WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1744
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1744
ตอนที่ 1,744 : ความไร้ยางอายของพี่น้องสกุลลั่ว!
แน่นอนว่าในสายตาทุกคนการเสมอกันของหลิงเทียนและลั่วเหอ เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น…
เพราะสุดท้ายแล้วหลิงเทียนเพียงใช้ปราณแรกกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์ ทว่าลั่วเหอใช้ปราณแรกกำเนิดก่อเขตแดน!
อันที่จริงตอนนี้ยังเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนออมมือให้ลั่วเหออยู่หลายส่วน หาไม่แล้วอาศัยแค่ปราณแรกกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์เมื่อครู่ คงคร่าชีวิตไร้ราคาของลั่วเหอไปได้ไม่ยากเย็น!
เหตุผลที่เขาไม่ได้ลงมือจริงจัง เพราะไม่อยากเปิดเผยพลังของตัวเองออกมามากเกินไป!
ในเมื่อหลายคนคิดกันไปว่าเขาพึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด เช่นนั้นเขาก็จะรักษาระดับพลังที่เผยออกเอาไว้แค่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด! เลือกที่จะใช้สัตว์ปราณมีสภาพต้านทานรับมือมวลพลังลักษณ์มังกรวารีจากเขตแดนของลั่วเหอ และให้ผลออกมาเช่นนี้ เพราะตามหลักพลังที่ต่างกันขึ้นหนึ่งแล้ว…สัตว์ปราณของเขาไม่อาจเอาชนะได้ อย่างดีก็เสมอ!
“เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!”
“หลิงเทียนผู้นี้ บรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ!!”
……
ข้อเท็จจริงตรงหน้าพิสูจน์ให้เห็นว่าวิธีของต้วนหลิงเทียนประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม การปะทะกันกับลั่วเหอครั้งนี้ ทำให้ทุกคนคิดว่าเขามีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
“ฮึ! เจ้าทึ่มมันทะลวงผ่านแล้วแน่นอนถึงปากจะไม่ยอมรับก็เถอะ! พูดออกมาตรงๆเจ้าจะตายหรือไงกัน!?”
หวางเฟยเซวียนได้แต่ส่ายหน้าไปมา แววตาที่มองต้วนหลิงเทียนยังเผยความหงุดหงิดทั้งไม่พอใจอยู่บ้างเล็กน้อย
“เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด”
สีหน้าลัวเหอแปรเปลี่ยนไปมหันต์ มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลิงเทียนเบื้องหน้าจะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ เพราะตัวตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดไม่ใช่อะไรที่มันจะต้านทานได้เลย ต่อให้พึ่งทะลวงมาก็ตามที
ลั่วชานที่ดูการประลองอยู่ข้างๆ ก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมทันที “หลิงเทียนนั่นมันทะลวงผ่านแล้วจริงๆ!”
ตั้งแต่ที่จงใจเปิดเผยพลังฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดออกมา จนผู้คนเข้าใจตรงกันแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คร้านเสียเวลากับสวะอย่างลั่วเหอต่อไป ร่างเขาวูบไหวดังภูตพรายเข้าใส่ลั่วเหอทันที
“ลั่วเหอ ระวัง!!”
สีหน้าลั่วชานมืดลงทันใด เร่งร่ำร้องตะโกนออกมาทันที
อันที่จริงแม้ลั่วชานจะไม่กล่าวเตือน แต่ลั่วเหอก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา มันคิดหลบหลีกทันที!
อย่างไรก็ตามในฐานะเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญของมันๆคิดจะหลบก็หลบการลงมือของเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้หรือ? ต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างมาดั่งภูตพราย ลงมือออกด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจะทำได้!!
ปงงงง!!
เสียงสนั่นดันลั่นขึ้นอีกครา ปรากฏเป็นร่างต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ ณ จุดที่ลั่วเหอยืนอยู่ก่อนหน้า เท้าข้างหนึ่งยกข้างไว้…
ส่วนอีกด้านนั้น ลั่วเหอถึงกับปลิดปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า ก่อนที่จะไถลไปกับพื้นลานศิลา สภาพดูไม่ได้…
ตั้งแต่ต้นจนจบปราณแรกกำเนิดทั่วร่างของลั่วเหอถูกปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนสะกดข่มเอาไว้ ไม่อาจโคจรใช้ออก หลังรับประทานลูกถีบไปเต็มคำแล้ว มันก็ทำได้แค่กระเด็นกลิ้งไปไม่เป็นท่า ยากจะมีเรี่ยวแรงขืนร่างไม่ให้กลิ้งเกลือกดั่งลาโง่…
เงียบ!
ฉากเรื่องราวเงียบงันปานคนตาย
ลั่วเหอกล่าวท้าหลิงเทียนอย่างห้าวหาญ อนิจจาตอนนี้ถูกถีบยันมาฟันฟางร่วมแทบไม่เหลือไว้เคี้ยวข้าว ยังต้องมีสภาพอนาถาปานสุนัขตาย…
“เหอๆ…ถ้าหลิงเทียนไม่คิดละเล่นกับลั่วเหอและใช้สัตว์ปราณมีสภาพแต่แรก เกรงว่าลั่วเหอคงแพ้ไปนานแล้ว”
“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนหรือไง…”
“ลั่วเหอท้าผู้อื่นอย่างห้าว ตอนนี้มิทราบหน้าร้าวหรือไม่…”
……
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับทั้งหลายมองชมลั่วเหอที่พยายามยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลด้วยแววตาเย้ยหยัน ปากยังไม่ขาดกล่าววาจาซ้ำเติม
เรียกว่ากว่า 9 ส่วนของผู้คนในลานศิลา กล่าววาจาถล่มซ้ำเติมลั่วเหออย่างสะใจทั้งสิ้น!
บางทีคนส่วนใหญ่ในลานศิลาอาจไม่ใช่คู่มือของลั่วเหอ แต่พวกมันก็หาญกล้ากล่าววาจาถากถางออกมาอย่างไม่เกรงกลัว! หรือลั่วเหอจะสามารถไล่ทุบตีผู้คนที่ด่ามันหมดลานได้?
หลังจากที่รับประทานโอสถเซียนรักษาตัวทั้งใช้มือลูบจับฟันฟางที่หักหลอ ลั่วเหอก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ามืดดำ รอยเท้ายังคงประทับอยู่ที่หน้า สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนดุร้ายอาฆาตปานจะยิงลำแสงความร้อนออกมาฆ่าคน…
ตอนนี้มันยังจะพูดอะไรได้…คนแพ้ไม่มีสิทธิ์พูด!
“หลิงเทียน!’”
ตอนนี้เองลั่วชานพลันกล่าวออกมา และเมื่อมันดึงความสนใจจากผู้คนได้สำเร็จ มันก็มองหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น “ก่อนอื่นข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้า ที่หลังจากเข้าใช้สระวิญญาณแล้วสามารถทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้สำเร็จ…ด้วยพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดนั่น ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้ากับน้องชายจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า ทว่า…”
“ทว่าหากข้ายอมรับการประลองโดยให้พวกเจ้าทั้งคู่ร่วมมือกันและเอาชนะพวกเจ้าได้ พวกเจ้าถึงจะยอมแพ้ข้างั้นสินะ?”
ก่อนที่ลั่วชานจะกล่าวจบคำ เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล่าวแทรกออกมาเสียก่อน
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ทุกสายตาในลานศิลาพลันหันไปจับจ้องมองลั่วชานทันที เพราะหากลั่วชานคิดจะกล่าวดังที่ต้วนหลิงเทียนว่าออกมาจริงๆล่ะก็ นับว่าลั่วชานผู้นี้จะไร้ยางอายไปหน่อยแล้ว!!
ในวังนภาของตำหนักฟ้าลี้ลับ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าพี่น้องสกุลลั่ว สามารถเอาชนะเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดที่พึ่งทะลวงผ่านได้หลายต่อหลายคน?
ลั่วชานถึงกับขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนกลับล่วงรู้ว่ามันจะพูดอะไร อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไร้หนทางเลือกอื่น จึงพยักหน้ากล่าวตอบไป “มิผิด! แน่นอนว่าหากเจ้าหวาดกลัวมิกล้ายอมรับคำท้าทายของพวกเรา เจ้าก็สามารถปฏิเสธได้และคงมิมีใครกล่าวว่าอะไรเจ้าได้ เพราะอย่างไรเสียเจ้าก็แข็งแกร่งกว่าพวกเราพี่น้องจริงๆ”
ไม่มีใครคิดคาด ว่าลั่วชานจะยังคงกล่าวออกมาตรงๆแบบนั้น แม้วาจาฟังแล้วไร้ยางอาย แต่กลับเปิดเผยโปร่งใส
“หลิงเทียน เจ้ากล้าสู้กับพวกเราพี่น้องพร้อมกันหรือไม่?”
ตอนนี้เองลั่วเหอที่รับประทานโอสถรักษาจนอาการหายเป็นปกติแล้ว มันก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ด้วยความที่ฟันมันหักเสียงย่อมไม่ชัด มันจึงไม่พูดออกตรงๆ อาศัยการใช้ปราณแรกกำเนิดกล่าวออกแทน…
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด มันจึงไม่รู้สึกอับอายอะไรที่แพ้พ่าย อย่างไรก็ตามหากมันมีโอกาสที่จะได้เอาชนะต้วนหลิงเทียน และทำลายความฮึกเหิมของอีกฝ่ายมันย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้พลาดหลุดมือ กระทั่งยังไม่สนใจด้วยซ้ำว่าการกลุ้มรุมของพวกมันพี่น้องจะเป็นเรื่องไร้ยางอายเพียงใด
“ไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก”
เสียงลั่วเหอดังจบไม่ทันไร พลันมีเสียงคุ้นเคยหนึ่งดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เป็นหวางเฟยเซวียน “พี่น้องสกุลลั่ว หากอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวพวกมันเป็นเพียงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญของวังนภา…ทว่ายามพวกมันร่วมมือผนึกกำลังกัน ผู้ที่พึ่งทะลวงผ่านเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน!”
“ในวังนภา บรรดาศิษย์ที่พึ่งทะลวงผ่านเซียนขัดเกลาชั้นสูงสุดที่พ่ายแพ้พวกมัน… มีนับ 2 หลัก!”
วาจาที่ส่งผ่านปราณแรกกำเนิดมาประโยคท้ายของหวางเฟยเซวียน ยังมีน้ำเสียงจริงจังไม่น้อย
ขณะเดียวกันนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงคุ้นหูอีกหนึ่งเสียงดังขึ้นตามติด “ศิษย์น้องหลิงเทียน พวกมันกลับไร้ยางอายอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ…เจ้าไม่ต้องไปสนใจอะไรพวกมันหรอก”
กล่าวส่งเสียงผ่านปราณจบคำ กัวลู่ก็หันไปมองกล่าวกับลั่วชานเสียงดังฟังชัด “ลั่วชาน เจ้ายังกล้าเหลวไหลว่าจะเอาชนะศิษย์น้องหลิงเทียนด้วยการกลุ้มรุม? อายุของพวกเจ้าทั้ง 2 รวมกันแล้วก็เกินร้อย ข้าถามตรงๆหนังหน้าเจ้าฝึกยอดวิชาคงกระพันอันใดมา ถึงกล้าพล่ามวาจาไร้ยางอายคิดอาศัยการร่วมมือกับน้องชายกลุ้มรุมศิษย์น้องหลิงเทียน ที่อายุยังไม่ถึง 40 ปีออกมาโดยไม่อับอายผู้คน!?”
ทันทีที่กัวลู่กล่าวจบคำ ทุกสายตาบนลานศิลาก็หันไปมองพี่น้องสกุลลั่วด้วยสายตาแปลกๆทันที
“กัวลู่กล่าวมีเหตุผลนัก พี่น้องสกุลลั่วนับว่าไร้ยางอายเกินไป”
“ข้าคิดว่าพวกมันคงไม่อาจทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ เลยคิดจะอาศัยการกลุ้มรุมกู้หน้า!”
“เหลวไหลนัก! ไร้ยางอายเป็นที่สุด! พวกมันอายุรวมกันกว่าร้อย แต่คิดกลุ้มรุมคนอายุไม่ถึง 40? กลุ้มรุมมารดาของมันเถอะ!!”
……
หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวเสียดสี บ้างก็ตะโกนด่าออกมาอย่างไม่ไว้หน้า พาลให้สีหน้าของพี่น้องสกุลลั่วมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก
แน่นอนว่าสายตาที่ทั้งคู่ใช้มองกัวลู่อีกครั้งตอนนี้ ก็เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารอำมหิตอาฆาต
หากไม่ใช่เพราะในลานศิลามีตัวตนที่ทรงพลังร้ายกาจเหนือพวกมันมากมาย และกฏเกณฑ์ของตำหนักฟ้าลี้ลับเข้มงวดไม่อาจฝ่าฝืน พวกมันคงระเบิดพลังสังหารกัวลู่ทิ้งไปเสีย!!
“หลิงเทียน ข้ากล่าวบอกเจ้าไปแล้วว่าเจ้าสามารถปฏิเสธได้”
ลั่วชานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง
“หลิงเทียนหากเจ้าไม่กล้ารับคำท้า เจ้ามันก็แค่ตัวขี้ขลาดตาขาว”
“หลิงเทียน ถ้าเจ้าไม่กล้าสู้เจ้าก็ไม่นับว่าเป็นลูกผู้ชาย!!”
พร้อมกันนั้นเอง ก็มีเสียงสองเสียงส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียน และมันมาจากพี่น้องสกุลลั่ว!
ที่ทั้งคู่ส่งเสียงกล่าวมาท้าทายแบบนี้ จุดประสงค์ของพวกมันล้วนชัดเจนนัก คิดยั่วยุให้เขามีโทสะ และรับคำท้าของพวกมันอย่างขาดสติ
“เหอะ”
หลังจากได้ยินเสียงที่ส่งมาท้าทาย ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหน้าไปมาเบาๆ ทว่าสีหน้าเขาเริ่มแข็งขึ้น แววตายังกลายเป็นเยือกเย็น มองกล่าวกับพี่น้องสกุลลู่เสียงดังฟังชัด “ต่อให้พวกเจ้าไม่ส่งเสียงมายั่วยุหมายทำให้ข้ามีโมโห ข้าก็ไม่คิดจะปฏิเสธคำท้าของพวกเจ้าแต่แรก อย่าได้เสียเวลาพล่ามให้มาก ในเมื่อพวกเจ้าอยากร่วมมือกันนักก็รีบๆเข้ามา!”
รีบๆเข้ามา!!
วาจาต้วนหลิงเทียนที่ดังออกคราวนี้ ยามผู้คนได้ยิน ยังรู้สึกไม่ต่างใดจากอัสนีบาตยามแล้ง ไม่มีการตั้งเค้าใดๆทั้งสิ้น!
คนส่วนมากไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ายอมรับคำท้า ขอกลุ้มรุมของพี่น้องสกุลลั่ว!
“เจ้าทึ่มเอ๊ย! เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว!!”
“ศิษย์น้องหลิงเทียน!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงสองเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง เป็นเสียงของหวางเฟยเซวียนและกัวลู่!
น้ำเสียงของทั้งคู่ยังเป็นกังวลไม่น้อย เพราะต่างคาดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบรับคำท้าของพี่น้องสกุลลั่วออกมาดื้อๆแบบนี้
“หลิงเทียน…กลับยอมรับคำท้าหรือ?”
“วู่วามเกินไปแล้ว!”
“นับว่าเขาวู่วามเกินไปแล้วจริงๆ พี่น้องสกุลลั่วไม่ว่าคนใดล้วนไร้เทียมทานในขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลางของวังนภา…หากทั้งคู่ผนึกกำลังกันและอาศัยการส่งกระแสจิตสื่อสารของคู่แฝด ลงมือรุกรับสอดประสานไร้ช่องโหว่ กระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดที่พึ่งทะลวงผ่านล้วนต้องแพ้พ่ายไปหลายต่อหลายคน…”
“กระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั่วไปไม่แน่ว่าจะไม่แพ้พ่ายพวกมัน เช่นนั้นเซียนขัดเกลาที่พึ่งทะลวงผ่านล้วนมิมีความหวังที่จะรับมือพวกมันได้เลย!”
“ข้าเกรงว่าหลิงเทียนคงไม่รู้เรื่องนี้ หาไม่แล้วคงไม่ยอมรับออกไปเช่นนั้น”
“ข้าคิดว่าหลิงเทียนสมควรรู้เรื่องนี้ เพราะแลแล้วคงมีความสัมพันธ์อันดีกับกัวลู่ ไหนเลยกัวลู่ยังไม่กล่าวเตือนเขาได้? ข้าสงสัยว่าที่รับคำท้าของพี่น้องสกุลลั่วเช่นนี้…เพราะพวกมันส่งเสียงไปกล่าวยั่วยุท้าทายหลิงเทียนแน่นอน และพวกมันก็ยั่วให้หลิงเทียนโมโหสำเร็จ!”
“ข้าเห็นด้วย! ท่าทางจะเป็นพี่น้องสกุลลั่วยั่วโทสะหลิงเทียนสำเร็จแล้วจริงๆ…พวกมันนับว่าไร้ยางอายยิ่งนัก! เพียงเพื่อให้หลิงเทียนรับคำท้า พวกมันกลับสามารถกระทำได้ทุกวิธี ช่างเป็นสร้างความอับอายขายหน้าให้วังนภาพวกเรานัก!”
“ถึงกระนั้นหลิงเทียนก็วู่วามห่ามไป…หากเป็นพวกเราไม่ว่าใครก็รู้ว่าพี่น้องสกุลลั่วจงใจยั่วยุโดยเจตนา…นับว่าเขายังอ่อนต่อโลกเกินไป”
……
ผู้คนมากมายเริ่มกล่าวสนทนากันอื้ออึง
หลายคนมองไปที่พี่น้องสกุลลั่วด้วยสายตาดูแคลนรังเกียจ หลายคนมองไปที่ต้วนหลิงเทียนค่อยส่ายหัวไปมา ทั้งหมดคิดว่าต้วนหลิงเทียนยังอ่อนประสบการณ์และขาดการควบคุมอารมณ์เกินไป
“ฮ่าๆๆๆ…ประเสริฐ! ประเสริฐ!!”
เมื่อได้ยินวาจาตอบรับคำท้าทายของต้วนหลิงเทียน พี่น้องสกุลลั่วพลันหัวเราะออกมาดังลั่น! โดยเฉพาะลั่วเหอ มันถึงกับหัวเราะออกมาดังร่าอ้าปากเผยฟันหลออย่างตื่นเต้นยินดี คล้ายมันกำลังเห็นภาพต้วนหลิงเทียนที่หมอบคลานอยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกมันพี่น้อง!!