WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1743
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1743
ตอนที่ 1,743 : สัตว์ปราณปะทะเขตแดน?!
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว หากมันยืนยันได้ว่าหลิงเทียนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว…มันยังจะยังมีความกล้าท้าหลิงเทียนประลองอีกหรือ?”
“หากหลิงเทียนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริงๆ เว้นเสียแต่พี่น้องสกุลลั่วจะร่วมมือกัน…ไม่งั้นคงยากที่จะเป็นคู่มือให้หลิงเทียนได้!”
“ใช่! แต่ถึงแม้หลิงเทียนจะตัดผ่านไปยังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว ทว่าก็พึ่งทะลวงผ่านมาได้ไม่นาน…เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดที่ด่านพลังยังไม่มั่นคง พี่น้องสกุลลั่วย่อมเอาชนะได้แน่นอน”
“ปัญหาคือ…หลิงเทียนอาจจะยังไม่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ เช่นนั้นตอนนี้สถานการณ์เขาก็มิใช่ว่าจะสู้ดี”
“สองเดือนที่แล้วก่อนเข้าสระวิญญาณ หลิงเทียนสามารถเสมอกับกัวลู่…หลังเข้าสระวิญญาณสมควรมีความก้าวหน้า แม้จะยังไม่ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่พลังฝีมือสมควรเพิ่มพูนขึ้นมากพอจะปะทะกับลั่วเหอได้แน่ ไม่แน่นักหรอกว่าเขาจะสู้ไม่ได้…กระทั่งยังอาจจะเอาชนะได้ด้วยซ้ำ!”
……
เหล่าศิษย์ของตำหนักฟ้าลี้ลับทั้งหลายที่ชมดูอยู่รอบๆ กล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง พวกมันทั้งหลายล้วนเฝ้ารอการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดอย่างใจจดจ่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกมันไม่เคยกลัวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะบ่ายเบี่ยงการประลองเลย เพราะชนชั้นอัจฉริยะย่อมมีความภาคภูมิใจ!
“อะไรหลิงเทียน หรือเจ้าไม่กล้าสู้กับข้า?”
หลังจากลั่วเหอกล่าวยั่วยุท้าทายไปแล้ว แต่เห็นว่าหลิงเทียนกลับเฉยเมยไม่ได้สะทกสะท้านอะไร มันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าวเย้ยเยาะออกมาอีกรอบ
“เจ้าจะสู้ก็ป้อนกระบวนท่าเถอะ”
เผชิญหน้ากับวาจายั่วยุของลั่วเหอ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆ กล่าวออกไปอย่างไม่แยแส
วาจาท่าทางนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นหัวของลั่วเหอแม้แต่น้อย
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เห็นหัวลั่วเหอจริงๆ
เขายังจะต้องสนใจกับอีแค่ผู้ฝึกตนเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญอีกรึไง?
“หลิงเทียนดูเหมือนจะมั่นใจนัก…”
ตอนนี้หลายคนเริ่มเห็นถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน
“หลิงเทียนผู้นี้…คงมิใช่ว่าทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆหรอกนะ!?”
“เป็นไปได้!”
“ทะลวงผ่านหรือยังไม่ ยามลงมือพวกเราย่อมเห็นกระจ่าง!”
……
ผู้คนมากมายเริ่มคาดหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะสำแดงพลังฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดออกมา เพราะมีเพียงบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้น ถึงจะมีความมั่นใจและไม่แยแสเช่นนี้!
“หือ?”
ลั่วชานขมวดคิ้ว ใจครุ่นคิดไปทันใด ‘หลิงเทียนผู้นี้ไฉนถึงได้มั่นใจนัก…หรือมันทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ?’
อันที่จริงไม่ใช่แค่ลั่วชาน กระทั่งลัวเหอยังกังวลไม่ต่าง
ความมั่นใจในตัวเองของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมา…ว่าต้วนหลิงเทียนเสแสร้งแสดงลึกลับหรือมีสามารถจริงๆ!
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันประหนึ่งขึ้นขี่หลังเสือมิอาจลงมาได้!
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นฝ่ายที่ไปท้าทายผู้อื่นเขา หากมันล้มเลิกหรือถอยกลับตอนนี้ มิพ้นต้องกลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับแน่! วันหน้ามันคงไม่อาจโงหัวขึ้นมาในตำหนักฟ้าลี้ลับได้อีกแล้ว!!
“หลิงเทียน ข้าต้องกล่าวเลยว่าเจ้ามันเย่อหยิ่งนัก!”
ลั่วเหอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คอยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าดุร้ายถมึงทึงกล่าวออกเสียงเข้ม “ให้ข้าดู ว่าเจ้าอาศัยอันใดถึงได้มั่นใจนัก!”
ลั่วเหอกล่าวจบคำมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนอง ปราณแรกกำเนิดพลันปะทุออกมาจากทั่วร่างของมันปานเปลวเพลิง!
ทันใดนั้นความว่างเปล่าในพื้นที่กินรัศมี 100 หมี่โดยมีลั่วเหอเป็นจุดศูนย์กลางพลันบังเกิดความปั่นป่วน ลานศิลาที่ย่ำเหยียบยังเริ่มสั่นสะเทือน พาลให้ผู้ที่ชมดูอยู่โดยรอบจำต้องล่าถอย เว้นระยะห่างกันจ้าละหวั่น
“อาศัยพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญหาญกล้าท้าหลิงเทียน…ลั่วเหอผู้นี้สมงสมองไปหมดแล้วจริงๆ!”
หวางเฟยเซวียนที่ถอยห่างออกไปพอเห็นลั่วเหอลงมือ อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแสยะขึ้นมาที่มุมปาก
นางอาจไม่รู้แน่ชัดว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงเพียงใด แต่ทว่ากับอีแค่ม่านพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกส่งๆ นางที่ลงมือสุดชีวิตกลับไม่แม้แต่จะทำอะไรได้เลย! ทำให้นางตระหนักได้ว่าพลังฝีมือของหลิงเทียนสมควรก้าวถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว!!
ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่สงสัยสักนิดว่าผลการประลองจะออกมาเช่นไร
“ธาตุน้ำ?”
เมื่อลั่วเหอควบรวมพลังก่อเขตแดนด้วยปราณแรกกำเนิด ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของ ‘น้ำ’ ที่แผ่พุ่งออกมาชัดเจน ดูเหมือนเขตแดนของอีกฝ่ายจะอุดมไปด้วยวารีธาตุ…ทว่าน้ำในเขตแดนของมัน เป็นอะไรที่น้ำธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลย เพราะมันเกรี้ยวกราดทรงพลังกว่ามาก
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้ได้ไม่ทันไร เขาก็พบว่ารอบกายลั่วเหอปรากฏคลื่นน้ำมหึมาวนเวียน และไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร คลื่นน้ำดังกล่าวก็ควบรวมก่อเกิดเป็นมังกรวารีตัวเขื่อง!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
……
มังกรวารีพุ่งทะยานผ่าความว่าง พาลให้อากาศแตกระเบิดเสียงดังสนั่น มันแยกเขี้ยวยิงฟันควั่นกรงเล็บไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ราวกับจะกลืนกินต้วนหลิงเทียนในหนึ่งคำ!
“มังกร?”
เห็นมังกรวารีของลั่วเหอ คิ้วต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น
ครู่ต่อมาปราณสุริยันแรกกำเนิดในกายพลันโคจรพุ่งพล่านขึ้นมา พวกมันไหลเชี่ยวผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สายด้วยความฉับไว บันดาลให้ทั่วผิวกายของต้วนหลิงเทียนส่องสว่างขึ้นมา ราวกับถูกชั้นทองคำฉาบเคลือบ!
ทันใดนั้นปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็พวยพุ่งออกมาจากร่าง ขึ้นไปควบรวมบนฟ้าเป็นกลุ่มก้อนจนแลไปปานดวงตะวันสาดแสงจ้า พาลให้ทุกคนรู้สึกตาพร่ามัวอยู่บ้าง!
ทันทีที่แสงสว่างเจิดจ้าปานตะวันปรากฏ ย่อมกระชากความสนใจของผู้คนทั้งหมดทันที!
“ปราณแรกกำเนิดนั่นมันอันใดกัน!?”
หลายคนอดโพล่งออกมาด้วยความตะลึงเสียไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นปราณแรกกำเนิดพิสดารเช่นนี้
“ปราณแรกกำเนิดนี่มัน…”
ในบรรดากลุ่มคน หลิงเจี้ยนกับเริ่นเฟยที่ยืนข้างๆกันพลันขมวดคิ้วทั้งเร่งหันหน้ามองตากันทันที พวกมันกล่าวผ่านส่งเสียงผ่านปราณ “เฮ่ เริ่นเฟยปราณแรกกำเนิดนี่มิใช่คล้ายกับของลี่เฟิงที่ปรากฏตัวในเขตคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลยรึไง ทั้งแสงสว่างอะไรเหมือนกับที่อาวุโสอธิบายไม่มีผิด…เพราะที่ท่านลุงของเข้าเล่ามา ปราณแรกกำเนิดของลี่เฟิงคล้ายดวงตะวันที่สาดแสงสีทอง!”
“นั่นสิ หรือหลิงเทียนจะรู้จักกับลี่เฟิงจริงๆ…ทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไงแน่?”
จังหวะนี้ไม่ว่าจะหลิวเจี้ยนหรือเริ่นเฟยก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันนั้น…วันที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเข้าร่วมวังนภา และอีกฝ่ายเคยกล่าวไว้ว่ารู้จักลี่เฟิง กระทั่งเป็นสหายของลี่เฟิง…
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ในตอนนั้น แม้แต่พวกมันล้วนคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคุยโม้โอ้อวด!
ทว่ามาตอนนี้พอเห็นปราณแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียน พวกมันรู้สึกว่าเรื่องราวอาจไม่ได้เป็นดั่งที่พวกมันคิดคาด บางทีต้วนหลิงเทียนไม่ได้คุยโวโอ้อวด…แต่รู้จักกับลี่เฟิงจริงๆ!
เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขา ได้กระตุ้นความสนใจหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟย
แต่แน่นอนว่าถึงแม้จะรู้ เขาก็ไม่สนใจ
เพราะเขารู้ดีแต่แรกแล้ว…ว่าจะช้าจะเร็วปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาก็ต้องเปิดเผยต่อหน้าผู้คน! อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครคิดว่าเขาคือลี่เฟิง!!
เขามั่นใจในการปลอมแปลงรูปโฉมของตัวเองนัก!
ฮู่มมมม!!!
ภายใต้ทุกสายตาของผู้คน มังกรวารีที่ควบแน่นก่อเกิดจากเขตแดนของลั่วเหอที่พุ่งมาดุร้ายพลันแผดเสียงคำรามกึกก้อง ร่างมันพุ่งตัดฟ้าไปเจียนบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนเต็มที!!
ครืนนน!!
ทันใดนั้นเองทุกคนพลันสังเกตเห็นว่า มวลปราณที่ลอยไปควบรวมเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและส่องแสงสว่างปานดวงตะวันจ้านั้น ได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลง…มันระเบิดพลังขุมหนึ่งออกทั้งสาดแสงสีทองสว่างจ้า! พาลให้ผู้คนถึงกับตาพร่า มองไม่เห็นสิ่งใดปานดวงตามืดบอกไปครู่หนึ่ง ทั้งหลายเร่งรีบหยีตาเอามือป้องบังยกใหญ่ ค่อยๆลืมตามองลอดหว่างนิ้ว!
ทันใดนั้น ปรากฏมังกรพลังมีสภาพสีทองเสมือนจริงคล้ายดั่งมีชีวิตขึ้นกลางฟ้า ทั่วร่างยังเปล่งกลิ่นอายปราณโลหิตออกมาแน่นหนา!!
ฮู่มมมม!!!
ทันทีที่มังกรเทพยาดาสีทองปรากฏกาย มันก็คำรามออกมาอย่างดุร้าย ก่อนที่จะเคลื่อนกายพุ่งวาบเข้าใส่มังกรวารีตัวเขื่องทันที!!
ในแง่ของขนาด มังกรเทพยาดาสีทองตัวนี้กลับเล็กกกว่ามังกรวารีครึ่งต่อครึ่ง!
อย่างไรก็ตามในแง่ของพลังอำนาจ มังกรเทพยาดาสีทองตัวนี้หาได้ด้อยไปกว่ามังกรวารีไม่!!
“ปราณแรกกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์!?”
เห็นฉากดังกล่าวผู้คนมากมายอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกด้วยความประหลาดใจ เพราะต่างไม่คาดคิด ว่าจะได้เห็นต้วนหลิงเทียนใช้กลพลังทั่วไปอย่างการสร้างสัตว์ปราณออกมาแบบนี้…
เพราะกลพลังดังกล่าว ให้พูดกันตามตรง…พลังอำนาจของมันย่อมอ่อนด้อยกว่าเขตแดนเป็นอย่างมาก!
“ไฉนหลิงเทียนถึงเลือกใช้ปราณแรกกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์ออกมาในเวลาเช่นนี้กัน..เขามิรู้เลยหรือว่าเสียเปรียบใหญ่หลวง?!”
หลายคนได้แต่หันมองหน้ากันเองด้วยความงุนงง ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงทำแบบนี้
“เจ้าทึ่มนั่นกลับไม่ใช้เขตแดนแต่เลือกจะใช้สัตว์ปราณ? บ้าจริง…ลั่วเหอมิใช้ยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญธรรมดาๆที่ใครจะเอาชนะได้ง่ายๆ! บางทีเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญคนอื่นอาจสู้เจ้าไม่ได้แต่ลั่วเหอนั่นต่างออกไป เจ้าทึ่มเอ๊ย! เจ้ามันดูถูกศัตรูเกินไปจนเรื่องลำบากใส่ตัวแล้ว!!”
ห่างออกไปไกลๆ คิ้วคู่งามของหวางเฟยเซวียนขดยู่เป็นปม นางรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนประมาทศัตรูเกินไป
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ลั่วเหอก็กล่าวเย้ยเยาะออกมาทันที ขณะเดียวกันมันยังเร่งเร้าพลังสุดตัวจ่ายปราณแรกกำเนิดทั้งสิบส่วนไปผนึกควบรวมในมังกรวารี!!
ทันใดนั้นขนาดของมังกรวารีแต่เดิมที่ใหญ่โตอยู่แล้วพลันทวีความใหญ่โตขึ้นไปอีกขั้น! มองไปคล้ายดั่งเมฆดำทะมึนที่เคลื่อนมาปกคลุมเมือง! ยามมันผ่านไปที่ใดบันดาลให้กลางวันกลายเป็นมืดลงดั่งห้วงราตรี บดบังแสงตะวัน ปิดฟ้าอมจันทรา!
เปรี๊ยงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้นมาปานฟ้าวิปโยค บรรยากาศกระเพื่อมสั่นไหวไปอย่างแรง! ลานศิลาแกร่งใต้เท้ายังสะเทือนครืนๆปานโลกหล้าจะแตกแยก! เป็นมังกรเทพยาดาสีทองอันเต็มไปด้วยปราณโลหิต ที่สุดก็ปะทะเข้ากับมังกรวารีตัวเขื่อง! ทั้งคู่ที่พุ่งมาดั่งอุกกาบาตข้ามฟ้ากระแทกเข้าใส่กันอย่างจัง!!
หนึ่งเป็น มังกรเทพยาสีทอง อันเกิดจากกวรควบรวมปราณก่อลักษณ์สรรพสัตว์
อีกอย่างเป็น มังกรวารี ที่ก่อเกิดจากการควบรวมพลังของเขตแดน!
โดยทั่วไปแล้ว อย่างหลังจะมีอานุภาพพลังเหนือล้ำกว่าขั้นหนึ่งเต็มๆ!
“หลิงเทียนบ้าไปแล้ว!”
“นั่นสิ ตอนนี้ต่อให้หลิงเทียนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริง แต่อย่างดีปราณแรกกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์ก็ทำได้แค่ทัดเทียมกับเขตแดนของลั่วเหอ…หากมิใช่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด น่ากลัวว่าต้องแพ้พ่ายยับเยิน กระทั่งอาจตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบจนมิอาจกู้คืน!”
“ข้าพเจ้าไม่ทราบจริงๆ ว่าในหัวหลิงเทียนคิดอ่านอันใดอยู่…”
……
หลายคนไม่เข้าใจต้วนหลิงเทียน ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
“คราวนี้พวกเราจะได้รู้กัน ว่าหลิงเทียนใช่ตัดผ่านถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วหรือไม่…”
อย่างไรก็แล้วแต่ทุกผู้คนล้วนรู้ดี ว่าการปะทะกันของทั้งคู่ จะเปิดเผยระดับพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนออกมา
และเมื่อคลื่นอากาศสายลมทั้งคลื่นกระแทกอันน่าหวาดหวั่นจากการปะทะกันของมังกรเทพยาดาสีทองกับมังกรวารีตัวเขื่องสิ้นสุดลง มังกรทั้ง 2 ตัวก็สลายหายไป หลิงเทียนกับลั่วเหอต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีใครเป็นอะไร
เห็นได้ชัดว่าพลังที่ทั้งคู่ใช้ออกนั้นมีอำนาจทัดเทียมกัน!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
……
หลังจากได้เห็นผลลัพธ์ดังกล่าว ฉากที่เงียบงันไปพักหนึ่ง ไม่นานก็เริ่มปรากฏเสียงสูดลมหายใจเข้าโดยแรงดังขึ้น
“หลิงเทียนตัดผ่านถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ!”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น บอกให้รู้ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…
นั่นคือหลิงเทียนบรรลุด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว!
หาไม่แล้วคงไม่มีทางที่จะใช้สัตว์ปราณปะทะต้านทานเสมอกับมังกรวารีของลั่วเหอ ที่ควบรวมก่อเกิดจากพลังอำนาจของเขตแดนได้!