WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1741
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1741
ตอนที่ 1,741 : เขาคือ หลิงเทียน!
“ถ้าไม่ได้รับสิทธิ์เหรอ?”
พอได้ยินคำนี้ของหวางเฟยเซวียน คิ้วต้วนหลิงเทียนขดย่นทันที เพราะเรื่องนี้เขากลับลืมคิดถึงไปเสียฉิบ!
พอลองคิดดูมันก็มีโอกาสเป็นเช่นนั้นได้จริงๆ!
อย่างไรก็ตามคิ้วที่ขดย่นของเขาก็คลายลงในเวลาอันสั้น “ถ้าพวกมันไม่ได้รับสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนงั้นข้าก็ช่วยอะไรพวกมันไม่ได้…ส่วนเรื่องติดค้างอาวุโสพวกมัน ข้าแค่หาทางชดใช้ภายหลังก็เท่านั้น”
หวางเฟยเซวียนที่ได้ยินคำตอบ ถึงกับตาลุกวาว
“ขอให้พวกมันทั้งคู่ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนเถอะ…”
หวางเฟยเซวียนลอบกล่าวขมุบขมิบ
ในสายตาของนางแม้หลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยจะได้รับสิทธิ์เข้าแดนลับเซียน แต่พลังฝึกปรือของพวกมันอย่างดีก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด เขาไปในแดนลับเซียนก็รังแต่จะถ่วงมือถ่วงเท้านางกับหลิงเทียน
แน่นอนว่าอีกเรื่องหนึ่งก็คือ หากพวกมันชวดสิทธิ์เข้าแดนลับเซียน นางก็จะได้อยู่กับหลิงเทียนเพียงลำพัง ไม่มีก้างขวางคอ!
นี่นับเป็นเรื่องสำคัญ!
สายตาเปี่ยมความคาดหวังของหวางเฟยเซวียนย่อมอยู่ในสายตาต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนพอจะเดาได้ว่านางคิดอะไรอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ตอนนี้ในเมื่อเขาลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะร่วมมือกับหวางเฟยเซวียน เขาก็ต้องกระทำตามคำพูด
ส่วนหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกมันเอง
หากพวกมันไม่อาจสู้ชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนมาได้เขาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรพวกมันได้ แต่ถ้าพวกมันชิงสิทธิ์มาได้ ในแดนลับเซียนเขาจะพยายามช่วยให้พวกมันได้รับมรดกเวทย์พลังระดับสูง!
แน่นอนว่าเขาไม่อาจรับประกันได้เต็มสิบส่วน แต่เขาจะพยายามทำให้ดีที่สุด…
เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรในแดนลับเซียนมากมายนัก จึงไม่กล้ากล่าวชี้ชัดอะไรได้!
“ถึงแล้ว”
หลังเหินร่างลอยขึ้นมาถึงยอดเขาไม่นาน หวางเฟยเซวียนที่อยู่ข้างก็กล่าวออกพร้อมชี้มือไปทิศทางหนึ่ง
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เหินร่างตัดอากาศมุ่งหน้าไปลงจอดบนมุมหนึ่งของลานศิลาขนาดใหญ่พร้อมๆกัน
การปรากฏตัวของทั้งสองคนแน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก เพราะไม่ว่าจะชายหนุ่มหรือหญิงสาวก็หน้าตาดีด้วยกันทั้งคู่ มองไปคล้ายคู่รักสวรรค์สร้าง
เมื่อเห็นสายตาของผู้คนมากมายที่มองจ้องมาจากทั่วทุกสารทิศ หวางเฟยเซวียนรู้สึกเขินเล็กน้อย และพอเห็นบางคนใช้สายตามองนางสลับกับหลิงเทียน ยิ่งทำให้นางรู้สึกเขินมากขึ้นไปอีก
“นั่นคือ หวางเฟยเซวียน!”
“เป็นนางจริงๆ! วีรสตรีจากคฤหาสน์ดาบทรราชนางนี้ข้าเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่านางจะเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับ กระทั่งเข้าร่วมวังนภาของพวกเรา!”
“สมคำร่ำลือนัก! หวางเฟยเซวียน วีรสตรีแห่งคฤหาสน์ดาบทรราช ไม่เพียงมีพลังฝีมือสูงส่ง ร้ายกาจกล้าหาญเยี่ยงบุรุษ ยังมีรูปโฉมงามล่มเมือง…สวรรค์นับว่าลำเอียงมอบสิ่งดีๆให้นางเกินหน้าเกินตาผู้อื่นจริงๆ”
“สตรีคนอื่นที่มีวัยเดียวกันกับนาง เกรงว่าแค่ให้ยืนข้างนางก็ยากจะกล้ำกลืน”
……
ไม่นานหลายคนก็จดจำหวางเฟยเซวียนได้ ต่างกล่าวคำยกย่องเยินยอนางกันใหญ่ ทำราวกับนางเป็นธิดาสวรรค์ที่จุติมาเกิดบนแดนมนุษย์
หากเป็นปกติมาได้ยินวาจากล่าวชมเช่นนี้หวางเฟยเซวียนคงไม่รู้สึกอะไร
ทว่าตอนนี้ข้างกายนางกลับมีบุรุษผู้หนึ่ง ยังเป็นบุรุษที่นางชมชอบทั้งประทับใจ นางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ยังพยายามหันไปมองอาการบุรุษข้างกายที่ว่า
อนิจจาไม่นานหวางเฟยเซวียนก็ได้แต่ผิดหวัง
เพราะนางสังเกตว่าแม้จะมีวาจาเชยชมนางทั้งกล่าวในทำนองเหมาะสมกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดขึ้นมา
‘เจ้าทึ่มเอ๊ย! นี่เจ้าเป็นท่อนไม้จริงๆรึไร!!’
หวางเฟยเซวียนได้แต่ตำโกนในใจ ‘มิรู้ไฉนเจ้าทึ่มนี่ถึงไปล่อลวงสตรีมาติดพันได้ถึง 3….ท่อนไม้เช่นมันรู้จักเอาใจอิสตรีด้วยรึ?’
บริเวณนี้มีคนที่จำหวางเฟยเซวียนได้ไม่น้อยพอเสียงกล่าวดังขึ้น ก็ทำให้คนทั้งลานรับทราบการมาถึงของหวางเฟยเซวียน
“หวางเฟยเซวียนจากคฤหาสน์ดาบทรราช สามารถทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นต้นได้ตั้งแต่ยังเยาว์! นับว่านางเป็นสตรีรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับของเรา!!”
“แม่นางหวางไม่เพียงพลังฝึกปรือร้ายกาจ ฐานะความเป็นมาก็ดี ยังมีรูปโฉมงดงามปานเทพธิดา…ผู้ใดได้ตบแต่งกับนาง นับว่ามีวาสนายิ่งนัก!”
“นั่นสิหากแต่เรื่องนี้บางทีมีวาสนาดีอาจยังมิพอ เพราะข้าได้ยินมาว่าแม่นางหวางเฟยเซวียนมีมาตรฐานที่สูงนัก ในอดีตนางมิเคยชมชอบผู้ใด ท่าทางคงยากที่จะมีผู้ใดดีพอเข้าตานาง…”
……
แม้จะผ่านไปสักพักแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคงพูดถึงหวางเฟยเซวียนไม่เลิก
“หืม? แม่นางหวางมากับบุรุษนี่ แล้วมันเป็นใครกัน?
“แม่นางหวางแลดูใกล้ชิดสนิทสนมกับมันไม่น้อย! นี่ใช่แม่นางหวางที่มีอีกฉายาว่า ราชินีน้ำแข็งไร้ใจจริงหรือ?”
……
ไม่นานคนก็เริ่มสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนที่อยู่ข้างๆหวางเฟยเซวียน เริ่มกล่าวถึงกันใหญ่
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนทำเหมือนไม่เห็นไม่ได้ยิน ยังคงเดินไปหาที่ว่างของลานศิลาหน้าตาเฉย
หวางเฟยเซวียนที่ได้ยินวาจา ทั้งสายตาที่มองมาจากผู้คนมากมายโดยรอบ ไม่ทราบเพราะอะไรมุมปากนางพลันบังเกิดรอยยิ้มสนุกสนานขึ้นมา แววตายังเผยประกายกระหยิ่มยิ้มย่อง
ทันใดนั้นภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย หวางเฟยเซวียนพลันพุ่งมือฉับไวปานสายฟ้าฟาด ไปควงแขนต้วนหลิงเทียนมากอดเอาไว้ทันที!
“เจ้าทำบ้าอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับหยุดเดิน มองถามหวางเฟยเซวียนด้วยแววตาเย็นชา
“เจ้าจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรมากมายเล่า หวงตัวมากหรือ…แค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้”
หวางเฟยเซวียนไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะถึงกับหยุดมองนางด้วยสายตาเย็นชาเพราะเรื่องเท่านี้…ในคฤหาสน์ดาบทรราชไม่ทราบมีผู้คนมากมายเพียงไหนที่อยากเอาอกเอาใจนาง
แต่ไม่คิดเลยว่าสตรีงดงามที่มีแต่ผู้คนหมายปองเช่นนาง คิดกอดแขนผู้อื่นก่อนเข้าหน่อยกลับถูกมองด้วยสายตาดุๆทั้งเย็นชาเช่นนี้มองมา อดทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา
ตอนนี้เรียกว่าอาการน้อยเนื้อต่ำใจได้เผยออกบนสีหน้าของหวางเฟยเซวียนหมดสิ้น แวววตาของนางยังกลายเป็นน่าเวทนาขึ้นหลายส่วน เห็นสตรีที่ปกติแลดูเข้มแข็งห้าวหาญซึมลงราวเด็กน้อยทำผิดเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ่อนใจ
“เจ้าอยากกอดก็กอดไปเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา คร้านจะวุ่นวายอะไรอีกใครจะไปรู้ว่านางจะทำอะไรต่อหากเขาว่านาง?
เห็นหวางเฟยเซวียนควงแขนต้วนหลิงเทียนเดินไปด้วยกัน ผู้คนโดยรอบล้วนตกตะลึงกันใหญ่!
“เพ้ย! เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่!? แม่นางหวังของข้าถึงกับเดินควงแขนมัน! ใช่ข้าตาฝาดไปหรือไม่!?”
“เจ้าไม่ได้ตาฝาด ข้าเองก็เห็นตำตา! แม่นางหวางผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนมากมายล้วนติดตามคอยเอาใจ ทว่าไม่วายโดนนางไล่ตะเพิดทุบตีจนเตลิดหนีหมด…วันนี้นางกลับเป็นฝ่ายริเริ่มควงแขนผู้คน! บัดซบ ข้าอิจฉาเจ้านั่นนัก!!”
“เจ้าอย่าฝันไกลไปหน่อยเลย คางคกเช่นเจ้าริคิดกินเนื้อห่านฟ้างั้นหรือ…”
……
สายตาของบุรุษมากมายล้วนมองจ้องไปที่ร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เกรงว่าหากสายตาฆ่าคนได้ ให้ต้วนหลิงเทียนมีร้อยชีวิตก็ไม่พอให้ตาย
เพราะสำหรับบุรุษทั้งหลายแล้ว หวางเฟยเซวียนไม่ต่างอะไรจากนางในฝัน!
อนิจจาวันนี้นางในฝันของพวกมันกลับไปควงแขนชายอื่น!
“ไอ้หน้าขาวนั่นมันเป็นใครกัน?”
“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”
……
แม้นามแฝงของต้วนหลิงเทียนอย่าง ‘หลิงเทียน’ จะดังไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว แต่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นเขากับตา จึงมีน้อยคนที่จดจำเขาได้
“นั่นมิใช่ หลิงเทียน รึไง?!”
“เขาคือ หลิงเทียน! ศิษย์ใหม่วังนภา!!”
ในที่สุดหลังจากที่บางคนมั่นใจแล้วว่าไม่ผิดคน พวกมันก็โพล่งกล่าวออกมาทันที
วาจาที่พวกมันกล่าวออก ประหนึ่งหินใหญ่ร่วงลงสระสงบก่อเกิดพันระลอกคลื่น!
“หลิงเทียน!? เจ้านั่นน่ะเหรอหลิงเทียน!?”
“หลิงเทียนที่สู้เสมอกัวลู่ อีกทั้งยังดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระวิญญาณของวังนภาได้หมดในเวลา 20 วัน?”
“ไม่คิดเลยว่าหลิงเทียนนั่นไม่เพียงแต่พลังฝีมือร้ายกาจ หน้าตายังหล่อเหลาไม่น้อย”
“อา…ใจข้าไฉนเต้นเร็วนัก! หรือตกหลุมรักเขาแล้ว!!”
……
ดวงตาหลายคู่ที่มองมายังต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนประหลาดใจ เหล่าศิษย์สตรีบางส่วนยังเผยประกายตาลุกวาว เห็นได้ชัดว่าต้องตาพึงใจไม่น้อยคล้ายหากเขาไม่รังเกียจพวกนางก็เต็มใจ…
เมื่อตัวตนของหลิงเทียนปรากฏออกมาหวางเฟยเซวียนก็อึ้งไปเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายเรียกว่ากลบรัศมีของนางหมดทันที อย่างไรก็ตามนางกลับรู้สึกดีไม่น้อย
หวางเฟยเซวียนนั้น ในตำหนักฟ้าลี้ลับตราบใดที่ไม่ใช่ผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายปี คงยากที่จะมีใครไม่รู้จักนาง
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นแม้จะพึ่งโด่งดังขึ้นมาในตำหนักฟ้าลี้ลับ แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“หลิงเทียนมาถึงแล้วงั้นเหรอ?”
“ไป! ไปดูกันเถอะ! ข้าอยากเห็นหน้าอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ของวังนภาเราผู้นี้สักครา!!”
“ข้าด้วย! เคยได้ยินมาก็แต่ชื่อ!”
……
เหล่าศิษย์วังนภาพอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงแล้ว ทั้งหลายต่างเหินร่างกันมาแต่ไกลตรงเข้าหาต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกมันอยากเห็นหน้าต้วนหลิงเทียน !
กล่าวให้ชัด พวกมันอยากเห็นใบหน้า หลิงเทียน ที่ต้วนหลิงเทียนปลอมแปลงขึ้นมา!
ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนกลุ่มใหญ่ แถมตอนนี้คนของวังอื่นยังเริ่มมาดูชมด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดต่างอยากเห็นนัก ว่าอัจฉริยะที่ร้ายกาจของวังนภาที่แท้ใช่มี 3 เศียร 6 กรหรือไม่?
เมื่อผู้คนมากมายรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมาแล้ว กัวลู่เองก็ย่อมรับทราบด้วยเช่นกัน มันยังไปหาต้วนหลิงเทียนทันที ยังไม่ลืมหันไปมองทั้งยักคิ้วให้แฝดสกุลลั่ว กระทั่งส่งสายตาท้าทาย
หลิงเทียนอยู่ที่นี่แล้วไง พวกเจ้ากล้าท้าเขาหรือไม่!
ความนัยที่อยู่ในสายตาดังกล่าว ไหนเลยคู่พี่น้องแซ่ลั่วจะไม่รู้ พวกมันอดไม่ได้ที่จะมีโมโหขึ้นมา
ต่อมาไม่ทราบเพราะพวกมันดื้อรั้นไม่ยอมคนเป็นทุน หรือต้องการท้าทายต้วนหลิงเทียนจริงๆกันแน่ หลังจากที่กัวลู่จากไป มันก็พุ่งร่างตามผู้คนไปทันที
“ศิษย์น้องหลิงเทียน!”
ต่างจากคนอื่นๆที่กระซิบกระซาบอยู่ห่างๆ กัวลู่แหวกฝูงชันเดินตรงเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน ทั้งทักทายด้วยรอยยิ้มทันที
“ศิษย์พี่กัวลู่”
สำหรับกัวลู่คนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มีความประทับใจอยู่ไม่น้อย จึงกล่าวทักตอบไปด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องหลิงเทียน อีกไม่นานพี่น้องสกุลลั่วสมควรมาท้าทายเจ้า…ไม่เป็นไรหากพวกมันท้าเจ้าประลองตัวต่อตัว แต่ถ้าพวกมันคิดร่วมมือกันสองคนประลองกับเจ้าขึ้นมา ให้เจ้ารีบปฏิเสธพวกมันไปเสีย! เพราะพวกมันจะมีพลังมากพอจะสู้กับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ยามร่วมมือกัน! ด้วยความที่พวกมันเป็นฝาแฝดจึงสามารถส่งกระแสจิตร่วมมือกันได้อย่างน่ากลัว!!”
หลังจากล่าวทักทาย กัวลู่ ก็เร่งกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดถึงต้วนหลิงเทียนทันที