WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1782
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1782
ตอนที่ 1,782 : บททดสอบ…บัดซบ!
“อั๊ค…แค่กๆ”
“แฮ่ก แฮ่ก…”
ต้วนหลิงเทียนที่พลิกร่างมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ริมฝั่ง หายใจเร็วแรงด้วยความเหนื่อยหอบ เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เหม่อมองไปยังมวลพลังเหลวที่ท่วมเต็มลำน้ำแห้งขอดก่อนหน้าจนแทบล้นตลิ่ง ในใจอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว “เกือบแล้วไง…เกือบได้ตายอนาถแล้ว!”
หากตายก็หมายถึงถูกขับออกจากแดนลับเซียน!
ในที่สุดเขาก็ได้พบพื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงทั้งที เขาย่อมไม่ยินยอมถูกกำจัดออกไปง่ายๆ
‘ให้ตายเถอะ…ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนแรก ข้าจะหลงคิดไปได้ว่ามวลพลังสีขาวที่ตกลงจากฟ้าดั่งม่านน้ำตกตอนแรกจะเป็นบททดสอบที่ 3 ของบึงไร้ก้นบึ้งไปซะได้…เมื่อครู่ต่างหาก ที่สมควรเป็นบททดสอบที่แท้จริงของบททดสอบที่ 3!’
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็คิดไว้แล้วว่าบททดสอบที่ 3 ไม่ควรง่ายดายแค่นั้น
ถึงมวลพลังเหลวที่ตกจากฟ้าจะไม่ธรรมดาก็ตาม
ดังนั้นเขาจึงสับสนอยู่ไม่น้อยว่านั่นมันจะใช่บททดสอบที่ 3 หรือไม่…
แต่พอมาเจอเรื่องราวเสียวไส้เฉียดตายเมื่อครู่ เขาจึงคิดได้ว่านั่นสมควรเป็นบททดสอบที่ 3 ที่แท้จริง
มวลพลังเหลวสีขาวราวน้ำนม สะพานโค้งที่พักทลาย อาคมห้ามบิน แม่น้ำแห้งขอด นี่ถึงจะสมควรเป็นบททดสอบที่ 3!
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามวลพลังเหลวสีขาวราวน้ำนมในแม่น้ำยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ และเจียนจะล้นตลิ่งในไม่ช้า เขาจึงไม่คิดพักฟื้นฟูพลังอะไรอีก รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว? หมอกหายไปแล้วหรือ?”
พอหันกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าหมอกขาวแดงก่อนหน้าได้หายไปแล้ว ทว่าพอมองไปเบื้องหน้า กลับเห็นเป็นผนังผาแห่งหนึ่ง อีกทั้งไม่เพียงแต่จะปิดกั้นด้านหน้า แต่ในนี้เสมือนเป็นถ้ำมหึมาแห่งหนึ่ง ไร้ทางไปไหนทั้งสิ้น
“ทางตัน?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไม่น้อย เมื่อพบว่าตัวเองคล้ายอยู่ในถ้ำมหึมาไร้ทางออกแห่งหนึ่ง
เนื่องจากระดับน้ำของมวลพลังเหลวสีขาวกำลังเพิ่มพูนขึ้นด้วยความเร็วสูง จนบัดนี้มันก็ล้นตลิ่งแล้ว คิดย้อนกลับไปยังอุโมงค์มืดมิดที่เขาเข้ามาก็สายเกินกาล เพราะมวลพลังเหลวมันสูงท่วมไปแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะย้อนกลับเข้าไป!
ในเมื่อไร้ซึ่งหนทางให้ย้อนกลับ ซ้ายขวาหน้าหลังด้านบนก็เป็นผนังผาไร้ทางไป ที่พอเป็นช่องก็ดันมีมวลพลังเหลวนั่นทะลักลงมาไม่หยุด…หรือจะให้เขารอความตายอยู่ตรงนี้?
ครึ่ก! ครึ่ก! ครืด!!
……
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังกังวลใจด้วยไม่เห็นหนทางที่จะไปต่อ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นเหนือศีรษะ
ฟังจากเสียงที่ดังเข้าหูแล้ว ต้วนหลิงเทียนบอกได้ทันทีว่าไม่ใช่เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ!
ต้วนหลิงเทียนเร่งเงยหน้าขึ้นไปชมดูทันที และเขาพบว่า…สูงขึ้นไปมีช่องทางหนึ่งกำลังเลื่อนเปิดออก มองไปราวกับช่องลมเล็กๆ ขนาดน่าจะพอให้คนๆหนึ่งลอดผ่านไปได้!
อีกทั้งยังมีแสงไฟสาดส่องออกมาจากด้านใน คล้ายกำลังชี้ทางสว่างให้ต้วนหลิงเทียนเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
เนื่องเพราะอาคมห้ามบินจำกัดอยู่แค่บริเวณแม่น้ำ ทำให้ตอนนี้เขาเหินบินได้แล้ว
ตึงงง!
เท้ากระทืบถีบพื้นส่งแรงกระโดดให้ร่างลอยขึ้นมา ก่อนที่จะเหินบินไปในอากาศ มุ่งไปยังช่องลมพึ่งเปิดออกทันที
ขณะเดียวกันเขายังหรี่ตามองไปยังแสงสว่างที่สาดส่องออกมานั่นด้วย ว่าต้นกำเนิดแสงคือสิ่งใด
และจากการวัดจากระยะคร่าวๆแล้ว เขาน่าจะต้องเหินขึ้นไปอีกหลายร้อยหมี่กว่าจะถึง
‘ยิ่งสูงก็ยิ่งดี’
พอคิดว่ามวลพลังเหลวสีขาวที่ไหลลงมายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และอีกไม่นานสมควรท่วมจนเต็มไปทั่วพื้นที่แห่งนี้แน่นอน เขาก็รู้สึกดีที่จะได้ขึ้นที่สูง อันเป็นที่ๆมวลพลังเหลวนั่นจะท่วมไปไม่ถึง!
ขณะที่เหินร่างขึ้นไปด้านบน ใจต้วนหลิงเทียนก็อดคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อครู่ไม่ได้ ‘บททดสอบที่ 3 ช่างอันตรายจริงๆ…ไม่รู้บททดสอบต่อๆไปจะยากเย็นขนาดไหน’
ด้วยมีบทเรียนอันดีจากบททดสอบที่ 3 ใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึมครึมขึ้นมาไม่น้อย พอคิดถึงบททดสอบต่อๆไป
อย่างไรก็ตามพอต้วนหลิงเทียนเผชิญหน้ากับบททดสอบที่ 4 จริงๆ เขาก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ด้วยไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้…
บททดสอบที่ 4 ไม่ได้ทดสอบรุนแรงอะไร หากแต่เป็นการทดสอบวรยุทธ์แทน
ทดสอบวรยุทธ์?
ต้องทราบด้วยต้วนหลิงเทียนได้ละทิ้งวรยุทธ์ส่วนใหญ่ที่ฝึกปรือมาแทบหมดสิ้นแล้ว หากแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันยากลำบากอะไร เพราะเขากำลังบ่มเพาะเคล็ดยอดใจกระบี่อยู่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหนือกว่าทุกวรยุทธ์วิชาที่เขาเคยฝึกปรือมาทั้งสิ้น
เช่นนั้นแล้วบททดสอบที่ 4 จึงง่ายดายนัก!
หลังจากบททดสอบที่ 4 ก็เป็นบททดสอบที่ 5
และบททดสอบที่ 5 ก็ไม่เกี่ยวกับพลังฝีมือและพลังฝึกปรืออะไรเลย หากแต่เป็นบททดสอบความอดทนแทน…
ร้อยด้ายเข้าเข็มร้อยพันเล่ม…
นี่คือบททดสอบที่ 5…
“บททดสอบความอดทนอันบัดซบ!”
เห็นด้ายกับเข็มเป็นแสนๆชุดเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหน้าซีด…
ข้างๆมีป้ายศิลาตราอักขระไว้ชัดเจน เขาต้องร้อยด้ายเข้าเข็มให้ครบแสนเล่มถึงจะผ่านบททดสอบที่ 5 นี้ไปได้…
แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝึกปรือไม่ใช่ชั่ว แต่การร้อยด้ายเข้าเข็มแบบนี้พลังฝึกปรือแทบไม่ช่วยอะไรเลย ที่สำคัญทั้งด้ายทั้งเข็มยังเล็กกว่าปกติ!
อีกทั้งไม่รู้ว่ากลัวผู้เข้าทดสอบจะใช้พลังวิญญาณควบคุมหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงออกแบบให้เข็มมันเปราะบางต่อพลังทุกชนิด ทำได้เพียงค่อยๆหยิบจับด้วยมือและร้อยด้ายเข้ารูเข็มทีละรูๆอย่างตั้งใจ…แน่นอนว่าด้ายก็ขนแตกปลายราวพู่กันที่ผ่านการใช้งานมาสิบปีแทบจะทุกเส้น!
จะใช้พลังบีบอัดด้ายให้เรียวเล็ก หรือเลียมันก็สุดแล้วแต่ท่าน…เอาที่สะดวก!
สำหรับบททดสอบที่ 5 นี้ต้วนหลิงเทียนจำต้องใช้เวลาอยู่หลายวัน
สุดท้ายยามผ่านบททดสอบ ทัศนวิสัยเขายังกลายเป็นพร่ามัวด้วยต้องหยีตามาเนิ่นนาน
หากเลือกได้เขาย่อมกลับไปสู้กับสัตว์ร้ายในบททดสอบแรกสัก 10 รอบดีกว่า…!
ไม่สิ!
ต่อให้ต้องย้อนไปวิ่งข้ามแม่น้ำอย่างบททดสอบที่ 3 นั่นอีกครั้งเขาก็ยินดี เพราะบททดสอบที่ 5 นี้มันกินแรงใจเขานัก ยังทำให้รู้สึกอ่อนล้าถึงที่สุด!
ทำให้หลังจากที่ผ่านบททดสอบที่ 5 ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อนไปยังบททดสอบที่ 6 แต่เลือกที่จะนอนพักผ่อนก่อนแทน
เพราะตอนนี้สายตาเขาล้าเต็มที! การร้อยด้ายเข้าเข็มนั่นไม่ใช่เรื่องตลก! แถมตอนนี้มองไปทางไหนไม่รู้หลอนหรืออย่างไร ที่เห็นก็เหมือนมีแต่ด้ายกับเข็มบัดซบพวกนั้น…
หลังจากนอนหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าสู่บททดสอบต่อไป
บททดสอบที่ 6 ก็ไม่ได้ใช้แรงแต่อย่างไร
“ความเข้าใจ?”
บททดสอบที่ 6 ไม่ต้องออกเรี่ยวออกแรงแม้แต่น้อย เป็นการทดสอบองค์ความรู้และความเข้าใจของผู้คน สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนต้องทำก็คือ ปรับปรุงวรยุทธ์เซียนที่มีเคล็ดความไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์!
แน่นอนว่าวรยุทธ์เซียนเหล่านี้ล้วนเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ทั้งสิ้น
หากเป็นก่อนหน้า การทำอะไรแบบนี้คงเป็นเรื่องตึงมือสำหรับต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง
แต่หลังจากที่เขาได้รับ ยอดใจกระบี่ และตระหนักได้ถึงขอบเขตที่ 2 ของมันแล้ว ความเข้าใจเกี่ยวกับวรยุทธ์สรรพวิชาของต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงขอบเขตที่สูงกว่าเดิมมาก
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาก็จะปรับปรุงแก้ไขวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ให้สมบูรณ์!
ต้วนหลิงเทียนจึงผ่านบททดสอบที่ 6 ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ต่อมาก็เป็นบททดสอบที่ 7…
“ทำไมข้ารู้สึกว่าบททดสอบหลังๆของ 9 บททดสอบนี่มันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆนะ?”
เมื่อคิดถึงบททดสอบ 2 บทก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้ขึ้นมา
แต่ไม่นานเขาก็ได้รับทราบว่าบททดสอบที่ 7 คืออะไร
“ความอุตสาหะ?”
เมื่อเห็นหัวข้อของบททดสอบที่ 7 ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มออกมาทันที เพราะเรื่องนี้ฟังแล้วเหมือนจะง่าย
จนเมื่อเขาดูเนื้อหาว่าในการทดสอบรอบที่ 7 มีอะไรบ้าง ยิ้มเขาถึงได้ค้างเติ่ง หน้าถึงกับตึงขึ้นมาอีกครั้ง ใจยังอดไม่ได้ที่จะลอบสบถด่า ‘บัดซบ’ ดังๆ
“วิ่งวนรอบเสาเบื้องหน้าไปตลอด 7 วัน 7 คืน…และอย่างน้อยต้องวิ่งให้ครบหนึ่งล้านรอบถึงจะผ่าน?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับหน้าเหวอไปทันใด มองไปเบื้องหน้าก็เห็นเสาใหญ่สิบคนโอบต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่…
7 วัน 7 คืน?
หนึ่งล้านรอบ?!
หลังจากลองเดินวนรอบเสามหึมา 1 รอบ มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา “ให้วิ่งรอบเสาโง่ๆนี่ตลอด 7 วัน 7 คืนหรือ…ต่อให้เป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดก็คงทนไม่ไหว…ข้ามันโง่เองที่คิดว่าการทดสอบนี้จะง่าย”
“สมแล้วที่เป็นการทดสอบความอุตสาหะ”
ยิ่งมายิ้มขื่นขมบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งเจื่อน…
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่น…
อันที่จริง วิ่ง 7 วัน 7 คืนรอบเสา ให้ได้อย่างต่ำล้านรอบก็ไม่นับว่าเหลือบ่ากว่าแรงอะไรสำหรับเขา…
ทว่าในระหว่างที่วิ่งนั้นสิ่งที่เคี่ยวกรำจิตใจที่สุดก็คือความเบื่อหน่าย หากไม่มีความพยายามและอดทนล่ะก็ คงยากที่จะกระทำได้…
“วิ่งก็วิ่งสิ!”
สูดลมหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนกู่ร้องให้กำลังใจตัวเองออกมา ก่อนที่จะเอื้อมมือไปกดกลไกที่ยื่นออกมาบนเสา เพื่อเปิดอาคมนับรอบและจับเวลา
ด้วยโคจรใช้ออกด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดขณะวิ่ง ทำให้ความเร็วของเขานับว่าสูงนัก เพียงพริบตาก็สามารถวิ่งวนรอบเสาได้หลายรอบ!
ช่วง 3 วันแรกต้วนหลิงเทียนยังสามารถรักษาระดับความเร็วในตอนต้นเอาไว้ได้
ในวันที่ 4 แม้จะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ต้วนหลิงเทียนก็พยายามปลุกเร้ากระตุ้นตัวเอง จนยังมีความเร็วสูงอยู่ ทว่าก็ช้ากว่า 3 วันแรกอย่างเห็นได้ชัด
‘ตอนนี้ข้ามาถึงบททดสอบที่ 7 แล้ว อีกแค่ 2 บททดสอบก็จะได้รับเวทย์พลังระดับสูง…หากไม่ผ่านบททดสอบนี่ แล้วที่ผ่านมาไม่เสียเปล่ารึไง?’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พยายามเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามการปลุกเร้าแรงใจให้ฮึกเหิมครั้งนี้ก็อยู่ได้แค่วันเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะกลับไปเบื่อหน่ายและหงุดหงิดอีกครั้ง
3 วันสุดท้ายนับว่าเป็นช่วงเวลาหฤโหดที่สุดสำหรับต้วนหลิงเทียนจริงๆ
เขายังคิดไปว่าบททดสอบระดับที่ 7 นี่ช่างยากเย็นเหนือกว่าทุกบททดสอบที่ผ่านมาเสียอีก
สุดท้ายหลังจากใช้เวลาไป 7 วันกับอีก 6 คืน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถวิ่งได้ครบ 1,000,000 รอบ ทำให้คืนสุดท้ายเขาเพียงวิ่งเหยาะๆไปราวร่างไร้วิญญาณ ฝืนทนให้ครบกำหนดเวลา…
หลังจากที่ฟ้าสว่าง ร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อปานแช่น้ำก็ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
ถึงแม้นี่จะเป็นร่างอวตาร แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากร่างผู้คนทั่วไป ทำให้มีเหงื่อออก
แน่นอนว่าเป็นเพียงร่างกายผู้คนทั่วไป ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนร่างกายที่แท้จริงของเขา
หากเป็นร่างกายที่แท้จริงของเขาตอนนี้ อย่าว่าแต่วิ่ง 7 วัน 7 คืน ให้เป็นสิบวันครึ่งเดือนก็ไม่มีปัญหา!
“แฮ่กๆๆ…นานเท่าไหร่แล้วกัน ที่ข้าไม่ได้เหนื่อยขนาดนี้…ไม่ไหวแล้ว! ข้าต้องนอนพักก่อนสักสามวันค่อยไปต่อ!!”
ถึงแม้หลังวิ่งเสร็จต้วนหลิงเทียนจะบ่นว่าต้องนอนพักถึงสามวัน แต่เอาเข้าจริงหลังนอนพักไปแค่ครึ่งวันพละกำลังของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยม จึงลุกขึ้นไปลุยบททดสอบที่ 8 ต่อ
บททดสอบที่ 8 นั้นตั้งอยู่ในพระราชวังใต้ดินอันกว้างใหญ่ ทันทีที่ถูกส่งตัวเข้ามาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโบราณประการหนึ่ง ทำให้รู้สึกเสมือนได้ย้อนกลับไปยังยุคโบราณ
สิ่งที่โดดเด่นในพระราชวังโบราณนี้ก็คือ ลานกว้างหน้าพระราชวังใต้ดิน มีรูปปั้นทหารเรียงรายเป็นกองทัพ
รูปปั้นทหารพวกนี้มาในชุดเกราะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพียบพร้อมไปด้วยทหารม้า ทหารราบ พลธนู ‘มองไปคล้ายกองทัพทหารดินเผาที่อยู่ในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เมื่อชีวิตที่แล้วของข้าเลย…อย่าบอกนะว่าทัพทหารพวกนี้คือบททดสอบที่ 8’
พอคิดได้ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที