WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1790
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1790
ตอนที่ 1,790 : เวทย์พลังสายกระบี่ระดับสูง
ได้ฟังคำนี้ของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ!
จริงด้วย!
กว่าที่นางจะได้พบเจอกับต้วนหลิงเทียน เวลาในแดนลับเซียนมันก็ล่วงเลยไปถึง 2 เดือนแล้ว! ด้วยพลังฝีมืออันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พบเจอพื้นที่มรดกเวทย์พลังมาก่อน!!
และตลอดเวลาที่ร่วมมือกันมา 9 ใน 10 ส่วนของพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจอ ก็เป็นต้วนหลิงเทียนค้นพบทั้งสิ้น!
นางยังอยากจะควักลูกตาของต้วนหลิงเทียนออกมาชมดูเสียให้ได้ ว่าที่แท้มันต่างจากลูกตานางตรงไหนกันแน่ ไฉนแลดูอีกฝ่ายมองเห็นเบาะแสพื้นที่มรดกเวทย์พลังได้ง่ายดายนัก!
“ฮึ่ม! ในเมื่อเจ้าไม่เห็นความหวังดีของข้าก็แล้วแต่เจ้าเถอะ!!”
หวางเฟยเซวียนฮึดฮัดหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก หากแต่ในใจอดไม่ได้ที่จะลอบคิด ‘คอยดูกันไปเถอะ! ถ้ามรดกเวทย์พลังชิ้นต่อไปเป็นเวทย์พลังระดับกลางล่ะก็…ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำหน้าเสียใจอย่างไร!!’
มรดกเวทย์พลังชิ้นต่อไป เป็นของหวางเฟยเซวียน
บางทีไม่ทราบเพราะโชคของหวางเฟยเซวียนมันดีจริงๆหรืออย่างไร มรดกเวทย์พลังที่พบเจอถัดมากลับเป็นเวทย์พลังระดับกลางจริงๆ อีกทั้งยังเป็นเวทย์พลังสายจู่โจมที่เรียกว่า ‘บุปผาเหินปลิดชีพ’
“เป็นไงเล่า! เจ้าเสียใจแล้วหรือไม่?”
หวางเฟยเซวียนกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างกระแนะกระแหน หลังสืบทอดมรดกเวทย์พลังเสร็จสิ้น…
“ไม่เห็นมีอะไรต้องเสียใจ…”
ต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มออกมาบางๆ หากเป็นก่อนหน้าเขาอาจเสียใจอยู่บ้าง ว่าไฉนคนที่ได้รับเวทย์พลังสายจู่โจมบทนี้ไม่เป็นเขา
หากแต่ตอนนี้เมื่อมุมมองเปลี่ยน ท่าทางเขาจึงแลดูสบายๆนัก
มรดกเวทย์พลังชิ้นต่อไปย่อมเป็นของต้วนหลิงเทียน และไม่ทราบมันเป็นโชคร้ายหรืออาถรรพ์นรกอันใดกันแน่ แต่ต้วนหลิงเทียนยังคงได้รับเวทย์พลังระดับต่ำต่อไป…
ส่วนมรดกเวทย์พลังชิ้นถัดมาย่อมเป็นของหวางเฟยเซวียน และดูเหมือนคราวนี้หวางเฟยเซวียนก็ดวงตกแล้วเช่นกัน เพราะมันเป็นแค่เวทย์พลังระดับต่ำ
“นี่น่าจะเป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งสุดท้ายที่พวกเราได้ลุย…อีก 4 วันแดนลับเซียนก็จะขับพวกเราออกไปแล้ว”
หลังพบพื้นที่มรดกอีกแห่ง หวางเฟยเซวียนก็กล่าวขณะตามต้วนหลิงเทียนเข้าไป
“คงงั้น”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เขาคิดว่าเวลา 4 วันนั้นน่าจะมากพอให้เขาได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังชิ้นนี้
“นี่เป็นมรดกเวทย์พลังชิ้นสุดท้ายที่เจ้าจะได้…หวังว่ามันจะเป็นเวทย์พลังระดับกลางขึ้นไป”
หวางเฟยเซวียนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง
เพราะมรดกเวทย์พลังชิ้นนี้ เป็นรอบที่ต้วนหลิงเทียนจะได้
“หวังว่างั้น…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ สีหน้าท่าทางแลดูเฉยๆสบายๆคล้ายไม่ได้สนใจอะไรมากมาย คล้ายไม่ว่าจะได้รับเวทย์พลังระดับสูงก็ดีระดับต่ำก็ช่าง…
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายไม่ได้กังวลอะไร หวางเฟยเซวียนก็ไม่พูดอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบแรก หวางเฟยเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “บ้าจริง! ไฉนพวกมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้เล่า!!”
เพียงแค่บททดสอบแรก หวางเฟยเซวียนที่บรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ก็มิอาจรับมือได้ไหว ยังถึงกับต้องหนีกลับมาหาต้วนหลิงเทียนหัวซุกหัวซุน!!
ความยากของบททดสอบนี้ มันยากเสียยิ่งกว่าบททดสอบแรก ที่นางได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังเสิรมการเคลื่อนไหวระดับสูงอย่าง ‘ภูตมายาพันเงา’ มาเสียอีก!
“เวทย์พลังระดับสูง!!”
จังหวะนี้หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ!
“ท่าทางโชคข้ารอบนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนแย้มยิ้มอย่างยินดี ก่อนที่จะค่อยๆก้าวออกมา
บททดสอบแรกที่หวางเฟยเซวียนไม่อาจรับมือไหว กลับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือของต้วนหลิงเทียน เพียงแค่ไม่ถึง 10 ลมหายใจเขาก็จัดการล้างบางสัตว์ร้ายพิทักษ์ด่านนับสิบๆ จนหมดสิ้น
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบุกตะลุยฝ่าด่านไปเรื่อยๆ
บททดสอบหลังจากนั้น ก็ยิ่งทวีความยากเย็นขึ้นไม่น้อย เรียกว่าบททดสอบในพื้นที่มรดกเวทย์พลัง ภูตมายาพันเงา ของหวางเฟยเซวียนไม่อาจเทียบได้เลย
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนและหวางเฟยเซวียนยืนยันได้เต็ม 10 ส่วน ว่าเวทย์พลังที่บันทึกไว้ในมรดกเวทย์พลังแห่งนี้ต้องเป็นเวทย์พลังระดับสูงแน่นอน!!
‘คงไม่ใช่เวทย์พลังจู่โจมเกี่ยวกับกระบี่ดั่งที่ข้าหวังไว้จริงๆหรอกนะ’
เมื่อมาถึงบททดสอบถัดมาต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเป็นสุสานกระบี่อีกแล้ว…จึงอดไม่ได้ที่จะลอบคิดไปในใจอย่างทึ่งๆ
ที่สำคัญคือบททดสอบก่อนหน้าก็เป็นสุสานกระบี่เช่นกัน กล่าวตามตรงนอกจากบททดสอบแรกที่เป็นสัตว์ร้ายแล้ว บททดสอบต่อๆมาล้วนเกี่ยวข้องกับกระบี่ทั้งสิ้น
หากแต่ผู้พิทักษ์ประจำด่านก็ต่างกันไป
รูปแบบการทดสอบก็แตกต่างกัน บ้างก็ประมือกับผู้พิทักษ์กระบี่ บ้างก็ฝ่าค่ายกลกระบี่ แต่ที่รู้ๆคือมันร้ายกาจมาก!
อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่อะไรที่หวางเฟยเซวียนจะมีโอกาสผ่านมันได้เลย!
หากแต่สำหรับต้วนหลิงเทียนที่ตะลุยฝ่าบททดสอบของพื้นที่มรดกเวทย์พลังบึงไร้ก้นบึ้งไป จนได้รับสืบทอดเวทย์พลังอย่างปฐมเวทย์กลืนกินมาได้ บททดสอบในพื้นที่มรดกแห่งนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงเขาแม้แต่น้อย!
บททดสอบในบึงไร้ก้นบึ้งที่เขาเจอมา มีความยากเหนือกว่าสถานที่แห่งนี้มากมายนัก
‘บททดสอบในพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้ แม้ร้ายกาจไม่เท่าบึงไร้ก้นบึ้งที่มีปฐมเวทย์กลืนกินของอาวุโส หากแต่ยังยากกว่าเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวอย่าง ภูตมายาพันเงา ของหวางเฟยเซวียน เช่นนั้นสมควรมีระดับสูงกว่า!’
เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนจากความยากของบททดสอบที่ผ่านมา
“เจ้าทึ่มดูเหมือนที่เจ้าโชคร้ายก่อนหน้า เป็นเพราะโชคของเจ้ามากองรวมกันครั้งนี้แน่ๆ!”
หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างอิจฉา
ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับไม่ได้กล่าวคำใด ยังคงตะลุยฝ่าบททดสอบต่อไป
ถึงแม้มุมมองและความคิดเขาจะเปลี่ยนไป แต่เขาย่อมไม่คิดปฏิเสธเวทย์พลังระดับสูงที่อยู่ตรงหน้า!
“บททดสอบสุดท้ายแล้ว…ในที่สุดข้าก็จะได้รู้สักทีว่าเวทย์พลังระดับใดที่อยู่ในมรดกเวทย์พลังชิ้นนี้”
ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่บททดสอบระดับสุดท้าย หวางเฟยเซวียนพลันกล่าวออกมา
บททดสอบของพื้นที่มรดกเวทย์พลังนั้น หากเป็นบททดสอบสุดท้าย มักจะเผยพลังอำนาจของมรดกเวทย์พลังที่จะได้รับให้เห็น
เวทย์พลังที่ศัตรูคนสุดท้ายใช้ก็คือเวทย์พลังในมรดกเวทย์พลังที่จะได้รับสืบทอด!
และผู้พิทักษ์ด่านสุดท้ายของพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้ที่ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าต้วนหลิงเทียนกับหวางเฟยเซวียนก็คือ…มือกระบี่หนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีขาว
อีกฝ่ายยืนถือกระบี่ยาวพร้อมฝักตัวตรงดั่งหอก หากแต่มองไปไม่คล้ายผู้คน…เสมือนมันเป็นกระบี่คมเล่มหนึ่ง!
“มือกระบี่?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น ทั่วกายปรากฏกลิ่นอายพลังขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาทันใด เป็นจิตต่อสู้ที่ระอุขึ้นมา!
หลังได้รับถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่ระดับสูงอย่างยอดใจกระบี่มา เขาเองก็บรรลุสำนึกกระบี่ไม่น้อย ทำให้ตอนนี้เขาเองก็ถือเป็นมือกระบี่ผู้หนึ่ง! ในเมื่อได้พบพานกับสหายร่วมวิถี ในใจย่อมบังเกิดความฮึกเหิมคิดท้าทายวัดเชิงให้รู้เรื่อง!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ทันทีที่จิตต่อสู้ปะทุออก ร่างมือกระบี่หนุ่มชุดขาวเองก็ปะทุจิตต่อสู้ขึ้นมาเช่นกัน ปราณทั่วร่างระเบิดออกมาดั่งเพลิงไฟ คนอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา!
แน่นอนว่าเพียงหายไปต่อหน้าต่อตาหวางเฟยเซวียน
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เขาเห็นชัดว่ามือกระบี่หนุ่มชุดขาวได้เหินพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!
อย่างไรก็ตามแม้ความเร็วของอีกฝ่ายจะนับว่ารวดเร็ว หากแต่เป็นความรวดเร็วของขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด
ยังด้อยกว่าความเร็วสูงสุดเขามาก
อีกทั้งยังไม่ได้รวดเร็วไปกว่าความเร็วในการเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์สตรีที่เป็นผู้พิทักษ์ด่านคนสุดท้ายของพื้นที่มรดกเวทย์พลัง ภูตมายาพันเงา แม้แต่น้อย!
ทว่าความเร็วของผู้พิทักษ์สตรีนางนั้น เป็นเพราะนางใช้ออกด้วยเวทย์พลังภูตมายาพันเงา จึงบรรลุขอบเขตความเร็วทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียน
หากแต่มือกระบี่หนุ่มในชุดขาว ไม่มีเวทย์พลังเช่นนั้น!
“พลังรบโดยรวม…ผู้พิทักษ์สตรียังด้อยกว่ามือกระบี่คนนี้มาก!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแกร่งกร้าวของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวยามชักกระบี่ออกมาจากฝัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
และนี่อีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้เวทย์พลังอันใดด้วยซ้ำ!
หากใช้เวทย์พลังด้วยล่ะก็ เกรงว่าพลังฝีมือจะยิ่งร้ายกาจมากไปกว่านี้!
‘เวทย์พลัง…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสมควรเป็นเวทย์พลังสายกระบี่ระดับสูงแน่นอน! แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นชนิดใด จู่โจม ป้องกัน หรือหนุนเสริม?’
เวทย์พลังสายกระบี่เองก็จำแนกออกได้เป็นหลายชนิดเช่นกัน
และไม่นานมือกระบี่หนุ่มชุดขาวก็แสดงคำตอบให้แก่ต้วนหลิงเทียน
วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
…
หลังชักกระบี่ มือกระบี่หนุ่มชุดขาวก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอันใด หยุดลอยกลางฟ้าแน่นิ่ง…หากทว่ารอบกายกลับปรากฏร่างแยกขึ้นมาอีก 9 ร่าง!!
ร่างแยกทั้ง 9 นั้น เหมือนกับร่างต้นไม่มีผิด! ทุกร่างถือกระบี่ที่ชักออกฝักไว้ในมือ สองตามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง!!
‘ช่างเป็นร่างแยกที่สมจริงเสมือนมีชีวิตนัก!’
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นร่างทั้ง 10 เริ่มเคลื่อนไหว เขาก็แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทุกร่างทันที แต่มิคาดเขากลับไม่อาจบอกได้เลยว่าร่างไหนเป็นร่างที่แท้จริง!!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าทั้ง 10 ร่างกำลังทยอยกันพุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง!
กระบี่สามฉื่อในมือของพวกมัน ตวัดยิงรังสีพลังกระบี่ยาว 7 ฉื่อออกมาฉับไว ทั้งหมดยังเล็งจี้หมายทะลวงศีรษะของเขา!!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
มือกระบี่หนุ่มชุดขาวทั้งหลายคล้ายเทพกระบี่ที่จุติลงมาจากฟากฟ้า ความเร็วของพวกมันยามเสือกกระบี่ปลดปล่อยรังสีพลังกระบี่สังหารใส่ต้วนหลิงเทียนนับว่าสูงล้ำไม่ใช่ชั่ว!!
“รังสีกระบี่ที่ว่องไวนัก!”
จังหวะนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้จะเผยความเคร่งขรึมจริงจังออกมา เขาพบว่ารังสีพลังกระบี่สังหารที่พวกมันจี้ยิงออกมานั้น แต่ละสายเทียบเท่ากับการโจมตีของสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั้งสิ้น!!
เรียกว่ารังสีพลังกระบี่สังหารแต่ละสาย เสมือนการลงมือสุดตัวของยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!!
เปรี๊ยงงงง!!
รังสีพลังกระบี่สังหารของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวคนแรก พุ่งปะทะเข้ากับม่านพลังจากระฆังกระบี่คลุมกายของต้วนหลิงเทียนที่พึ่งก่อเกิดขึ้นมมาเข้าอย่างจัง เสียงพลังปะทุดังสนั่นหวั่นไหว ม่านพลังของระฆังกระบี่คลุมกายยังกระเพื่อมสั่นไหวอย่างแรง!!
เปรี๊ยงง!!!
รังสีพลังสังหารของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวอีกคนบรรลุถึง พาลให้บรรยากาศรอบกายต้วนหลิงเทียนเย็นเยือกลงทันใด!
เปรี๊ยงง!!
และเมื่อรังสีพลังกระบี่สังหารของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวคนที่ 3 มาถึง ระฆังกระบี่คลุมกายของต้วนหลิงเทียนก็แตกสลายไปทันที!
ถึงแม้ว่าม่านพลังป้องกันของระฆังกระบี่คลุมกายของต้วนหลิงเทียน จะเทียบได้กับการป้องกันของอริยะเซียนขั้นต้น หากแต่มันก็สามารถทานรับการจู่โจมของเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้แค่ 2 คนเท่านั้น…ไม่อาจต้านรับการโจมตีครั้งที่ 3 ได้!!
เพียง 3 กระบี่กลับสามารถทำลายม่านพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้!!
นอกจากนี้ยังเหลือมือกระบี่หนุ่มชุดขาวอีกตั้ง 7 คน พวกมันทั้งหมดเองก็ลงมือจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ภายใต้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงเช่นนี้ หากยังยืนรับตรงๆก็โง่เขลาเต็มที ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะวูบร่างหลบหลีกทันที! เพียงวูบร่างออกไปซ้ายขวาเล็กน้อย ก้หลบรังสีพลังกระบี่สังหารอีก 7 สายได้ไม่ยากเย็น!!
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะฉากหลบรังสีพลังกระบี่สังหารไปได้ หากแต่ร่างของมือกระบี่หนุ่มทั้ง 10 ก็ยังคงพุ่งจี้ลงจากฟ้ามาทางเขาไม่ลดละ!!
มือกระบี่หนุ่มจี้กระบี่สังหารพุ่งกรีดฟ้าลงมาก่อให้เกิดเป็นเส้นแสงลากยาวขวางฟ้า มองไปยังคล้ายแผ่นฟ้าถูกกระบี่ทั้ง 10 กรีดผ่าอยู่บ้าง!
วิ้ง!!
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงกระบี่กรีดฟ้าที่ฉับไวกว่าเสียงใดเข้าหู!
และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาตามสัญชาตญาณเขาก็พบว่า กระบี่ 3 ฉื่อที่อยู่ในมือของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวคนหนึ่ง กำลังจี้แทงลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูงล้ำ! ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการพุ่งตกของมันคล้ายจะเหนือกว่าความเร็วก่อนของร่างแยกมันก่อนหน้าเสียอีก!!
“เจ้านี่มันร่างจริง!!”
และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็พบว่าร่างแยกอีก 9 ร่างที่เหลือที่กำลังพุ่งจี้กระบี่ลงมาก็หวนกลับคืนสู่ร่างกายที่แท้จริงในชั่วพริบตา!
อีกทั้งคล้ายร่างแยกแต่ละร่างจะเสริมพลังให้ร่างจริงหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่คนกระบี่ที่จี้แทงลงมากลับปะทุความเร็วออกมาปานจุดระเบิด!!
สุดท้ายความเร็วของร่างจริงมือกระบี่หนุ่มชุดขาวที่จี้แทงลงมาจากฟ้าด้วยสภาวะปานดาวตก มันก็บรรลุถึงขอบเขตความเร็วระดับอริยะเซียนขั้นกลาง!
“เร็วเกินไป!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมหันต์
เพราะกระบี่ในมือของชายหนุ่มชุดขาวตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเร็ว ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสังหารแสนอันตราย! พลังสังหารดังกล่าวยังเหนือกว่าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ต้วนหลิงเทียนจะใช้ออกได้ตอนนี้เสียอีก!!