WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1825
ตอนที่ 1,825 : ฆ่า!
“หลิงเทียน!”
จ้าวตงที่เป็นผู้มีพลังฝีมือสูงสุดของศิษย์สกุลจ้าวที่ไล่ตามต้วนหลิงเทียนออกมา มันย่อมติดตามมาถึงต้วนหลิงเทียนเร็วกว่าใคร…
ตั้งแต่ที่ออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็เห็น ‘หาง’ ของหนูสกปรกที่ลอบติดตามเขาโผล่มาเป็นพรวน…
แน่นอนว่าหากเขาใช้ความเร็วสูงสุดหนูสกปรกพวกนี้ไหนเลยตามเขาทัน!
แต่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดทำแบบนั้น
ในเมื่อเขารู้ดีว่าพวกมันมาทำอะไร…
อยากฆ่าเขา!
เช่นนั้นเขาก็จะให้พวกมันได้มีโอกาสเติมเต็มความปรารถนา!
ดังนั้นหลังออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับเขาก็จงใจชะลอความเร็วให้พวกมันไล่ทัน
ตัวตนที่มีด่านพลังฝึกปรือตั้งแต่ขอบเขตเซียนมนุษย์ขึ้นไปของสกุลจ้าวนั้น กู่ลี่จัดการสกัดขวางให้เขาแล้ว เขาจึงไม่ได้กลัวอะไรผู้ที่ติดตามมาเลย
“หืม? ข้าจำเจ้าได้…เจ้าคือจ้าวตง อันดับ 5 ในรายนามฟ้าลี้ลับ…แต่ไม่ใช่ว่าวันก่อนเจ้าพึ่งถูกพี่กู่สั่งสอนบทเรียนไปไม่ใช่หรือ นี่ยังพึ่งผ่านไปไม่กี่วันเจ้าลืมแล้ว? สมองเจ้ามีปัญหารึยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนจำจ้าวเติงที่หยุดขวางทางได้แทบจะทันที
ไม่กี่วันที่แล้ว ตอนที่กู่ลี่มาหาเขา หนึ่งในคนที่มาด้อมๆมองๆรอบบ้านเขาก็มีจ้าวตงรวมอยู่ด้วย และกู่ลี่ก็จัดการลากคอมันออกมา
หลังจากนั้นเป็นเขาที่คร้านเอาเรื่องราวอะไร กู่ลี่เลยไม่ได้จัดการพวกมันหนักมือ
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ผ่านไปไม่ทันไร จ้าวตงผู้นี้กลับหาญกล้ามาเสนอหน้าหยุดเขาอีก คล้ายเลอะเลือนหลงลืมบทเรียนวันก่อน!
“หลิงเทียนถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังปากดีอยู่ได้…อย่าได้ลืมไป ว่าวันนี้ข้างกายเจ้ามิมีกู่ลี่!!”
เผชิญกับวาจาเสียดสีของต้วนหลิงเทียน จ้าวตงมีโมโหนัก เพราะมันจดจำได้ดีว่ากู่ลี่เล่นงานมันยังไง
“อ้อ..เจ้าคิดว่าพอพี่กู่ไม่อยู่กับข้า จะทำอะไรกับข้าก็ทำได้?”
ยิ่งมาใบหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งเผยความเย้ยเยาะ ในแววตายังเผยความดูแคลนเบื่อหน่ายประการหนึ่ง
“หาที่ตาย!!”
เผชิญหน้ากับการท้าทายดูถูกของต้วนหลิงเทียน จ้าวตงไม่อาจทนได้ไหวสืบไป มันคำรามออกมาดังสนั่น ปราณทั่วร่างปะทุออกปานจุดระเบิด ร่างพุ่งวูบมาปานเส้นสายอัสนีจี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด
ปง! ปง! ปง!
…
ความเร็วของจ้าวตงนับว่าดั่งฟ้าฟาด พาลให้เสียงแตกระเบิดของอากาศดังสนั่นไม่หยุด ยังบังเกิดวงคลื่นกำจายระเบิดออกไปในความว่างตามรายทาง
วงคลื่นอากาศระเบิดออกเช่นนี้ ย่อมก่อให้เกิดสายลมกรรโชกอันรุนแรง
คลื่นพลังยังแผ่กวาดออกไปพร้อมลมกรรโชกดังกล่าว พาลให้ศิษย์สกุลจ้าวที่พึ่งเร่งรุดติดตามมาถึง ถูกพัดจนเสื้อกระพือสะบัดดังผับๆ
“แย่แล้ว! จ้าวตงกำลังจะลงมือสำเร็จ!!”
“รีบไป มีส่วนร่วมในการฆ่าหลิงเทียนให้ได้! ขอเพียงพวกเราสามารถมีส่วนร่วมในการฆ่ามันได้ คราวนี้พวกเราก็จักได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของผู้พิทักษ์จ้าว! ฐานะทัดเทียมกับท่านรองจ้าวตำหนักจ้าวเติง!!”
“ฆ่า!!”
……
เมื่อเห็นจ้าวตงกำลังจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียน ศิษย์สกุลจ้าวที่พึ่งตามมาถึงก็แตกตื่นยกใหญ่ เพราะหากจ้าวตงฆ่าหลิงเทียนไปคนเดียว โดยพวกมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จบสิ้นกัน!!
เช่นนั้นพวกมันจึงเร่งกันกรูไปดั่งฝูงผึ้ง หวาดกลัวชักช้าจะไม่ได้ลงมืออะไร…คราวนี้กระทั่งน้ำแกงสักถ้วยยังไม่มีเหลือให้ดื่ม!!
แน่นอนว่ายังมีศิษย์สกุลจ้าวบางส่วนที่ติดตามมาอยู่ด้านหลัง เพราะความเร็วสู้คนอื่นเขาไม่ได้
คนเหล่านี้ล้วนมีพลังฝึกปรือต่ำกว่าเซียนขัดเกลาขั้นกลาง…แม้จะดูเหมือนมาหาที่ตาย แต่พวกมันกลับคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสครั้งใหญ่! คนตั้งเยอะแยะเกิดเก็บตกอันใดได้ไม่ใช่คุ้มค่าหรือ!?
ทว่าก่อนที่พวกมันจะทันได้เคลื่อนร่างตามมาถึงจนได้ลงมืออะไรอย่างใครเขา พวกมันก็จำต้องหยุดร่างลงทันใด เพราะยามมองไปยังเรื่องราวเบื้องหน้า ขาของพวกมันคล้ายถูกตะกั่วหนักๆลากถ่วง ยากจะขยับเขยื้อนได้อีก…!!
“พวกแมลงเม่า!”
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไม่ไกล กล่าวออกมาอย่างไร้แยแส
สิ้นคำ ทั่วร่างพลันปรากฏปราณสุริยันแรกกำเนิดปะทุออกท่วมกาย ปราณพลังยังเปล่งแสงจ้าดั่งตะวันร้อน พริบตาก็แผ่ออกมาควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังสีทองนับร้อยเล่มพุ่งทะยานออกไปทุกทาง!!
การลงมืออย่างไร้เรื่องราวนี้ นอกจากจ้าวตงที่สามารถหลบหนีมาได้อย่างฉิวเฉียดแล้ว เหล่าศิษย์สกุลจ้าวที่กรูกันเข้ามาก่อนหน้าที่แม้จะมีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ…ก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองใดได้ทัน! ทั่วร่างถูกกระบี่พลังสีทองเสียบทะลวงจนปุพรุนไม่ต่างรังผึ้ง…!!
‘ระ…ระยำ! มันทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดแล้ว!?’
ถึงแม้จะหนีรอดความตายมาได้แล้ว แต่จ้าวตงก็ตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัวไม่หาย หน้าเปลี่ยนสีไปทันที!
ในฐานะที่มันเองก็เป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุดคนหนึ่ง มันย่อมสัมผัสได้ชัดเจนว่าปราณแรกกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกนั้น มีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน…อริยะเซียนขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน!!
แต่แม้จะเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน แต่การปะทุใช้ออกพลังของอีกฝ่ายกลับรวดเร็วสุดที่มันจะเทียบได้ ไหนจะยังการควบคุมพลังนั่น!
กระบี่พลังนับร้อยนั่น…เห็นชัดว่าแม้คล้ายจะบินวนสะเปะสะปะ แต่กลับแฝงหลักค่ายกลเสริมประสานทรงอานุภาพ!
อย่างน้อยๆวรยุทธ์เซียนที่ร้ายกาจที่สุดของมันก็เทียบชั้นไม่ได้เลย!
ตอนนี้จ้าวตงตระหนักได้กระจ่างชัดในใจ แม้หลิงเทียนจะเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุดดุจเดียวกับมัน แต่พลังฝีมือของมันห่างไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายหลายขุม!!
ความแข็งแกร่งนี้ของหลิงเทียน น่ากลัวว่าต่อให้เป็นสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดในภูมิภาคเบื้องล่าง..ก็สู้ไม่ได้!!
“นี่มัน…”
ห่างออกไปไกลๆ เหล่าศิษย์สกุลจ้าวที่หยุดร่างลงแต่แรก รู้สึกเสมือนรอดพ้นความตาย
พวกมันนับว่าโชคดีนัก!
โชคดีที่ยังทะลวงไม่ถึงอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ!
หาไม่แล้วคงพุ่งไปตายเหมือนพวกก่อนหน้า!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
……
เมื่อร่างไร้วิญญาณที่พรุนเป็นรังผึ้งของสกุลจ้าวร่วงหล่นจากฟ้าสูงไปกระแทกพื้นจนกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือน เหล่าสกุลจ้าวที่ยังรอดอยู่ก็กลับมารู้สึกตัวทันที คราวนี้พอมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน แววตาเผยความหวาดกลัวเสียขวัญให้เห็นชัด
กระทั่งจ้าวตงก็ไม่เว้น!
ตอนนี้จ้าวตงกลายเป็นเรียบๆร้อยๆไม่กล้าหืออือเหมือนก่อนหน้า หมดมาดหยิ่งผยองถือดีที่เคยมี!
แม้ต่างมีพลังขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดทั้งคู่ แต่การลงมือของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้มันไม่เหลือความคิดต่อสู้อีกต่อไป…
ให้มันเป็นสุดยอดฝีมืออริยะเซียนขั้นสูงสุด มันก็ไม่กล้าสู้!.
อริยะเซียนขั้นสูงสุดกล่าวไปก็เสมือนแยกย่อยเป็น 3 6 9 และต้วนหลิงเทียนก็คือ 3 ส่วนมันเป็นได้แค่ 9! เทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย!!
“จ้าวตง ไม่ใช่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าข้าหาที่ตายรึไง? ไหงนิ่งไปไม่ลงมือแล้วล่ะ?”
เสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้นอีกครั้ง สองตามองจ้าวตงอย่างสนุกสนาน พาลให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ
จ้าวตงที่ตระหนักถึงวาจายะโสก่อนหน้า อยากจะขุดหลุมแล้วเอาหน้ามุดนัก หูยังแดงขึ้นมาด้วยความอับอาย รู้ซึ้งแล้วว่าการกระทำก่อนหน้าช่างโง่เขลาปานใด ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะระเบิดพลังสังหารน่ากลัวขนาดนี้ได้!
เมื่อเห็นจ้าวตงเงียบไป แววตาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเย็นลง สุดท้ายก็กลายเป็นเฉยเมย จิตสังหารหนึ่งค่อยๆปรากฏ…เบื่อจะเล่นกับพวกมันแล้ว…
สัมผัสได้ถึงจิตสังหารในแววตาต้วนหลิงเทียน จ้าวตงร้อนรนจนหน้าถอดสี เร่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกทันที “ใต้เท้าหลิงเทียน เป็นข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ไท่ซานตั้งอยู่ตรงหน้าแต่มิอาจแลเห็นความยิ่งใหญ่…ปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะ แล้วข้าจะไม่มาให้ท่านเห็นอีกแล้ว! ข้าสัญญา!!”
เมื่อกล่าวออกไปแล้วแต่จิตสังหารในแววตาต้วนหลิงเทียนยังไม่จางหายไป จ้าวตงที่ขวัญหนีดีฝ่อเร่งคุกเข่าลงกลางอากาศ ยกมือขึ้นมากอบกุมเขย่าๆ คล้ายกำลังอธิษฐานขอพรด้วยท่างทางตื่นกลัว “ได้โปรดเถอะ ใต้เท้าหลิงเทียน ขอท่านละเว้นข้าสักครั้ง วาจาก่อนหน้าของข้าเป็นเพียงผายลมเหม็นคลุ้ง! ผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านอย่าได้ยึดถือสนใจอันใดเลย…”
เมื่อเห็นว่าตอนนี้จ้าวตงแสดงอาการน่าสมเพชขนาดไหน กระทั่งศิษย์สกุลจ้าวที่มาด้วยก็อดไม่ได้ที่จะเผยความดูถูกหยามหยัน
แน่นอนว่าในกลุ่มนั้นก็มีคนที่เข้าใจการกระทำนี้ของจ้าวตง พวกมันรู้สึกว่าไม่ผิดแปลกอะไร เพื่อให้มีชีวิตรอดพวกมันกระทำได้ทั้งสิ้น
“เหอะ!”
เห็นจ้าวตงคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนกลายเป็นตัวน่าสมเพช แววตาต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความรังเกียจขยะแขยง
ยกมือขึ้นตามอำเถอใจ ปรากฏกระบี่พลังสีทองเล่มหนึ่งพุ่งแหวกฟ้าไปฉับไว รี่เข้าหาจ้าวตงด้วยความเร็วน่าสะพรึง!
จ้าวตงแม้จะคุกเข่าร้องขอชีวิต แต่มันก็เตรียมตัวรับมือความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ มันก็ตระหนักได้ เร่งปะทุพลังชั่วชีวิตดีดร่างขึ้นมาจากท่าคุกเข่า ผนึกพลังหมายต้านรับเต็มกำลัง
อนิจจาจ้าวตงที่พึ่งทะลวงผ่านอริยะเซียนขั้นสูงสุดได้ไม่ทันไร ยังไม่อาจปรับตัวจนควบคุมปราณแรกกำเนิดได้คล่องด้วยซ้ำ ยังจะเอาอะไรไปป้องกันการลงมือของหลิงเทียน!?
กระบี่พลังสีทองส่องสว่างปานตะวันกลางฟ้าตัดผ่าอากาศฉับไวไร้สำเนียง เสียบทะลุร่างจ้าวตงเข้ากลางใจ! ม่านพลังป้องกันที่เร่งเร้าจากปราณชั่วชีวิตสุดท้ายไม่ต่างใบไม้แห้งกรอบ ไม่อาจป้องกันต้านทานได้สักกะผีกเดียว…
“เจ้า…”
ร่างจ้าวตงสะท้านไปอย่างแรง คนก้มลงมองเห็นเพียงหลุมโลหิตหนึ่งตำแหน่งหัวใจ หยาดโลหิตพุ่งปรี๊ดๆออกมาดั่งน้ำพุ มันพยายามยกมือขึ้นชี้ไปที่ต้วนหลิงเทียน หน้าซีดปากสั่นหมายกล่าววาจาใดสักอย่าง…อนิจจาร่างไร้หัวใจไหนเลยอยู่ได้นาน สุดท้ายก็ร่วงตกจากฟ้าไปปานหุ่นกระบอกไร้ด้าย
ตาย!
ถึงแม้ตัวตนที่บรรลุอริยะเซียนขั้นสูงสุดอย่างจ้าวตงจะตกตายไป หากแต่ไร้ศิษย์สกุลจ้าวที่มีลมหายใจหลบหนี เพราะพวกมันไม่มีใครอยากเป็นวิหกตัวแรก…
นกที่โผบินออกไปตัวแรก ย่อมตกเป็นเป้าเกาทัณฑ์…
ไม่มีใครโง่จนไม่เข้าใจความเป็นจริงดังกล่าว…จังหวะนี้เรียกว่าใครเด่นสะดุดตาขึ้นมา ตายก่อนแน่นอน!!
พวกมันต่างหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดหวั่น ชมดูอีกฝ่ายเก็บสินสงครามจากร่างไร้วิญญาณต่างๆอย่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง…ทว่าสุดท้ายหลิงเทียนที่ไม่ต่างจากยมบาลในสายตาพวกมัน ก็เพียงหันมามองด้วยสายตาเฉยเมยก่อนจะเหินร่างจากไปทั้งอย่างนั้น…
“มัน…ไปแล้ว ไปง่ายๆเช่นนี้เลย?”
เห็นแผ่นหลังหลิงเทียนที่ค่อยๆหายลับไปจากสายตา ร่างศิษย์สกุลจ้าวทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกด้วยความหวั่นใจ แผ่นหลังยังเปียกชุ่มปานตกสระ!
“หรือเจ้าหวังให้มันอยู่และฆ่าพวกเราทิ้ง?”
ศิษย์สกุลจ้าวอีกคนกล่าวเสียดสี
“โชคดีนักที่พลังฝึกปรือของพวกเราอ่อนด้อยกว่าพวกนั้น หากมาไวกว่านี้น่ากลัวคงได้ตายกลายเป็นผีโง่งมเยี่ยงสุนัขข้างถนน…”
ศิษย์สกุลจ้าวอีกคนกล่าวออกขณะมองไปยังร่างเลอะเลือนบนพื้นด้านล่าง…
ได้ยินคำนี้ของมัน ทุกคนที่ยังหวาดกลัวไม่หายต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ทั้งหมดนี่ฝีมือหลิงเทียนงั้นเหรอ?”
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น พาลให้ศิษย์สกุลจ้าวที่รอดตายถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
ตอนแรกพวกมันก็คิดว่าหลิงเทียนย้อนกลับมาฆ่าพวกมันเสียแล้ว หน้าเบี้ยวไปคล้ายสิ้นหวังใกล้ตาย แต่พอหันกลับมา ต่างก็พบว่าเป็นน้องเล็กของพวกมันนั่นเอง
“ข้าถามพวกเจ้าอยู่ หูหนวกรึไง?”
สีหน้าจ้าวจี้มืดดำลงทันใด เมื่อถามไปแล้วไม่มีใครตอบคำ
มันพึ่งมาถึงก็พบเจอศพเกลื่อนพื้น
สำหรับมันแล้วศพบนพื้นนั้นล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่คุ้นตาของมันทั้งสิ้น…เพราะทั้งหมดคือคนของสกุลจ้าว!
“ใช่ เป็นมันลงมือ!”
“หลิงเทียนนั่นมันสัตว์ประหลาด! เพียงแค่ 2 ปีกลับกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดแล้ว!!”
……
เหล่าศิษย์ตระกูลจ้าวกล่าวออกมาทีละคนๆ ฟังจากน้ำเสียงแต่ละคนยังหวาดกลัวเสียขวัญไม่หาย