WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1753
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1753
ตอนที่ 1,753 : อริยะเซียน ศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับ
ศิษย์ในตำหนักหลัก…ล้วนบรรลุถึงอริยะเซียน!
ได้ยินวาจานี้ของหวางเฟยเซวียน แววตาต้วนหลิงเทียนเย็นลงทันใด หันไปมองจ้าวจี้อีกครั้งยังกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลายส่วน
แต่เดิมเขาคิดจะสั่งสอนบทเรียนจ้าวจี้ให้มันรู้ว่ามันไม่อาจรังแกใครก็ได้ตามใจ…หรืออย่างน้อยๆ สหายของเขาต้วนหลิงเทียนมันก็รังแกไม่ได้!
แม้ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเห็นหวางเฟยเซวียนเป็นเพื่อนแล้ว
เมื่อเห็นสหายถูกรังแกต่อหน้าต่อตา จะให้เขาทนได้ยังไง?
หากยังทนอยู่ได้ เขาก็ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน!
ฟุ่บ!
ประหนึ่งสายลมกรรโชก ร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปในพริบตา!
“ศิษย์น้องหลิงเทียน!”
สีหน้าหวังพีเปลี่ยนไปมหันต์ มันคิดลงมือหยุดต้วนหลิงเทียน ทว่ากลับสายเกินไป
เพี๊ยะ!!
เสียงตบดังสนั่นฟังชัดถนัดหูดังขึ้น ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ร่างต้วนหลิงเทียนไม่ทราบไปหยุดหน้าจ้าวจี้บนลานศิลาตั้งแต่ตอนไหน และตอนนี้ใบหน้าแถบหนึ่งของจ้าวจี้ก็แดงฉานช้ำเลือด รอยมือเด่นเป็นสง่า!!
“หลิง…”
สีหน้าจ้าวจี้แปรเปลี่ยนไปอีกครา แววตาเผยความดุร้ายอำมหิต มันอ้าปากคิดกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันที่มันจะได้พูดอะไร เสียงตบดัง ฉาด พลันดังก้องขึ้นมาอีกรอบ!!
เป็นต้วนหลิงเทียนฟาดตบหน้ามันอีกฉาด! และคราวนี้เลือกที่จะบรรจงเน้นไปที่ใบหน้าอีกข้างที่ไร้รอยแดง!!
เจตนาฆ่าฟันในแววตาจ้าวจี้ยิ่งมายิ่งมาก หากแต่มันไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาอีก เพราะมันกลัวว่าถ้าพูดไปเดี๋ยวชายเบื้องหน้าจะตบมันอีกครั้ง!
‘อดทนไว้จ้าวจี้…เจ้าต้องอดทนไว้! ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย ความอัปยศครั้งนี้เจ้าต้องทวงคืนมาได้แน่นอน! อีกไม่นานสารเลวนี่มันต้องตายไร้ที่ฝัง! มันต้องตาย!!’
จ้าวจี้กล่าวปลอบใจตัวเองไม่หยุด พยายามเต็มที่เพื่อระงับโทสะในใจ
แน่นอนว่าตอนนี้ใจมันแทบคุ้มคลั่งไปด้วยความแค้นอยู่รอมร่อ!
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันถูกตบหน้า ยังถูกคนอายุน้อยกว่าตบหน้า!!
สำหรับมันนี่คือความอัปยศอดสูถึงขีดสุด เป็นตราบาปที่จะฝังใจไปชั่วชีวิต!!
หากสารเลวเบื้องหน้าไม่ตาย ชาตินี้ใจมันไม่มีวันสงบลงได้!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
……
ตอนนี้เองพลันมีเสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นระงม ผู้คนโดยรอบที่พึ่งรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือตบหน้าจ้าวจี้เช่นนั้น!
“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เจ้านี่มัน…เหอะๆ”
หวังพีได้แต่ยิ้มขื่นขมมองต้วนหลิงเทียนอย่างช่วยไม่ได้ ตอนแรกสุดมันไม่ได้คิดจะหยุดต้วนหลิงเทียนจากการลงมือกับจ้าวจี้ เพราะมันเองก็ไม่ชอบการกระทำของจ้าวจี้…
ทว่าคราวนี้ที่มันคิดหยุด กลับไม่มีปัญญาจะหยุดได้ทัน…
“หลิงเทียนจะไม่หุนหันพลันแล่นไปหน่อยหรือ…จ้าวจี้มิใช่แค่ศิษย์วังนภาธรรมดาๆนะ”
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับโดยรอบอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เพราะเรื่องนี้นับว่าสะท้านสะเทือนจิตใจของพวกมันอย่างแรง!
จ้าวจี้เป็นคนเช่นไรมีความเป็นมาอย่างไรพวกมันรู้ดี!
ในตำหนักฟ้าลี้ลับอย่าว่าแต่เหล่าศิษย์เช่นพวกมัน กระทั่งผู้อาวุโสทั้งหลายยังไม่กล้าหืออือกับจ้าวจี้ด้วยซ้ำ!
ทว่าวันนี้จ้าวจีกลับถูกศิษย์ที่อายุไม่ถึง 40 ปีทั้งพึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับได้ไม่ทันไรตบหน้า…กระทั่งยังถูกตบถึง 3 ครั้ง!!
“มารดาของเรา! หลิงเทียนผู้นี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ไฉนถึงได้กล้าหาญนัก!!”
“แย่แล้ว ทำกับจ้าวจี้ถึงขนาดนี้ เขาตายแน่!!”
“เรื่องนี้ไม่แน่นักหรอก…พวกเจ้าอย่าลืมว่าหลิงเทียนเป็นใคร เขาก็มิใช่ศิษย์วังนภาธรรมดาๆ ยังเป็นอัจฉริยะเซียนมือหนึ่งในบรรดารุ่นเยาว์…หากเขาเกิดเรื่องข้าเชื่อว่ากระทั่งท่านจ้าวตำหนักก็ไม่คิดนิ่งดูดาย”
“เจ้าพูดมามันก็ใช่ แต่อย่างลืมว่าในตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเราว่าหากจ้าวจี้คิดฆ่าใครมันก็ลงมือทันที! จ้าวตำหนักยังไม่ทันได้รู้เรื่อง!”
……
ศิษย์ของตำหนักฟ้าลี้ลับที่มาชมดูเรื่องราว กระซิบกันดังระงม ทั้งหมดคิดว่าการที่ต้วนหลิงเทียนทำกับจ้าวจี้แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากขุดหลุมฝังศพตัวเอง!
“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าหุนหันเกินไปแล้ว…”
หวังพีส่งเสียงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน “ตอนแรกที่เจ้าตบมันยังกล่าวได้ว่าเพราะสั่งสอน…แต่คราวนี้เจ้ากลับตบหน้ามัน 2 ครั้งติดๆ ทำให้มันต้องอับอายต่อหน้าผู้คนจนยากที่จะทำให้มันเงยหน้ามองใครได้อีก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…”
ที่หวังพีกล่าวออกมาแบบนี้ เพราะมันไม่รู้ว่าจ้าวจี้ได้ส่งคนไปตามอริยะเซียนจากตำหนักมาแก้แค้นต้วนหลิงเทียน…
“เขา…”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับตบหน้าจ้าวจี้เพิ่มอีก 2 ฉาด หวางเฟยเซวียนเองก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา เพราะเมื่อหายโกรธนางก็นึกขึ้นได้ว่าอำนาจของจ้าวจี้น่ากลัวเพียงใด แผ่นหลังถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเพราะการลงมือของต้วนหลิงเทียนทันที
“เจ้ากลับตบหน้ามันถึง 2 ครั้งติด…เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว”
หวางเฟยเซวียนส่งเสียงกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน ในน้ำเสียงยังเป็นกังวลนัก “เจ้าทำเช่นนี้ จ้าวจี้มันต้องโมโหมากแน่…หลังจากนี้ในตำหนักฟ้าลี้ลับไม่มันก็เจ้าต้องตายกันไปข้าง!”
แม้หวางเฟยเซวียนจะรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนตบจ้าวจี้คือตัวนางเอง แต่นางก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนวู่วามเกินไป
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะนางกังวลแทนต้วนหลิงเทียน
“วู่วาม?”
ได้ยินวาจานี้ของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะตอบอะไร
เชารู้ดีว่าภูมิหลังของจ้าวจี้ไม่ธรรมดา แต่ถ้าเขาต้องมาหวาดกลัวกับเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ทำไมเขาต้องโอนอ่อนต่ออำนาจอยุติธรรม และทนรับการรังแกอะไรด้วย?
บนถนนแห่งวิถียุทธ์ของต้วนหลิงเทียน ไม่มีที่ว่างสำหรับความหวาดกลัวต่ออำนาจ ให้เส้นทางเบื้องหน้ามันจะลำบากเพียงไรยากเข็ญเพียงไหน เขาก็จะมุ่งมันฟันฝ่าเพื่อให้ถึงปลายทาง!
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เกาเผิงได้ถอยออกไปยืนห่างๆ มันไม่อยากเป็นปลาในบ่อที่พลอยซวยเพราะไฟไหม้ไปด้วย
(ประตูเมืองไฟไหม้ ลามถึงปลาในบ่อ = ไฟไหม้ประตูเมือง ทว่าข้างประตูเมืองมีบ่อปลา…ทหารจึงมาตักน้ำในบ่อไปดับไฟ จนน้ำในบ่อแห้งขอดปลาเลยตาย)
“ตั้งแต่ข้าเข้าตำหนักฟ้าลี้ลับมาข้ามิเคยยอมรับนับถือผู้ใด…แต่วันนี้ข้าไม่อาจไม่ยอมรับหลิงเทียน!”
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนที่ตะโกนกล่าวคำนี้ออกมา แต่มีหลายคนที่ได้ยิน
“เห็นด้วย! ไม่ต้องกล่าวถึงศักยภาพพรสวรรค์อันใด ลำพังแค่ความกล้านี้ข้าก็นับถือแล้ว!”
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ โดยเฉพาะคนวังนภาต่างเห็นด้วย
แน่นอนว่าในขณะที่มีบางคนชื่นชมต้วนหลิงเทียน แต่ก็มีบางคนส่ายหน้าเพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนรนหาที่!
“หลิงเทียนนี่คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์แล้วจะทำอะไรในตำหนักฟ้าลี้ลับก็ได้หรือ…คิดว่าจะตบตีทำร้ายใครก็ได้รึไง ในตำหนักฟ้าลี้ลับเรามีคนแข็งแกร่งกว่ามันเต็มไปหมด”
“นั่นสิ! หากเป็นคนธรรมดาคิดทำอะไรก็ทำไป แต่นั่นคือจ้าวจี้…ภูมิหลังจ้าวจี้คนรู้กันทั่ว วันนี้มันถูกหยามให้อัปยศถึงเพียงนั้น เรื่องต้องไปถึงหูอาวุโสผู้พิทักษ์แน่!”
“นั่นสิ ไม่ว่าจะท่านผู้พิทักษ์หรือรองจ้าวตำหนักย่อมไม่อาจทนไหว ต่อให้ไม่คิดลงมือเองเพราะกลัวเสียหน้า แต่อาศัยศิษย์ใต้บัญชา หลิงเทียนก็ไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว…”
“จริง แม้ในตำหนักฟ้าลี้ลับรองจ้าวตำหนักกับอาวุโสผู้พิทักษ์ไม่อาจสังหารหลิงเทียนโจ่งแจ้ง…แต่ผู้ใดจะรับประกันว่าทั้งคู่จะมิอาจหาโอกาสได้…ไม่ว่าจะมากพรสวรรค์เพียงใด หากตายก่อนที่จะทันได้เติบโตก็เป็นแค่บุปผาที่เบ่งบานเพียงชั่วคราว…”
……
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับเหล่านี้คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ฉลาดเลยที่ลงมือทำร้ายจ้าวจี้แบบนี้
ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินคำเหล่านี้เป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะเขารู้ดี ตั้งแต่วินาทีที่เขามีเรื่องกับจ้าวจี้ ต่อให้เขาไม่ลงมืออะไร จ้าวจี้มันก็ไม่คิดเลิกรากับเขาอยู่แล้ว
เขามั่นใจในความสามารถมองคนของตัวเอง…
จ้าวจี้ผู้นี้มันชนชั้นถือดีเอาแต่ใจเป็นที่สุด เรื่องเล็กเพียงใดมันก็พร้อมทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ทุกเมื่อ
เช่นนั้นจนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียใจที่ตบมันแม้แต่น้อย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเองมีเสียงลมกรรโชกพัดมาแต่ไกล ไม่นานก็ปรากฏร่าง 3 ร่างลอยล่องอยู่บนน่านฟ้ายอดเขาวังนภา
หนึ่งในนั้นคือคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ และมันเป็น 1 ใน 2 ผู้ติดตามของจ้าวจี้
ดูเหมือนมันไปตาม ชาย 2 คนกลับมา!
ทั้ง 2 คนที่มันพามานั้นเป็นชายฉกรรจ์ หนึ่งมาในชุดขาวอีกหนึ่งดำ ยามลอยล่องกลางหาวเคียงข้างกัน เหมือนดั่งยมทูตขาวดำจากนรกไม่มีผิด!
“จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู!”
การปรากฏตัวของชายในชุดขาวดำดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย และผู้ที่จดจำทั้งคู่ได้จนต้องโพล่งกล่าวออกมาทันทีก็คือหวังพี!
เห็นคนสองคนนี้มาถึง หวังพีอดไม่ได้ที่จะเร่งส่งเสียงไปหาต้วนหลิงเทียนอย่างเคร่งเครียด “ศิษย์น้องหลิงเทียนรีบขึ้นมาหาข้าเร็วเข้า!!”
น้ำเสียงหวังพีเต็มไปด้วยความร้อนใจ
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนเมื่อพบว่ามีคนมาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะหวางเฟยเซวียนกล่าวเตือนเขาไว้แล้วก่อนหน้าว่าข้ารับใช้ของจ้าวจี้ไปพาพวกมา
พอได้ยินเสียงหวังพีต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างไร ร่างเขาลอยขึ้นฟ้าไปหาหวังพีทันที
“ศิษย์พี่ไป๋ฉวี่ ศิษย์พี่เฮยถู”
เมื่อชายทั้ง 2 ปรากฏตัวขึ้นมา จ้าวจี้ที่ถูกต้วนหลิงเทียนตบหน้า ในที่สุดก็กล้ากล่าวคำออกมาอีกครั้ง
และในขณะที่กล่าวร่างมันก็โดดลอยขึ้นมาหยุดข้างๆทั้งคู่ทันที
บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยด้วยมีกำลังเสริมจากทั้งสอง จ้าวจี้จึงชี้นิ้วไปยังต้วนหลิงเทียน กล่าวออกเสียงเหี้ยมทันที “ศิษย์พี่ไป๋ฉวี่ ศิษย์พี่เฮยถู…เป็นมัน! ไม่เพียงแต่มันจะตบหน้าข้า แต่มันยังตบหน้าข้าถึง 3 ครั้งต่อหน้าผู้คน!!”
“มันตบหน้าข้าต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ไม่เพียงทำร้ายข้า แต่ยังเสมือนตบหน้าท่านพ่ออีกด้วย!”
กล่าวถึงประโยคนี้จ้าวจี้ก็แลดูมีโทสะ คับแค้นนัก
หลังได้ยินคำของจ้าวจี้สีหน้าชายทั้ง 2 ในชุดขาวกับดำก็มืดลงทันใด ต่างหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย
“คนในชุดขาวเรียกว่า จ้าวไป๋ฉวี่ ส่วนชุดดำเรียกว่าจ้าวเฮยถู…ทั้งสองนั่นเป็นบุตรบุญธรรมของบิดาจ้าวจี้ พวกมันถูกเก็บมาเลี้ยงต้งแต่ยังเล็กใช่แซ่จ้าวเหมือนกับบิดาจ้าวจี้ และเป็น 1 ในศิษย์ของบิดาจ้าวจี้เช่นกัน แม้พลังฝีมือของพวกมันจะอยู่ในระดับปานกลาง หากแต่ความภัคดีของพวกมันเหนือล้ำกว่าศิษย์คนอื่นมากนัก”
ในหูของต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงของหวังพีดังขึ้น
จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ
“พวกมันทั้งคู่มีด่านพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นต้นเหมือนกันกับข้า…และเป็นศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับเช่นกัน!”
หวังพีกล่าวสืบต่อ
อริยะเซียนขั้นต้น!
ได้ยินคำนี้จากปากหวังพี สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันใด
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน อาจถือได้ว่าเป็นการรังแกคนอ่อนแอหากลงมือกับผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น…
มีโอกาสได้ฉะกับอริยะเซียนขั้นต้นแบบนี้ เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนตั้งหน้าตั้งตารอไม่น้อย!
“เจ้าน่ะเหรอ หลิงเทียน…”
จ้าวไป๋ฉวี่ที่มองมาด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง กล่าวถามต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น