WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1814
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1814
ตอนที่ 1,814 : ความจริงจะหุบปากพวกมัน!
ปึง!
ทันทีที่วาจาของเฉิงอวิ๋นดังจบคำ จ้าวคุนก็ไม่ลังเลใดสืบไปใช้พลังเฉือนมือเล็กน้อยก่อนที่จะเลือกประทับลงไปทั้งมือไม่ใช่แค่นิ้วหัวแม่โป้ง ลงนามประทับในสัญญาเป็นตายเสร็จสิ้น!
หลังกระทำเสร็จแล้วมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที แววตายังเผยอาการยั่วยุดูแคลน
แน่นอนว่าลึกลงไปยังแฝงเร้นไว้ด้วยความไม่สบายใจประการหนึ่ง
เพราะเรื่องราวมาถึงจุดสำคัญแล้ว หากหลิงเทียนเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ทุกสิ่งที่มันพยายามทำมาก่อนหน้าจะกลายเป็นเสียเปล่าทันที!
“หลิงเทียนคิดทำสัญญาเป็นตายกับจ้าวคุนจริงๆหรือ?”
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ มองต้วนหลิงเทียนที่ทำเรื่องราวอยู่ในโถงเป็นตายไกลๆ ตอนนี้ในใจของพวกมันรู้สึกบีบคั้นอึดอัดกันนัก
ปัง!
จนกระทั่งต้วนหลิงเทียนเลือกลงมือกระทำตามจ้าวคุน ประทับมือลงไปในสัญญาเป็นตายนั่น ใจศิษย์ทุกคนถึงได้รู้สึกผ่อนคลาย กลับมาหายใจได้คล่องคออีกครั้ง
ทว่าหลังจากหายจากอาการอึดอัดใจแล้ว ศิษย์บางคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าดังฟืด
“หลิงเทียน…กลับกล้าประทับมือลงสัญญาเป็นตายจริงๆ! ไม่กลัวตายบ้างรึไง!?”
“นั่นสิ ถึงพลังฝีมือจะกล้าแข็งไม่ใช่ชั่ว หากแต่ก็พึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเท่านั้น…ทว่าต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดก็มิอาจต้านทานตัวตนขอบเขตอริยะเซียนได้!”
“นั่นสิ หากจ้าวคุนมิได้ทะลวงถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นเผลอๆมันมิใช่คู่ต่อสู้หลิงเทียนด้วยซ้ำ! ทว่าจ้าวคุนมันพึ่งทะลวงได้เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว…กระทั่งหงกังที่ไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตา กลับต้องแพ้พ่ายแก่มัน!”
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าหลิงเทียนคิดอะไรอยู่กันแน่ เห็นชัดว่านี่เป็น ‘หลุมพราง’ แต่ยังเลือกกระโดดลงไป”
“แรงกระตุ้นนับเป็นปีศาจชนิดหนึ่ง…หลิงเทียนคนนี้ น่ากลัวจะต้องตายวันนี้แล้ว!”
……
ภายนอกโถงเป็นตาย เต็มไปด้วยเสียงคุยสนทนาดังกระหึ่ม ทว่าไม่มีใครดูดีหลิงเทียนเลย
“น้องหลิงเทียน ทุกคนแลดูจะไม่มีใครเห็นดีกับเจ้าเลย”
กู่ลี่ส่งเสียงหยอกล้อถึงต้วนหลิงเทียน “ว่าแต่นี่เจ้าได้ยินแล้วคิดอย่างไรเล่า…จะออกไปอธิบายให้พวกมันหุบปากไหมหรือยังไง?”
“ไม่ต้องหรอกพี่กู่”
ต้วนหลิงเทียนเงียบไปพักหนึ่ง ค่อยกล่าวตอบกู่ลี่ “เดี๋ยวความจริงก็หุบปากพวกมันเอง..”
“โฮ่! ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจมาก”
กู่ลี่เพ่งตามองต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้งค่อยกล่าว
อันที่จริงกู่ลี่เองก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดปะทะกับอริยะเซียนขั้นต้น
แต่เนื่องจากต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจเลือกแล้ว มันก็เลือกที่จะเชื่อมั่นอีกฝ่าย แต่ต้นจนจบเลยไม่คิดหยุด
‘หรือน้องหลิงเทียน…จะทะลวงถึงอริยะเซียนแล้ว!’
กู่ลี่หยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นใจ
“เป็นเวลานานแล้วที่ตำหนักฟ้าลี้ลับมิได้คึกคักเช่นนี้”
ตอนนี้เองจ้าวเติงพลันเดินออกมานอกโถง มันว่ายตามองทุกคนด้านนอกรอบหนึ่ง ค่อยหันไปกล่าวกับคนในโถงเป็นตายเบาๆ แม้เสียงมันจะไม่ได้ดังอะไร ทว่าทุกคนที่มายืนออรอคอยอยู่ด้านนอกโถงเป็นตายกลับได้ยินชัดเจน
“ข้าหวังว่าวันนี้พวกเจ้าจะลงมือต่อสู้กันสุดฝีมือ ให้พวกเราชมดูศึกพยัคฆ์ปะทะมังกรอย่างสนุกสนานสักครา! และในเมื่อพวกเจ้าลงนามในสัญญาเป็นตายแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะฆ่าอีกฝ่าย! เช่นนั้นก็ขอให้พวกเจ้าฆ่ากันอย่างสนุกเถอะ!!”
ต้องกล่าวเลยว่าในฐานะรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ จ้าวเติงยังรู้จักกล่าววาจากระตุ้นผู้คนอยู่บ้าง
ทันทีที่วาจาของมันดังจบคำ ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับทุกคนรู้สึกคึกคักเสมือนถูกฉีดเลือดไก่ ราวกับไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนกับจ้าวคุนที่จะเข่นฆ่ากันแต่เป็นพวกมันเอง!
“ฮึ่ม!”
เมื่อเห็นว่ากระทั่งบิดายังไม่ฟังคำมัน จ้าวจี้ก็สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
แน่นอนว่ามันเพียงเดินห่างออกมาให้ห่างจากจ้าวเติงเท่านั้น ยังไม่ได้ออกไปพ้นลานหน้าโถงเป็นตาย
การประลองวันนี้แม้หลิงเทียนจะตาย มันก็ต้องอยู่ดูด้วยตาตัวเอง
“สัญญาเป็นตายได้ลุล่วงแล้ว พวกเจ้าเชิญเลือกสถานที่ต่อสู้กันเถอะ”
เฉิงอวิ๋น อาวุโสผู้ดูแลโถงเป็นตายกล่าวกับต้วนหลิงเทียนและจ้าวคุน
“หลิงเทียนข้ามอบโอกาสนี้ให้แก่เจ้า…เชิญเจ้าเลือกหลุมฝังศพของเจ้าได้ตามใจชอบ จะไปหาสถานที่อันมีฮวงจุ้ยดีๆเพียงใดก็แล้วแต่เจ้าเลย”
จ้าวคุนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม วาจาที่กล่าวออกคล้ายจะตัดสินไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนตายแน่
จ้าวคุนแม้จะพึ่งทะลวงถึงอริยะเซียนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด่านพลังอะไรยังไม่มั่นคง คนไม่ได้ปรับตัว แต่มันก็ไม่กลัวหลิงเทียนที่พึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ไม่ถึงปีแม้แต่น้อย!
ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ยังไม่ทันครบปี ต่อให้เป็นสุดยอดอัจฉริยะของตำหนักฟ้าลี้ลับ กระทั่งทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ไม่มีทางจะทะลุขอบเขตอริยะเซียนได้!
ด้วยเหตุนี้จ้าวคุนจึงไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่ต้วนหลิงเทียน จะบุกเข้าไปในขอบเขตอริยะเซียนเลย
ไม่เพียงแต่จ้าวคุนเท่านั้น แทบทุกคนในที่นี้กระทั่งทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับ ก็ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะทะลวงจากเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดไปยังอริยะเซียนขั้นต้นได้ในเวลาไม่ถึงปี…เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้!
แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้นสำหรับบางคน
หวางเฟยเซวียนกับกู่ลี่!
ทั้งคู่สงสัยว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะทะลวงถึงอริยะเซียนแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวางเฟยเซวียน เพราะครึ่งปีที่แล้วนางเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ความเร็วของอริยะเซียนขั้นต้นในแดนลับเซียนมากับตา!
อย่างไรก็ตามตอนนั้นนางได้ถามต้วนหลิงเทียนแล้วว่าทะลวงถึงอริยะเซียนแล้วเหรอ ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบว่าไม่!
แน่นอนว่าหวางเฟยเซวียนไม่เชื่อคำตอบนี้!
“ให้ข้าเลือกหลุมฝังศพ ทั้งฮวงจุ้ยดีๆได้ตามใจ?”
ได้ยินคำนี้ของจ้าวคุนต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง ทันใดนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ใบหน้าที่ดุร้ายเอาเรื่องก่อนหน้ายังกลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับพึ่งได้ยินเรื่องชวนหัวครั้งใหญ่!
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
หน้าจ้าวคุนเปลี่ยนไปทันใด มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกำลังดูถูกมันอยู่ พาลให้มันมีโทสะขึ้นมาไม่น้อย
“หลุมฝังศพของข้าคงไม่ลำบากให้เจ้าต้องเป็นห่วงหรอก…แต่ที่นี่ก็นับว่าเหมาะจะเป็นหลุมฝังศพของเจ้าดี ไม่สิ…หากฝังเจ้าที่นี่เกรงว่าจะทำให้โถงเป็นตายติดเสนียด…”
วาจาข้างต้นต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกเสียงดังฟังชัด
ในขณะที่ทุกคนรวมถึงจ้าวคุนคิดว่าต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาอวดโอ่เกินไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือทันที
ทันใดนั้นมวลพลังขุมหนึ่งพลันปะทุออกทั่วร่างของต้วนหลิงเทียน ทั้งยังมีแสงพลังสว่างเจิดจ้าจนผู้คนแทบไม่อาจมองตรงๆได้ พาลให้ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่มาชมดูเรื่องราวรู้สึกคล้ายกำลังจับจ้องไปยังดวงตะวันเจิดจ้ากลางฟ้า!
และไม่ทันที่ศิษย์ของตำหนักฟ้าลี้ลับจะทันได้ตอบสนองเรื่องราวอะไร ดวงตะวันจ้านั่นก็พุ่งไปฉับไวราวเส้นแสงบรรลุถึงเบื้องหน้าจ้าวคุน!
“ระวัง!!”
ในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้จ้าวเติงนับว่าแข็งแกร่งที่สุด มันจึงตอบสนองต่อเรื่องราวก่อนใคร เร่งตะโกนกล่าวเตือนจ้าวคุนทันที
เพียงเพราะมันพบว่าต้วนหลิงเทียนที่เป็นศัตรูคู่ฟ้าของตระกูลจ้าว ไม่คล้ายจะใช้ปราณแรกกำเนิดอันมีขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่เป็นพลังอำนาจขอบเขตอริยะเซียน!
‘นี่มันบ้าอะไรกัน! กระทั่งอริยะเซียนขั้นกลางทั่วไปยังไม่รวดเร็วเท่านี้!!’
จังหวะนี้ในใจของจ้าวจี้สัมผัสได้ถึงสังหรณ์อัปมงคลประกาลหนึ่ง!
เกรงว่าจ้าวคุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว!!
ฟุ่บ!
และในขณะที่จ้าวเติงตื่นตระหนกด้วยไม่เข้าใจ ร่างต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงเบื้องหน้าจ้าวคุนด้วยความเร็วสูง!
ดั่งที่จ้าวเติงกล่าวในใจ ความเร็วของต้วนหลิงเทียนนับว่าเหนือกว่าอริยะเซียนขั้นกลางทั่วไปจริงๆ
เช่นนั้นจ้าวคุนจึงไม่อาจตอบสนองเรื่องราวอันใดได้เลย แม้คู่ต่อสู้จะมาผุดโผล่ตรงหน้า
“เร็วอะไร!”
ความคิดแรกที่ผุดวาบขึ้นมาในใจจ้าวคุนก็คือเรื่องนี้!
ความเร็วนี้เหนือล้ำเกินมันไปไกล!
ในห้วงเวลาชั่วพริบตาดั่งอัสนีวาบฟ้า จ้าวคุนไม่อาจคิดได้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงมีความเร็วสูงล้ำขนาดนี้! มันโคจรเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดทั่วร่างตามสัญชาตญาณ มวลพลังไหลผ่านชีพจรเซียนหลายสิบในร่าง คล้ายมันจะรู้สึกปลอดภัยหากมีม่านพลังจากปราณแรกกำเนิดคลุมกาย
น่าเสียดายที่ชีพจรเซียนของมันมีน้อยเกินไป
อย่างน้อยๆหากเทียบกับจำนวนชีพจรเซียนของต้วนหลิงเทียน ก็น้อยกว่ากันจนน่าเวทนา
หากมันเป็นเหมือนต้วนหลิงเทียนที่มีชีพจรเซียน 99 สาย ปราณแรกกำเนิดของมันอาจจะจ่ายออกมาก่อเกิดม่านพลังคลุมกายได้ทัน
อนิจจาตอนนี้ปราณแรกกำเนิดของมันเพียงโคจรไหลออกได้เพียงครึ่งทาง ไม่ทันถึงช่องพลังที่ผิวหนัง ฝ่ามือขวาอันอัดแน่นไปด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็ตะปบลงบนไหล่มันปานนกอินทรีย์!
และทันใดนั้นเองจ้าวคุนก็สัมผัสได้ถึงมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งพวยพุ่งออกมาปานลาวาร้อนอันเชี่ยวกราด สะกดทำลายปราณแรกกำเนิดทั่วกายมันไม่ให้โคจรใช้ออก!
ความเจ็บปวดที่เกิดจากปราณแรกกำเนิดถูกทำลายในร่างกายนั้นรุนแรงหนักหนานัก ทำให้จ้าวคุนรู้สึกเสมือนร่วงตกจากสวรรค์มากระแทกพื้นนรก!
และในตอนนี้หากมันยังไม่ตระหนักได้ว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนเหนือล้ำกว่ามันมาก คงเสียทีที่อยู่มาหลายปีดีดัก…
“มะ..เมตตา”
จ้าวคุนที่เจ็บปวดพยายามกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก ร่างของมันตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ หากแต่ไม่ทันที่มันจะได้อ้อนวอนร้องขอชีวิตอะไร มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วออกจากโถงเป็นตาย พุ่งร่างมุ่งหน้าไปยังหน้าผาข้างๆโถงเป็นตาย…
ภายใต้สายตาของผู้คนทั้งหมดที่กำลังตกตะลึงไม่ว่าจะในโถงหรือที่มายืนออรอกันนอกโถง ต้วนหลิงเทียนพลันถอนรั้งปราณสุริยันแรกกำเนิดเข้าร่าง ทำให้แสงสว่างจ้าดับลง เผยร่างเขาและจ้าวคุนให้คนเห็นชัดถนัดตา
“เมตตา…ข้าด้วย ศะ…ศิษย์…พี่…หลิง…เทียน”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่มือขวาที่กอบกุมไหล่จ้าวคุนก่อนหน้า บัดนี้เปลี่ยนมากอบกุมลำคอเอาไว้แล้ว
แน่นอนว่าจ้าวคุนพยายามดิ้นรนแข็งขืนสุดชีวิต อนิจจามันไม่อาจหลุดพ้นจากการกอบกุมของต้วนหลิงเทียนได้ ที่มันกระทำได้มีเพียงพยายามกล่าวออกด้วยกำลังที่เหลือทั้งหมดเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าจ้าวคุนไม่อยากเร่งเร้าพลังปราณแรกกำเนิดต่อต้าน แต่ทุกครั้งที่มันพยายามเร่งเร้าโคจรพลัง มันจะถูกต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งพลังปราณอันน่ากลัวเข้ามาทำลายพลังในร่างของมันจนหมดสิ้น
พลังของต้วนหลิงเทียนพุ่งเข้าร่างของมันได้ง่ายดายปานนกพิราบชิงรังนกกระจอก!
และการที่สามารถกระทำกับตัวตนอริยะเซียนขั้นต้นอย่างมันได้แบบนี้ มีแต่ต้องเป็นตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียนขั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น!
เพราะมีเพียงพลังปราณแรกกำเนิดของอริยะเซียนขั้นกลางขึ้นไป ถึงจะทำลายพลังของมันได้ง่ายดายขนาดนี้!!
‘อะ…อริยะเซียนขั้นกลาง…หละ…หลิงเทียนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลาง!!’
จ้าวคุนที่สิ้นหวังได้แต่รำพึงในใจอย่างหวาดผวา
มันเสียใจนัก
หากสวรรค์เมตตาให้โอกาสกับมันอีกสักครั้ง มันจะไม่มาหาเรื่องต้วนหลิงเทียนเด็ดขาด!
แม้การฆ่าหลิงเทียนได้จะทำให้มันเป็นบุตรบุญธรรมของหัวเรือใหญ่สกุลจ้าว แต่มันก็ไม่มีความกล้ากระทำเช่นนั้นอีกแล้ว…
เพราะอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่มันไม่อาจตอแยด้วยได้!
เงียบ!
ตอนนี้ผู้คนไม่ว่าจะด้านในหรือด้านนอกโถงเป็นตาย ทั้งหมดถึงกับไร้คำจะกล่าว
นอกจากเสียงวิงวอนตะกุกตะกักด้วยความยากลำบากของจ้าวคุน ทุกผู้คนไม่อาจได้ยินเสียงใดอื่น
ผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนจึงค่อยได้สติกลับคืน ทั้งหลายได้แต่ชมมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความอื้ออึง ปากยังอ้าออกจนกรามแทบค้าง
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
เสียงสูดลมหายใจเข้าพลันดังระงมไปทั่ว