WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1793
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1793
ตอนที่ 1,793 : ผู้มาเยือนจากตลาดมืดหยินชาน!
เวทย์พลังระดับสูง!
หวางเฟยเซวียนเป็นคนแรกที่รายงานออกมา ว่าได้รับเวทย์พลังระดับสูง!!
“ภูตมายาพันเงา…ในประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับเรา ก็มีบรรพบุรุษได้รับสืบทอดเวทย์พลังนี้มาเช่นกัน หากแต่ด้วยความที่ท่านเป็นบุรุษจึงมิอาจประสบผลสำเร็จในการเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลัง…ทว่าจากบันทึกที่ท่านบรพบุรุษทิ้งไว้ หากเป็นศิษย์สตรีได้รับเวทย์พลังนี้ จักมีโอกาสสูงนักที่จะเพาะสร้างต้นแบบและใช้งานมันได้!!”
ตอนนี้เองจ้าววังเหลืองพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เหล่าอาวุโสถึงกับหันไปมองหวางเฟยเซวียนตาเป็นมันทันที
หวางเฟยเซวียนไม่เพียงเป็นสตรี ยังเป็นสตรีมากพรสวรรค์ นั่นไม่ได้หมายความว่านางมีโอกาสเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังนี่ได้สูงรึไง?
“พี่จู ท่านให้นางมาอยู่วังเหลืองของข้าเถอะ!”
เฉินผิงเชิงหันไปมองอ้อนจูลู่ฉีทันที หมายร้องขอคนมาเข้าวังเหลืองของมันดื้อๆ “ข้าคิดรับนางเป็นศิษย์ส่วนตัวของข้า!”
“ศิษย์น้องเฉียนเจ้ากล่าวช้าไปแล้ว…เพราะตอนนี้ข้าเองก็คิดรับนางเป็นศิษย์ส่วนตัวเช่นกัน”
พอทราบว่าหวางเฟยเซวียนได้รับเวทย์พลังระดับสูงอย่าง ภูตมายาพันเงามา จูลู่ฉีย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางไปวังเหลืองเป็นธรรมดา ดังนั้นพอได้ยินเจตนาของเฉียนผิงเชิง มันก็รีบเผยความตั้งใจรับหวางเฟยเซวียนเป็นศิษย์ทันที
ได้ยินวาจานี้ของจูลู่ฉี สองตาหวางเฟยเซวียนก็ลุกวาวขึ้นมาสว่างจ้า!
นางอยากได้เวทย์พลังระดับสูง ส่วนหนึ่งก็เพราะ คิดได้รับการส่งเสริมอันดีจากตำหนักฟ้าลี้ลับ!
มาตอนนี้จ้าววังนภากล่าวว่าจะรับนางเป็นศิษย์ส่วนตัว ไม่ใช่ว่านางบรรลุเป้าหมายแล้วรึไง?
วังนภานั้น เป็นวังที่โดดเด่ดกว่าวังอื่นๆ และจูลู่ฉียังเป็นรองจ้าวตำหนักที่ร้ายกาจที่สุดของตำหนักฟ้าลี้ลับ! พลังฝีมือเป็นรองก็แต่จ้าวตำหนักกับอาวุโสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 เท่านั้น!!
หวางเฟยเซวียนย่อมเผยความตื่นเต้นยินดีออกมาเป็นธรรมดา เมื่อมีโอกาสได้เป็นศิษย์ของตัวตนดังกล่าว!
“แต่มิรู้ว่าแม่นางน้อยหวางเฟยเซวียนต้องการรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
จูลู่ฉีไม่สนเฉียนผิงเชิงที่ทำสีหน้าซึมเซา เพียงหันไปมองถามหวางเฟยเซวียนด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์!”
ภายใต้สายตาของทุกคน หวางเฟยเซวียนพลันคุกเข่ากลางอากาศและประสานมือไปเบื้องหน้าก้มหัวทำความเคารพทันที
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
เห็นดังนี้ จูลู่ฉีก็รู้สึกยินดีไม่น้อย
“ขอแสดงความยินดีด้วยศิษย์พี่จู”
“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านจ้าววัง”
…
ตอนนี้เองหลายคนก็เร่งประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีกับจูลู่ฉีกันใหญ่ ไม่เว้นเฉินผิงเชิงจ้าววังเหลือง ถึงแม้มันจะรู้สึกเสมือนหัวใจหลั่งโลหิตก็ตาม แต่มันก็ทำได้แค่ยอมรับ
อันที่จริงไม่ใช่แค่จ้าววังเหลืองเท่านั้นที่รู้สึกเสมือนใจหลั่งโลหิต
ในบรรดารองจ้าวตำหนักทั้งหลาย นอกจากจ้าวเติงแล้วทุกคนรู้สึกเสมือนหัวใจถูกกรีดจนเลือดไหลทั้งสิ้น
ศิษย์ที่มีเวทย์พลังระดับสูงเช่นนี้ มีใครบ้างไม่อยากได้รับ?
อย่างไรก็ตามภายในตำหนักฟ้าลี้ลับแห่งนี้ คงมีเพียงแต่จ้าวตำหนักอย่างเมิ่งฉิงเท่านั้น ที่สามารถแข่งขันกับจ้าววังนภาจูลู่ฉีได้
ดังนั้นพอจูลู่ฉีคิดรับหวางเฟยเซวียนเป็นศิษย์ พวกมันจึงไม่คิดสอดมือโดยปริยาย เพราะรู้ดีว่าต่อให้คิดสอดมือเข้ามา ก็ยากจะคว้าชิ้นปลามันนี้ได้…
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
ต้วนหลิงเทียนมองส่งเสียงกล่าวกับหวางเฟยเซวียนผ่านปราณ
“นี่ เมื่อวานหลังข้าถูกกำจัดออกมา…เจ้าฆ่ามันได้รึเปล่า?”
หวางเฟยเซวียนกล่าวถาม
เมื่อวานนางถูกผู้พิทักษ์บททดสอบสุดท้ายของพื้นที่มรดกเวทย์พลังฆ่าตาย และผู้พิทักษ์คนนั้นก็ทรงพลังเหนือจินตนาการของนางนัก
กระทั่งนางเองก็ไม่แน่ใจว่าต้วนหลิงเทียนจะผ่านได้หรือไม่
“อือ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “นับว่าโชคดีที่ข้าฆ่ามันได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็ได้รับเวทย์พลังระดับสูงแล้วสิ?”
หวางเฟยเซวียนกล่าวถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวออกอีกครั้ง “หากแต่เรื่องนี้ ข้าหวังว่าเจ้า…”
“หวังว่าข้าจะช่วยเก็บมันเป็นความลับให้เจ้าใช่หรือไม่? อย่าห่วงเลยข้าไม่บอกใครหรอก”
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้กล่าวจบคำ เป็นหวางเฟยเซวียนกล่าวส่งเสียงแทรกกลับมาเสียก่อน ยังรับปากเขาอีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับเพื่อขึ้นไปตามหาอาจารย์เจ้าที่ภูมิภาคเบื้องบนในวันหน้า…หากอาวุโสรู้ว่าเจ้าได้รับเวทย์พลังระดับสูง ย่อมคิดผูกมัดมิปล่อยเจ้าไปไหนแน่…”
“ใช่…ขอบคุณเจ้ามาก”
เมื่อเห็นว่าหวางเฟยเซวียนเข้าใจความลำบากของเขาดี ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งในใจรู้สึกตื้นตันไม่น้อย
“ขอบคุณอะไรข้าเล่า หากไม่ใช่เพราะเจ้า ไหนเลยข้าจะได้รับสืบทอดภูตมายาพันเงาได้…”
หวางเฟยเซวียนรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ช่างเถอะเรื่องนี้เอาเป็นว่าพวกเราหายกัน…แต่ทว่าเรื่องที่ข้าช่วยหลิวเจี้ยนตอบเพื่อตอบแทนบุญคุณอาวุโสของมันแทนเจ้า…ให้ถือว่าเจ้ายังติดข้าอยู่นะ!!”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึ้งไม่น้อย หลังได้ฟังคำนี้ของหวางเฟยเซวียน
ยังไม่หายกันอีกหรือ?
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวบอกออกไปว่าได้รับเวทย์พลังระดับสูงมา เพื่อที่จะไม่ได้ติดค้างอะไรนาง!
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดออกมา
พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนับว่าสูงล้ำที่สุดนบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เข้าไปในแดนลับเซียน เช่นนั้นทุกคนจึงตั้งความหวังกับเขาเอาไว้สูง
แต่บางครั้งยิ่งหวังเอาไว้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
“เวทย์พลังระดับกลางบทเดียว?”
พอทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้รับเวทย์พลังระดับกลางมาเพียงบทเดียว ส่วนเวทย์พลังระดับต่ำมามากมาย อาวุโสของตำหนักฟ้าลี้ลับส่วนใหญ่อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง เมิ่งฉิงเองก็ไม่ต่างกัน
มีเพียงคนของสกุลจ้าวเท่านั้นที่แลดูดี๊ด๊ามีความสุข
“เจ้า…ไฉนเจ้าถึงมิอาจได้รับเวทย์พลังระดับสูงมาได้เล่า ด้วยพลังฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดของเจ้า บททดสอบเวทย์พลังระดับสูงมิน่าจะสร้างปัญหาให้เจ้าได้มากนี่นา?”
เฉินผิงเชิง จ้าววังเหลือง กล่าวถามออกมาด้วยความไม่เชื่อ ทั้งประหลาดใจ
“ข้าพบพื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงแค่ 2 แห่งเท่านั้น…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าว “แห่งแรกก็เป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลังอันดับ 1 นั่น…ส่วนแห่งที่ 2 ก็เป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลัง ภูตมายาพันเงา”
“หืม? เช่นนั้นเป็นเจ้าที่ช่วยให้หวางเฟยเซวียนได้รับสืบทอดเวทย์พลัง ภูตมายาพันเงา?”
สายตาจูลู่ฉีมองเพ่งไปยังต้วนหลิงเทียนทันที มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนมีสายตาที่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมนัก
เพราะหากเทียบกับสตรีแล้ว บุรุษคงมีโอกาสเพาะสร้างเวทย์พลังภูตมายาพันเงาได้น้อยกว่า
การมอบให้สตรีนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“อันที่จริงมันก็ไม่เชิง…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะกล่าวบอกว่าไม่ใช่เขารู้ และคิดมอบมันให้หวางเฟยเซวียนโดยเจตนา ก็เป็นหวางเฟยเซวียนโพล่งขัดออกมาเสียงดังซะก่อน “ใช่แล้ว ท่านอาจารย์! หลิงเทียนเลือกที่จะเสียสละให้ข้า…หากมิได้เขาช่วย ข้าไม่มีทางได้รับสืบทอดเวทย์พลังล้ำค่านี้หรอก…”
ได้ยินคำของหวางเฟยเซวียน ไม่เพียงแต่จูลู่ฉีแต่อาวุโสทั้งหลายหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาชื่นชมทันที
ทั้งหมดรู้สึกว่าการตัดสินใจนี้ของต้วนหลิงเทียนนับว่าถูกต้องแล้ว!
“เสียสละเวทย์พลังระดับสูงให้ผู้อื่น…เรื่องนี้มิใช่ผู้ใดก็สามารถกระทำได้! หลิงเทียนเจ้านับว่าประเสริฐนัก!!”
หนึ่งในรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับกล่าวชม
“ถูกแล้ว! หากในอนาคตตำหนักฟ้าลี้ลับเราสามารถรับสืบทอดมรดกเวทย์พลังระดับสูงนี้มาได้ล่ะก็ นามของเจ้าจะถูกจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับเรา!”
รองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับอีกคนยังกล่าวชมเชยออกมา
เช่นนั้นการเข้าไปในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับครั้งนี้ ในบรรดาอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ทั้ง 30 คน ก็มีเพียงหวางเฟยเซวียนที่ได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังระดับสูงออกมา
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนจงใจปิดบังข้อมูล
นอกจากนั้นในบรรดาทั้ง 30 คนที่เข้าไปในแดนลับเซียน ก็มีแค่หลิวเจี้ยนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าเซียนขัดเกลา หากแต่ยังได้รับเวทย์พลังระดับกลาง!
จังหวะนี้เหล่าศิษย์ที่มีพลังฝึกปรือเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดทั้งหลาย อดไม่ได้ที่จะมองหลิวเจี้ยนด้วยสายตาอิจฉา
นอกจากจ้าวจี้ที่ถูกขับออกจากแดนลับเซียนแต่หัววันแล้ว ก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาอีก 2 คนนอกจากหวางเฟยเซวียนที่ได้รับเวทย์พลังระดับกลาง
เกาเผิงเหมือนกับจ้าวจี้เรื่องหนึ่ง คือไม่ได้รับเวทย์พลังระดับกลาง
แต่แน่นอนว่ามันยังดีกว่าจ้าวจี้ตรงที่มันได้รับเวทย์พลังระดับต่ำมา 3 บท
อย่างไรก็ตามกลับมีผู้ฝึกตนเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดอีกไม่กี่คนที่สามารถรับสืบทอดเวทย์พลังระดับกลางมาได้ เรื่องนี้ทำให้สีหน้าท่าทางของเกาเผิงกับจ้าวจี้เปลี่ยนไปทันที!
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ การเดินทางในแดนลับเซียนครั้งนี้ก็มีทั้งผู้ที่สุขและเศร้า
ต้วนหลิงเทียนย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
สุดท้ายจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับอย่างเมิ่งฉิงก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ และมันก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่จะรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ออกมา
เห็นแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งใจ
‘ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ข้าจงใจปล่อยออกมา จะทำลายความคิดรับข้าเป็นศิษย์ของจ้าวตำหนักจนหมด…แบบนี้นับว่าดีที่สุดแล้ว เพราะยังไงข้าก็ไม่คิดจะอยู่ตำหนักฟ้าลี้ลับอีกนาน…อย่างไรก็ตามหากข้าเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังของเซียนอมตะข้ามภพ ปฐมเวทย์กลืนกินรวมถึงเวทย์พลังอื่นๆได้สำเร็จเมื่อไหร่…’
‘ค่อยหาโอกาสส่งต่อเวทย์พลังระดับกลางและระดับต่ำที่พอใช้ได้ให้ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่เหมาะสมในภายภาคหน้าแล้วกัน…
“ศิษย์พี่หลิงเทียนขอบคุณท่านมาก”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และหวางเฟยเซวียนคิดจากไปด้วยกัน หลิวเจี้ยนก็เร่งติดตามมากล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนจากใจ
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าต้วนหลิงเทียน ไหนเลยหวางเฟยเซวียนจะช่วยให้มันได้รับสืบทอดเวทย์พลังระดับกลางแบบนี้!
“อย่าได้ขอบคุณข้าเลย หากเจ้าคิดจะขอบคุณใคร ก็ไปขอบคุณอาวุโสหลิวหงกวง กับอาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่งเถอะ…นอกจากนี้ข้าขอฝากพวกเจ้าไปบอกทั้งคู่แทนข้าที ว่าลี่เฟิงไม่ได้คิดจะจากไปเช่นนั้น หากแต่มีธุระที่ต้องไปจัดการ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ได้! ข้าจะไปบอกให้”
หลิงเจี้ยนพยักหน้าทันที หลังจากนั้นมันก็จากไป ไม่คิดรบกวนเวลาพวกต้วนหลิงเทียนอีก
“น้องหลิงเทียนโชคเจ้าไม่ค่อยดีเลย…ถึงแม้จะพบพื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงถึง 2 แต่กลับยากจะผ่านที่หนึ่ง ส่วนอีกที่ก็ดันไม่เหมาะกับบุรุษเสียอย่างนั้น…”
กู่ลี่มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเสียดาย
“ในชีวิตคนเราบางครั้งอะไรๆก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไปซะทุกเรื่อง…”
เห็นกู่ลี่กล่าวออกมาด้วยความเสียดาย ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มกล่าวออกมา
ประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้กู่ลี่รู้สึกเสมือนต้วนหลิงเทียนทำใจได้แล้ว หากแต่หวางเฟยเซวียนกลับรู้สึกผิดแปลกอยู่บ้าง เพราะนางรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้เวทย์พลังระดับสูงมา…
บูมม!!
ทันใดนั้นพลันมีเสียงอากาศแตกระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้า ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจจนหยุดเคลื่อนไหวทันที
หลังจากนั้นไม่นานเสียงหนึ่งก็ดังไปก้องตำหนักฟ้าลี้ลับ “ข้าคือรองผู้นำตลาดมืดหยินชาน เฝิงปู่อี้! ข้ามาเยือนตำหนักฟ้าลี้ลับวันนี้ เพราะคิดพบหน้าอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักฟ้าลี้ลับหลิงเทียนสักครา! รบกวนสหายน้อยหลิงเทียน ออกมาพบข้าที!!”
รองผู้นำตลาดมืดหยินชาน!
เฝิงปู่อี้!
ตำหนักฟ้าลี้ลับพลันตกอยู่ในความอลหม่านทันที
“มาหาข้าเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง กู่ลี่กับหวางเฟยเซวียนยังหันขวับมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง