WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1834
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1834
ตอนที่ 1,834 : ต้วนหรูเฟิงปรากฏกาย!
เพียงดูก็รู้เลยว่า…องครักษ์เกราะทมิฬแต่ละคนที่ลงมือ ล้วนไม่มีใครหวาดกลัวความตาย!
ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ามีพลังฝึกปรือร้ายกาจเหนือพวกมันมาก หากแต่พวกมันก็ไม่มีความคิดล่าถอย ยังคงพยายามผนึกกำลังกันลงมือสุดชีวิต!
เห็นแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนับถือหัวใจของพวกมันอยู่บ้าง
หากเป็นชนชั้นขลาดเขลา เพียงพบว่าศัตรูแข็งแกร่งกว่าเกรงว่าหากไม่หาทางหลบหนีก็ต้องร้องขอความเมตตา
ทว่าองครักษ์ทมิฬทั้ง 9 ที่กลุ้มรุมเขาอยู่ แม้รู้ทั้งรู้ว่าสู้ไม่ได้พวกมันก็ยังสู้! แววตาแต่ละคนมีเพียงความมุ่งมั่นไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย!!
เห็นกลุ่มคนที่มีธาตุทรหดเข้มแข็งแบบนี้ พาลให้เลือดในกายต้วนหลิงเทียนรู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาอยู่บ้าง คล้ายเขาได้ย้อนเวลากลับไปสมัยที่ยังต่อสู้ในโลกใต้ดินย่ำก้าวเดินบนเส้นทางโลหิตในชีวิตที่แล้ว…
องครักษ์ทมิฬทั้ง 9 ทำให้เขารู้สึกนับถือหัวจิตหัวใจจริงๆ
“พวกเจ้าสมแล้วที่เป็นองครักษ์ทมิฬของตำหนักเมฆาคราม! ช่างสมคำร่ำลือนัก!!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมออกมา เมื่อมีบางคนยินดีบาดเจ็บเพื่อเปิดโอกาสให้สหาย!
“พลังฝีมือของท่านข้ายอมรับว่าร้ายกาจ! แต่ท่านกลับโกหกพวกเรา กระทั่งหาญกล้าลามปามถึงท่านจ้าวตำหนักของพวกเรา ไม่เพียงเท่านั้นท่านกระทั่งว่าร้ายท่านผู้อาวุโสหรง! บาปนี้ของท่านข้าพเจ้ามิอาจอภัยให้ได้! วันนี้หากพวกเราองครักษ์เกราะทมิฬฆ่าท่านไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่คู่ควรกับชื่อเสียง!”
สุดท้ายสือฟูฉางก็ลงมือ มันพุ่งร่างทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมขององครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 ทันที
ในฐานะที่เป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุด พลังฝีมือของสือฟูฉางนับว่าไม่ใช่ต่ำทราม ยังน่าประทับใจไม่น้อย!
และทันทีที่สือฟูฉางลงมือเร่งเร้าพลังออกมา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ทันทีถึงความเข้มแข็งปราณ แม้จะมีด่านพลังทัดเทียมกัน แต่อีกฝ่ายนับว่าแข็งแกร่งกว่าจ้าวตง ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ คนของสกุลจ้าวที่เขาฆ่าไปวันก่อนมาก!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังบีบให้เขาต้องออกแรงอยู่บ้าง!
ฟุ่บ!
อาวุธของสือฟูฉางนั้นคือหอกยาว 7 ฉื่อ ยามทิ่มแทงทะลวงฟ้ามา สภาวะเกรี้ยวกราดปานมังกรทะยานออกจากถ้ำ!
ปราณแรกกำเนิดอันสุดไพศาลที่ฉาบเคลือบหอก 7 ฉื่อเอาไว้ ยังเพาะสร้างคลื่นพลังหมุนวนขุมหนึ่งให้ม้วนพันไปรอบตัวหอกดั่งเกลียว!
ด้วยมีพลังหมุนวนดั่งเกลียวม้วนพันรอบหอก ทั้งแลดูจะมีความเร็วรอบสูงล้ำแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีเลยว่า…อานุภาพเจาะทะลวงของมันต้องไม่ใช่ชั่วแน่นอน!!
“สว่านมังกรปฐพี!”
พร้อมกันกับที่สือฟูฉางคำรามออก พลังปราณทั่วหอกปะทุออกเข้มแข็ง ม้วนเกลียวรอบหอกพลันหมุนวนด้วยความเร็วรอบอัศจรรย์ เสริมส่งพลังเจาะทะลวงให้เพิ่มพูนขึ้นจนน่ากลัว!!
หอกทิ่มทะลวงไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า ปลายหอกยังจี้เล็งทะลวงไปยังตำแหน่งหัวใจ!
“มาได้ดี! รับประทานกระบี่ข้าดู!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบหลังสือฟูฉางคำราม มุมปากยกยิ้มขึ้นบางๆ
สิ้นคำไม่ทันไร ในมือพลันปรากฏมวลปราณสุริยันแรกกำเนิดขุมหนึ่ง พวกมันผนึกควบแน่นก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพสีทอง!
ฟั่บ!
กระบี่แม้กวัดแกว่งออกไปตามอำเภอใจ ทั้งวิถีกระบี่แลดูเรียบง่ายไร้เรื่องราว หากแต่กลับมีความลึกล้ำสุดหยั่งแฝงเร้นไว้!
เป็นธรรมดาเพราะกระบี่นี้ได้บรรจุไว้ด้วยพลังอำนาจจากขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่! ทั้งกระบี่ยังบรรลุถึงความเร็วอันน่ากลัว กระทั่งหอก 7 ฉื่อยังสุดที่จะทัดทาน!!
เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง!
…
กระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนแกว่งไกวออกไปอย่างไร้กระบวนท่า ปัดป่ายไปมาตามอำเภอใจ หากแต่กลับฟันถูกปลายหอกที่ทะลวงมาอย่างดุร้ายได้ทุกครั้ง! หอกที่ทะลวงมาอย่างเข้มแข็งจำต้องถูกกระบี่เบี่ยงเบนทิศทางครั้งแล้วครั้งเล่า! เสียงระเบิดของพลังดังขึ้นไม่หยุด! คลื่นพลังสังหารพุ่งทะลวงทำลายไปทั่วทิศ!!
นับเป็นการปะทะกันของยอดฝีมืออย่างแท้จริง!
อย่างไรก็ตาม หลังปะทะกันไม่กี่กระบวนสือฟูฉางพลันตระหนักได้ว่า พลังที่ควบแน่นไว้ในหอกคล้ายจะอ่อนด้อยกว่ากระบี่พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย มันพยายามเจียดปราณที่คุ้มกันร่างโคจรถ่ายเทไปเสริมกำลังที่หอกทันที!
ทันใดนั้นปราณแรกกำเนิดที่ตัวหอกก็ปะทุพลังแกร่งกล้าขึ้นมาในฉับพลัน!
อนิจจาสือฟูฉางเร่งเร้าจ่ายพลังเพิ่มเติมได้รวดเร็วขณะต่อสู้ แล้วต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุดจะทำบ้างไม่ได้หรือ? กระทั่งความเร็วในการผนึกพลังยังเหนือชั้นกว่ากันคนละเรื่อง!!
เพียงห้วงคิดปราณสุริยันแรกกำเนิดขุมหนึ่งก็ปะทุไหลไปตามชีพจรเซียนดั่งน้ำหลาก บรรจุควบแน่นลงกระบี่พลังสีทองมีสภาพฉับไว พาลให้ตัวกระบี่ส่งเสียงกู่ร้องดังวิ๊งๆ แสงสีทองยังเรืองรองจ้าขึ้น!
“พี่ชายนายกอง อย่าได้หาว่าข้ารังแกท่านล่ะ…ข้าเพียงเพิ่มพลังในกระบี่ให้ทัดเทียมกับหอกของท่านเท่านั้น!”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวแซวออกมามาด้วยรอยยิ้ม
พลังอำนาจในกระบี่พลังมีสภาพสีทองของเขาตอนนี้ มันเทียบเท่ากับหอกที่ฉาบไว้ด้วยปราณแรกกำเนิดกว่า 9 ส่วนของสือฟูฉางได้อย่างพอดิบพอดี! และทีเขากล่าวก็เพราะรู้ดีว่าหากอีกฝ่ายผนึกพลังมากกว่านี้ มิพ้นไม่เหลือพลังคลุมกาย ไม่อาจทนรับพลังสะท้อนหลังจากนี้ไม่ไหว ถึงขั้นได้ตกตายแน่!
ทว่าหากไม่รู้เจตนาความที่ฟังย่อมไม่เข้าใจ เมื่อได้ฟังวาจายียวนของต้วนหลิงเทียนสือฟูฉางกลายเป็นมีโมโหไม่น้อย ตั้งท่าอีกครั้งพร้อมลงมือสุดกำลังเพื่อตัดสินชัย แน่นอนว่ามวลพลังในตัวหอกยังคงเท่าเดิม…
ในฐานะที่เป็นคนขององครักษ์เกราะดำ มันย่อมยอมหักไม่ยอมงอ เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวมาแบบนี้หากมันเลือกจะผนึกพลังลงหอกเพิ่มเติม ก็เสมือนยอมรับว่ามันด้อยกว่า!
นอกจากนั้น ตัวมันที่เมื่อครู่กว่าจะเร่งเร้าพลังเพิ่มลงหอกได้อีกส่วนยังต้องใช้เวลาชั่วอึดใจ แต่อีกฝ่ายคล้ายเพียงห้วงคิดก็ทำได้!
ยิ่งไปกว่านั้นจากท่าทีสงบไม่ทุกข์ร้อนของอีกฝ่าย มันบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายยังออมรั้งยั้งมือไว้หลายส่วน!
วุ้ม! วุ้ม! วุ้ม! วุ้ม! วุ้ม!
ซู่มมม!!
ร่างสือฟูฉางชี้หอกไปทางต้วนหลิงเทียนเขม็ง และหอก 7 ฉื่อที่ชี้จี้มายามนี้ มันกำลังสั่นสะเทือนอย่างแรง! เกลียวพลังที่หมุนวนรอบหอกก็มีความเร็วรอบสูงล้ำน่ากลัวนัก!!
อย่างน้อยๆองครักษ์เกราะทมิฬอีก 9 คนที่ปิดล้อมอยู่ ก็ไม่แม้แต่จะมองเห็นความเคลื่อนไหวของเกลียวพลังรอบตัวหอก!
เช่นนั้นก็บอกได้ทันทีว่ามันหมุนคว้างด้วยความเร็วน่ากลัวเพียงใด!
วิ๊ง!
ส่วนอีกด้านนั้นต้วนหลิงเทียนยังถือกระบี่ชี้ลงข้างกายอย่างไร้เรื่องราว ตัวกระบี่เพียงเรืองแสงพลังสีทองเท่านั้น ไม่คล้ายมีพลังอานุภาพสูงล้ำอันใดผนึกควบแน่น
อย่างน้อยๆก็ไมมีในสายตาขององครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9
“บัดซบ! เจ้ากล้าดูเบาท่านสือฟูฉางงั้นหรือ รนหาที่ตาย!”
“เป็นเจ้าแส่หาเรื่องเอง!”
……
องครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนโอหังเกินไป ประมาทเช่นนี้ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!
มีเพียงสือฟูฉางที่เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ที่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามลี้ลับประการหนึ่งจากกระบี่ที่แลดูเรียบง่ายของต้วนหลิงเทียน ให้ความรู้สึกราวกับกลิ่นอายพลังคมกล้าดังกล่าวแพ่งเล็งมาที่มันอย่างไร้หนทางหลบหนี สีหน้าของมันเปลี่ยนไปทันที! ปะทุพลังสุดตัว ทะลวงหอกทิ่มแทงออกไปด้วยทั้งหมดที่มี!!
ครู่ต่อมาองครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 ก็จำต้องชักสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะเรื่องราวยังคงเป็นเช่นเดิม!
กระบี่สามารถสามารถฟันถูกปลายหอก กระทั่งยังหยุดสภาวะทะลวงแทงของหอกเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย!
ในด้านของพลังปราณแรกกำเนิดนั้นไม่มีความเหลื่อมล้ำอันใด เพราะต้วนหลิงเทียนจงใจลดพลังให้ทัดเทียมกันแล้ว มวลพลังจึงปะทะหักล้างกันไป..!
อนิจจาการปะทะกันของผู้ฝึกตนไม่ใช่มองกันแต่ที่ปราณแรกกำเนิดอะไรเพียงอย่างเดียว ยังมีความลึกล้ำของวรยุทธ์เซียนหรือวิชาอื่นใดอีกด้วย!
วรยุทธ์เซียน สว่านมังกรปฐพี ของสือฟูฉาง ปะทะกับ พลังลี้ลับของยอดใจกระบี่ขั้นที่ 2! มวลพลังไร้สภาพขุมหนึ่ง เพียงต่อสู้กันชั่วพริบตาก็รู้แพ้ชนะ!
และตอนจบ ก็สุดที่องครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 จะคิดคาดนัก!
เปรี๊ยง!!
เสียงหนึ่งดังสนั่นลั่นขึ้น คนที่พวกมันคิดว่าต้องแพ้แน่ๆกลับลอยล่องอยู่กลางหาวที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนแม้องคุลีเดียว
กลับกันสือฟูฉางหัวหน้าหมู่ของพวกมันกลับกระเด็นปลิดปลิวลอยละลิ่วไปนู่น สีหน้าซีดเซียว โลหิตกระอักออกปากไม่หยุด!
“ท่านสือฟูฉาง!”
เห็นภาพดังกล่าวองครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 ก็ไม่คิดปิดล้อมต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป พวกมันพุ่งร่างออกไปห้อมล้อมสือฟูฉางเพื่อคุ้มกันทันที!
แต่ละคนยังหันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะฉวยโอกาสลงมือซ้ำเพื่อฆ่าคน!
ในขณะเดียวกันใจของพวกมันก็ยังอดตกตะลึงไปเสียไม่ได้!
มวลพลังที่ผนึกไว้ในศาสตราของทั้งคู่ล้วนทัดเทียมกัน แถมอีกฝ่ายยังเพียงแค่ฟันกระบี่ออกมาอย่างไร้เรื่องราว ไร้กระบวนท่าอันใด!
ต้องทราบด้วยว่าหอกที่กระบี่ของอีกฝ่ายรับไว้กระทั่งเอาชนะได้นั้น มันทะลวงแทงออกไปด้วยวรยุทธ์เซียน สว่านมังกรปฐพี! และนั่นมันคือวรยุทธ์เซียนระดับพิภพขั้นโดดเด่น! ที่สำคัญคือสือฟูฉางของพวกมันฝึกฝนจนเจียนบรรลุความสำเร็จขั้นตอนไร้ตำหนิเต็มทีแล้ว!!
แต่กระนั้นสือฟูฉางของพวกมันก็ยังปราชัย!
“ฝีมือเจ้าร้ายกาจนัก…! อย่างไรก็ตามมิมีคนร้ายที่มาล้อเล่นโดยการกล่าววาจาเหลวไหลกับตำหนักเมฆาครามของพวกเราคนใดสามารถรอดชีวิตกลับไปได้!”
สือฟูฉางที่กลืนโอสถทั้งเร่งโคจรพลังย่อยโอสถ พออาการเริ่มทรงตัวก็มองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนอย่างไม่วางตา มันสะบัดมือคราหนึ่ง ป้ายหยกผุดโผล่ขึ้นจากความว่าง ก่อนที่จะพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยควมเร็วสูง ต่อมาก็ระเบิดออกดังสนั่น!
และหลังจากนั้นไม่ทันไรพลันมีเสียงหวีดหวิวของสายลมดังขึ้น คล้ายมีบางสิ่งกำลังพุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูง!
และแทบจะพร้อมกันกับเสียงสายลมหวีดหวิว ผิวทะเลสาบที่อยู่ห่างไกลก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ซ่า! ซ่า! ซ่า! ซ่า!
…
ร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องมากมายกรูกันเข้ามาทุกทั่วสารทิศ ทั้งหมดมุ่งหน้าเข้ามาทางต้วนหลิงเทียน!
และบนร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่อง ก็มีทหารองครักษ์เกราะดำยืนอยู่!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เหนือขึ้นไปบนฟ้าสูง ไม่มีใครสัมผัสได้เลยว่ามีร่าง 2 ร่างกำลังลอยล่องอยู่ หนึ่งนำหน้าอีกหนึ่งยืนสำรวมอยู่ด้านหลัง
ทั้งคู่กำลังมองผ่านม่านเมฆหมอกไปยังเรื่องราวเบื้องล่างเหนือทะเลสาบไกลตา
“ท่านจ้าวตำหนัก…นั่นจะใช่ท่านจ้าวตำหนักน้อยหรือไม่?”
ชายชราที่ลอยร่างอย่างสำรวยด้านหลังกล่าวออก มันไม่ใช่ใครอื่น อาวุโสหรงหยวน!
คนที่เป็นชนวนเหตุการปะทะต่อสู้เบื้องล่าง!
แน่นอนว่ามันไม่ได้อยากเป็นชนวนเหตุอะไร แต่มันได้รับคำสั่งมาให้กระทำเช่นนี้!
“รูปร่างและเค้าโครงใบหน้านั้นเป็นเทียนเอ๋อไม่ผิดแน่ หากแต่รูปโฉมบนใบหน้ากลับมิใช่! อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังทั่วกาย สมควรเป็นกลิ่นอายพลังของเทียนเอ๋ออย่างที่มิต้องสงสัยเลย!”
ผู้ที่ลอยร่างอยู่เบื้องหน้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง!
“แปลกยิ่ง…ใบหน้านั้นก็มิได้ผ่านการปลอมแปลงแต่อย่างใด?”
หรงหยวนเองก็รู้สึกประหลาดใจไปไม่ต่าง
เพราะไม่ว่าจะเป็นต้วนหรูเฟิงหรือตัวหรงหยวนเอง พวกมันก็ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนว่ามีทักษะลี้ลับอะไรเช่นนี้ ที่สามารถปลอมแปลงรูปโฉมโดยที่สำนึกเทวะมิอาจตรวจพบ…
นี่คือเหตุผลที่พวกมันไม่อาจระบุตัวผู้มาได้แน่ชัด
“อย่างไรเสียพลังฝีมือของสหายน้อยผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่ง ยังสมควรเป็นสุดยอดฝีมือท่ามกลางผู้ที่บรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด! ข้าเกรงว่าจะมีอริยะเซียนขั้นสูงสุดน้อยคนนักที่ต่อกรกับเขาได้!!”
หรงหยวนกล่าวออกอีกครั้ง ในวาจายังไม่ขาดการชื่นชมแม้แต่น้อย
“อาวุโสหรงท่านพาตัวเขาไปที่ห้องโถงหลักเถอะ เขาสมควรเป็นบุตรชายของข้า ต้วนหลิงเทียน ไม่ผิดแน่!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวบอกหรงหยวนก่อนที่ร่างจะอันตรธานหายวับไปจากฟ้า ราวกับไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน…
“แต่…มิมีร่องรอยการปลอมแปลงรูปโฉมอันใดเลยนี่นา…”
หรงหยวนเผยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม มันเองย่อมเคยเห็นรูปเหมือนนายน้อยมาแล้ว และชายหนุ่มหน้าตาแลดูธรรมดา กระทั่งค่อนไปทางซื่อบื้อผู้นี้ ไม่ได้คล้ายนายน้อยของมันสักกะผีกเดียว!
แล้วจะให้มันกล่าวได้เต็มปากอย่างไรว่านี่คือนายน้อยหรือจาวตำหนักน้อยของพวกมัน?
หรงหยวนอาจไม่ทราบได้ แต่อย่างไรเสียต้วนหรูเฟิงก็เป็นบิดา!
ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับบุตรชายคนนี้นานนัก แต่มันก็คือเซียนปฐพีขั้นสูงสุด ย่อมหาตัวจับได้ยากในเรื่องสัมผัสกลิ่นอายพลัง!
แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีใบหน้าแปลกปลอมไป แต่มันก็มั่นใจว่าชายหนุ่มเบื้องล่างเป็นลูกชายคนเดียวของมัน!
ด้านล่างเหนือทะเลสาบยามนี้ ปรากฏองครักษ์เกราะทมิฬขึ้นมาอีก 3 หมู่! นับว่าต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในวงล้อมองครักษ์ทมิฬถึง 40 คนหากนับรวมกลุ่มสือฟูฉางในตอนแรก!
“ฮ่าๆๆ…ฟงผิงเจ้ากลับได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ยังมีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้อีกหรือช่างหาดูได้ยากนัก!”
หนึ่งในสือฟูฉางผู้มาใหม่ หันมองสือฟูฉางที่ได้รับบาดเจ็บจากการประมือกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าสนุกสนาน ยังหัวเราะออกมาเสียงดัง เห็นชัดว่ามันพึงพอใจในความโชคร้ายของอีกฝ่าย…
“ฮึ่ม! ไฉนเจ้าไม่ลองไปสู้ดูเล่า!?”
ฟงผิงได้ยินวาจาเสียดสี หน้าก็จมลงทันใด แต่ยามกล่าววาจาสวนกลับ สีหน้ายิ่งมายิ่งขึงตึงเคร่งเครียด
จังหวะนี้องครักษ์เกราะทมิฬที่มาใหม่ทั้ง 3 หมู่พลันหันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที บรรยากาศกลายเป็นคลุ้งกลิ่นดินปืนในทันใด ราวกับการต่อสู้แตกหักสามารถปะทุขึ้นได้ทุกเวลา
ฟุ่บ!!
ทว่าทันใดนั้นเอง มีสายลมหอบหนึ่งพัดผ่านมา ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในความว่างต่อหน้าทุกคน
เมื่อเห็นร่างผู้มาใหม่ เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดเร่งโค้งคารวะด้วยความเคารพทันที “คารวะท่านอาวุโสหรงหยวน!”
“อืม”
ผู้ที่พึ่งปรากฏกายเป็นชายชราสูงวัย มันพยักหน้ารับการทักทายคารวะพร้อมตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนที่จะว่ายตามองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน กล่าวถามว่า “เจ้าน่ะหรือ คนที่ต้องการพบท่านจ้าวตำหนักของพวกเรา?”
“ตาแก่ นี่เจ้าไม่ได้ส่งมอบกล่องหยกวิจิตรนั่นให้จ้าวตำหนักของเจ้าสินะ?”
ต้วนหลิงเทียนที่พบตัวตนของอีกฝ่ายก็ของขึ้นทันที ไม่เพียงไม่ตอบคำยังกล่าวถามสวนไปด้วยท่าทางไม่พอใจเสียงแข็ง!