตรีคนหนึ่ง ยังเป็นสตรีที่มีรูปร่างหน้าตางดงามดั่งภาพวาด แต่นางกลับถูกบุรุษผู้หนึ่งเมินเฉยอย่างไม่ใยดี!!
หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าชายคนนี้มีสตรีอยู่ถึง 3 นางคงคิดไปว่าอีกฝ่ายไม่ชมชอบสตรี!
ด้วยเหตุนี้ทำให้หวางเฟยเซวียนรู้สึกสะทกสะท้อนอย่างหนัก
“เฮ่!”
ในขณะที่หวางเฟยเซวียนทำหน้าเหยเกปานปวดท้องนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูปลุกสตินางให้ตื่นจากภวังค์ทันที
ชายที่นางกำลังสาปแช่งบรรพบุรุษทั้ง 18 รุ่นอยู่ในใจ ไม่ทราบมาปรากฏตัวตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อไหร่
“มีอะไร!”
หวางเฟยเซวียนมิคิดประพฤติตัวเป็นเห็บสุนัข ในเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธนางแล้ว นางก็ไม่หน้าด้านพอจะตามตื๊อเซ้าซี้คนที่ไม่แยแสนางอีกต่อไป
“ข้าร่วมมือกับเจ้าก็ได้…”
เผชิญหน้ากับสายตาท่าทางไร้แยแสของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร เพียงกล่าวตอบออกไปเสียงเรียบ
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าของหวางเฟยเซวียนพลันกลายเป็นอื้ออึงทันที
ผู้ที่พึ่งปฏิเสธนางอย่างไร้เยื่อใย กลับมาตอบตกลงร่วมมือกับนาง?
มีแต่ผู้คนชอบว่าอิสตรีใจโลเลยากหยั่งถึง…แล้วบุรุษที่เปลี่ยนใจไวเช่นนี้ให้เรียกอะไร?
“แต่ข้ามีเงื่อนไข…”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ขึ้นมา สีหน้างุนงงไม่เข้าใจของหวางเฟยเซวียนก็เปลี่ยนไป แววตากลายเป็นคมกล้า มองจ้องมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยความรังเกียจปานมองขยะ “หากเจ้าคิดจะขึ้นเตียงกับข้าเพราะแค่เรื่องให้ความร่วมมือนี่ล่ะก็ เจ้าฝันไปเถอะ! ถึงแม้ข้าอยากจะร่วมมือกับเจ้า แต่ข้ามิคิดขายตัว!!”
“ฮึ!!”
หลังจากกล่าวจบคำหวางเฟยเซวียนก็พ่นลมออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป โดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันจะกล่าวอะไรออกมาสักคำด้วยซ้ำ
ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนเหวอไปตาปริบๆ
สตรีนางนี้คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสนาง?
ได้ถามสักคำหรือไม่! ว่าเขาต้องการนางไหม?
“ช้าก่อน!”
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าหากตอนนี้ไม่เร่งกล่าวอธิบายอะไรออกไป ไม่วายเหมือนเขายอมรับว่าเขาคิดกระทำเช่นนั้นจริงๆ จึงรีบรั้งหวางเฟยเซวียนเอาไว้
หวางเฟยเซวียนหยุดและหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น แต่ไม่กล่าวคำอะไร
“แม่นางหวาง…เจ้าจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยรึไง? หรือเจ้าเห็นข้าเป็นคนไร้ยางอายแล้วจริงๆ?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวทั้งกล่าวออกมาด้วยสีหน้าระอา “พูดกันตรงๆ แม้เจ้าจะมีรูปโฉมงดงามทั้งรูปร่างแลดูดี แต่พวกมันไม่ได้ทำให้ข้าสนใจอะไรแม้แต่นิดเดียว…เพราะคู่หมั้นรวมถึงสตรีคนรักของข้า ไม่มีใครด้อยไปกว่าเจ้าแม้แต่น้อย”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้ หวางเฟยเซวียนก็เห็นว่าแววตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองนางนั้น นอกจากความระอาแล้วก็มีแต่ความบริสุทธิ์ใจไม่ได้มีแววตาชั่วร้ายอะไรแม้แต่น้อย มาตอนนี้นางพลันตระหนักได้ว่านางเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป!
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
แววตาไม่อาจหลอกลวง!
เมื่อหวางเฟยเซวียนรู้ตัวว่าที่แท้นางเข้าใจต้วนหลิงเทียนผิด นางก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาอย่างเริงร่า แลดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
“แล้วเจ้าต้องการอันใดหรือ?”
หากอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเรื่องอย่างว่า นางก็สามารถยอมรับได้หมด เพราะนางอยากร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ
แน่นอนว่าแทนที่จะกล่าวว่าร่วมมือ กล่าวว่านางอยากจะกอดต้นขาต้วนหลิงเทียนไปด้วยเสียจะเหมาะกว่า เพราะนางเชื่อว่าหากพึ่งพาต้วนหลิงเทียนได้ล่ะก็ นางต้องมีโอกาสเข้าถึงมรดกเวทย์พลังระดับสูงในแดนลับเซียนมากขึ้นแน่ๆ!!
“ข้าต้องการให้เจ้าไปตามหาคนสองคน และชวนทั้งคู่ให้มาร่วมมือกับพวกเรา”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกหวางเฟยเซวียน
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน สองตาหวางเฟยเซวียนทอประกายจ้าทันใด “ผู้ใด!?”
ในสายตาของนาง กระทั่งตัวนางที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นต้น ต้วนหลิงเทียนยังไม่อยากจะร่วมมือด้วย…เช่นนั้นผู้ที่ต้วนหลิงเทียนอยากชวนมาร่วมมือ สมควรเป็นคนที่มีพลังฝีมือร้ายกาจเหนือนางแน่นอน!
สำหรับนางแล้วเรื่องนี้นับเป็นเรื่องดี!
‘ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าทึ่มมันมาอยู่วังนภาได้ไม่ทันไร จะมีสหายเป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์แล้ว…ดูเหมือนว่าในวังนภาผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีและมีพลังฝีมือเหนือข้าก็มีอยู่ด้วยกันแค่ 2 คนเท่านั้นนี่นา…หรือหลิงเทียนจะให้ข้าไปชวนพวกมัน?’
เมื่อนึกถึงเรื่องีน้หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
หากเป็นเช่นนั้นจริง มิใช่นางจะมีต้นขาให้กอดถึง 3 ข้างแล้วหรือไร! โอกาสที่นางจะได้ครอบครองเวทย์พลังระดับสูงก็ยิ่งมีมากขึ้น!!
“หลิงเจี้ยนกับเริ่นเฟย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหวางเฟยเซวียน
วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนพอดังเข้าหูหวางเฟยเซวียน ก็ไม่ต่างใดจากน้ำเย็นราดรดลงศีรษะของนาง พาลให้ใจที่ตื่นเต้นยินดีแป้วลงทันใด
หลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟย 2 นามนี้ไม่ใช่นามแปลกหูนางแต่อย่างไร เพราะนางก็รู้จักทั้งคู่ กระทั่งเคยเจอหน้ากันอยู่บ้าง
แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เป็นแค่อัจฉริยะจากขุมพลังชั้น 4…
กระทั่งเริ่นเฟยที่ว่า…ครั้งหนึ่งยังตามวอแวหมายเกี้ยวนาง! แต่สุดท้ายก็ถูกนางทุบตีไล่ตะเพิดกลับไปจนไม่กล้ามายุ่งกับนางอีก!!
“เจ้า…เจ้ารู้จักพวกมันด้วยหรือ?”
นางไม่อาจเข้าใจได้จริงๆว่าไฉนชายเบื้องหน้าถึงต้องการร่วมมือกับหลิวเจี้ยนและเริ่นเฟย เพราะทั้งคู่นั้นพลังฝีมือยังไม่อาจสู้นางได้ด้วยซ้ำ รับทั้งคู่มาด้วยไม่เพียงไม่ช่วย ยังจะกลายเป็นถ่วงรั้งดั่งตัวภาระเสียอีก!
“ข้าไม่รู้จักพวกมันหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา
หวางเฟยเซวียนหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรรู้จักทั้งคู่ดีแน่ๆ ถึงได้คิดชวนทั้งคู่มาเข้าร่วมกลุ่มตะลุยแดนลับเซียนไปด้วยกันแบบนี้…
แต่พอนางได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบว่าไม่รู้จัก นางถึงกับพูดไม่ออก “เจ้าไม่แม้แต่จะรู้จักพวกมัน แต่เจ้ายังคิดให้พวกมันมาเข้าร่วมกลุ่มเนี่ยนะ? นี่เจ้ารู้หรือไม่แม้พวกมันทั้งคู่จะเป็นอัจฉริยะจากคฤหาสน์คลื่นคลั่งและคฤหาสน์ข้ามฟ้า แต่พวกมันยังไม่แม้แต่จะทะลวงถึงเซียนขัดเกลา!”
“โดยเฉาะเริ่นเฟยนั่น มันก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นเชี่ยวชาญที่อ่อนด้อยเท่านั้น”
วาจาท้ายประโยคของหวางเฟยเซวียนเผยความรู้สึกยากยอมรับนัก
“ถึงแม้จะไม่รู้จักแต่พวกมัน แต่กล่าวได้ว่าข้าติดค้างอาวุโสของพวกมันอยู่ ข้าจึงคิดจะตอบแทนหนี้บุญคุณโดยการช่วยเหลือพวกมันทั้งคู่ในแดนลับเซียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าเจ้าจะปฏิเสธการร่วมกลุ่มครั้งนี้ก็ได้…แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าไว้อย่าง ถ้าเจ้าปฏิเสธไม่อยากร่วมมือกับพวกมัน นั่นหมายความว่าเจ้าปฏิเสธไม่ร่วมมือกับข้าด้วยเช่นกัน”
ต้วนหลิงเทียนมอบทางเลือกให้หวางเฟยเซวียนแค่ 2 ทางเท่านั้น
หวางเฟยเซวียนพอได้ยินวาจานี้ ยิ่งมาก็ยิ่งหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
นางอยากร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนเพราะนางเล็งเห็นถึงพลังฝีมืออันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน และคิดว่าอีกฝ่ายต้องพานางได้ดีแน่นอน แต่ตอนนี้หากนางคิดร่วมมือกับเขา นางจำต้องยอมรับตัวภาระ 2 ตัวที่จะติดสอยห้อยตามไปด้วย…
“ว่าไงแม่นางหวาง ตกลงเจ้าตัดสินใจได้รึยัง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“ไม่เป็นไรที่เจ้าจะให้พวกมันเข้าร่วม…แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะไม่ปล่อยให้พวกมันถ่วงรั้งจนขวางทางพวกเรา”
หวางเฟยเซวียนกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อะไรกันแม่นางหวาง นี่เจ้าไม่เชื่อมั่นในตัวข้าเลยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
บางทีอาจเป็นเพราะรอยยิ้มบางๆเปี่ยมความมั่นใจนี้ ที่ทำให้หวางเฟยเซวียนรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด นางจึงไม่คิดกล่าวคำใดให้มากความอีก เร่งออกไปตามหาหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยทันที
“อะไรนะ? หลังจากเข้าแดนลับเซียนแล้ว…ท่านอยากให้ข้าเข้าร่วมกลุ่มเล็กๆของท่านกับหลิงเทียน?”
ตอนแรกเมื่อเห็นหวางเฟยเซวียนมาหาตัวเองถึงบ้าน หลิวเจี้ยนก็อื้ออึงไม่น้อยด้วยไม่ทราบว่าท่านย่าน้อยผู้นี้คิดทำอะไรกับมัน แต่พอหวางเฟยเซวียนกล่าวบอกเจตนาการมา ใจมันก็รู้สึกเริงร่ายินดีทันที!
หวางเฟยเซวียน หลิงเทียน ทั้งคู่คือ 2 ผู้เข้มแข็งในบรรดาอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ทั้ง 37 คนที่พึ่งเข้าร่วมกบตำหนักฟ้าลี้ลับ!
การเข้าไปในแดนลับเซียนครั้งนี้มันเองก็รู้ดีว่าสมควรยากลำบากไม่น้อย มันยังคิดอยู่เลยว่าจะไปหาสหายสัก 2-3 คนเพื่อร่วมมือช่วยเหลือกันในนั้นดีหรือไม่
แต่ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่ามันยังไม่ทันไปหาใคร หวางเฟยเซวียนจะมาเยือนถึงหน้าประตู และส่ง ‘ขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่’ ให้มันเองเช่นนี้!
“หากเจ้าต้องการก็ตามนั้น…แต่หากเจ้าไม่อยากเข้าร่วม เจ้าต้องตามข้ามาและไปปฏิเสธกับหลิงเทียนด้วยตัวเอง เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะหาว่าข้าโกหกเรื่องที่เจ้าไม่อยากเข้าร่วม…”
หวางเฟยเซวียนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย