WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1762
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1762
ตอนที่ 1,762 : จ้าววังนภา
10 วันที่ผ่านมา ตำหนักฟ้าลี้ลับได้ถูกข่าวอันน่าตื่นตระหนกทำให้ตื่นตะลึงกันไปทั่ว
ปราณแรกกำเนิดทั้งเขตแดนของหลิงเทียน…กลับละม้ายคล้ายเหมือนปราณแรกกำเนิดและเขตแดนของลี่เฟิง สุดยอดฝีมือที่ได้รับอันดับ 1 ในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเมื่อปีก่อน! อีกทั้งยามนี้ลี่เฟิงได้ทะลวงถึงอริยะเซียนและขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนเรียบร้อยแล้ว!!
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกมามันก็เป็นดั่งมรสุมห่าใหญ่ซัดกวาดทุกสิ่งจนราบ หากไม่ใช่ผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ไม่มีใครไม่ตกใจ
ทันใดนั้นศิษย์มากมายได้พยายามตามหาความจริงเรื่องนี้ ว่ามันใช่แน่หรือ…
อย่างไรก็ตามด้วยมีคำยืนยันจากปากของศิษย์คฤหาสน์ข้ามฟ้าและคฤหาสน์คลื่นคลั่ง ข่าวดังกล่าวก็น่าเชื่อถือขึ้นทันที
พักหนึ่งทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับรู้สึกอื้ออึงในใจ
“เฮ่ย! เจ้าได้ยินข่าวนี้แล้วยัง หลิงเทียนที่แท้เป็นศิษย์น้อง ลี่เฟิงผู้นั้น!”
“ฮะ!? เรื่องจริง?”
“จริงแท้ที่สุด! ตอนนี้ข่าวแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับเราแล้ว!!”
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกเรา กลับมีสุดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาติดๆกัน ที่แท้ทั้งคู่เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน!”
“ยังไม่ใช่แค่นี้นะ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าลี่เฟิงคนนั้นได้ทะลวงถึงอริยะเซียนตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ได้ขึ้นไปตามหาอาจารย์ที่ภูมิภาคเบื้องบรนเรียบร้อยแล้ว..กระทั่งหลิงเทียนเองก็คิดไปหาอาจารย์ที่ภูมิภาคเบื้องบนเช่นกัน!!”
“อันใด!? หลิงเทียนที่แท้มีอาจารย์แล้ว!?”
……
วาจาทำนองนี้ล้วนดังไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับ
“หลิงเทียนเป็นศิษย์น้องลี่เฟิงงั้นหรือ!?”
ทันทีที่ทราบข่าวนี้หวางเฟยเซวียนก็แจ้นไปหาต้วนหลิงเทียนทันที แต่นางพบว่าอีกฝ่ายกลับปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ทำให้นางทำได้แค่ระงับความอยากรู้อยากเห็นในใจแล้วกลับไปแต่โดยดี
หวางเฟยเซวียนรับทราบข่าวนี้ คนอื่นๆก็ย่อมรับทราบด้วยเป็นธรรมดา!
“ศิษย์น้องหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องของลี่เฟิง?”
หวังพีเองก็ประหลาดใจกับข่าวนี้ไม่น้อย
“หลิงเทียน มีอาจารย์แล้วหรือ…”
เซียวยี่รองจ้าววังนภาขมวดคิ้วทันที เพราะมันรู้มาว่าจ้าวตำหนักกำลังสนใจเรื่องคิดรับหลิงเทียนเป็นศิษย์
ทว่าหากมีข่าวเช่นนี้ออกมา เกรงว่าจ้าวตำหนักคงล้มเลิกความคิดนั่นแล้ว
เพราะสุดท้ายแล้วจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับก็คิดฝากฝังตำหนักฟ้าลี้ลับและทุกอย่างให้หลิงเทียนที่เป็นศิษย์ปิดสำนัก และหวังให้หลิงเทียนนำพาตำหนักฟ้าลี้ลับให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร..
ทว่าตอนนี้พอได้ทราบว่าหลิงเทียนคิดขึ้นไปหาอาจารย์ที่ภูมิภาคเบื้องบน…นั่นหมายความว่าย่อมไม่คิดอยู่ที่ตำหนักฟ้าลี้ลับ จึงไม่อาจฝากฝังตำหนักฟ้าลี้ลับให้หลิงเทียนได้อีกสืบไป…
ด้วยความที่หลิงเทียนมีอาจารย์อยู่ภูมิภาคเบื้องบน และด้วยความสามารถในการเคี่ยวกรำสอนสั่งศิษย์จนเป็นอัจฉริยะเช่นนี้…เช่นนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน! จ้าวตำหนักสมควรทบทวนเรื่องรับหลิงเทียนเป็นศิษย์ กระทั่งศิษย์ปิดสำนักอีกครั้ง
“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
เซียวยี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เซียวยี่ทอดถอนใจเพราะรู้สึกเสียดาย แต่ทว่ากลับมีบางคนกำลังมีความสุขนัก
“ท่านพ่อ! ท่านได้ยินแล้วหรือไม่ ที่แท้หลิงเทียนนั่นมันเป็นศิษย์น้องลี่เฟิง! แถมยังมีอาจารย์อยู่ที่ภูมิภาคเบื้องบนอีก…ดูเหมือนว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่ท่านจ้าวตำหนักจะรับมันเป็นศิษย์!!”
หลังจากที่รับทราบข่าวนี้ จ้าวจี้ก็รีบแจ้นมาหาพ่อมันก่อนใคร
“ข้าเองก็คิดมิถึงเลยจริงๆว่าหลิงเทียนจักมีอาจารย์อยู่ภูมิภาคเบื้องบนได้…อาจารย์ของมันสมควรเป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวเป็นแน่ หาไม่แล้วคงไม่อาจเพาะสร้างอัจฉริยะเช่นนี้ออกมาได้ถึง 2 คน!”
จ้าวเติ้งถอนหายใจ
“ถึงแม้อาจารย์ของมันจะร้ายกาจแล้วอย่างไรเล่า ไม่ใช่อยู่ภูมิภาคเบื้องบนหรอกหรือ!? ตราบใดที่พวกเราลงมืออย่างลับๆ อาจารย์ของมันก็มิอาจสืบสาวมาถึงพวกเราได้!”
ประกายตาจ้าวจี้ยิ่งมายิ่งรุนแรง ยังกล่าวออกมาด้วยเสียงอำมหิต
“ก็จริง”
จ้าวเติงพยักหน้า “หลังจบเรื่องคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง พ่อจะวางแผนฆ่าหลิงเทียน…จากนั้นในสายตาผู้อื่น ให้พรสวรรค์มันจะสูงเท่าไรก็ไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายมันก็มิมีทางอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับเราอยู่ดี! เช่นนั้นก็คงไม่มีใครคิดสนใจคนที่ตายไปแล้วเช่นมัน”
“ถึงตอนนั้นกว่าที่อาจารย์มันจะออกจากภูมิภาคเบื้องบนลงมาเบื้องล่างก็สมควรผ่านไปนาน…คิดสืบสาวราวเรื่องอะไรก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”
จ้าวจี้หัวเราะออกมาทันทีหลังได้ฟัง
ความแตกตื่นของคนตำหนักฟ้าลี้ลับ และความสะใจของพ่อลูกสกุลจ้าว ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เรื่องเลย
จนกระทั่งวันเปิดแดนลับเซียนมาถึง ต้วนหลิงเทียนจึงออกจากชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติกลับมาอยู่ในห้อง ก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้อง สุดท้ายก็เปิดประตูออกไปลานหน้าบ้าน
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมาได้เสียที!”
ต้วนหลิงเทียนออกมาได้ไม่ทันไรเสียงคุ้นหูหนึ่งก็ดังขึ้นทันที ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นหวางเฟยเซวียน
“มาแต่เช้าเชียว…”
ต้วนหลิงเทียนมองหวางเฟยเซวียนค่อยยิ้มทักทาย
“เช้าอันใดของเจ้า ตะวันโด่งแล้ว…”
หวางเฟยเซวียนแหงนมองอาทิตย์ที่ลอยสูงค่อยหันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“จริงสิ!”
ทันใดนั้นสองตาหวางเฟยเซวียนก็ลุกวาวขึ้น กล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็น “ไม่นานมานี้มีข่าวลือไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับ…เจ้าเป็นศิษย์น้องลี่เฟิง ทั้งยังมีอาจารย์อยู่ภูมิภาคเบื้องบนจริงหรือ?”
“ใช่”
ได้ยินคำถามของหวางเฟยเซวียนต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบ
“ไฉนดูเจ้าไม่แปลกใจเลยเล่า? เจ้ามิรู้หรือว่าข่าวนี้มันแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว? หรือเจ้าไม่ได้ปิดด่านอยู่แต่ในบ้าน?”
หวางเฟยเซวียนกล่าวถามด้วยความงุนงง
“ข้าไม่รู้หรอกว่าข่าวนี้มันจะแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแล้วรึยัง…แต่ในเมื่อมีคนรู้ ไม่นานมันก็ต้องแพร่ออกไปอยู่ดี”
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ กล่าวออกด้วยท่าทางไม่แยแส
วันก่อนเป็นเขาจงใจกล่าวเล่าเรื่องนี้ให้เริ่นเฟยฟังเอง
เหตุผลหลักที่เขาทำแบบนี้เพราะไม่ให้จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับมาชวนเขาเป็นศิษย์
นอกจากนี้เขายังอยากให้ทางตำหนักฟ้าลี้ลับรับทราบไว้ด้วย ว่าอีกไม่นานเขาจะไปภูมิภาคเบื้องบน
แน่นอนว่าเรื่องอาจารย์นั้นเขาแต่งขึ้น แต่เรื่องที่เขาจะไปเป็นเรื่องจริง
แค่แทนที่จะไปตามหาอาจารย์ เขาจะไปตามหาเค่อเอ๋อและลูกแทน
“ไฉนตอนนี้เจ้ายังนิ่งอยู่ได้เล่า…เจ้าไม่เสียใจเลยเหรอ?”
เห็นสีหน้าท่าทางไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะงุนงงมากขึ้น
“แล้วทำไมข้าต้องเสียใจอะไรด้วยล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เจ้า…ฮึ่ม…”
ได้ยินคำนี้ถามนี้ของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะย่ำเท้าด้วยความหงุดหงิด “นี่เจ้ามิรู้หรือไร ว่าก่อนหน้าผู้คนพากันกล่าวว่าท่านจ้าวตำหนักคิดรับเจ้าเป็นศิษย์?”
“อ่อ…แล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“แล้วเจ้าคิดไม่ได้รึไง ว่าพอเรื่องที่เจ้ามีอาจารย์ทั้งคิดจะขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนกระจายออกมา มันย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจของท่านจ้าวตำหนักที่คิดรับเจ้าเป็นศิษย์กระทั่งเป็นศิษย์ปิดสำนักเพราะหวังให้เจ้าเป็นจ้าวตำหนักรุ่นต่อไป…คราวนี้ท่านจ้าวตำหนักก็ไม่คิดรับเจ้าเป็นศิษย์เพื่อฝากฝังให้เป็นจ้าวตำหนักอะไรแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าทั้งๆที่กล่าวจบแล้วแต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูไม่ทุกข์ร้อนหรือสลดอะไร หวางเฟยเซวียนก็ได้ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ “นี่เจ้าไม่เสียใจอะไรเลยจริงเหรอ?”
“ไม่เห็นจะต้องเสียใจอะไร”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “ยังไงเรื่องในข่าวลือก็เป็นความจริง ต่อให้วันนี้พรุ่งนี้ไม่แพร่ออกมา วันหน้าก็ต้องแพร่ออกมาอยู่ดี…ถึงตอนนั้นหากจ้าวตำหนักยอมรับข้าเป็นศิษย์ไปแล้วคงดูไม่ดี”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนพลันกระพริบตาปริบๆ ไม่นานสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทำราวกับมองตัวประหลาด
“มองอะไรของเจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถาม โดนมองด้วยสายตาแบบนี้เขาอึดอัดอยู่บ้าง
“มองเจ้าไง ข้าอยากรู้นักไฉนเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่พลาดได้เป็นศิษย์ท่านจ้าวตำหนัก…”
หวางเฟยเซวียนกล่าว
“อ่าว ไม่ใช่เจ้าก็พูดเองหรือว่าข้ามีอาจารย์อยู่ภูมิภาคเบื้องบน…หรือเจ้าคิดว่าพลังฝีมือของอาจารย์ข้าจะอ่อนด้อยกว่าจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
ได้ยินคำต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนก็ไม่รู้จะแย้งยังไงต่อ ถึงแม้นางไม่รู้ว่าอาจารย์ของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจเพียงใด …แต่นางก็รู้ดีว่าผู้ที่สามารถเพาะสร้างศิษย์อัจฉริยะเช่นนี้ออกมาถึง 2 ย่อมไม่ธรรมดา!
อย่างน้อยๆในแง่ของการสอนสั่งก็เหนือกว่าจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ!
“เอาล่ะๆ ไม่กล่าวแล้ว ไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่ยอดเขาเถอะ”
หลังจากนึกถึงเรื่องสำคัญได้ หวางเฟยเซวียนก็ตัดบททันที
“ไปสิ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะมุ่งหน้าขึ้นเขาไปพร้อมหวางเฟยเซวียน
เมื่อมาถึงยอดเขาต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าเขากับหวางเฟยเซวียนมาค่อนข้างสาย เพราะอีก 8 คนที่เหลือมาถึงก่อนแล้ว
“หลิงเทียน!”
จ้าวจี้เป็น 1 ใน 8 คนดังกล่าว พอมันเห็นต้วนหลิงเทียน สายตามันก็ไปตกที่ร่างต้วนหลิงเทียนทันที แววตายังเย็นชาหนาวยะเยือกเสียดกระดูก คล้ายเกลียดชังถึงขั้นจะกลืนกินเลือดเนื้อต้วนหลิงเทียนให้ได้
ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงสายตาเกลียดชังดังกล่าว แต่เขาไม่แยแสอะไร
ไม่ว่าจะก่อนหน้าหรือตอนนี้เขาก็ไม่เห็นจ้าวจี้อยู่ในสายตา สำหรับเขามันก็มีปัญญาทำได้แค่มองเท่านั้น
ยังดีที่จ้าวจี้ไม่อาจล่วงรู้ความคิดต้วนหลิงเทียนตอนนี้ได้ หาไม่แล้วต่อให้มันรู้ตัวดีว่าสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ มันก็จะพุ่งเข้ามาสู้กับต้วนหลิงเทียนสุดใจ
บนยอดเขานอกเหนือจาก 10 คนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมแดนลับเซียนแล้ว ยังมีคนอื่นๆอยู่ด้วยเช่นกัน
คนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของวังนภาทั้งสิ้น
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเสียงแหวกสายลมพลันดังมาแต่ไกลให้ได้ยิน 2 เสียง ครู่ต่อมาก็มีร่างอันคุ้นเคยพุ่งมาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าสายตาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ไม่ใช่ใครอื่นเป็นเซียวยี่กับหวังพี
หลังจากที่ทั้งคู่ปรากฏตัวออกมา พวกมันก็หันมองไปยังขอบฟ้าทิศทางหนึ่งทันที
“ยินดีต้อนรับท่านจ้าววัง”
หลังจากนั้นเซียวยี่กับหวังพีก็คำนับไปยังทิศทางดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเคารพ
“ยินดีต้อนรับท่านจ้าววัง”
ทันใดนั้นคนอื่นๆที่อยู่ในที่นี้ก็เร่งโค้งคารวะทักทายเช่นกัน
“จ้าววังนภา…”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น มองไปยังขอบฟ้าไกลห่างด้วยความสนใจ…จะว่าไปเขาก็อยู่วังนภามาสักพักแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นจ้าววังนภามาก่อนเลย…