WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1763
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1763
ตอนที่ 1,763 : จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ เมิ่งฉิง
ภายใต้สายตาจับจ้องของต้วนหลิงเทียน ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นตรงฟ้าไกลตา
จ้าววังนภาเป็นชายชราผมสีดอกเลา ขนคิ้วทั้งเคราะแพะยังมีสีขาว หน้าตาแลดูใจดีมีเมตตา หากแต่จากแววตาที่กระจ่างใสเผยประกายเฉียบคม บอกให้รู้ว่าไม่ใช่ธรรมดา!
จ้าววังนภาคล้ายเหินตามลมมาเชื่องช้าทว่าพริบตาก็บรรลุถึง แถมพิกลนัก…ชุดคลุมมันกลับไม่สั่นไหวกระเพื่อมแม้ต้องลม!
“เจ้าคือหลิงเทียนหรือ?”
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน จ้าววังนภาว่ายตามาตกที่ร่างต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ประกายเฉียบคมในแววตายังอ่อนโยนลงหลายส่วน
“จ้าววัง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ
“ไม่เลว”
จ้าววังนภาพยักหน้า มุมปากแย้มยิ้มบางๆ จากนั้นก็ละสายตาไปว่ายมองทุกคน “ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลยเถอะ!”
หลังจากนั้นจ้าววังนภาก็เหินร่างนำไปก่อนใคร โดยมีเซียวยี่กับหวังพีตามไปติดๆ
สำหรับต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็เหินร่างตามหลังหวังพีไปอีกทอด มุ่งหน้าสู่ตำหนักหลักบนเกาะลอยฟ้า
ทางเข้าแดนลับเซียนอยู่บนตำหนักหลัก
“ดูเหมือนว่าท่านจ้าววังจะให้ความสนใจหลิงเทียนเป็นพิเศษนะ…”
“นั่นสิ ศิษย์คนอื่นก็อยู่กันตั้งมากมายแต่เลือกจะทักทายกับหลิงเทียนคนเดียว…กระทั่งกับจ้าวจี้ยังไม่เหลียวแลด้วยซ้ำ”
“สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับเรา มิธรรมดาจริงๆ”
……
เหล่าศิษย์ไม่เพียงแต่มาดูชมที่ยอดเขาเท่านั้น แต่หลายคนยังเหินร่างตามพวกต้วนหลิงเทียนไปตำหนักหลักด้วย ระหว่างทางพวกมันก็กระซิบกล่าวกันระงม
ได้ยินเสียงกระซิบเหล่านี้คนอื่นๆก็เฉยๆไม่ได้อะไรมากมาย ทว่าสีหน้าจ้าวจี้นั้นมืดดำยังกับน้ำหมึก!
มัน จ้าวจี้เป็นบุตรชายคนเดียวของรองจ้าวตำหนัก! ปู่มันยังเป็น 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ!!
หากเป็นก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนแต่ต้องให้ความสนใจมัน เพราะมันมีสิทธิพิเศษนัก…
อย่างไรก็ตามพอต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมา มันก็ไม่นับเป็นตัวอะไรอีก แถมยังถูกผู้อื่นเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง! ซึ่งนั่นทำให้มันที่ทะนงตัวและถือดีเป็นที่สุด ยากจะทานทนรับไหวนัก!
ขณะนั้นยามมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของจ้าวจี้ก็ทวีความคับแค้นชิงชังมากขึ้น!
สายตาอาฆาตที่จ้าวจี้มองมา ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใส่ใจ แต่ก็ยังรับรู้ได้
อย่างไรเสียเขาไม่ได้สนใจมันเลย
สำหรับเขาแล้ว ตอนนี้จ้าวจี้ก็เหมือนหมาบ้าข้างถนนที่ไล่กัดผู้คนไปทั่ว หากเขาสนใจมันก็เหมือนเขาให้ความสำคัญกับหมาบ้าข้างถนน!
ยังดีที่ความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียนจ้าวจี้ไม่อาจรับทราบ หาไม่แล้วเกรงว่าคงได้คับแค้นจนกระอักเลือดออกมาสัก 3 ถัง…
ภายใต้การนำของจ้าววังนภา ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็มาถึงพื้นที่กว้างใหญ่ด้านหลังตำหนักหลัก
เมื่อมาถึงที่นี่ก็แลเห็นผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันอยู่ก่อน ต้วนหลิงเทียนเองก็จดจำร่างหนึ่งในร่างที่อยู่ในกลุ่มคนนั้นได้ชัด ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นรองจ้าววังเหลืองเอง
“ศิษย์พี่จู วังนภาของท่านมาเร็วยิ่ง”
ผู้นำกลุ่มคนที่ทักทายออกมาไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเป็นใคร มันคือจ้าววังเหลือง พอเห็นกลุ่มคนของวังนภามาถึงก็เร่งกล่าวทักทายทันที
คนที่มันทักทายก็ไม่ใช่ใคร จูลู่ฉี จ้าววังนภา!
“ศิษย์น้องเฉียน มิใช่วังเหลืองของเจ้ายังเร็วกว่าข้าหรือ..”
ได้รับคำทักทายจากจ้าววังเหลือง เฉียนผิงเชิง จ้าววังนภาอย่างจูลู่ฉีก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์คนนี้ใช่หลิงเทียนหรือไม่ ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานแล้ว พอได้เห็นข้าก็รู้ทันทีว่าเจ้ามากพรสวรรค์นัก!”
ไม่นานสายตาของเฉียนผิงเชิงก็เบนมาตกยังร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในกลุ่มศิษย์วังนภา ถึงแม้มันจะไม่เคยเจอต้วนหลิงเทียนมาก่อน แต่รองจ้าววังเหลืองย่อมเคยเห็นเขาแล้ว
ดังนั้นด้วยมีรองจ้าววังเหลืองกล่าวบอก มันจึงรู้ได้โดยง่ายว่าใครคือหลิงเทียน
“ขอบคุณสำหรับคำชมของท่าน จ้าววังเฉียน”
สุดท้ายอีกฝ่ายก็เป็นชนชั้นจ้าววัง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดละเลย กล่าวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
เห็นฉากนี้สีหน้าจ้าวจี้ยิ่งมืดดำ ลูกตายังเริ่มแดงแววตายังดุร้ายปานจะพ่นไฟได้!ยังไงเสียมันก็ลูกรองจ้าวตำหนัก หลานอาวุโสผู้พิทักษ์ ไฉนทุกคนเอาแต่สนใจตัวบ้านนอกนั่นกันหมด!!
แน่นอนว่าแม้จ้าวจี้จะโกรธจ้าววังเหลืองที่เพิกเฉยมัน แต่มันก็เอาโทสะดังกล่าวไปลงกับต้วนหลิงเทียนทั้งหมด!
จ้าววังเหลืองคนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นถึงชนชั้นจ้าววังคนหนึ่ง แต่ยังมีฐานะเป็นรองจ้าวตำหนักอีกด้วย! ไม่ได้ด้อยไปกว่าบิดาของมันในฐานะตำแหน่งเลย!!
กล่าวกันตามความสัตย์จริง..บิดาของมันยังด้อยกว่าด้วยซ้ำ!
ในตำหนักฟ้าลี้ลับจ้าววังทั้ง 4 ไม่ว่าจะวังนภา ปฐพี ลี้ลับ เหลืองนอกจากตำแหน่งจ้าววังแล้วยังมีตำแหน่งรองจ้าวตำหนักอีกด้วย ความรับผิดชอบของพวกมันนอกจากปกป้องตำหนักฟ้าลี้ลับ ยังต้องควบคุมดูแลวังทั้ง 4
วังทั้ง 4 เปรียบดั่งรากฐานของตำหนักฟ้าลี้ลับ ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้เด็ดขาด จึงมอบให้รองจ้าววังทั้ง 4 ที่มีพลังฝีมือร้ายกาจที่สุด 4 คนดูแล
แถมจ้าววังทั้ง 4 ยังเป็นคนรุ่นเดียวกันกับปู่ของจ้าวจี้ แม้จะไม่ทรงพลังเท่าปู่ของจ้าวจี้ แต่อย่างน้อยๆก็เหนือกว่าบิดาจ้าวจี้
ในบรรดาจ้าววังทั้ง 4 จูลู่ฉีที่ดูแลวังนภานั้นมีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด!
และในตำหนักฟ้าลี้ลับแห่งนี้ จูลู่ฉียังได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเป็นลำดับ 4!
พลังฝีมือของมันเพียงด้อยกว่าจ้าวตำหนัก และอาวุโสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 เท่านั้น
“เจ้านี่นับว่าหน้าใหญ่ไม่เบาจริงๆ กระทั่งจ้าววังเหลืองยังเป็นฝ่ายทักเจ้าก่อนแบบนี้”
ในหูของต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงหวางเฟยเซวียนดังขึ้น
หากเป็นก่อนหน้า หวางเฟยเซวียนกล่าวแบบนี้คงไม่พ้นอิจฉาต้วนหลิงเทียน ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกยินดีมีสุขกับต้วนหลิงเทียนจากใจ
10 วันที่แล้วบนยอดเขานภา ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะเผชิญหน้ากับอริยะเซียน 2คน ทั้งป้องกันนางไว้ให้อยู่ด้านหลัง ไม่ให้นางต้องมีภัย การกระทำดังกล่าวนับว่าสัมผัสส่วนลึกในใจของนาง และทำให้ใจนางหวั่นไหวไม่น้อย
ไม่เคยมีใครสัมผัสตำแหน่งนั้นในใจของนางได้มาก่อน
ต้วนหลิงเทียนนับเป็นคนแรก และอาจเป็นผู้ชายคนเดียวที่นางเคยเจอในชีวิตที่สัมผัสที่แห่งนั้นได้
‘คอยดูเถอะเจ้าทึ่มหลิงเทียน สักวันท่านย่าผู้นี้จะบุกเข้าไปอยู่ในใจของเจ้าบ้างและเป็นผู้หญิงของเจ้าให้ได้!’
หวางเฟยเซวียนแม้เป็นสตรีห้าวหาญองอาจปากตรงกับใจ แต่นางยังอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่เห็นเรื่องนี้ อีกทั้งเขาก็แค่เห็นนางเป็นเพียงสหายที่น่าคบหาเท่านั้น
ไม่นานคนของวังปฐพีกับวังลี้ลับก็ทยอยกันมาถึง สองคนที่เหินร่างนำมาก็เป็นจ้าววังปฐพีกับวังลี้ลับ
หลังจากที่พวกมันทั้งคู่มาถึง ต่างก็ไปทักทายจ้าววังนภาก่อน หลังจากนั้นค่อยมองไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ
พวกมันเองก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศิษย์ใหม่นามหลิงเทียนที่ได้รับการยอมรับทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับว่าเป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจที่สุดทั้งๆที่พึ่งเข้าร่วมวังนภาได้ไม่นานเหมือนกัน
พอเห็นตัวเป็นๆพวกมันก็อดไมได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย…ไฉนอัจฉริยะเช่นนี้ไม่มาเข้าร่วมกับวังของพวกมันบ้างนะ?
เมื่อเห็นว่ากระทั่งจ้าววังปฐพีกับจ้าววังลี้ลับก็มีทีท่ากระตือรือร้นนักขณะทักทายต้วนหลิงเทียน จ้าวจี้ก็ยิ่งมีโมโหหนักข้อ ร่างของมันสั่นระริกเบาๆอยู่คนเดียว ใจยังรู้สึกราวกับจะระเบิดออกมา
“30 คนพอดี…”
ต้วนหลิงเทียนว่ายตามองศิษย์ของอีก 3 วังที่เหลือ พอนับก็พบว่า 3 วังรวมกันได้ 20 คน เมื่อรวมกับคนวังนภาก็ครบ 30 พอดี
ตอนนี้เองเหล่าศิษย์ของอีก 3 วังก็หันมองมาที่ต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
สีหน้าแววตาของพวกมันหลากหลายอารมณ์นัก บ้างก็อิจฉา แลดูริษยาก็มี
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
……
ทันใดนั้นเองจ้าววังทั้ง 4 พลันหันไปมองทางหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง ต้วนหลิงเทียนและเหล่าศิษย์ก็หันมองตามเช่นกัน
ห่างออกไปไกลๆ ขอบฟ้าที่เคยสงบไร้เรื่องราว ไม่นานเมฆขาวก็เริ่มปั่นป่วนปรากฏร่างคนกลุ่มหนึ่งแหวกพุ่งออกมาจากหมู่เมฆ!
หนึ่งนำสี่ตาม
ผู้ที่นำ มาในชุดคลุมสีขาวขลิบทอง เป็นชายวัยกลางคนที่ใบหน้ากระจ่างปานหยกเสลา ยามเคลื่อนไหวบรรยากาศโดยรอบคล้ายสั่นไหว ทุกย่างก้าวที่ย่ำลงอากาศ คล้ายกำลังเดินบนถนนส่วนตัว
ไม่เพียงเท่านั้นทั่วกายชายวัยกลางคนดังกล่าว ยังเปล่งกลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่ไร้ผู้ใดในที่นี้เทียบได้ กลิ่นอายพลังที่ว่าหนาแน่นกว่าจ้าววังทั้ง 4 เล็กน้อย
การมาถึงของมันทำให้ผู้คนรู้สึกเสมือนราชากำลังจะขึ้นนั่งบัลลังก์
ตอนนี้ไม่ต้องให้ใครแนะนำกล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็รับทราบตัวตนของชายวัยกลางคนผู้นี้ได้
จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ เมิ่งฉิง!
ในฐานะผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 ชื่อเสียงของ เมิ่งฉิง นับว่าโด่งดังไม่น้อยในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า และก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมกับตำหนักฟ้าลี้ลับ เขาก็เคยได้ยินมาแล้วว่ามันคือสุดยอดฝีมือระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่าง
พลังฝีมือของมันเพียงอ่อนด้อยกว่าผู้นำตลาดมืดหยินชานกับจ้าวตำหนักเมฆาครามเท่านั้น!
ตัวตนดังกล่าวเพียงกระทืบเท้าข้างหนึ่ง ก็สะท้านสะเทือนไปทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว!
เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนดังกล่าวต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดล้อเล่น ชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตามสีหน้าจริงจังของเขาก็คงอยู่ได้ไม่นานและกลายเป็นแปลกใจแทนเพราะดันเหลือบไปเห็นร่างคน 1 ใน 4 ที่ติดตามมาด้านหลัง ‘อ่าว นั่นพี่กู่ไม่ใช่รึไง? ไฉนถึงมาได้? ยิ่งกว่านั้นยังมากับจ้าวตำหนักอีก?’
ต้วนหลิงเทียนสังเกตมานานแล้ว ว่าพื้นที่แถบนี้แม้จะกว้างใหญ่แต่เขากลับไม่เห็นใครอื่นอีกเลย กระทั่งเหล่าศิษย์ที่ตามมาตอนแรกก็ไม่ได้ติดตามเข้ามา
ท่าทางจะจำกัดไว้ให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาต
หาไม่แล้วป่านนี้คงมีคนมามุงดูกันเต็มไปหมด
เขาจึงไม่คิดว่าจะได้เจอกู่ลี่ที่นี่ ยังเจอในสภาพที่คล้ายมีจ้าวตำหนักนำมาแบบนี้
“น้องหลิงเทียน”
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนพบกู่ลี่ อีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน ยังทักทายด้วยการส่งเสียงผ่านปราณทันที
“พี่กู่ ไฉนท่านมาที่นี่ได้เล่า แถมยังมากับจ้าวตำหนักอีก?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ส่งเสียงผ่านปราณด้วยความแปลกใจ
กูลี่หัวเราะเบาๆ ค่อยส่งเสียงกล่าวตอบ “อันที่จริงทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้า”
“ข้า?”
ต้วนหลิงเทียนแลดูงุนงง
“เพราะเรื่องเกี่ยวกับฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นที่เจ้าคุยกับข้า และอนุญาตให้ข้าเอาไปรายงานท่านพ่อและจ้าวตำหนักได้อย่างไรเล่า ท่านจ้าวตำหนักเลยอนุญาตให้ข้ามาดูการเปิดแดนลับเซียนครั้งนี้ได้”
กู่ลี่ส่งเสียงตอบกลับ
“แบบนี้นี่เอง”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้
“หืม?”
ทว่าตอนนี้เองสองตาต้วนหลิงเทียนพลันหยีลงเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ว่า 1 ใน 3 คนที่เหลือ ที่ติดตามอยู่ด้านหลังเมิ่งฉิงมาพร้อมกู่ลี่นั้น กำลังมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร!