WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1811
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1811
ตอนที่ 1,811 : โถงเป็นตาย
ทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้น ปราณแรกกำเนิดของจ้าวคุนนับว่าประสบกับความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน
อย่างน้อยๆ หากให้เทียบกับปราณแรกกำเนิดของยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ก็นับว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ขวับ!
เผชิญหน้ากับการร่วมมือกันของหงกังและพวกทั้ง 4 จ้าวคุนเพียงสะบัดฝ่ามือตบฟาดไปส่งๆเท่านั้น!
หากทว่าตบฟาดส่งๆนี้ กลับปรากฏมวลพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งควบแน่นบังเกิดเป็นฝ่ามือพลังขนาดมหึมา คลุมครอบร่างหงกังและอีก 3 คนไว้ให้ไร้ทางหนี!!
พวกหงกังทั้ง 4 เห็นดังนี้ ก็ปะทุพลังออกมาสุดชีวิตไม่คิดออมรั้ง! หมายต้านทานรับมือพลังฝ่ามือขุมนี้ไว้ให้จงได้!!
จังหวะนี้ให้พวกมันคิดออมรั้งก็เกรงว่าจะทำไม่ได้!
นั่นเพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันคือตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียน!
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพึ่งทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้นได้ไม่ถึงอาทิตย์ หากแต่ปราณแรกกำเนิดของอีกฝ่ายก็เป็นปราณแรกกำเนิดของขอบเขตอริยะเซียนแล้ว!!
เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดกับอริยะเซียนขั้นต้น ถึงฟังดูจะมีความต่างกันแค่ขั้นเดียว ทว่าหนึ่งขั้นนี้กลับแตกต่างกันมหาศาลอย่างที่ยากจะถมเติมช่องว่าง! ประหนึ่งมัจฉากับมังกรก็ไม่ปาน!!
หากเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเป็นมัจฉา อริยะเซียนขั้นต้นก็เสมือนปลาหลีที่ข้ามผ่านประตูมังกร กลับกลายเป็นมังกรทะยานฟ้า!
ปงงงง!!
เมื่อพลังฝ่ามือของจ้าวคุนบรรลุถึง ม่านพลังที่ทั้ง 4 คนร่วมมือกันผนึกสร้างเป็นกำแพงพลังมีสภาพ ก็พังพินาศลงในชั่วอึดใจ ไม่อาจต้านทานรับไว้ได้เพียงเสี้ยวลมหายใจ!!
นอกจากนั้นเขตแดนทั้งสัตว์ปราณก่อลักษณ์อันใดของพวกมันก็ถูกฝ่ามือนี้ของจ้าวคุนทุบทำลายไปทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ก่อตัวแล้วเสร็จเช่นกัน!
เรียกว่าแม้จ้าวคุนจะมีเพียงหนึ่งแต่ด้านหงกังมีถึง 4 กลับเป็นการต่อสู้เสมือน 1 รุม 4 ฝ่ายคนมากกลับถูกคนน้อยทุบตีจนแพ้ในทีเดียว!!
ปง! ปง! ปง! ปง!
ร่างพวกหงกังทั้ง 4 ถูกคลื่นกระแทกจากพลังฝ่ามือของจ้าวคุนซัดจนกระเด็นปลิดปลิวไปไม่เป็นท่า แต่ละคนร่วงตกพื้นด้วยสภาพอนาถดูไม่ได้…
สีหน้าที่เคยแดงมีเลือดฝาดบัดนี้ซีดไปปานกระดาษ!
ต่อหน้าจ้าวคุนที่บรรลุอริยะเซียนขั้นต้นแล้ว ให้พวกมันทั้ง 4 ผนึกพลังกันต้านทาน…ก็ไม่อาจรับได้แม้ฝ่ามือเดียว!
“ร้ายกาจนัก!”
“นี่น่ะเหรอพลังของอริยะเซียน!”
“หนึ่งบรรลุสูงสุดเซียนขัดเกลา สองเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ อีกคนก็บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง…มิคาด 4 คนร่วมมือกลับรับจ้าวคุนไว้ไม่ได้แม้แต่ฝ่ามือเดียว!”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน จ้าวคุนยังเป็นฝ่ายถูกหงกังเอาชนะได้อย่างราบคาบอยู่เลย…ทว่าผ่านไปแค่ไม่กี่วัน กลับเป็นจ้าวคุนที่เอาชนะพวกหงกังทั้ง 4 ร่วมมือกัน! เรื่องราวนับว่าเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ!!”
“จ้าวคุนทะลวงถึงอริยะเซียนก็เสมือนปลาหลีข้ามผ่านประตูมังกรกลับกลายเป็นมังกรทะยานฟ้า! ยามนี้ถึงเวลาที่มันจะผงาดแล้ว!!”
……
หลังจากอึ้งตะลึงไปกับฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า ศิษย์ทั้งหลายที่ชมดูอยู่ก็ดึงสติกลับมา สองตาหันไปมองจ้าวคุนค่อยอุทานกล่าวออกกันอย่างตื่นเต้น
“สัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้!”
จ้าวคุนมองหงกังกับพวกทั้ง 4 ด้วยสายตาเหยียดหยาม ใบหน้ามันเผยความใด้ใจ มุมปากยกแสยะเอ่ยวาจาทับถม
ขณะเดียวกันมันก็ค่อยๆก้าวเดินไปยังร่างทั้ง 4 ที่กระเด็นปลิดปลิวไปกองบนพื้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน คล้ายจะก่อการหยามเกียรติ
ฟุ่บ!
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดมาหยุดขวางไว้เบื้องหน้า หยุดร่างจ้าวคุนไว้ชะงัด
“พอได้แล้ว…”
ผู้มามองกล่าวกับจ้าวคุนด้วยน้ำเสียงเฉยเมย หากแต่น้ำเสียงนี้แม้จะเฉยเมย แต่แฝงสภาวะดั่งประกาศิตไม่อาจขัดขืน!
“หลิงเทียน!”
ผู้ที่หยุดขวางเบื้องหน้าจ้าวคุนเอาไว้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนเอง!
ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา ผู้คนก็จดจำได้ทันที!
เพราะตอนนี้เขาได้รับการยอมรับไปทั่วทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว ว่าเป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด! ไม่ใช่หนุ่มน้อยไร้ชื่อเสียงเรียงนามที่พึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับอีกต่อไป!!
“หลิงเทียน!”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา จ้าวจี้ที่ชมดูเรื่องราวอย่างเบื่อหน่ายอยู่ไกลๆ พลันเบิกตากว้างทันใด ในแววตายังเผยประกายอาฆาตแสนแค้น มากล้นไปด้วยจิตสังหาร!
พอมันเห็นต้วนหลิงเทียน ก็พาลกระตุ้นเตือนให้นึกย้อนไปถึงความทรงจำที่มันถูกต้วนหลิงเทียนตบซ้ายทีขวาทีบนยอดเขานภาครานั้น! กระทั่งยังภาพเรื่องราววันที่อีกฝ่ายเตะมันออกจากแดนลับเซียน สิ้นวาสนาต่อมรดกเวทย์พลังอันใดทั้งมวล!!
หากถามว่าในชีวิตนี้มันเกลียดสิ่งใดมากที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องตอบ หลิงเทียน แน่นอน!
ถึงขั้นที่มันยอมเสี่ยงทุกสิ่งหมายชิงเคล็ดบำเพ็ญมารอย่างมารกลืนหยินมาฝึกปรือ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเพื่อล้างแค้นต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น!
“นั่นคือหลิงเทียน! หรือเขาคิดมาช่วยหงกัง?”
“เอ ข้ามิเห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าหลิงเทียนมีสัมพันธ์อันใดกับหงกัง…เช่นนั้นคิดทำอะไรกันแน่?”
“เหอะๆ อย่าได้ลืมกันไป ว่าหลิงเทียนนั้นมีความบาดหมางกับตระกูลจ้าวเขาเส้น ไม่เพียงตบหน้าจ้าวจี้ต่อหน้าผู้คนที่ยอดเขาแห่งนี้ ยังฆ่าจ้าวจี้ในแดนลับเซียนจนมันถูกเตะออกจากแดนลับเซียนโดยมิได้มรดกเวทย์พลังอันใด…อันที่จริงคนของสกุลจ้าวอีก 3 คนก็ถูกหลิงเทียนฆ่าตายออกมาเช่นกัน!”
“วันนี้จะลงมือหรือไม่ลงมือ ทีท่าของสกุลจ้าวก็ไม่มีวันเปลี่ยน…”
“จริง…หลิงเทียนจะลงมือหรือไม่ลงมืออย่างไร้สกุลจ้าวก็คับแค้นปานจะลากมาฆ่าให้ตาย…ทว่าการปรากฏตัวตอนนี้นับเป็นเรื่องไม่ฉลาดจริงๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงจ้าวจี้แต่มีจ้าวคุนอยู่ด้วย!”
“พวกเจ้าลืมอันใดไปหรือไม่? หลิงเทียนกับหงกังอาจไม่รู้จักกัน ทว่ากับหวางเฟยเซวียนนั้น หลายคนเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง…เสียงว่ายังมีเรื่องกุ๊กกิ๊กอันใดกันด้วยซ้ำ! ความสัมพันธ์มิได้ง่ายดายแน่แท้!!”
“ฮัยยา ข้าเกือบลืมหวางเฟยเซวียนไปแล้วเชียว…จึกๆ มิพ้นหลิงเทียนต้องกำลังละเล่นฉาก ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ เป็นแน่!!”
……
หลังจากที่สายตาผู้คนโดยรอบมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ ไม่นานก็หันไปมองหวางเฟยเซวียนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ด้านหวางเฟยเซวียนที่ถูกจ้าวคุนทำร้ายตอนแรกก็มีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ ทว่าพอนางเห็นต้วนหลิงเทียนโผล่ออกมาขวางและยื่นมือเข้าช่วยเหลือแบบนี้ หน้าที่ขาวซีดปานกระดาษเริ่มมีเลือดฝาด กระทั่งแดงเรื่อขึ้นมาทันตาเห็น
และยิ่งได้ฟังวาจากล่าวแซมจากผู้คนโดยรอบ แววตาของหวางเฟยเซวียนก็เผยความอ่อนโยนทั้งปลื้มใจไม่น้อย สายตายามมองร่างต้วนหลิงเทียนใสสะท้อนราวสระยามสารท ยังไม่สนอื่นใดในแวดล้อมราวกับในยอดเขานี้มีเพียงต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่…
“หลิงเทียน? เจ้าน่ะหรือคือหลิงเทียน?”
จ้าวคุนที่มีโมโหไม่น้อยเมื่อถูกใครก็ไม่รู้มาหยุดขวาง แต่พอได้ยินวาจาสนทนาโดยรอบและได้รับทราบตัวตนคนขวาง ใจของมันก็เต้นระรัวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นยินดีทันที!
มันไม่ตื่นเต้นได้หรือ!?
มันแม้มีฐานะเป็นศิษย์วังลี้ลับแต่ยังเป็นคนของสกุลจ้าว! มันได้ยินมานานแล้วว่าอาวุโสผู้พิทักษ์กล่าวให้คำมั่นเอาไว้ ว่าผู้ใดสามารถฆ่าหลิงเทียนได้ จะถูกรับเป็นบุตรบุญธรรม!!
ด้วยเหตุนี้เหล่าศิษย์ของสกุลจ้าวจึงคลั่งกันยกใหญ่!
หลายคนไปเฝ้าจับตาดูหลิงเทียนที่บ้านพักทุกวี่วัน หมายรอคอยเวลาที่อีกฝ่ายจะออกไปทำธุระนอกตำหนักฟ้าลี้ลับ หรือจะไปท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ขึงตึงหลังติดจุดรอคอย เพื่อหาโอกาสฆ่าหลิงเทียนให้ตาย!
และตอนนี้หลิงเทียนก็มาปรากฏตัวตรงหน้ามัน! กระทั่งยืนอยู่ตรงหน้ามันห่างแค่ไม่กี่ก้าว!!
มันจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรไหว?
“หืม? ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ?”
เมื่อเห็นว่าจ้าวคุนมองมาที่เขาด้วยสายตาลุกวาวทำราวกับเห็นสมบัติล้ำค่าประจำชาติ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย กล่าวถามออกมาตาปริบๆ
“มิสำคัญว่าข้าจะรู้จักเจ้าหรือไม่ ขอเพียงเจ้าคือหลิงเทียนเป็นพอ!”
จ้าวคุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆสะกดอารมณ์พุ่งพล่าน มันพยายามชักสีหน้าท่าทางให้แลดูสงบเย็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังมองถามต้วนหลิงเทียนพร้อมปั้นหน้าเข้ม “แล้วนี่เจ้าจักเอาอย่างไร? ขวางข้าเช่นนี้หรือคิดออกหน้าแทนพวกมัน?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้าวคุน หากแต่ไม่ตอบคำ
“เฮอะ! ต่อให้เจ้าไม่บอกข้าก็รู้!”
เมื่อเห็นท่าทางเฉยเมยของต้วนหลิงเทียนและไม่เป็นไปตามที่มันคิด จ้าวคุนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กล่าวสืบต่อไปตามความตั้งใจของตัวเอง “หากเจ้าคิดออกหน้าแทนพวกมันก็ได้…ข้ายังจะให้โอกาสเจ้าดีหรือไม่? โอกาสที่เจ้าจะได้แก้แค้นให้พวกมันอย่างไรเล่า!!”
“ว่าต่อไป…”
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำออกมา น้ำเสียงยังคงเฉยเมยไร้แยแส
“เจ้าลองคิดดูเถอะ…หากสู้กับข้าที่นี่ หากเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าอย่างดีเจ้าก็ทำได้แค่ทุบตีข้า แต่ไม่มีทางฆ่าข้าหรือทำร้ายข้าจนพิการ! เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าสู้กับข้าที่โถงเป็นตาย ให้อาวุโสของโถงเป็นตายเป็นพยาน ส่วนพวกเราก็สร้างสัญญาเป็นตาย เช่นนั้นพวกเราจะได้สู้กันจนกว่าจะมีผู้ใดตายไปข้างหนึ่ง เช่นนี้ดีหรือไม่?”
จ้าวคุนค่อยๆกล่าวออกมาอย่างอดทน
วาจาท้ายประโยคนั้นน้ำเสียงแม้ฟังดูสงบ หากแต่กลับแฝงเร้นไปด้วยความเย้ายวนหมายล่อลวงต้วนหลิงเทียน “ถึงตอนนั้นแม้จะฆ่าข้าตาย เจ้าก็ไม่ได้กระทำผิดกฏอะไรของตำหนักฟ้าลี้ลับ ฆ่าข้าโดยที่ไม่ต้องถูกลงโทษ!”
โถงเป็นตาย!
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าสถานที่ๆจ้าวคุนกล่าวคืออะไร
ในตำหนักฟ้าลี้ลับแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำหนักหลัก วังนภา วังลี้ลับ วังปฐพี วังเหลือง แต่ละแห่งล้วนมีโถงเป็นตายทั้งสิ้น
การมีอยู่ของโถงเป็นตาย ก็เพื่อให้คนของตำหนักฟ้าลี้ลับได้สะสางความแค้น กระทั่งล้างแค้นศัตรูคู่อาฆาตได้อย่างไม่ผิดกฏ!
ตราบใดที่ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ 2 คนอยากฆ่ากันให้ตายไปข้าง ก็สามารถไปลงนามประลองที่โถงเป็นตาย และสร้างสัญญาเป็นตายขึ้นมา…
แน่นอนว่าโดยมากแล้ว ก็มีแต่ศัตรูที่แค้นกันจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้แล้วทั้งนั้น ที่จะมายังโถงเป็นตาย เพื่อทำสัญญาเป็นตาย…
และตอนนี้จ้าวคุนก็กำลังแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนไปโถงเป็นตาย และสร้างสัญญาเป็นตาย!
โถงเป็นตาย!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆบนยอดเขาตอนนี้ถึงกับตกตะลึงจนอึ้งเงียบกันไปเป็นแถบ
จ้าวคุนท้าให้หลิงเทียนไปโถงเป็นตาย กระทั่งทำสัญญาเป็นตาย?
มันอยากฆ่าหลิงเทียนหรือ?
นี่เป็นความคิดของผู้คนโดยรอบ
“จ้าวคุนนั่น…มันคิดใช้โอกาสนี้ฆ่าหลิงเทียน?”
“นับว่าเป็นแผนการที่ดีสำหรับฆ่าหลิงเทียน คงคิดล้างแค้นให้สกุลจ้าวของพวกมันไม่ผิดแน่”
“อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิ์ของหลิงเทียน…หากข้าเป็นหลิงเทียนก็ไม่มีทางเห็นด้วยหรอก ต่อให้มิรู้ระดับพลังฝึกปรือว่าจ้าวคุนเหนือกว่า แต่คำล่อลวงโง่งมเช่นนี้จะไปหลอกผู้ใดได้…ในเมื่อจ้าวคุนมันกล้าท้าเช่นนี้ใครก็รู้ว่ามันมั่นใจว่าจะชนะ!”
……
ผู้คนในที่นี้ ยกเว้นต้วนหลิงเทียนล้วนคิดไปในแนวทางเดียวกัน ไม่เว้นกระทั่งหวางเฟยเซวียนหรือตัวจ้าวคุนเอง ก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเห็นด้วย
“อะไร? เจ้าไม่กล้า?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเฉยไปไม่ตอบอะไร จ้าวคุนก็เชิดหน้ามองลงด้วยสายตาเหยียดๆแสยะยิ้มกล่าวเยาะออกมา
“จ้าวคุน!”
ทันใดนั้นเองจ้าวจี้พลันส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดเข้าหูจ้าวคุนด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “หยุดการกระทำโง่ๆของเจ้าเสีย! หลิงเทียนนั่น ข้าจะเป็นคนฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง!!”
ถึงแม้มันเองก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะบ้าจี้รับคำท้าของจ้าวคุนที่จะไปสู้กันในโถงเป็นตาย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวหยุดจ้าวคุนเอาไว้ ด้วยกลัวเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา…
หากเป็นก่อนหน้านี้มันคงไม่สนใจ หากต้วนหลิงเทียนจะถูกจ้าวคุนฆ่าตาย!!
แต่ตอนนี้อีกไม่นานมันก็จะได้บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดมารกลืนหยินแล้ว และในเวลาอีกไม่นานกระทั่งยังคาดไว้ว่าสมควรไม่เกิน 2 ปี มันก็ต้องก้าวข้ามต้วนหลิงเทียนไปได้แน่ๆ! ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อยากให้ใครชิงฆ่าต้วนหลิงเทียนไปก่อน เพราะมันจะเป็นคนฆ่าต้วนหลิงเทียนระบายแค้นด้วยตัวมันเอง!!
กระทั่งมันยังไปขอให้ปู่ของมันเพิกถอนคำสั่งฆ่าต้วนหลิงเทียนออกไปเสีย!!
“หืม?”
จ้าวคุนไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจ้าวจี้จะส่งเสียงมากล่าวหยุดมันเอาไว้ไม่ให้แตะต้องต้วนหลิงเทียนแบบนี้
‘เจ้าน่ะเหรอคิดล้างแค้นหลิงเทียน ด้วยการฆ่าหลิงเทียนกับมือ? เจ้ามีปัญญาสามารถพอกระทำหรือ?’
แน่นอนว่าคำถามนี้ จ้าวคุนทำได้แค่พูดในใจเท่านั้น…