WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1776
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1776
ตอนที่ 1,776 : เวทย์พลังป้องกันอีกแล้ว!
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็กล่าวไปส่งๆ
แต่มิคาด ยามกระบี่ฟันถูกมนุษย์ศิลาตัวเขื่อง เขาพบว่า ‘ผิวหนัง’ ของมันสามารถหยุดกระบี่เขาได้!
ต้องทราบด้วยว่ากระบี่นี้ของเขา แม้จะตวัดฟันไปอย่างไร้เรื่องราว แต่ก็มีพลังทำลายของเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
“เอ่อ…”
ฉากอันคุ้นเคยดังกล่าวยังทำให้ต้วนหลิงเทียนกระพริบตาปริบๆ
ก้อนหน้านี้ในหอคอยลิ่วเหอ รูปปั้นมหึมานั่นก็อาศัยม่านพลังจากเวทย์พลัง ‘ร่างทองลิ่วเหอ’ หยุดกระบี่ของเขาเอาไว้ ทว่ามนุษย์ศิลาเบื้องหน้า คล้ายจะหยุดกระบี่ของเขาด้วยผิวหนังของมัน!
จะไม่ให้เขาแปลกใจได้อย่างไร?
‘ไม่สิ!’
ทว่าครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
เพราะยามเมื่อเขามองไปยังร่างมนุษย์ศิลาอีกครั้ง เขาพบว่าผิวหนังของมัน ณ จุดที่กระบี่ฟันถูก เริ่มแตกร้าวก่อนที่จะหลุดร่วงออกมาราวผงแป้ง สุดท้ายก็ปลิวหายไปกับสายลมอย่างไร้ร่องรอย…
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันแผ่สำนึกเทวะไปสัมผัสดู ก็พบว่ากลิ่นอายพลังของมนุษย์ศิลาอ่อนจางลง คล้ายกับสิ้นสูญพลัง!
‘นี่ไม่ใช่ผิวหนังของมันจริงๆแต่เป็นชั้นศิลาเคลือบเอาไว้ หรือว่านี่คือ…เวทย์พลัง?’
ฉากด้านหน้าที่เขาพบ นับว่าเป็นอะไรที่ละม้ายคล้ายเรื่องราวบนชั้น 6 ของหอคอยลิ่วเหอนัก!
เพราะตอนที่เขาฟันกระบี่ใส่ม่านพลังของรูปปั้นตัวเขื่องนั่น กลิ่นอายพลังของมันก็ตกฮวบลงทันที แถมม่านพลังนั่นก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
และมนุษย์ศิลาเบื้องหน้าก็คล้ายคลึงกัน หลังจากที่ผิวชั้นนอกของมันแตกและสลายไป กลิ่นอายพลังของมันก็ลดฮวบลงเหมือนกันไม่มีผิด!
ปงงง!!
ต้วนหลิงเทียนพุ่งฝ่ามือกระแทกเข้าร่างมนุษย์ศิลาอย่างจัง ปราณสุริยันแรกกำเนิดคล้ายสายธารเชี่ยวทะลักเข้าร่างของมนุษย์ศิลาอย่างเกรี้ยวกราด!
ร่างมนุษย์ศิลาสะท้านไปทันใด มันคล้ายคิดต้านทานแข็งขืน หากแต่ดิ้นรนได้ครู่หนึ่งก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายปราณสุริยันแรกกำเนิดก็ทำลายพลังในร่างของมันจนหมดสิ้น!
สุดท้ายร่างมนุษย์ศิลาก็แตกตัวกลับกลายเป็นก้อนหินอีกครั้ง…
อย่างไรก็ตามคราวนี้ก้อนหินที่หล่นร่วงลงมา ไม่ทันถึงพื้นก็สลายกลายเป็นละอองคลี…ถูกปราณสุริยันป่นปี้จนเป็นผง!
ผงศิลาหล่นร่วงตกพื้นกลมกลืนไปกับพื้นโถง
ฉากนี้เซียวตุนที่ชมดูอยู่อดไม่ได้ที่จะอื้ออึง “จะ…จบแล้วหรือ?”
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาสีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เนื่องจากสำนึกเทวะของมันตรวจพบการสั่นสะเทือนของความว่างเปล่าอีกครั้ง!
หลังจากที่มนุษย์ศิลาถูกทำลาย ความว่างพลันสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกรอบ!
“มนุษย์ศิลานั่นตายแล้ว…หรือยังมีบททดสอบอันใดที่ยากกว่านี้อยู่อีก?”
คิดถึงจุดนี้เซียวตุนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
โชคดีนักที่วันนี้มันมากับต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วต่อให้มีผู้ช่วยอีกสัก 2 คน เกรงว่าคงยากจะทำอะไรมนุษย์ศิลาตัวเขื่องนั่นได้!
“มรดกเวทย์พลังกำลังจะปรากฏออกมาแล้ว…หากข้าเดาไม่ผิดมันสมควรเป็นเวทย์พลังสายป้องกัน”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวขึ้นมา เสียงนั่นก็ดังเข้าหูเซียวตุนชัดเจน
มรดกเวทย์พลังกำลังจะปรากฏออกมาแล้ว?
เวทย์พลังสายป้องกัน?
“ที่ใดกัน?”
พอได้ฟังเซียวตุนก็แผ่สำนึกเทวะออกไป ทั้งหันรีหันขวางมองไปรอบๆทันที และไม่นานมันก็พบว่า ณ จุดที่ความว่างกำลังผันผวนอยู่นั้น กลางอากาศเริ่มปรากฏรอยแยกหนึ่งขึ้น!
ครู่ต่อมา รอยแยกที่ว่าก็เริ่มฉีกกว้างขึ้น หลังจากนั้นก็มีป้ายศิลามหึมาแผ่นหนึ่งหล่นร่วงลงมาจากรอยแยกดังกล่าว ก่อนที่จะไปตกลงไปตั้งบนพื้นโถงเหยียนเทียนดังตึง!
“เจ้าไปจดจำมันเถอะ…ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”
หลังจากกล่าวบอกเซียวตุนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ สองตาหลับลง
“ขอบคุณท่านมาก ศิษย์พี่หลิงเทียน!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความตื่นเต้นยินดีในใจอยู่ครู่หนึ่ง เซียวตุนก็เร่งขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมาทันที
วันนี้หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนยื่นมือเข้าช่วย น่ากลัวต่อให้มันมีเบาะแสสถานที่แห่งนี้และไปตามคนระดับเดียวกับมันมาช่วยกี่คนต่อกี่คน ก็คงไม่มีทางที่จะได้แตะ ‘มรดกเวทย์พลัง’ ชิ้นนี้…
แถมพอคิดถึงการทดสอบตามรายทางที่ผ่านมา มันอดไม่ได้ที่จะผวาอยู่บ้าง…
“เป็นเวทย์พลังป้องกันจริงๆ!”
ตอนแรกเซียวตุนไม่ได้ยึดถือคำพูดของต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังสักเท่าไร เพราะมรดกเวทยน์พลังยังไม่ทันได้ปรากฏออกมาเลย แล้วผู้ใดจะไปล่วงรู้ว่ามันคือมรดกเวทย์พลังประเภทป้องกันได้?
“ปราการศิลาสวรรค์!”
เวทย์พลังที่อยู่ในป้ายศิลามหึมาเรียกว่า ปราการศิลาสวรรค์! มันเป็นเวทย์พลังป้องกันจริงๆ!!
ให้กล่าวตามตรง เซียวตุนอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อยที่มันได้เวทย์พลังป้องกัน
เพราะสุดท้ายแล้วในโลกใบนี้ หอก และ โล่ ก็เป็นอะไรที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันเสมอ
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หากผู้ที่มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน คนหนึ่งฝึกวรยุทธ์ป้องกัน อีกคนฝึกฝนวรยุทธ์จู่โจม หากระดับของวรยุทธ์ทั้งคู่ทัดเทียมกัน ยามปะทะกันแม้จะลำบากอยู่บ้าง แต่สุดท้ายผู้ที่ฝึกวรยุทธ์จู่โจมก็สามารถทำลายการป้องกันผู้ที่ฝึกวรยุทธ์สายป้องกันและเอาชนะได้อยู่ดี…
ดังนั้นเซียวตุนจึงหวังว่ามันจะได้รับเวทย์พลังสายโจมตี!
‘หากข้าเลือกเวทย์พลังอีกที่ก็คงดี…’
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว เซียวตุนพลันส่ายหน้าทันที ‘เลือกอีกที่กับผีเถอะ! หากไม่ได้ศิษย์พี่หลิงเทียนช่วยข้าจะมีวันได้รับเวทย์พลังนี้หรือไง? ยังจะฝันไกลอยากได้เวทย์พลังโจมตีอันใด อีกทั้ง…ข้ายังเป็นคนเลือกของข้าเองแท้ๆ’
นึกถึงจุดนี้หูของเซียวตุนก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยความละอาย ‘ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เวทย์พลังอีกที่จะเป็นเวทย์พลังสายป้องกันหรือไม่ ต่อให้เป็นสายโจมตี ก็สมควรเป็นของศิษย์พี่หลิงเทียนแล้ว!’
สุดท้ายเซียวตุนก็คิดได้จึงเลือกที่จะยินดีไปกับมรดกเวทย์พลังตรงหน้า และเริ่มตรวจสอบป้ายศิลาทันที
‘เวทย์พลังป้องกันอันประเสริฐ! เวทย์พลังป้องกันนี้ถึงมิใช่ระดับสูงแต่อย่างน้อยต้องเป็นระดับกลางแน่ๆ!’
ยิ่งจดจำรับรู้ความของเวทย์พลังปราการศิลาสวรรค์มากเท่าไหร่ เซียวตุนก็ยิ่งลิงโลดมากขึ้นเท่านั้น เพราะในสายตาของมันปราการศิลาสวรรค์ไม่มีทางเป็นเวทย์พลังระดับต่ำๆแน่นอน!
หลังผ่านไปอีก 1 วัน 1 คืนเต็มๆ ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา
‘ยังไม่เสร็จอีกเหรอ…’
เพราะเขาสามารถจดจำรับรู้ความจากมรดกเวทย์พลังร่างทองลิ่วเหอได้หลังผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าเซียวตุนสมควรใช้เวลาพอๆกัน แต่มาตอนนี้เขาก็พบว่าเป็นเขาคิดมากไปเอง
‘ไม่ว่ายังไงเวทย์พลังที่เซียวตุนได้ไป ก็สมควรเป็นเวทย์พลังป้องกันที่มีระดับเดียวกับร่างทองลิ่วเหอ…ไม่รู้เวทย์พลังที่บึงจะเป็นเวทย์พลังสายไหน’
ต้วนหลิงเทียนพลันเหม่อคิดถึงบึงในคำบอกของเซียวตุนอย่างไม่รู้ตัว
‘หวังว่ามันจะเป็นเวทย์พลังสายโจมตี…’
ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจอย่างวาดหวัง
ตอนนี้เขามีเวทย์พลังป้องกันอย่างร่างทองลิ่วเหอแล้ว แถมยังมีเวทย์พลังเสริมความเร็วอย่าง ปีกอีกาทองคำ ที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดมาให้ สิ่งที่เขาขาดก็คือเวทย์พลังสายโจมตี
‘เห็นว่ามรดกเวทย์พลังนั้นสามารถสืบทอดได้แค่คนเดียวในแต่ละครั้ง…ไม่รู้ว่าในขณะที่เซียวตุนกำลังจดจำอยู่ข้าจะลองรับรู้ด้วยได้รึเปล่า…’
สุดท้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นต้วนหลิงเทียนจึงลองแผ่สำนึกเทวะไปยังป้ายศิลาอันเป็นมรดกเวทย์พลังทันที
อย่างไรก็ตามก่อนที่สำนึกเทวะของเขาจะได้สัมผัสถูกป้ายศิลาดังกล่าว กลับถูกพลังลี้ลับขุมหนึ่งจากป้ายศิลาแผ่ออกมาสกัดเอาไว้เสียก่อน ทำให้สำนึกเทวะของเขาไม่อาจล่วงล้ำเข้าไปได้ ‘มีพลังแผ่ออกมาต้านทานสำนึกเทวะของข้า…ดูเหมือนเรื่องที่มรดกเวทย์พลังจสามารถสืบทอดได้แค่คนเดียวจะเป็นเรื่องจริง’
เมื่อเห็นว่าเซียวตุนคงไม่อาจจดจำได้ในเวลาอันสั้น ต้วนหลิงเทียนก็หลับตาทำสมาธิอย่างอดทน
เซียวตุนใช้เวลาไปอีก 2 วัน 2 คืนค่อยตื่นขึ้นมา นับว่ามันใช้เวลาจดจำไปถึงสามวันสามคืนเต็มๆ!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เซียวตุนลืมตา ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ร่างของเขากลับมาอยู่ริมทะเลสาบ!
“ศิษย์พี่หลิงเทียน พวกเราไปยังสถานที่มรดกเวทย์พลังอีกแห่งกัน”
เซียวตุนไม่กล่าวใดให้มากความอีก มันรีบพาต้วนหลิงเทียนไปยังสถานที่มรดกเวทย์พลังอีกแห่งทันที
“จริงสิศิษย์พี่หลิงเทียน! ทั้งๆที่มรดกเวทย์พลังยังมิได้ปรากฏออกมาเลย แล้วท่านรู้ได้อย่างไรหรือว่ามันเป็นเวทย์พลังสายป้องกัน?”
เซียวตุนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เพราะบททดสอบสุดท้าย มนุษย์ศิลาอะไรนั่นมันใช้เวทย์พลังป้องกันน่ะ ข้าเองก็เคยรับมรดกเวทย์พลังมาก่อนหน้า ทำให้ข้าพอเดาได้ว่ามันจะเป็นเวทย์พลังสายอะไร”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
เซียวตุนเข้าใจได้ทันที หลังจากนั้นมันก็กล่าวถามต่อออกมาด้วยความสงสัย “แล้วเวทย์พลังที่ศิษย์พี่หลิงเทียนได้รับมาก่อนหน้าเป็นเวทย์พลังอันใดหรือขอรับ?”
“เหมือนๆกับของเจ้าเลย เป็นเวทย์พลังสายป้องกันเช่นกัน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอีกรอบ
“เวทย์พลังสายป้องกัน!?”
เซียวตุนอึ้งไปพักหนึ่งค่อยยิ้มออกมา “เช่นนั้นนับเป็นเรื่องดียิ่งที่ศิษย์พี่มิได้เลือกที่นี่ หาไม่แล้วคงเสียเปล่า”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก…”
สำหรับคำนี้ของเซียวตุน ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวตอบด้วยการเสนอความเห็นเสียงสงบ “ถึงแม้จะเป็นเวทย์พลังสายป้องกันเหมือนกัน แต่พวกมันก็แบ่งแยกสูงต่ำทั้งลักษณะการใช้งาน ไม่เพียงแค่นั้นเวทย์พลังแต่ละชนิดก็ไม่ใช่ว่าจะเหมาะสมกับทุกคน…เพราะคนเรามีความเข้าใจไม่เหมือนกัน บางทีเวทย์พลังที่เจ้าจดจำอาจเหมาะกับข้ามากกว่า หรืออาจเป็นเวทย์พลังที่ข้าได้รับมาอาจจะเหมาะสมกับเจ้ามากกว่า..เผลอๆข้าอาจเข้าใจเวทย์พลังของเจ้าได้ แต่ของข้าเองกลับเข้าใจไม่ได้”
“เรื่องนี้มันก็จริง”
เซียวตุนพยักหน้าเห็นด้วย แม้จะเป็นเวทย์พลังป้องกันเหมือนกันและมีระดับเดียวกัน ทว่าแต่ละคนอาจถนัดไม่เหมือนกัน คงยากที่จะบอกว่ามันเสียเปล่า
พื้นที่มรดกเวทย์พลังชิ้นที่ 2 นั้นทางเข้าของมัน กลับอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง!
แถมทะเลทรายแห่งนี้ เรียกว่าทัศนวิสัยของมันแทบเป็นศูนย์ เพราะมีลมแรงพัดฝุ่นทรายคละคลุ้ง ยากจะมองเห็นสิ่งใดได้
หากไม่มีเซียวตุนนำมาน่ากลัวว่าคงยากจะหาพื้นที่มรดกเวทย์พลังอันใดในนี้ได้
“สหายของเจ้านับว่ามีวิชาเนตรอันยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงกับสามารถหาพบว่ามีพื้นที่มรดกเวทย์พลังอยู่ในนี้…”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ศิษย์พี่หลิงเทียน จากทางนี้ท่านเดินไปอีกมิถึง 20 หมี่ ท่านจักพบกับค่ายกล เพื่อนำท่านเข้าสู่พื้นที่มรดกเวทย์พลัง…ข้าไม่ติดตามท่านไปเพื่อถ่วงมือถ่วงเท้าของท่านแล้ว…”
เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางเซียวตุนก็กล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
“เอาล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไรมากเขาเดินไปตามทางที่ว่าทันที
แน่นอนว่าหลังจากเดินมาไม่กี่สิบก้าว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าสายตาเขามืดดำมองอะไรไม่เห็น และร่างเขาก็หายลับไปจากสายตาของเซียวตุนทันที
“ตอนนี้ศิษย์พี่หลิงเทียนไปแล้ว หนทางข้างหน้าของข้าคงมิง่ายดายอีกต่อไป…”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหายเข้าไปในค่ายกลต่อหน้าต่อตา เซียวตุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย ยังเสียดายเล็กน้อยที่สามารถร่วมมือกับอีกฝ่ายได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น